ตอนที่หนึ่ง :
http://ppantip.com/topic/34799565 -
แมงกะไซด์ ไรเดอร์ : กว่า 700 กิโลเมตร กว่า 4,000 โค้ง บนเส้นทาง "เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน-ปาย"
ต่อจากตอนที่แล้ว พวกเราเข้านอนที่ แม่ฮ่องสอน และเราตกลงกันว่าเช้านี้ เราจะตื่นไปปางอุ๋งกัน ซึ่งปางอุ๋ง ห่างจากที่พักเราก็ประมาณ 44 กิโลเมตร และเราอยากไปให้ถึงที่นั่น ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นด้วย ฮึ๊บบ
จากระยะทางคำนวนคร่าวๆ ก็ต้องออกเดินทางราวๆ ตีห้า และคิดว่าคงโหดเอาเรื่อง เพราะเรากลับจากพระธาตุดอยกองมู ก็จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว เท่ากับได้นอนพักไม่ถึง 5 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
4:20 น. ทุกคนตื่นนอน มาอาบน้ำกันอีกครั้งก่อนออกเดินทาง น้ำก็เย็นซะเหลือเกิน เครื่องทำน้ำอุ่นก็ทำได้แค่ทำให้น้ำเย็นน้อยลง บรึ๊ยยยย หนาววว ...
แต่มันก็ดีทำให้ทุกคนตื่นเพราะความเย็นของน้ำ
4:50 น. ออกจากโรงแรม เตรียมตัวเดินทาง !!!!!!!!!! เฮ้อออออออออออออ หมวกกันน็อคหาย !!! เกิดเรื่องโชคร้ายกับผมนิดหน่อย ผมไม่ได้เอาหมวกขึ้นไปเก็บไว้บนห้อง เพราะลืมทิ้งไว้ที่รถ เช้ามา … หาย ... T-T และนี่มันก็ตีห้า ไม่มีร้านขายหมวกที่ไหนเขาเปิดกันแน่ๆ และเส้นทางหลังจากนี้ ทำให้ผมต้องไปโดยที่ไม่มีหมวกกันน็อค
5:00 ออกเดินทาง ...
ผม : ใส่แว่นกันลม โพกผ้า ใส่หมวกแก๊บอย่างดี ถุงมือพร้อม เสื้อกันหนาวพร้อม
ไอซ์ : หมวกกันน็อคเอามาเอง แบบเต็มใบ น้ำมันเต็มถัง ถุงมือขับรถมอเตอร์ไซด์ เสื้อกันหนาว พร้อม
โน๊ต : โพกผ้า ใส่หมวกมีกระจกกันลม เสื้อสองชั้น ถุงมือมือขับรถมอเตอร์ไซด์ธรรมดา พร้อม
ออก Start ........ ได้ 5 นาที
ผม : เฮ้ยยย แว่นเป็นฝ้าหว่ะ จอดๆๆๆๆ
ไอซ์ : เฮ้ยยย ถุงมือมันไม่กันลมหว่ะ เย็นมือหว่ะ แถมกระจกกันลมของหมวกกันน็อก
เป็นฝ้าหว่ะ
โน๊ต : เออ ทำไงดีว่ะ ต้องทนซินะ
วันนั้นหมอกลงจัด แว่นเป็นฝ้า ผมต้องถอดแว่นกันลมออก ไอซ์กันโน๊ต ต้องเปิดกระจกกันลมวิ่ง ไม่งั้นมองทางไม่เห็น ไอน้ำมันเกาะจนมองไม่เห็นทางเลยจริงๆ
ไปต่อๆๆๆ .... โห้ยยยยยยย อากาศตอนเช้าโคตรหนาว แถมหมอกลงจัด วิ่งไปนี่ตัวเปียกเลยทีเดียว ดูเหมือน “มือ” จะเป้นจุดที่ทรมานสุดๆ (แต่ไม่ใช่ผมนะ ถุงมือผมหนา) ไอซ์กับโน๊ต ใช้ถุงมือบางๆ ลมโกรก เย็นสบาย แต่พอมาเจอแบบนี้ ทั้งคู่แทบจะขับรถไม่ได้กันเลยทีเดียว มันบอกว่า มือชา ชาจนเจ็บไปหมดเลย แหม อยากให้มันสองคนเป็นคนอธิบายเองจัง และอยากให้ผู้อ่าน เห็นหน้ามันจัง จะได้ฟิล เลยว่าหน้าดูมันโคตรทรมานเบย แหะๆ
จอดพักเพราะมันหนาวววว
พวกเราจะเดินทางรวดเดียวถึงปางอุ๋งก็ทำไมได้ พวกเราต้องจอดกันเป็นระยะๆ เพื่อให้มืออุ่นขึ้น แล้วค่อยไปต่อ ก็ทำให้ถึงที่หมายล่าช้าไปอีก ตอนแรกกะจะไปให้ทัน 6 โมงเช้า พระอาทิตย์กำลังขึ้น แต่เลทไปถึง 6 โมงครึ่งได้มั่ง?
