[CR] "Neon Genesis Evangelion" อนิเมะที่เเหกกฏความเป็นไปไม่ได้จนเป็นตำนาน

ได้มีโอกาสสัมผัสความยิ่งใหญ่(สุดมึนตึ๊บ)ในตำนานเเห่งอนิเมะครับ
   "Neon Genesis Evangelion : อีวานเกเลี่ยน มหาสงครามวันพิพากษา"
1 ในการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
อนิเมะเรื่องนี้ ฉายลงทีวีครั้งเเรกเมื่อปี 1995-1996 ครับ
เเละจบลงอีกทีปี 1997 (ในรูปแบบอนิเมะฉบับโรงภาพยนตร์)
เเล้วนำกลับมา ทำใหม่อีกใน ปี 2007 - ???? (ยังไม่จบ)

เเต่ในที่นี้ เราจะกล่าวถึงเเค่ "ฉบับ TV ซีรี่ส์" เท่านั้น!!!


"อนิเมะ คือ ความบันเทิงเริงรมย์ ที่เราทุกคนสามารถหาความสุขกับมันได้ ในความคิกคุอาโนเนะสุดน่ารักของตัวละคร ที่จะต้องพาเราไปพบเจอโลกเเห่งความสุข พร้อมการพัฒนาของตัวละครในเรื่องที่เราสามารถนำมาเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตได้"
   

... สำหรับใครที่กำลังคิดเเบบนี้อยู่ในขณะที่ท่านกำลังลองเริ่มต้นดูอนิเมะที่เรากำลังพูดถึงอยู่นั้น
...ขอให้ "หยุด!!!" คิดซะ ณ บัดนี้ครับ
อนิเมะเรื่องนี้  ไม่มีความน่ารัก เเละ โลกไม่สวยสดงดงามเหมือนที่อนิเมะเรื่องอื่นเป็นเเน่ๆ

   การรับชมอนิเมะเรื่องนี้ มันทำให้ผมรู้สึกเข้าไปสู่โลกใบใหม่เเห่งวงการอนิเมะญี่ปุ่นมากๆครับ
เนื่องด้วยว่า ในยุคปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นอนิเมะเเนวเซอร์วิส (หนองโพบะฮึ้มทั้งหลาย&ฮาเร็ม) มีค่อนข้างเยอะ เเละมากมายเหลือเกิน จนผมเริ่มเกิดอาการเบื่อวงการอนิเมะขึ้นทุกทีๆครับ เพราะมีเเต่ซ้ำๆเหมือนกันๆบ่อยเหลือเกิน (ที่เปลี่ยนไปก็มีเเค่ขนาดหนองโพนั้นเเหละ 5555)

  อนิเมะเรื่องนี้ จึงถือเป็นความบังเอิญที่ช่วยกู้สถานการณ์ความเบื่อของผมค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับ
ความวิเศษของอนิเมะเรื่องนี้ คือ มันเเหกทุกกฏของอนิเมะหลายๆเรื่องที่ผมเคยดูมาเลยครับ

ไล่ตั้งเเต่
• การดำเนินเรื่อง..
ที่ในอนิเมะทุกๆตอนของเรื่อง  มันก็ดำเนินไปเรียบๆนะครับ เเต่เรากลับรู้สึกได้เลยครับ ว่ามันเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ เเละเรื่อยๆ
จนในที่สุด เมื่ออนิเมะมันมาถึงจุดไคลแมกซ์  ผมก็พึ่งรู้ตัวครับ ว่า มันล้ำมาก เเต่ที่น่าตกใจกว่านั้น คือ พอดูตอนไคลแมกซ์จบเเล้วนั้น มันก็มีตอนนึงที่เหมือนเป็นการฉายซ้ำให้ดูอีกรอบ ซึ่งนั้นทำให้ผมยิ่งตะลึงเขาไปใหญ่เลยครับ เพราะ ทุกตอนที่ผ่านมานั้น อนิเมะได้เเอบใส่เรื่องราวต่างๆเป็นนัยน์ๆมาโดยตลอดทาง บางอย่างก็ดูเหมือนเป็นเเค่ของประกอบฉาก ที่ถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่รู้ว่า มันคือ ส่วนสำคัญเหมือนกันนะ < โอ้!!!°O° แม่จ้าว เเมร่งล้ำสั_ส >
  ที่น่าตกใจอีกเรื่องคือ อนิเมะเรื่องนี้ฉายเมื่อปี 1995 (กรูยังไม่เกิดเลย) ซึ่งพอเห็นตัวเลขก็เเทบไม่อยากเชื่อเลยครับ ว่าอนิเมะสมัยนั้น จะกล้าเล่าเรื่องได้เหนือล้ำ ซับซ้อน ขนาดนี้

