“สัตว์ใหญ่ที่นี่มี กระทิง เก้ง กวาง หมีควาย สัตว์ผู้ล่าก็หมาใน” เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้านายหนึ่งเล่าให้ผมฟังระหว่างเรายืนอยู่บนท้ายรถกระบะกำลังลงจากเขาเพื่อไปดูกระทิง “ตอนนี้กระทิงเกือบสามร้อยตัวแล้ว เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะ”
เจ้าหน้าที่พูดจบ รถกระบะก็จอดหยุดสนิทริมแนวรั้วไฟฟ้าที่ทอดยาวไปตามแนวป่า เพราะมีกระทิงหนุ่มตัวหนึ่งกำลังยืนจ้องเขม็งมาที่พวกเรา ผมกับเจ้าหน้าที่เขตฯ กระโดดลงจากกระบะท้าย ขณะที่พลขับเปิดประตูรถพร้อมกล้องสวมเลนส์เทเลโฟโต้สำหรับถ่ายภาพกระทิง
กระทิงดำทะมึนเขาโค้งสวยยืนเด่นหลังรั้วไฟฟ้าห่างจากเราแค่ไม่กี่สิบเมตร ไกลออกไปตรงเนินเขาด้านหลัง กระทิงฝูงย่อมราวสิบตัวซึ่งประกอบด้วยตัวเต็มวัย วัยเด็ก และลูกอ่อนขนยังสีแดงอ่อน พากันเดินแทะเล็มหญ้าหากินอย่างไม่นึกตกใจ แต่ในไม่กี่อึดใจถัดมาขณะเรากำลังถ่ายรูปก็ปรากฏว่าร่างกระทิงใหญ่อีกตัวหลุดรอดจากรั้วไฟฟ้าห่างออกไปราวสามสิบเมตร วิ่งลงเขาไปยังหมู่บ้านด้านล่าง นั่นคือปัญหาใหญ่ที่เขตฯ พยายามแก้ไขมานาน ความขัดแย้งระหว่างคนปลูกพืชกับสัตว์กินพืช กระทิงเพิ่มขึ้น พื้นที่ป่าและอาหารในป่าเท่าเดิม
นั่นคือหนึ่งในความทรงจำของผมระหว่างการสัมผัสฝูงกระทิงแห่งป่าเขาแผงม้า อำเภอวังน้ำเขียว เมื่อช่วงก่อนวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ถือว่าเสร็จสมตามอารมณ์สักที หลังหมายมั่นปั้นมือมานานว่าสักครั้งในชีวิตอยากขึ้นไปชมกระทิงป่าวังน้ำเขียวที่เลื่องชื่อลือชา
ตามจริงทริปนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเที่ยววังน้ำเขียวสามวันสามคืน ซึ่งในรีวิวนี้ผมขอย่อเล่าเน้นเฉพาะการมาเยือนเขาแผงม้าเท่านั้น (รีวิววังน้ำเขียวฉบับเต็ม คลิก >
http://wp.me/p7ca93-LA) เผื่อใครสนใจกิจกรรมดีๆ เรียนรู้ธรรมชาติเช่นนี้อยากมาเที่ยวจะได้ใช้เป็นข้อมูลเต็มๆ
เขาแผงม้าเป็นพื้นที่ป่าเชื่อมต่อกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ปัจจุบันจัดตั้งส่วนหนึ่งเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า เป็นป่าซึ่งมีเรื่องราวของการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ปัญหาระหว่างชาวบ้าน ผู้ประกอบการรีสอร์ท นักอนุรักษ์ และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามายาวนาน ทว่าผมไม่ขอพูดถึงเรื่องดังกล่าวนะ ขอให้ข้อมูลเฉพาะความสนุกสนานด้านการท่องเที่ยวแล้วกัน
