อธิบดีกรมศาสนา ชี้ จะให้พุทธฯ เป็นศาสนาประจำชาติ ต้องฟังทุกภาคส่วนก่อน
http://www.matichon.co.th/news/39520
“อธิบดีกรมศาสนา” ชี้ ข้อเสนอคณะสงฆ์ให้ “พุทธ” เป็นศาสนาประจำชาติต้องรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน แนะ ให้แยกแยะคำสอน – บทบาทองค์กร
เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 กับเจ้าหน้าที่ทหาร ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่ในรัฐบาลและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนภาพที่ออกจะกระทบต่อศรัทธาของประชาชนหรือไม่นั้น ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น คิดว่าทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม โดยเฉพาะผู้ที่เป็นผู้นำหรือมีบทบาทในสังคมต้องช่วยกันวิเคราะห์ จำแนก แยกแยะให้ดีว่า ส่วนไหนคือหลักธรรมคำสอน ส่วนไหนคือบทบาทองค์กร ตรงนี้ต้องแยกกัน ขณะที่กรมการศาสนาเองพยายามอย่างยิ่งคือ การนำหลักธรรมคำสอนมาประพฤติปฏิบัติ ซึ่งคือหัวใจและกระบวนการหน้าที่ของกรมการศาสนา ส่วนข้อเสนอของเครือข่ายคณะสงฆ์ที่เรียกร้องให้กำหนดศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินั้น ต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจหรือไม่ที่เกิดความขัดแย้งภายในศาสนา นายกฤษศญพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้ง แต่เป็นความเห็นที่แตกต่างกันบ้าง หากทุกภาคส่วนได้ปรึกษาหารือกัน ใช้หลักศาสนามาวินิจฉัยในการให้เหตุให้ผล คิดว่าทุกภาคส่วนจะได้ทิศทางในการเดินหน้า โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงของประเทศไทย สถาบันศาสนาเป็นสถาบันหลักของประเทศไทยมาโดยตลอด ฉะนั้น คิดว่าทุกคนให้ความสำคัญอยู่แล้ว เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่ากลุ่มการเมืองจะเอาเรื่องศาสนามาขับเคลื่อน นายกฤษศญพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ จึงไม่อาจจะตอบได้
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้คนไม่มองว่าเป็นม็อบพระ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ในหลักการแล้วไม่ใช่ม็อบ เป็นเรื่องของการรวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมทางศาสนาเท่านั้นเอง หากไปมองเป็นม็อบ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมมากๆ ต่อข้อถามว่า หากพระสงฆ์ทำผิดจะต้องถูกดำเนินการเหมือนกับฆราวาสหรือไม่ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ต้องไปดูอีกที ซึ่งทางคณะสงฆ์จะต้องมาวิเคราะห์ เป็นเรื่องการบริหารของคณะสงฆ์
อธิบดีกรมศาสนา ชี้ จะให้พุทธฯ เป็นศาสนาประจำชาติ ต้องฟังทุกภาคส่วนก่อน แนะ ให้แยกแยะคำสอน – บทบาทองค์กร
http://www.matichon.co.th/news/39520
“อธิบดีกรมศาสนา” ชี้ ข้อเสนอคณะสงฆ์ให้ “พุทธ” เป็นศาสนาประจำชาติต้องรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน แนะ ให้แยกแยะคำสอน – บทบาทองค์กร
เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวถึงเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 กับเจ้าหน้าที่ทหาร ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐมว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่ในรัฐบาลและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนภาพที่ออกจะกระทบต่อศรัทธาของประชาชนหรือไม่นั้น ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น คิดว่าทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม โดยเฉพาะผู้ที่เป็นผู้นำหรือมีบทบาทในสังคมต้องช่วยกันวิเคราะห์ จำแนก แยกแยะให้ดีว่า ส่วนไหนคือหลักธรรมคำสอน ส่วนไหนคือบทบาทองค์กร ตรงนี้ต้องแยกกัน ขณะที่กรมการศาสนาเองพยายามอย่างยิ่งคือ การนำหลักธรรมคำสอนมาประพฤติปฏิบัติ ซึ่งคือหัวใจและกระบวนการหน้าที่ของกรมการศาสนา ส่วนข้อเสนอของเครือข่ายคณะสงฆ์ที่เรียกร้องให้กำหนดศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินั้น ต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจหรือไม่ที่เกิดความขัดแย้งภายในศาสนา นายกฤษศญพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้ง แต่เป็นความเห็นที่แตกต่างกันบ้าง หากทุกภาคส่วนได้ปรึกษาหารือกัน ใช้หลักศาสนามาวินิจฉัยในการให้เหตุให้ผล คิดว่าทุกภาคส่วนจะได้ทิศทางในการเดินหน้า โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงของประเทศไทย สถาบันศาสนาเป็นสถาบันหลักของประเทศไทยมาโดยตลอด ฉะนั้น คิดว่าทุกคนให้ความสำคัญอยู่แล้ว เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่ากลุ่มการเมืองจะเอาเรื่องศาสนามาขับเคลื่อน นายกฤษศญพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ จึงไม่อาจจะตอบได้
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรให้คนไม่มองว่าเป็นม็อบพระ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ในหลักการแล้วไม่ใช่ม็อบ เป็นเรื่องของการรวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมทางศาสนาเท่านั้นเอง หากไปมองเป็นม็อบ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมมากๆ ต่อข้อถามว่า หากพระสงฆ์ทำผิดจะต้องถูกดำเนินการเหมือนกับฆราวาสหรือไม่ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า ต้องไปดูอีกที ซึ่งทางคณะสงฆ์จะต้องมาวิเคราะห์ เป็นเรื่องการบริหารของคณะสงฆ์