  เเถมการดำเนินเรื่องของอนิเมะเรื่องนี้ ยังดำเนินเรื่องในเส้นทางที่นำพาให้ตัวละครเริ่มดำดิ่ง เเย่ลง เเย่ลง เเละเเย่ลงไปอีกเรื่อยๆ เเทนที่จะดีขึ้นๆ เเละดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอนิเมะเรื่องอื่นๆ
ซึ่งถือเป็นการเเหกกฏครั้งประวัติศาสตร์ของวงการอนิเมะสำหรับผมเลยนะครับ ที่ผู้กำกับเขากล้านำเสนอ ความย่ำเเย่ของจิตใจมนุษย์ผ่านสื่อความบันเทิงที่ควรให้สาระเเก่ผู้ชม < ช่างกล้าหาญเหลือเกินครับ 👍🏼 >

• ตัวละคร..
ลืมตัวละครผู้หญิงสุดสะบึ้มหนองโพโตไปได้เลยครับ เพราะ อนิเมะเรื่องนี้มันเก่ามากเเล้ว สมัยนั้นยังไม่นิยมวาดบึ้มๆกันครับ
เเต่ไม่รู้เหมือนกันครับ ว่าทำไมระหว่างดู เราถึงกลับรู้สึกเริ่มหลงรักตัวละครหญิงในเรื่องไปได้แบบไม่รู้ตัวเลยครับ
  ไม่เเค่การออกเเบบตัวละครเท่านั้นครับ ตัวละครเเต่ละตัวในเรื่อง ยังมีประวัติความเป็นมาที่ละเอียดยิบ เเสดงให้เห็นครับว่า ตัวละครในเรื่องนี้ เเม้จะเป็นตัวที่ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก เเต่เขาก็ให้ความสำคัญกับทุกๆตัวครับ <งานละเอียดมากครับ> เเถมตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้ ยังมีจิตใจสีเทา ไม่ดีเเละไม่ชั่วเเบบเเน่นอน เเต่เป็นเเบบนั้นทั้ง2อย่างครับ ทำให้ตัวละครทุกตัวในเรื่องมีความสลับซับซ้อนในจิตใจที่เเตกต่างกันไป ซึ่งมันช่วยปั่นป่วนหัวของผมให้คิดหนักมากครับ 55555
  ไม่เเค่นั้นครับ ตัวละครพระเอกของเรื่อง ยังเเหกทุกกฏของวงการพระเอก เพราะ พระเอกเรื่องนี้ ทั้งขี้ขลาด งี่เง่า อ่อนเเอ เอาเเต่ใจ เปราะบาง เเละ ไม่มีทีท่าเลยครับ ว่าจะมีช่วงไหนของเรื่องที่มันดูเป็นพระเอกขึ้นมาบ้างเลย  -__- ซึ่งมันน่ารำคาญเป็นที่สุดครับ <เเต่ก็เป็นตำนานไปเเล้วครับ>


