อยากแชร์ประสบการ์ "อกหักซ้ำซาก"

สวัสดีคะกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เราตั้งนะคะ ถ้าหากว่าพิมพ์ผิดหรือ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ.ตรงนี้ก่อนเลยคะ

เราแค่อยากระบาย อยากแชร์ประสบการณ์ความรักของเราที่ผิดหวัง แบบแรงๆ สองครั้งติดๆกันเลยคะ เพื่อเป็น Case study ใหกับหลายๆคน

และที่สำคัญ ในทุกๆคอมเม้นท์อาจจะเป็นกระจกสะท้อนตัวเรา ว่าเราเองหรือเปล่าที่ไม่ดี หรือฝ่ายผู้ชายเองหรือเปล่าที่ไม่ดี

ขอเริ่มเรื่องเลยละกันเนอะ ชื่อบุคคลที่สามเราขอใช้ตัวย่อเลยละกันนะคะ


ประสบการณ์รักครั้งแรก

เกิดขึ้นเมื่อตอนเราอายุ 15 คะ ตอนนั้นเราขึ้น ม.3คะ เรามีเพื่อนสนิทคนนึงชื่อ "บ๊วย" (นามสมมุติ) บ๊วยเป็นคนน่ารักมากคะ

ขาวๆ ตัวเล็กๆ มีคนจีบเยอะมากๆ วันนั้นเปิดเทอมวันแรกของ ม.3  เจอกับบ๊วยวันแรกมันดีใจมากกกก ที่เจอเรา มันบอกว่ามันไปเข้าค่ายธรรมะ

เยาชนที่เชียงใหม่มาแล้วมีได้แฟนกลับมาคนนึง น่ารักมากเลย ตี๋ๆขาวๆ ชื่อว่า "ไมค์ตี้" (นามสมมุติ) ไมค์ตี้จะเด็กกว่าเราปีนึงนะ อายุ 14 มันก็เม้าท์ให้ฟัง

เรื่องค่ายว่าสนุกแค่ไหน มีเพื่อนใหม่กลับมากี่คน ก็บลาๆๆๆ ตามประสาเด็กๆไม่เจอกันนาน

เราก็โอเครๆ ฟังๆไป คือจะบอกว่า ไมค์ตี้กับบ๊วยอยู่คนละจังหวัดนะ

คือขออธิบายก่อนนะว่าเป็นค่ายที่เด็กๆหลายจังหวัดไปรวมกันแล้วทำกิจกรรมกัน ไมค์ตี้อะอยู่ จ.ราชบุรี ส่วนเรากับบ๊วย อยู่นครสวรรค์

ซึ่งก็ไกลกันพอสมควรคือ ไมค์ตี้กับบ๊วยจะคุยกันสองทางคือ โทรศัพท์และ MSN ( เรื่องเกิดเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วคะ )

แรกๆก็รักกันดีนะคะ ตามประสารักเด็กๆในตอนนั้น แต่ด้วยความที่บ๊วยเป็นคนน่ารักมากๆก็มีคนมาจีบเยอะและด้วยความที่ใกล้ชิดกว่าทำให้บ๊วยหวั่นไหว

กับคนที่ใกล้กว่า จนทำให้การคุยโทรศัท์ของบ๊วยกับไมค์ตี้มันจืดจางลงไปคะ  และในระหว่างที่บ๊วยกับไมค์ตี้คบกันเราก็ มี MSN ของไมค์ตี้ด้วยนะคะ

โดยวันนั้นไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรืออะไรนะคะ และวันนี้แหละเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด คือวันนั้นพวกเรากลุ่มเพื่อนนัดกันไปทำรายงานบ้านเพื่อนคะ

ไปกันสี่ห้าคน เพราะเพื่อนคนนี้มีทั้ง คอม เนต และเครื่องปริ้นพร้อมเลย พอไปถึงบ้านเพื่อน เราก็ขอ On msnของเรา

และ ไมค์ตี้ก็เกิดอยากจะคุยกับบ๊วยขึ้นมา ขณะที่เราก็คุยกับเพื่อนเราอยู่เลยไม่อยาก Sing out account เราอะ เลยบอกให้ บ๊วย add E-mail

ไมตี้ในเมลเราสิจะได้คุยกันได้เพราะเราคุยกับเพื่อนเรา ส่วนบ๊วยก็ใช้ account เราคุยกับไมตี้ไปก่อนเป็นอันว่าเข้าใจกัน.................

