ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องราวก่อนนะคะ เป็นเรื่องของแฟนคะ

แฟนโดนจับคดีเสพขับประมาณเดือนมกราคม ได้ประกันตัวออกจากโรงพักโดยใช่นายประกันเป็นคนประกัน
ต่อมาตำรวจได้นัดส่งสำนวนไปที่ศาลวันที่ 4 ก.พ ศาลได้ออกใบนัดให้ไปอีกในวันที่ 19 ก.พ ระหว่างที่รอไปขึ้นศาล
แฟนได้ออกไปเล่นสนุ๊กที่บ้านเพื่อน แล้วตำรวจได้ขอตรวจฉี่แฟนปรากฏว่าฉี่เป็นสีม่วง
ตำรวจจึงนำตัวมาที่โรงพักและตั้งขอหาเสพยา
โดยไม่มีการให้ประกันตัวเหมือนรอบที่แล้ว(อันนี้กฎหมายระบุไว้จริงไม่โทษตำรวจคะ)
ตอนเช้าตำรวจได้นำแฟนไปฝากขังที่เรือนจำและนำสำนวนไปยื่นที่ศาล และให้เราไปรอประกันที่คุมประพฤติ
แม่แฟนเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ของคุมประพฤติและได้เล่าทุกอย่างให้เข้าฟังว่าแฟนมีอีกคดีที่ต้องไปศาลวันที่ 19 ก.พ
แต่เจ้าหน้าที่คุมประพฤติแนะนำว่าให้แฟนบำบัด 15 วัน มันจะเป็นผลดีต่อตัวแฟนเราเอง  ซึ่งแม่แฟนก็เข้าใจ และได้แนะนำให้แม่ไปเลื่อนศาล
พอกลับมาบ้านแม่แฟนจึงไปคุยกับน้าที่เป็นทนาน น้าทนายแนะนำว่ามี 2 ทาง
คือ1.เลื่อนนัดศาลแต่อย่าให้ศาลรู้ว่าถูกบำบัดอยู่ที่เรือนจำเพราะถ้าศาลรู้รับรองว่าแฟนเราไม่รอดแน่ เปอร์เซ็นติดคุกสูง
2. คือนำตัวแฟนเราไปขึ้นศาลให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีทางนำไปได้แน่ จึงตัดสินใจไปเลื่อนศาล
จึงอยากถามผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่า
1. การตัดสินคดีเสพขับศาลจะนำคดีเสพมารวมด้วยหรือไม่ หรือตัดสินแยก
2. หากจะเลือนนัดศาลควรบอกความจริงว่าบำบัดอยู่หรือหาเหตุผลอื่น เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อคดีเสพขับมากที่สุด
3. ในคดีเสพขับศาลจะตัดสินอย่างไร หากรู้ว่าแฟนทำผิดอีก

(แฟนปฎิเสธว่าไม่ได้เสพและหลังจากแฟนเราไปบำบัดแม่แฟนจึงได้ไปถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์
คนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าตอนตรวจฉี่แฟนเราฉี่ไม่ออกตำรวจจึงให้กินน้ำของตำรวจที่เตรียมมาแม่แฟนจึงคาดว่าน่าจะเป็นการยัดข้อหา)