เพราะชอบอะไรที่แตกต่างจากคนรอบตัวมากไป เลยทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท

เราอยากรู้มากว่ามีใครเป็นแบบนี้มั้ย แต่บอกก่อนว่านิยามคำว่าเพื่อนสนิทของเราอาจจะไม่ตรงกับคนอื่นๆ เราเคยเจอในพันทิปนี่ละ ที่หลายๆคนบอกว่าเพื่อนสนิทไม่จำเป็นต้องชอบอะไรเหมือนๆกันเลย เรากลับงงในการใช้ชีวิตแบบนั้นว่าถ้าชอบอะไรไม่เหมือนกันแล้วจะมีกิจกรรมร่วมกันได้ยังไง เราคนนึงแหละที่จะไม่ทนทำกิจกรรมอะไรที่เราเฉยๆหรือไม่รู้สึกอิน/สนใจ และเราก็ไม่ต้องการให้เพื่อนหรือใครมาฝืนใจทำของที่เราชอบทั้งๆที่เขาไม่ได้อินไปกับเราหรือบางทีเขาเกลียดมันด้วยซ้ำ เมื่อเป็นแบบนี้พอมานับจริงๆแล้วคนที่จะทำกิจกรรมอะไรกับเราได้หลายอย่างที่สุดมันเลยมีน้อยตามไปด้วย เพราะกิจกรรมหรือความสนใจที่เราชอบหลายอย่างมันไม่ใช่อะไรที่เป็นกระแสหลักเลย มันไม่ใช่ของกลางๆ มันเป็นของกลุ่มเฉพาะ เป็น niche market อะไรทำนองนั้น แถมหลายๆอย่างก็เป็นสิ่งที่บ้านเราเพิ่งเปิดรับวัฒนธรรมพวกนี้จากต่างชาติใหม่ๆด้วยซ้ำ ไม่มีกลุ่มก้อนของคนไทยที่ทำกันเป็นล่ำเป็นสันหรือรู้จักในวงกว้างเท่าไหร่ มันเป็นอะไรที่ถ้าคนที่ไม่รู้จัก ไม่อิน ไม่สนใจ เขาจะไม่นึกอยากรู้ อยากลอง แบบเราน่ะ เรารู้สึกแบบนั้น

จะให้เล่าแบบเจาะจงเลยก็ได้ ตั้งแต่เด็กๆมาเราก็รู้สึกเราแตกต่างจากเพื่อนพอสมควรในเรื่องความชอบความสนใจ สมัยอนุบาลเลิกเรียนแล้วเด็กคนอื่นกลับบ้านมาก็เล่นกับพี่น้องหรือเด็กแถวบ้าน ไม่ก็ดูการ์ตูน แต่เรากลับดูรายการเพลง ตามนักร้อง เพื่อนๆวัยเดียวกันได้ของจากผู้ใหญ่เป็นของเล่น การ์ตูน เกม ใหม่ๆ แต่เราร้องขอจะเอาเทปพี่ติ๊ก พี่แช่ พอเริ่มเข้าป.1 เราได้ walkman เป็นของตัวเองแล้ว ในขณะที่เพื่อนๆได้ Game Boy กัน เราเหมือนผ่านช่วงวัยเด็กเล็กแล้วไปวัยรุ่นเลย วัยเด็กที่โตหน่อยเหมือนจะขาดหาย ไม่สนใจการ์ตูนหรืออะไรที่เพื่อนๆเขาทำกัน เรากลับกรี๊ดนักร้องในแบบที่พี่สาววัย 15 ของเพื่อนเราหลายๆคนเขากรี๊ด ไม่มีจริตแบบเด็กๆที่ยังกินขนมเลอะปากแล้วอ่านการ์ตูนตาหวานหมึกจีน เรากำเงินไปซื้อ The Boy ที่มี U.H.T. ลงปกแล้วมานั่งหลบมุมกรี๊ดอยู่คนเดียวตั้งแต่นมยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ แรดแต่เด็กเนอะ อิอิ แล้วที่เราติดตามวงการเพลงก็ไม่ใช่แค่กรี๊ดนักร้องอย่างเดียวเท่านั้นนะ เรารู้หมดใครโพรดิวซ์อัลบั้มไหน เพลงไหนใครแต่งเนื้อ ใครทำดนตรี ใครมาคอรัสให้ เราอ่านปกเทปละเอียดมากๆ ไม่ใช่สักแต่ฟังเพลงเอาฟินหรือเสพย์หนังหน้าคนหล่อไปวันๆ ซึ่งไอ้ความจริงจังในการเสพย์งานเพลงแบบนี้เด็กผู้หญิงในโรงเรียนคอนแวนต์มันไม่มีไง ขนาดเพื่อนบางคนเรียนเปียโนแต่เด็กๆก็ไม่ทำแบบเรา ถ้าเป็นเด็กผู้ชายอาการแบบนี้จะไม่แปลกเท่าไหร่ อันนี้คือคอมเมนท์จากปากเพื่อนผู้หญิงที่โตมาด้วยกันเองเลยนะ