ตัดมาเข้าเรื่องที่บ๊วยเริ่มมีใจให้ คนอื่นเลยนะ คือพอบ๊วยหวั่นไหวกับคนอื่นความรักก็เริ่มจืดจางลง จนในที่สุดเราเองที่เล่น MSN กับไมตี้อยู่บ้าง

ก็เป็นที่ปรึกษา ให้กับไมตี้อย่างเต็์มตัว เราปรึกษากันตามประสาเพื่อนคะ โดยที่เรากับไมตี้ไม่เคยเหนหน้ากันนะคะ เราคุยกันทาง MSN กันตลอดเลยคะ

บางทีเรากลับจากโรงเรียนก็จะมาออนเอม คือเราจะคุยกันช่วงประมาณ1 ทุ่มเพราะเรา อยู่วงโยธวาทิตโรงเรียนคะ เราเลยกลับประมาณ 6 โมงเย็น

จะกลับช้ากว่าเค้าก็จะรอเราเพื่อคุยกัน เราคุยกันประมาณ4 เดือนคะ มีวันนึงที่เค้ารู้สึกเสียใจมากๆเรื่อง บ๊วยเค้าบอกว่าจะเลิกกันแล้วเค้พิมพ์มาคำนึงทำให้

เราตกใจมากกกก เค้าบอกว่า "อยากตายจัง ทำไมบ๊วยต้องทิ้งเราด้วย"   เราเองตกใจมากๆคะ เลยบอกเค้าว่า "อย่าตายนะ ห้ามตาย เราไม่อยากเห็นตาย

เพราะความรักโดยอายุแค่เพียง 14 เองจะบ้าหรอ" ??????

ไมตี้บอกว่า เค้ารู้สึกสะดุดคำๆนี้ของเราคะ เค้าคิดว่า เราเป็นห่วงเค้ามากเลยหรอ ขนาดคนที่เป็นแฟนกันยังไม่ห่วงเค้าขนาดนี้เลย ทำไมนะ ทำไม????

แล้วเค้าก็เกิดรู้สึกดีกับเราขึ้นมากๆๆ แต่เรายังไม่รู้สึกอะไรเพราะเค้าก็ยังไม่ได้บอกอะไรเราตรงๆ ก็เครคะ ปลอบใจกันไป เราก็คุยกันปกติทุกวันคะ จนมีวันนึง

ไมตี้บอกว่า "เธอๆเรามีอะไรจะบอกอะ"  

เรา : "อะไรหรอ"

ไมตี้ : "เราคิดว่าตลอดเวลาที่เราคุยกัน เธอเป็นห่วงเรามาก เป็นที่ปรึกษาให้เรา เราว่าเราชอบเธอมากนะ เรารักเธอ เราเป็นแฟนกันนะ"

เรา : "...................อึ้งคะ ถ้าเป็นสมัยนี้ ก็จะเป็นวลีเด็ด คือ "สตั๊น3วิ"

แต่ลึกๆเราก็แบบใจเต้นอะ คือที่ผ่านที่เราคุยกันคือรู้สึกดีเหมือนกันหรอเราก็รู้สึกนะ แต่ไม่กล้าพูดและคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้เพราะไมตี้ก็แฟนเพื่อนอะ

แต่ตอนนั้นเราเองก็คิดว่า เฮ้ยยย เอาไงดี กูก็รู้สึกนะ เลยตัดสินใจพิมพ์ไปว่า

เรา : "แล้วเคลียร์เรื่องบ๊วยแล้วหรอ"

ไมตี้ : "เคลียรแล้วคือแฟนบ๊วยที่โรงเรียนเธออะ M มาด่าเค้าให้เลิกยุ่งกับบ๊วย และถามเราว่าทำไมเลิกไม่ได้ ถ้าเลิกไม่ได้ก็ไปตายซะ"

กับมีญาติบ๊วยที่ชื่อมุก มาเล่าเรื่องส่วนตัวของบ๊วยฟังทำให้ ไมตี้รับไม่ได้ มาสักพักประกอบคุยกับเราแล้วรู้สึกดีด้วยเลย ตัดสินใจแบบนี้

เรา : "ไปเคลียร์เรื่องบ๊วยเสร็จแล้ว เรื่องของเราค่อยว่ากันนะ"