ปกติใครเดินทางผ่านทางหลวง นม.3052 วังน้ำเขียว-เขาใหญ่ คงต้องเคยเห็นป้ายบอกทางขึ้นเขาแผงม้า อยู่ใกล้กับร้าน A Cup of Love ผมเองก็เห็นแบบนั้นแหละจึงคิดอยากมาเที่ยว ซึ่งการขึ้นเขาแผงม้าถือว่าลำบากพอสมควร ถนนขึ้นเขาไม่ชันมากแต่เป็นลูกรังตลอดสาย ผมขี่มอเตอร์ไซค์เลยขึ้นค่อนข้างสะดวก ใช้เวลาประมาณสิบห้านาที ทว่ารถเก๋งหรือรถยนต์เล็กขออนุญาตใช้คำว่า “อย่าเสี่ยงเลย” เพื่อสวัสดิภาพของรถคุณเอง ส่วนเอสยูวีหรือกระบะไปได้สบายมาก (ในภาพอาจดูว่าถนนไม่ลำบากเพราะผมหยุดจอดถ่ายรูปได้เฉพาะช่วงนี้ ตอนทางยากก็ต้องเดินหน้าลูกเดียว ฮา…)
กระเด้งกระดอนจนถึงด้านบนเขาแผงม้าจะพบบ้านพักเจ้าหน้าที่ ตอนแรกผมตั้งใจกางเต็นท์ที่นี่แหละ เขาไม่ได้จัดจุดกางเป็นหลักแหล่งหรอก แต่เราสามารถเลือกทำเลตามสบาย มีห้องน้ำให้ใช้งานเล็กน้อย ข้าวปลาอาหารต้องเตรียมมาเอง ขอแนะนำเป็นแบบสำเร็จรูปพร้อมกินได้เลยดีที่สุด เพราะสถานที่ตรงนี้ไม่เหมาะจะมาแคมปิ้งด้วยประการทั้งปวง มาศึกษาธรรมชาติครับไม่ได้กางเต็นท์นอนสูดบรรยากาศ
จุดชมกระทิงบนเขาอยู่ไม่ไกลจากบ้านพัก เดินเข้าไป 100 เมตร สุดทางจะถึงหน้าผาซึ่งจัดทำเป็นจุดชมวิวอย่างดี สูงลิบ สวยสดชื่น มีบังไพร วิวต้นไม้ครึ้มเขียวจากป่าที่กำลังฟื้นตัวจากการเคยเสื่อมโทรมเป็นเขาหัวโล้น อย่างไรก็ตามจุดนี้ค่อนข้างห่างไกล ดูกระทิงด้วยตาเปล่าเห็นเพียงแค่ตัวเท่าหัวไม้ขีดเท่านั้นแหละ
คุยกับเจ้าหน้าที่ผมถึงได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีจุดชมกระทิงดีกว่านี้อยู่อีกฝากของเขา เรียกว่าจุดสกัดเขาสูง เป็นหน่วยย่อยของเขตห้ามล่าฯ ห่างจากที่นี่ไม่ไกล ทางขึ้นลงก็ง่ายกว่า เขาแนะนำให้ไปที่นั่นครับ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกขนาดนี้แล้วหากผมไม่ทำตามคงต้องเขกกะโหลกตัวเอง แอบเสียดายนิดหน่อยเพราะมีเวลาเหลือแค่คืนเดียว หากได้มานอนที่นี่หนึ่งคืน นอนที่เขาสูงอีกคนก็คงได้ครบบรรยากาศเลยเชียว
เอาล่ะ… จากนี้ไปคือเส้นทางสู่จุดสกัดเขาสูง ย้ำว่าอ่านให้ละเอียดเพราะไม่มีป้ายบอกทางแม้แต่ป้ายเดียว
ผมลงจากเขาแผงม้าตอนสี่โมงเย็น เมื่อถึงทางหลวงชนบท นม.3052 ให้เลี้ยวซ้ายไปทางเขาใหญ่ ตรงตามถนนเรื่อยๆ ราว 5 กิโลเมตร กระทั่งพบป้ายทางเข้าคลองทราย ฮิลล์ ทางซ้ายมือก็เลี้ยวเข้าไปเลย