• ความหลากหลาย
อนิเมะเรื่องนี้ นอกจากจะมีตัวละครที่มีเรื่องราวหลากหลายเเล้ว การสอดเเทรกสิ่งต่างๆเข้ามาในเนื้อหา ยังทำให้มันเป็นอนิเมะที่มีความหลากหลาย เเละดูเป็นสากลเอามากๆครับ ทั้งการสอดเเทรกเอาสัญลักษณ์ทางศาสนามาใช้เป็นตัวบอกเรื่องราวในเรื่อง, การเอาเรื่องจิตใจอันสลับซับซ้อนของมนุษย์มาเล่า, การใส่ฉากเเอคชั่นที่สนุกสนาน, การเเทรกข้อคิดต่างๆที่สามารถนำมาใช้ได้จริงๆในชีวิตประจำวัน, การดำเนินเรื่องที่ตลกปนโรเเมนติกในบางช่วง, การใส่เพลงเเละดนตรีประกอบที่ไพเราะ คลาสสิก จนติดหู, การบอกเล่าถึงปัญหาภายในครอบครัว, การบอกเล่าถึงโลกของผู้ใหญ่, การบอกเล่าผลกระทบต่างๆที่เด็กต้องพบเจอเมื่อโลกของผู้ใหญ่เข้ามาทำร้ายโลกของพวกเขา, การลงมือตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเอง, การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เเละ อื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน ที่ตลอดเรื่องของอนิเมะชุดนี้บรรจงใส่เข้ามาทั้งถามเรา เเละเล่าให้เราฟังมาอยู่เรื่อยๆ ทำให้อนิเมะเรื่องนี้ เป็นอนิเมะที่สามารถเข้าถึงได้หลากหลายกว่าอนิเมะทั่วไป


• การนำเสนอ
.. ในช่วงกลางๆเรื่อง อนิเมะเรื่องนี้ ได้เเหกกฏครั้งสำคัญของวงการอนิเมะในยุคนั้น
ด้วยการทำในสิ่งที่ทั้งชาวนักดูหนังเเละนักรับชมสื่อบันเทิงต่างๆก็ยืนยันกันเป็นเสียงเดียวกันครับ

"เราไม่สามารถรับรู้อารมณ์ความรู้สึกต่างๆได้ ผ่านลายเส้นหรอก"

.. จนกระทั่ง การมาของอนิเมะเรื่องนี้ครับ เมื่อมันได้ออกฉายไป ส่วนนึงก็มีคนตกตะลึงกันไปอยู่ค่อนข้างมากเช่นกันครับ
ที่อนิเมะเรื่องนี้ สามารถบอกเล่าถึงอารมณ์ของตัวละครผ่านสีหน้าได้อย่างชัดเจน โดยไม่มีตัวอักษรหรือเสียงพูดเลยสักเเอะเดียว
เอาง่ายๆก็คือ เเค่มองหน้ามันก็รู้เลยอ่ะครับ ว่ามันกำลังรู้สึกอะไร ยังไง ซึ่งอารมณ์ก็มีหลากหลายมากครับ เเละทุกๆตอนของอนิเมะเรื่องนี้ ก็นำเสนอออกมาได้ชัดเจนทุกอารมณ์ครับ ทำเอานักรับชมสื่อบันเทิง ถึงกับยกย่องไปหลายส่วนเลยทีเดียวครับ <ปรบมือสิครับ รออะไร 👏🏻👏🏻👏🏻>

   โดยเฉพาะในช่วงท้ายของอนิเมะเรื่องนี้ เป็นอะไรที่เป็นตำนานจริงๆครับ เพราะนอกจากจะไม่มีใครกล้าทำเเล้ว มันยังดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยากเกินกว่าอนิเมะทั่วไปจะลอกเลียนเเบบได้จริงๆครับ มันเป็นอะไรที่ทั้งอาร์ต ซับซ้อน จิต เเละ ละเมียดละไมเอามากๆครับ
   ซึ่งในช่วงท้ายนั้น เเนวอนิเมะได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงครับ จู่ๆก็กลายเป็นเเนวจิตวิทยาไปเลยครับ ซึ่งอนิเมะเรื่องนี้ก็ได้สื่อให้เห็นอย่างชัดเจนมากๆครับ ว่า ปัญหาในจิตใจนั้น มันช่างซับซ้อน ยุ่งยาก น่ารำคาญ เเละ เเก้ยากกว่าที่คุณคิดครับ <ไม่เเปลกใจเลยครับ ที่ทำไมเขาถึงต้องมีอาชีพนักจิตวิทยาขึ้นมา>