ที่นี้ต้องบอกเลยว่า สวยจริงๆ ยิ่งตอนแสงแดดสีทอง สาดส่องลงมา กระทบไอหมกที่ลอยอยู๋เหนือยผิวน้ำ เหมือนมีควันสีทอง ฉากหลังเป็นต้นไม้และภูเขา มีเงาสะท้อนจากผิวน้ำ ท้องฟ้าสดใส แหมมม คุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ ปะ ไปดูกันเลย
มีบริการนั่งเรือชมวิวด้วย
พาโน ยาวๆ กันซักใบ
พี่มากกกกขาาาาา พี่รู้ไหมว่าข้ารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลย ....
แข่งกันอยู๋รึเปล่านั่น????
พระอาทิตย์มาแล้ววววว ดีใจเนื้อเต้น อากาศได้อุ่นขึ้นซะที รู้ไหมผมหนาวววววว
เพื่อนโพ้มมม
ทิ้งท้ายปางอุ๋ยด้วยภาพนี้และกัน
เราใช้เวลาที่นี้ค่อนข้างนาน เพราะเราชอบ พอราวๆ 9:00 ก็ออกมาหาข้าวกินแถวๆนั้น เมนูที่ดูจะเด็ดๆ ก็หนีไม่พ้น “ข้าวต้ม” กับ “ไข่กะทะ” เครื่องดื่มก็ “กาแฟร้อน” เติ่มพลังก่อนออกเดินทางไปที่เป้าหมายต่อไป “หมู่บ้านรักไทย”
[CR] แมงกะไซด์ ไรเดอร์ : กว่า 700 กิโลเมตร กว่า 4,000 โค้ง บนเส้นทาง "เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน-ปาย II
ตอนที่หนึ่ง : http://ppantip.com/topic/34799565 - แมงกะไซด์ ไรเดอร์ : กว่า 700 กิโลเมตร กว่า 4,000 โค้ง บนเส้นทาง "เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน-ปาย"
ต่อจากตอนที่แล้ว พวกเราเข้านอนที่ แม่ฮ่องสอน และเราตกลงกันว่าเช้านี้ เราจะตื่นไปปางอุ๋งกัน ซึ่งปางอุ๋ง ห่างจากที่พักเราก็ประมาณ 44 กิโลเมตร และเราอยากไปให้ถึงที่นั่น ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นด้วย ฮึ๊บบ จากระยะทางคำนวนคร่าวๆ ก็ต้องออกเดินทางราวๆ ตีห้า และคิดว่าคงโหดเอาเรื่อง เพราะเรากลับจากพระธาตุดอยกองมู ก็จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว เท่ากับได้นอนพักไม่ถึง 5 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
4:20 น. ทุกคนตื่นนอน มาอาบน้ำกันอีกครั้งก่อนออกเดินทาง น้ำก็เย็นซะเหลือเกิน เครื่องทำน้ำอุ่นก็ทำได้แค่ทำให้น้ำเย็นน้อยลง บรึ๊ยยยย หนาววว ... แต่มันก็ดีทำให้ทุกคนตื่นเพราะความเย็นของน้ำ
4:50 น. ออกจากโรงแรม เตรียมตัวเดินทาง !!!!!!!!!! เฮ้อออออออออออออ หมวกกันน็อคหาย !!! เกิดเรื่องโชคร้ายกับผมนิดหน่อย ผมไม่ได้เอาหมวกขึ้นไปเก็บไว้บนห้อง เพราะลืมทิ้งไว้ที่รถ เช้ามา … หาย ... T-T และนี่มันก็ตีห้า ไม่มีร้านขายหมวกที่ไหนเขาเปิดกันแน่ๆ และเส้นทางหลังจากนี้ ทำให้ผมต้องไปโดยที่ไม่มีหมวกกันน็อค
5:00 ออกเดินทาง ...