ไปตามทางหลักถนนคอนกรีตเรื่อยๆ ไม่ต้องเลี้ยวแยกไหนทั้งนั้นจนพบโรงเรียนบ้านคลองทราย เลยโรงเรียนมาปุ๊บจะถึงสามแยก (ตรงกับเลี้ยวซ้าย) ให้เราเลี้ยวซ้าย จากนั้นสักพักถนนจะเปลี่ยนเป็นลูกรัง ไม่ต้องกังวลเพราะรถเก๋งไปได้ไม่ยาก ยังคงตามทางหลักไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องสนใจทางแยกเข้าซอยอื่น หากเริ่มเห็นแนวรั้วไฟฟ้ากันสัตว์ก็แสดงว่าเรามาถูกทาง เลาะรั้วไฟฟ้าไปได้เลย ถนนเส้นนี้จะพาขึ้นเขาจนถึงจุดสกัดเขาสูง
ถึงที่หมายแล้วจะเริ่มบรรยายอะไรก่อนดีล่ะ…
เริ่มต้นที่กางเต็นท์ก่อน ลานกว้างขวางปูหญ้าอย่างดี มีโต๊ะหินขัดให้ใช้สอย ห้องน้ำสร้างใหม่ สะดวกสะอาด ไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ มีปลั๊กไฟสองเต้าให้เสียบหน้าห้องน้ำ โดยภาพรวมเป็นลานกางเต็นท์ที่เพอร์เฟกต์และยอดเยี่ยมมาก
ที่ไม่มีคือต้นไม้ใหญ่ พระอาทิตย์ส่องแสงแรงเมื่อไหร่อยู่ในเต็นท์ไม่ได้แน่ ไม่มีอุปกรณ์เต็นท์หรือเครื่องนอนให้เช่า อาหารน้ำดื่มไม่มีขาย ดังนั้นเตรียมมาเองทั้งหมด อยากขอความร่วมมือว่าที่นี่เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติ มากางเต็นท์เพื่อศึกษาธรรมชาติไม่ใช่แคมปิ้ง ควรงดการใช้เสียง กิจกรรมรื่นเริง นอกจากนี้ที่นี่ไม่มีถังขยะเพราะเราเอาอะไรมาให้เอากลับไปด้วยทุกชิ้นทุกอย่าง
สำหรับค่าธรรมเนียมพักแรมกางเต็นท์ ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนพิจารณา ติดต่อเจ้าหน้าที่กันเอานะครับว่าช่วงที่ไปจะมีการเก็บเงินแล้วหรือเปล่า ถ้าเก็บก็คงไม่พ้นแค่คนละสามสิบบาทตามระเบียบกรมอุทยานฯ หรอก
ทางเขตฯ กั้นรั้วไฟฟ้าตลอดแนวแบ่งชัดระหว่างชุมชนกับป่า อย่างที่เคยบอกคือรั้วพวกนี้ไว้สำหรับกันกระทิงไม่ให้ออกไปเที่ยวกินพืชผลเกษตรของชาวบ้าน
วิวที่เขาสูงจะทำให้เราเห็นลักษณะของวังน้ำเขียวได้เป็นอย่างดี อำเภอนี้มีผืนป่าห้อมล้อมก็จริง แต่ตัวอำเภอเป็นพื้นที่การเกษตรขนาดใหญ่ ภูเขาหลายต่อหลายลูกจึงหัวโล้นเลี่ยนเตียนโดยเฉพาะยามหน้าแล้ง ซึ่งหากมองเทียบกับอีกฝั่งที่เป็นป่าฟื้นฟูจะเห็นความแตกต่างชัดเจน
หลังจากกางเต็นท์เสร็จสรรพเพียงหลังเดียวในวันนั้น ก็ได้เวลามารอชมกระทิง พวกมันมักออกมาหากินแทะเล็มหญ้าตามชายป่าหลังแดดหลบ คือสักห้าโมงเย็นเป็นต้นไป รออยู่สักพักก็เห็นกระทิงฝูงเล็กราวสิบตัวเดินออกมาจากป่า เจ้าหน้าที่ตั้งกล้องส่องทางไกลให้ดูด้วยครับ วันนั้นมีผมกับคุณนายรอดูอยู่เพียงสองคน ใช้กล้องไม่ต้องแย่งใครเลย
เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนี้มาไม่เยอะเพราะสามสี่วันก่อนฝูงใหญ่ออกมาแล้ว คงสลับถึงคิวฝูงเล็กบ้าง ดูเพลินๆ ถึงหกโมงเย็นเขาก็ชวนนั่งรถลงไปดูจุดอื่นข้างล่างตามแนวรั้วไฟฟ้า และนั่นก็เป็นที่มาของเรื่องราวตอนต้นเรื่องนั่นยังไง
การกางเต็นท์เพียงหลังเดียวในพื้นที่แบบนี้เป็นอะไรที่เงียบและสงบสุขมากครับ นอนฟังเสียงแมลงกรีดปีก ชมดาวเพลินใจเป็นที่สุด ขอบอกเลยว่าที่นี่เหมาะกับการขึ้นมาถ่ายดาวยามค่ำคืนมาก อาจมีแสงรบกวนอยู่บ้างแต่เราสามารถเปลี่ยนให้มันเป็นพร็อพประกอบฉากได้เหมือนกัน
ฝั่งนี้เราจะเห็นแสงไฟจากรีสอร์ทมากมาย และยามค่ำคืนจะมีรถของรีสอร์ทต่างๆ พาลูกค้ามาส่องกระทิงกันเป็นระยะ ใครไม่ถนัดนอนเต็นท์พักแรมแต่อยากชมกระทิงก็มีทางเลือกด้วยการพักรีสอร์ทแถบนี้ครับ
ตอนที่ผมไปเป็นช่วงที่ทางช้างเผือกจะขึ้นจากฟากฟ้าก่อนรุ่งสางทางทิศตะวันออก ตั้งเวลาปลุกแล้วก็ลุกขึ้นมาถ่ายภาพสักหน่อย มองด้วยตาเปล่าไม่เป็นครับ ต้องยอมรับว่ามีแสงรบกวนพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นกล้องถ่ายรูปเปิดชัตเตอร์นานๆ สามารถจับภาพได้บางๆ
พระอาทิตย์ขึ้น แสงเริ่มสว่าง นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มหนึ่งขึ้นมาดูกระทิง แม้จะโชคร้ายว่าเช้านี้ไม่เห็นพวกมันจากจุดชมวิว แต่โชเฟอร์คนไทยเล่าให้ฟังว่าระหว่างทางเห็นพวกมันหากินริมรั้วไฟฟ้าอยู่สี่ตัว แค่นี้ก็ถือว่าขึ้นมาไม่เสียเที่ยวแล้ว
บรรยากาศยามเช้าที่จุดสกัดเขาสูงสงบและงดงามทีเดียว ถึงจะไม่มีหมอกสวยๆ ให้ชมและพระอาทิตย์ก็ขึ้นหลังภูเขาเถอะนะ
พอแดดแสงสาดแรง ความร้อนมาเยือน ก็ได้เวลาที่ผมต้องเก็บเต็นท์โบกมือลาจุดสกัดเขาสูง แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะผมพบแล้วว่าสวรรค์แห่งวังน้ำเขียวนั้นคืออะไร ตั้งอยู่ตรงไหน และผมคงต้องกลับมาเยี่ยมเยียนเคาะประตูบ้านหลังสุดท้ายของฝูงกระทิงแห่งวังน้ำเขียวอีกหลายต่อหลายครั้งแน่นอนครับ
----------------------------------------------------
ใครสนใจอยากอ่านรีวิวอื่นของผม หรืออยากคุยเรื่อยเปื่อย สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) ชวนเที่ยว ก็ยินดียิ่งครับ
>>>
https://www.facebook.com/alifeatraveller
----------------------------------------------------