พออายุสัก 11 เราก็เริ่มฟังเพลงฝรั่งแล้วเพราะที่บ้านเริ่มติดเคเบิล ในขณะที่เพื่อนๆเพิ่งจะเริ่มหันมาฟังเพลงแบบที่วัยรุ่นพึงจะเป็นกันเองละ เราก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับใครอีกเพราะเราฟังในสิ่งที่ชาวบ้านไม่ฟัง พอเข้ามัธยมก็ดีหน่อย ช่วงนั้นเพลงฝรั่งเริ่มแพร่หลาย เริ่มได้เพื่อนคอเดียวกันบ้างแล้ว เราก็สนใจในหนังเพิ่มขึ้นอีก พวกนิตยสารหนังดังๆในไทยสมัยก่อนเรามีหมด สะสม handbill เยอะมากด้วย แล้วก็เช่นเคย ไม่ได้ตามแค่หนังหน้าหล่อๆ เราอ่านบทวิเคราะห์ต่างๆแบบจริงจังมาก วิเคราะห์ใครจะได้ออสการ์เงี้ย ในขณะที่เพื่อนๆก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ดูหนังเอาเพลินอย่างเดียว เราเป็น movie geek ในสายตาหลายๆคนไปเลย ดูหนังที่โรงหนังสยาม/ลิโด วีคละ 2-3 เรื่อง อะไรเข้าใหม่ก็ตามดูหมด ยังไม่นับการบ้าบอลอีกนะ ที่เด็กผู้หญิงยุคนั้นบ้าบอลถือเป็นชนกลุ่มน้อยมากๆ

ทีนี้พอมาเข้ามหาลัย เริ่มเจอคนหลากหลายขึ้น เรารู้สึกเหมือนตัวประหลาด คนอื่นส่วนมากฟังเพลงไทยปกติทั่วไป แต่เราไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย ด้วยความที่เราเรียนด้านนิเทศฯ เราก็เลยต้องปรับตัวหันมาฟังเพลงไทยบ้าง เพราะคิดว่าถ้าเรียนด้านสื่อฯเราจะต้องเสพย์อะไรให้รอบด้าน ต้องรู้อะไรที่เป็นกระแสหลักด้วย แต่เราก็ทำได้ไม่นาน เหมือนเพราะอินเนอร์เราไม่ชอบอะไรที่มันเป็นกระแสหลักมั้ง เราก็แตกแขนงไปฟังงานนอกกระแสหลักอีก สกา เรกเก้ แจ๊ส บอสซา เวิล์ด อะไรพวกนี้ พอเรียนจบก็แตกหน่ออกมาที่ swedish pop กะพวก edm ต่อ

รวมเรื่องอื่นๆที่เราชอบแต่คนรอบๆตัวชอบกันน้อยก็อย่างเช่น การ sketch รูป ออกทริป sketch รูปในตัวเมืองงี้ การไปเดินตามอาร์ทแกลอรีหรือมิวเซียม การดูหนัง Bollywood หรือการกินอาหารอินเดีย เรียกง่ายๆว่าเป็นติ่งอินเดียเต็มตัว หรือการไปเดินงาน tattoo festival ต่างๆ การเล่นแผ่นเสียงหรือกล้องฟิล์มรุ่นเก่า แล้วก็กิจกรรม workshop งานฝีมือแขนงต่างๆอีกจำนวนนึง