และเราก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันคะ เราให้เบอร์แม่เราไปเพราะตอนนั้นเรายังไม่มีโทรศัพท์ของตัวเอง เราสั่งว่าห้ามโทรเดี๋ยวจะโทรไปเอง

คุยกันมา 5 เดือนยังไม่เคยแม้แต้ได้ยินเสียงกันเลยคะ และต่อจากนี้ไปจะเป็นการคุยโทรศัพท์ของเราครั้งแรกคะ

วันต่อมาเรากลับจากโรงเรียนแล้วเอาตังเหรียญไปหยอดตู้โทรศัพท์โทรหาไมตี้เป็นครั้งแรก สมัยนั้นเรายังไม่มีมือถือเป็นของตัวเองเลยคะ

พอเรากดๆไป วินาที ที่เราได้ยินเสียงเค้าเราตื่นเต้นมากคะ เป็นเสียงเด็กหนุ่มแบบ เพิ่งแตกหนุ่ม แบบใจสั่นมากๆ

แล้วเราก็คุยกันคะ วินาทีนั้นหวั่นไหวมากจริงๆคะ คือเราก็ตกลงเป็นแฟนกันทางโทรศัพท์วันนั้นเลย วันนั้นตรงกับวันที่ 27 สิงหาคม 2549 คะ ^^!!!

พอคบกันมาได้อาทิตย์นึง บ๊วยรู้เรื่องเราคะ เราปิดบ๊วยนะ เรากับบ๊วยทะเลาะกันหนักมาก ไม่ขอลงรายละเอียดนะคือยาวมากถึงขึ้นแตกหักเพื่อนๆในห้องก็

เริ่มมองเราไม่ดี ตอนนั้นเราเองก็ผิดนะ แต่มันมีการใส่ไฟเพิ่มเติมด้วยคะทำให้เราโดนเพื่อนแบนด์เกือบหมดห้องแย่มากๆเลย ตอนนั้นจนถึงทุกวันนี้เรากับ

บ๊วยยังไม่คุยกันเลยคะแบบว่าถ้าเจอหน้ากันก็ตีหน้ามึนและเหมือนคนไม่รู้จักกันไปเลย และอีกอย่างเราฟังความจากไมตี้ข้างเดียวด้วยประกอบกับเราเห็น

บ๊วยอินเลิฟกับคนที่คบอยู่ที่โรงเรียน ทำให้เราแน่ใจว่า โอเครคงเลิกกันแล้วจริงๆ แต่เองก็รู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นแต่ก็ทำไงได้มันรักไปแล้ว

เป็นรักครั้งแรกด้วย รักแบบเด็กๆมันดีนะคะ ใสๆ ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องแปดเปื้อน ไม่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นห่วงกันด้วยใจจริงไม่มีผลประโยช์น

ไม่ต้องดูว่าเค้ารวยมั้ยเราชอบช่วงแรกๆมากคะ ตอนที่เราคบกันไม่ถึงปีเราแลกตารางสอนกันคะ แล้วเราจะตื่นเช้า 07.15น.เพื่อมาช่วยกันจัดตารางสอน

ให้กันและกัน รู้สึกตอนนั้นมีความสุขรักแบบเด็กๆอะ ตอนนั้นเราเด็กกันมากและที่สำคัญเราคบกันแบบไม่เคยเจอหน้ากันคะ  ได้ยินแต่เสียงและมีแลกรูปส่ง

ไปรษณีย์หากันคะ คลาสสิคสุดๆ เวลาเราอยากให้ของกันเราจะส่งไปรษณีย์หากันคะ มีครั้งนึงเป็นวันเกิดเราเค้าส่งตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวใหญ่มาให้ที่โรงเรียน

เราเดินถือไปแกะที่ห้องวงโยรุ่นน้องผู้หญิงเห็นแล้วอิจฉาเลยคะ คือ ณ.ตอนนั้นเรารู้สึกตัวเองโชคดีมาก ค.คิดแบบเด็กๆนะคะ ทุกอย่างดูสวยงามมากจริงๆ

แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น อย่างที่บอกเราสองคนไม่เคยเจอกันเลยคะ เค้าอยากเจอเรามากเราคบกันใน ฐานะแฟนมา 1 ปีเรายังไม่เคยแม้แต่เห็นหน้าเรา

เค้าเองก็น้อยใจมากคะและเหมือนบ่นว่าอยากจะเลิก ตอนนั้นเราขึ้น ม.4 แล้วเราเลยเริ่มคิดหนีออกจากบ้านไปหาเค้า