[CR] นอนเต็นท์ ดูดาว ส่องป่า ณ เขาแผงม้า บ้านหลังสุดท้ายของฝูงกระทิงแห่งวังน้ำเขียว
“สัตว์ใหญ่ที่นี่มี กระทิง เก้ง กวาง หมีควาย สัตว์ผู้ล่าก็หมาใน” เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้านายหนึ่งเล่าให้ผมฟังระหว่างเรายืนอยู่บนท้ายรถกระบะกำลังลงจากเขาเพื่อไปดูกระทิง “ตอนนี้กระทิงเกือบสามร้อยตัวแล้ว เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะ”
เจ้าหน้าที่พูดจบ รถกระบะก็จอดหยุดสนิทริมแนวรั้วไฟฟ้าที่ทอดยาวไปตามแนวป่า เพราะมีกระทิงหนุ่มตัวหนึ่งกำลังยืนจ้องเขม็งมาที่พวกเรา ผมกับเจ้าหน้าที่เขตฯ กระโดดลงจากกระบะท้าย ขณะที่พลขับเปิดประตูรถพร้อมกล้องสวมเลนส์เทเลโฟโต้สำหรับถ่ายภาพกระทิง
กระทิงดำทะมึนเขาโค้งสวยยืนเด่นหลังรั้วไฟฟ้าห่างจากเราแค่ไม่กี่สิบเมตร ไกลออกไปตรงเนินเขาด้านหลัง กระทิงฝูงย่อมราวสิบตัวซึ่งประกอบด้วยตัวเต็มวัย วัยเด็ก และลูกอ่อนขนยังสีแดงอ่อน พากันเดินแทะเล็มหญ้าหากินอย่างไม่นึกตกใจ แต่ในไม่กี่อึดใจถัดมาขณะเรากำลังถ่ายรูปก็ปรากฏว่าร่างกระทิงใหญ่อีกตัวหลุดรอดจากรั้วไฟฟ้าห่างออกไปราวสามสิบเมตร วิ่งลงเขาไปยังหมู่บ้านด้านล่าง นั่นคือปัญหาใหญ่ที่เขตฯ พยายามแก้ไขมานาน ความขัดแย้งระหว่างคนปลูกพืชกับสัตว์กินพืช กระทิงเพิ่มขึ้น พื้นที่ป่าและอาหารในป่าเท่าเดิม
นั่นคือหนึ่งในความทรงจำของผมระหว่างการสัมผัสฝูงกระทิงแห่งป่าเขาแผงม้า อำเภอวังน้ำเขียว เมื่อช่วงก่อนวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ถือว่าเสร็จสมตามอารมณ์สักที หลังหมายมั่นปั้นมือมานานว่าสักครั้งในชีวิตอยากขึ้นไปชมกระทิงป่าวังน้ำเขียวที่เลื่องชื่อลือชา
ตามจริงทริปนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเที่ยววังน้ำเขียวสามวันสามคืน ซึ่งในรีวิวนี้ผมขอย่อเล่าเน้นเฉพาะการมาเยือนเขาแผงม้าเท่านั้น (รีวิววังน้ำเขียวฉบับเต็ม คลิก > http://wp.me/p7ca93-LA) เผื่อใครสนใจกิจกรรมดีๆ เรียนรู้ธรรมชาติเช่นนี้อยากมาเที่ยวจะได้ใช้เป็นข้อมูลเต็มๆ
เขาแผงม้าเป็นพื้นที่ป่าเชื่อมต่อกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ปัจจุบันจัดตั้งส่วนหนึ่งเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า เป็นป่าซึ่งมีเรื่องราวของการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ปัญหาระหว่างชาวบ้าน ผู้ประกอบการรีสอร์ท นักอนุรักษ์ และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ามายาวนาน ทว่าผมไม่ขอพูดถึงเรื่องดังกล่าวนะ ขอให้ข้อมูลเฉพาะความสนุกสนานด้านการท่องเที่ยวแล้วกัน