ผม : ใส่แว่นกันลม โพกผ้า ใส่หมวกแก๊บอย่างดี ถุงมือพร้อม เสื้อกันหนาวพร้อม
ไอซ์ : หมวกกันน็อคเอามาเอง แบบเต็มใบ น้ำมันเต็มถัง ถุงมือขับรถมอเตอร์ไซด์ เสื้อกันหนาว พร้อม
โน๊ต : โพกผ้า ใส่หมวกมีกระจกกันลม เสื้อสองชั้น ถุงมือมือขับรถมอเตอร์ไซด์ธรรมดา พร้อม
ออก Start ........ ได้ 5 นาที
ผม : เฮ้ยยย แว่นเป็นฝ้าหว่ะ จอดๆๆๆๆ
ไอซ์ : เฮ้ยยย ถุงมือมันไม่กันลมหว่ะ เย็นมือหว่ะ แถมกระจกกันลมของหมวกกันน็อก เป็นฝ้าหว่ะ
โน๊ต : เออ ทำไงดีว่ะ ต้องทนซินะ
วันนั้นหมอกลงจัด แว่นเป็นฝ้า ผมต้องถอดแว่นกันลมออก ไอซ์กันโน๊ต ต้องเปิดกระจกกันลมวิ่ง ไม่งั้นมองทางไม่เห็น ไอน้ำมันเกาะจนมองไม่เห็นทางเลยจริงๆ
ไปต่อๆๆๆ .... โห้ยยยยยยย อากาศตอนเช้าโคตรหนาว แถมหมอกลงจัด วิ่งไปนี่ตัวเปียกเลยทีเดียว ดูเหมือน “มือ” จะเป้นจุดที่ทรมานสุดๆ (แต่ไม่ใช่ผมนะ ถุงมือผมหนา) ไอซ์กับโน๊ต ใช้ถุงมือบางๆ ลมโกรก เย็นสบาย แต่พอมาเจอแบบนี้ ทั้งคู่แทบจะขับรถไม่ได้กันเลยทีเดียว มันบอกว่า มือชา ชาจนเจ็บไปหมดเลย แหม อยากให้มันสองคนเป็นคนอธิบายเองจัง และอยากให้ผู้อ่าน เห็นหน้ามันจัง จะได้ฟิล เลยว่าหน้าดูมันโคตรทรมานเบย แหะๆ
พวกเราจะเดินทางรวดเดียวถึงปางอุ๋งก็ทำไมได้ พวกเราต้องจอดกันเป็นระยะๆ เพื่อให้มืออุ่นขึ้น แล้วค่อยไปต่อ ก็ทำให้ถึงที่หมายล่าช้าไปอีก ตอนแรกกะจะไปให้ทัน 6 โมงเช้า พระอาทิตย์กำลังขึ้น แต่เลทไปถึง 6 โมงครึ่งได้มั่ง?
ที่นี้ต้องบอกเลยว่า สวยจริงๆ ยิ่งตอนแสงแดดสีทอง สาดส่องลงมา กระทบไอหมกที่ลอยอยู๋เหนือยผิวน้ำ เหมือนมีควันสีทอง ฉากหลังเป็นต้นไม้และภูเขา มีเงาสะท้อนจากผิวน้ำ ท้องฟ้าสดใส แหมมม คุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ ปะ ไปดูกันเลย
เราใช้เวลาที่นี้ค่อนข้างนาน เพราะเราชอบ พอราวๆ 9:00 ก็ออกมาหาข้าวกินแถวๆนั้น เมนูที่ดูจะเด็ดๆ ก็หนีไม่พ้น “ข้าวต้ม” กับ “ไข่กะทะ” เครื่องดื่มก็ “กาแฟร้อน” เติ่มพลังก่อนออกเดินทางไปที่เป้าหมายต่อไป “หมู่บ้านรักไทย”