ไอ้ความชอบเหล่าเนี้ย มันทำให้เราต้องคบเพื่อนหลายกลุ่มมาก แตกซอยย่อยออกไปตามชนิดของมันเลย เรารู้จักคนหลายกลุ่มที่เราคุยกับเขาเฉพาะเรื่องที่เราชอบตรงกัน เรื่องอื่นๆแทบไม่ได้คุยเพราะไม่รู้จะคุยอะไรจริงๆ คนที่เป็นติ่งอินเดียกับเรา ไปดูหนังด้วยกันได้ เรียนภาษาฮินดีด้วยกัน ไปตระเวณกินอาหารอินเดียด้วยกัน เขาก็ไม่ใช่คนที่จะไปนั่งฟังเพลงตามแจ๊สบาร์กับเราแน่ๆ ส่วนคนที่ฝึก/เรียนโยคะด้วยกัน เลิกเรียนแล้วเขาก็ไม่มีความเป็นติ่งอินเดียในตัวมากพอที่จะไปกินอาหารอินเดียกับเรา เขาไปกินราเม็งด้วยซ้ำ (ซึ่งเราไม่กินไง) หรือคนที่ไปนั่งชิลบาร์แจ๊สกับเรา อาจจะพอคุยเรื่องแผ่นเสียงเก่าที่สะสมด้วยกันได้ แต่ชวนไปดูหนังอินเดียหรือไปเดินงาน tattoo fest เขาก็คงไม่ไป อะไรประมาณนี้แหละ

มองย้อนไปว่าหลายๆคนชอบพูดกันว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดคือเพื่อนสมัยมัธยม ก็อาจจะใช่ แต่เพื่อนพวกนั้นของเราเขาชอบอะไรที่มันทั่วๆไปมากเลย นัดเจอกันก็คงกิน M.K. แล้วต่อด้วย After You จากนั้นไปดูหนัง Dead Pool กัน หรือถ้าเที่ยวกลางคืนก็คงไป Route 66 อะไรแบบนั้น แล้วมันไม่ใช่อะไรที่เราเอ็นจอยเลยจริงๆ ในทางกลับกันจะลากเขามานั่งฟังเพลงบรรเลงในบาร์แจ๊สที่เขาไม่อิน ลากเขาไปเสพย์หนังแขกที่เขาอาจจะหัวเราะในใจว่าแม่มจะเต้นเชรี่ยไรนักหนาน่ารำคาญ เราก็ทำไม่ได้ ทุกสิ่งที่อย่างนี้เลยหล่อหลอมให้เราต้องอยู่แต่ในโลกของเราคนเดียว ออกไปพบเจอผู้คนที่สนใจตรงกันตามโอกาส แต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิท หลายๆคนเป็นแค่คนรู้จักด้วยซ้ำ และผู้คนเหล่านี้และแต่ละคนเขาก็มีมุมที่ชอบอะไรที่มันไม่เป็นกระแสหลักกันแค่สองสามมุมเต็มที่อะ เช่น คนที่ฟังแจ๊สหรือกลุ่ม sketch ภาพเขาก็ดูหนังปกติที่คนอื่นๆดูกัน หรือคนที่เป็นติ่งอินเดียแบบเราเวลาเที่ยวกลางคืนก็ไปร้านที่มันกลางๆ ดนตรีสดร้องเพลงฮิตทั่วไปไทย-สากล ไม่ใช่ร้านที่เล่นเพลงแนวเฉพาะ พวกที่เรียนโยคะด้วยกันก็กินอาหารร้านดังๆทั่วไป ไม่ได้ติดกินอาหารอินเดีย พวกที่เดินตามงาน tattoo ถ้าไม่เสพย์งานร็อกหนักๆก็ฟังเพลงกึ่งตลาดกึ่งอินดี้ทั่วไป ไม่มีใครผ่าไปฟังแจ๊สเท่าไหร่ พอเห็นภาพใช่ปะ

ทุกวันนี้ถ้าไม่นับว่าแฟนเราคือเพื่อนสนิท เราก็แทบไม่มีเพื่อนสนิทเลย หรืออาจจะแค่สนิทใจที่จะคบหาด้วย แต่ไม่ใช่สนิทแบบที่จะชวนไปไหนไปกันได้ทุกที่ทุกอย่าง เพราะไม่ได้ชอบอะไรที่ตรงกันเท่าไหร่ ถ้าไม่นับการออกไปไหนกับแฟนหรือกับครอบครัวเดิมของเราแล้ว เราใช้ชีวิตนอกบ้านตัวคนเดียวเป็นส่วนใหญ่เลย มีใครมีชีวิตแบบเราบ้างมั้ย อยากรู้จัง คนที่คิดว่าตัวเองก็ชอบอะไรที่มันทั่วๆไปแบบชาวบ้านส่วนมาก แค่ตัวเองชอบแยกตัวด้วยความโลกส่วนตัวสูง เลยมักทำอะไรคนเดียว ไม่ค่อยคบคน อันนี้เราถือว่าคนละอย่างกับเรานะ ไม่ใช่เคสที่เรากำลังพูดถึง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่