ปกติใครเดินทางผ่านทางหลวง นม.3052 วังน้ำเขียว-เขาใหญ่ คงต้องเคยเห็นป้ายบอกทางขึ้นเขาแผงม้า อยู่ใกล้กับร้าน A Cup of Love ผมเองก็เห็นแบบนั้นแหละจึงคิดอยากมาเที่ยว ซึ่งการขึ้นเขาแผงม้าถือว่าลำบากพอสมควร ถนนขึ้นเขาไม่ชันมากแต่เป็นลูกรังตลอดสาย ผมขี่มอเตอร์ไซค์เลยขึ้นค่อนข้างสะดวก ใช้เวลาประมาณสิบห้านาที ทว่ารถเก๋งหรือรถยนต์เล็กขออนุญาตใช้คำว่า “อย่าเสี่ยงเลย” เพื่อสวัสดิภาพของรถคุณเอง ส่วนเอสยูวีหรือกระบะไปได้สบายมาก (ในภาพอาจดูว่าถนนไม่ลำบากเพราะผมหยุดจอดถ่ายรูปได้เฉพาะช่วงนี้ ตอนทางยากก็ต้องเดินหน้าลูกเดียว ฮา…)
กระเด้งกระดอนจนถึงด้านบนเขาแผงม้าจะพบบ้านพักเจ้าหน้าที่ ตอนแรกผมตั้งใจกางเต็นท์ที่นี่แหละ เขาไม่ได้จัดจุดกางเป็นหลักแหล่งหรอก แต่เราสามารถเลือกทำเลตามสบาย มีห้องน้ำให้ใช้งานเล็กน้อย ข้าวปลาอาหารต้องเตรียมมาเอง ขอแนะนำเป็นแบบสำเร็จรูปพร้อมกินได้เลยดีที่สุด เพราะสถานที่ตรงนี้ไม่เหมาะจะมาแคมปิ้งด้วยประการทั้งปวง มาศึกษาธรรมชาติครับไม่ได้กางเต็นท์นอนสูดบรรยากาศ
จุดชมกระทิงบนเขาอยู่ไม่ไกลจากบ้านพัก เดินเข้าไป 100 เมตร สุดทางจะถึงหน้าผาซึ่งจัดทำเป็นจุดชมวิวอย่างดี สูงลิบ สวยสดชื่น มีบังไพร วิวต้นไม้ครึ้มเขียวจากป่าที่กำลังฟื้นตัวจากการเคยเสื่อมโทรมเป็นเขาหัวโล้น อย่างไรก็ตามจุดนี้ค่อนข้างห่างไกล ดูกระทิงด้วยตาเปล่าเห็นเพียงแค่ตัวเท่าหัวไม้ขีดเท่านั้นแหละ
คุยกับเจ้าหน้าที่ผมถึงได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีจุดชมกระทิงดีกว่านี้อยู่อีกฝากของเขา เรียกว่าจุดสกัดเขาสูง เป็นหน่วยย่อยของเขตห้ามล่าฯ ห่างจากที่นี่ไม่ไกล ทางขึ้นลงก็ง่ายกว่า เขาแนะนำให้ไปที่นั่นครับ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกขนาดนี้แล้วหากผมไม่ทำตามคงต้องเขกกะโหลกตัวเอง แอบเสียดายนิดหน่อยเพราะมีเวลาเหลือแค่คืนเดียว หากได้มานอนที่นี่หนึ่งคืน นอนที่เขาสูงอีกคนก็คงได้ครบบรรยากาศเลยเชียว
เอาล่ะ… จากนี้ไปคือเส้นทางสู่จุดสกัดเขาสูง ย้ำว่าอ่านให้ละเอียดเพราะไม่มีป้ายบอกทางแม้แต่ป้ายเดียว
ผมลงจากเขาแผงม้าตอนสี่โมงเย็น เมื่อถึงทางหลวงชนบท นม.3052 ให้เลี้ยวซ้ายไปทางเขาใหญ่ ตรงตามถนนเรื่อยๆ ราว 5 กิโลเมตร กระทั่งพบป้ายทางเข้าคลองทราย ฮิลล์ ทางซ้ายมือก็เลี้ยวเข้าไปเลย