• ด้านดนตรี
.. ส่วนนี้ เรียกได้ว่าขึ้นเเท่นคลาสสิกไปเเล้วล่ะครับ เเม้จะไม่เป็นตำนานมากนัก เเต่ก็เรียกได้ว่า ติดหูจนจำได้เเม่นไปเลยครับ
ทั้งเพลงเปิด สุดโด่งดัง ที่ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเพลงเปิดจากอนิเมะอันดับ1ของญี่ปุ่นอยู่ <คงกระพันเหลือเกินครับ555>
ทางด้านดนตรีประกอบอนิเมะ ก็ไม่น้อยหน้าครับ บรรเลงออกมาได้อย่างงดงามเเละหดหู่ตามอารมณ์เนื้อเรื่องครับ
ส่วนนี้ต้องยกความดีให้กับ "Shiro SAGISU" คนนี้เลยครับ
ที่บรรเลงบทบรรเลงต่างๆออกมาได้อย่าง สนุก เศร้า เเละ ไซโคโลจี้ มากๆครับ
ทำเอาผมถึงกับสงสัยไปพักใหญ่ครับ ว่า "คนกำกับกับคนประพันธ์มันคนเดียวกันรึเปล่าว่ะเนี่ย 555555"

เเละนี่ก็คือ ตัวอย่างบทบรรเลงของลุงชิโร่ เเนวคลาสสิก ฟังเพลินๆดีครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ส่วนนี้คือ เเนว Phychology ที่บรรเลงได้ออกเเนว Horror ชวนหลอนมากๆครับ
<จิตใจของมนุษย์มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ ป๋าอันโนะ&ลุงชิโร่ 5555>
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

:
:
.... หลังจากดูจบไปก็งงเอามากๆครับ เเม้จะหาข้อมูลมาเติมเต็มอีกเท่าไรๆ สุดท้ายก็ยังไม่เก็ทอยู่ดีครับ
เเต่อย่าตกใจครับ หากคุณดูมันจบเเล้วเป็นเเบบผม ก็อยากให้รู้ไว้ครับ ว่านี่เป็นเสน่ห์ของอนิเมะชุดนี้เเหละครับ
มันทำมาเพื่อกระตุกต่อมความอยากรู้ของเรา เพื่อให้เราติดตามดูมันซ้ำไปซ้ำมาจนเกิดความนิยมเป็นกระเเส สืบทอดบอกต่อๆกันไป มา 20 ปีเเล้วครับ
< ยังสงสัยอยู่เลยครับ ว่าที่มีคนชอบอนิเมะเรื่องนี้ เป็นเพราะว่า ชอบจริงๆ หรือ เพราะเเค่ กรูอยากบรรลุทุกอย่างในอนิเมะเรื่องนี้ก่อนตาย!!! กันเเน่555>

   เเต่ถึงเเม้จะไม่เก็ท เเต่ในด้านการนำเสนอ ความหลากหลายอะไรต่างๆมากมาย ทำให้ผมค่อยข้างชื่นชมในตัวคุณ ฮิเดอากิ อันโนะ ที่เป็นทั้งผู้กำกับเเละผู้เขียนบทให้กับอนิเมะเรื่องนี้ ที่เขียนบท เเละนำเสนอมันออกมาได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ ซับซ้อน เเละน่าจดจำ จนมีชาวต่างชาติเเละนักวิจารณ์หลายสำนักยกย่องให้เป็น "ผลงานระดับมาสเตอร์พีช" เเละก็กลายเป็นตำนานเเห่งโลกอนิเมะไปตลอดกาล

เเล้วทุกคนล่ะครับ ชอบอนิเมะเรื่องนี้ เพราะอะไร???? กันเเน่ครับ ^^
ชื่อสินค้า:   Neon Genesis Evangelion
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่