ไปตามทางหลักถนนคอนกรีตเรื่อยๆ ไม่ต้องเลี้ยวแยกไหนทั้งนั้นจนพบโรงเรียนบ้านคลองทราย เลยโรงเรียนมาปุ๊บจะถึงสามแยก (ตรงกับเลี้ยวซ้าย) ให้เราเลี้ยวซ้าย จากนั้นสักพักถนนจะเปลี่ยนเป็นลูกรัง ไม่ต้องกังวลเพราะรถเก๋งไปได้ไม่ยาก ยังคงตามทางหลักไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องสนใจทางแยกเข้าซอยอื่น หากเริ่มเห็นแนวรั้วไฟฟ้ากันสัตว์ก็แสดงว่าเรามาถูกทาง เลาะรั้วไฟฟ้าไปได้เลย ถนนเส้นนี้จะพาขึ้นเขาจนถึงจุดสกัดเขาสูง
ถึงที่หมายแล้วจะเริ่มบรรยายอะไรก่อนดีล่ะ…
เริ่มต้นที่กางเต็นท์ก่อน ลานกว้างขวางปูหญ้าอย่างดี มีโต๊ะหินขัดให้ใช้สอย ห้องน้ำสร้างใหม่ สะดวกสะอาด ไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ มีปลั๊กไฟสองเต้าให้เสียบหน้าห้องน้ำ โดยภาพรวมเป็นลานกางเต็นท์ที่เพอร์เฟกต์และยอดเยี่ยมมาก
ที่ไม่มีคือต้นไม้ใหญ่ พระอาทิตย์ส่องแสงแรงเมื่อไหร่อยู่ในเต็นท์ไม่ได้แน่ ไม่มีอุปกรณ์เต็นท์หรือเครื่องนอนให้เช่า อาหารน้ำดื่มไม่มีขาย ดังนั้นเตรียมมาเองทั้งหมด อยากขอความร่วมมือว่าที่นี่เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติ มากางเต็นท์เพื่อศึกษาธรรมชาติไม่ใช่แคมปิ้ง ควรงดการใช้เสียง กิจกรรมรื่นเริง นอกจากนี้ที่นี่ไม่มีถังขยะเพราะเราเอาอะไรมาให้เอากลับไปด้วยทุกชิ้นทุกอย่าง
สำหรับค่าธรรมเนียมพักแรมกางเต็นท์ ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนพิจารณา ติดต่อเจ้าหน้าที่กันเอานะครับว่าช่วงที่ไปจะมีการเก็บเงินแล้วหรือเปล่า ถ้าเก็บก็คงไม่พ้นแค่คนละสามสิบบาทตามระเบียบกรมอุทยานฯ หรอก
ทางเขตฯ กั้นรั้วไฟฟ้าตลอดแนวแบ่งชัดระหว่างชุมชนกับป่า อย่างที่เคยบอกคือรั้วพวกนี้ไว้สำหรับกันกระทิงไม่ให้ออกไปเที่ยวกินพืชผลเกษตรของชาวบ้าน
วิวที่เขาสูงจะทำให้เราเห็นลักษณะของวังน้ำเขียวได้เป็นอย่างดี อำเภอนี้มีผืนป่าห้อมล้อมก็จริง แต่ตัวอำเภอเป็นพื้นที่การเกษตรขนาดใหญ่ ภูเขาหลายต่อหลายลูกจึงหัวโล้นเลี่ยนเตียนโดยเฉพาะยามหน้าแล้ง ซึ่งหากมองเทียบกับอีกฝั่งที่เป็นป่าฟื้นฟูจะเห็นความแตกต่างชัดเจน
หลังจากกางเต็นท์เสร็จสรรพเพียงหลังเดียวในวันนั้น ก็ได้เวลามารอชมกระทิง พวกมันมักออกมาหากินแทะเล็มหญ้าตามชายป่าหลังแดดหลบ คือสักห้าโมงเย็นเป็นต้นไป รออยู่สักพักก็เห็นกระทิงฝูงเล็กราวสิบตัวเดินออกมาจากป่า เจ้าหน้าที่ตั้งกล้องส่องทางไกลให้ดูด้วยครับ วันนั้นมีผมกับคุณนายรอดูอยู่เพียงสองคน ใช้กล้องไม่ต้องแย่งใครเลย
เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนี้มาไม่เยอะเพราะสามสี่วันก่อนฝูงใหญ่ออกมาแล้ว คงสลับถึงคิวฝูงเล็กบ้าง ดูเพลินๆ ถึงหกโมงเย็นเขาก็ชวนนั่งรถลงไปดูจุดอื่นข้างล่างตามแนวรั้วไฟฟ้า และนั่นก็เป็นที่มาของเรื่องราวตอนต้นเรื่องนั่นยังไง
การกางเต็นท์เพียงหลังเดียวในพื้นที่แบบนี้เป็นอะไรที่เงียบและสงบสุขมากครับ นอนฟังเสียงแมลงกรีดปีก ชมดาวเพลินใจเป็นที่สุด ขอบอกเลยว่าที่นี่เหมาะกับการขึ้นมาถ่ายดาวยามค่ำคืนมาก อาจมีแสงรบกวนอยู่บ้างแต่เราสามารถเปลี่ยนให้มันเป็นพร็อพประกอบฉากได้เหมือนกัน
ฝั่งนี้เราจะเห็นแสงไฟจากรีสอร์ทมากมาย และยามค่ำคืนจะมีรถของรีสอร์ทต่างๆ พาลูกค้ามาส่องกระทิงกันเป็นระยะ ใครไม่ถนัดนอนเต็นท์พักแรมแต่อยากชมกระทิงก็มีทางเลือกด้วยการพักรีสอร์ทแถบนี้ครับ
ตอนที่ผมไปเป็นช่วงที่ทางช้างเผือกจะขึ้นจากฟากฟ้าก่อนรุ่งสางทางทิศตะวันออก ตั้งเวลาปลุกแล้วก็ลุกขึ้นมาถ่ายภาพสักหน่อย มองด้วยตาเปล่าไม่เป็นครับ ต้องยอมรับว่ามีแสงรบกวนพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นกล้องถ่ายรูปเปิดชัตเตอร์นานๆ สามารถจับภาพได้บางๆ
พระอาทิตย์ขึ้น แสงเริ่มสว่าง นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มหนึ่งขึ้นมาดูกระทิง แม้จะโชคร้ายว่าเช้านี้ไม่เห็นพวกมันจากจุดชมวิว แต่โชเฟอร์คนไทยเล่าให้ฟังว่าระหว่างทางเห็นพวกมันหากินริมรั้วไฟฟ้าอยู่สี่ตัว แค่นี้ก็ถือว่าขึ้นมาไม่เสียเที่ยวแล้ว
บรรยากาศยามเช้าที่จุดสกัดเขาสูงสงบและงดงามทีเดียว ถึงจะไม่มีหมอกสวยๆ ให้ชมและพระอาทิตย์ก็ขึ้นหลังภูเขาเถอะนะ
พอแดดแสงสาดแรง ความร้อนมาเยือน ก็ได้เวลาที่ผมต้องเก็บเต็นท์โบกมือลาจุดสกัดเขาสูง แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะผมพบแล้วว่าสวรรค์แห่งวังน้ำเขียวนั้นคืออะไร ตั้งอยู่ตรงไหน และผมคงต้องกลับมาเยี่ยมเยียนเคาะประตูบ้านหลังสุดท้ายของฝูงกระทิงแห่งวังน้ำเขียวอีกหลายต่อหลายครั้งแน่นอนครับ
----------------------------------------------------
ใครสนใจอยากอ่านรีวิวอื่นของผม หรืออยากคุยเรื่อยเปื่อย สอบถามข้อมูล (ถ้าผมมีให้นะ) ชวนเที่ยว ก็ยินดียิ่งครับ
>>> https://www.facebook.com/alifeatraveller
----------------------------------------------------