จากนครสวรรค์ไปราชบุรีโดยที่ตัวเราเองก็ไม่เคยออกไปไหนเลย แม้แต่กรุงเทพก็ไม่เคยมาเหยียบ เราอยู่กับพ่อแม่มา 16 ปี เราอยู่ในสายตาท่านตลอดไป

เคยไปเที่ยวไหนเลย นอกจากหลังเลิกเรียนแอบไปบ้างหรือ โดนเรียนไปบ้างตามประสาเด็กวัยนั้นแต่พอหกโมงครึ่งไม่เกินทุ่มนึงต้องถึงบ้าน ตอนนั้นเราเลย

เริ่มปฏิบัติการหนีออกจากบ้านไปหาผู้ชายคะ เลยโทรถามรุ่นพี่ที่โรงเรียนถามทางไปกรุงเทพเพราะมันต้องมาต่อรถใช่มั้ยคะ ก็ได้รู้ทางและตอนนั้นถือว่า

ใจเด็ดมากๆเด็กสาวบ้านนอกอายุ 16 ไม่เคยมากรุงเทพ ตังค์ติดตัวมาไม่ถึงพันและไม่มีโทรศัพท์อาศัยโทรศัพท์สาธารณะถามทางรุ่นพี่ตลอดเลยคะ

ตอนเช้าเรารีบออกจากกบ้านและใช้โทรศัพท์ตู้โทรไปหาเค้าว่า วันนี้ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเจอกันก็นัดแนะกันคะ  เรานั่งรถทัวร์จากนครสวรรค์ไปกรุงเทพ

รอบ 08.00น.และไปถึงกรุงเทพ ประมาณ11.00น. นั่งวินมอเตอร์ไซค์จากหมอชิต 25 บาท มาลงBTS ต่อไปอนุเสาวรีย์ แล้วที่วิบากมากๆสมัยนั้นยังไม่มี

รถตู้ไปราชบุรีบ้านโป่งนะคะ นั่งรถเมล์สาย 28 และนั้นเป็นครั้งแรกที่เรานั่งรถเมล์กลัวมากแต่ก็คิดว่ามาขนาดนี้แหละต้องเอาให้สุด นั่งสาย 28 มาลงท่ารถ

สายใต้ ซึ่งสายใต้สมัยนั้นยังอยู่ที่ปิ่นเกล้าคะ ถ้าจำไม่ผิดคือเลยเซนทรัลปิ่นมาหน่อยนึงแหละ แล้วก็นั่งรถ ปอ.ไปลงบ้านโป่งคะ พี่บอกว่าต้องหารถที้ไปลง

หอนาฬิกาบ้านโป่งนะ ห้ามนั่งไปราชบุรีเพราะถ้าไปรถราชบุรีจะเข้าตัวเมืองเลย เราก็จำมาแค่นั่นแหละคะ สมัยก่อนตั๋วรถเมล์ ปอ.ไปบ้านโป่งจะเป็นตั๋วยาวๆ

เราก็นั่งมาตลอดทางคือกลัวมากนะคะ กลัวหลง แปลกที่และถามพี่กระเป๋าตลอดทางเลยว่า บอกหนูด้วยนะ หนูไม่เคยมา และแล้วววว ก็ถึงหอนาฬิกา

บ้านโป่งประมาณ 15.30น.เราก็คิดว่าจะพักโรงแรมสักคืนนึงแล้วค่อยรีบกลับเสาร์เช้า เพราะเราออกมาวันศุกร์คือโดดเรียนมาเลยแล้วโทรศัพท์ก็ไม่มี

พ่อแม่จะด่าค่อยไปว่ากันพรุ่งนี้ พอเรามาถึงหอนาฬิการถจะมาจอดหน้าเซเว่นแล้วก็จะมีวินมอไซ ซึ่งคนที่นั้นเค้าเรียกว่า "เมล์เครื่อง" คะ นั่งมาวินมาหน้า

โรงแรมๆนึงกะว่านอนที่นี้แหละ และหน้าโรงแรมก็มีตู้โทรศัพท์คะเราก็โทรหาเค้าคะว่า ตอนนี้เราอยู่หน้า โรงแรม... นี้นะหลบฝนอยู่ในตู้โทรศัพท์

เค้าบอกว่าเดี๋ยวจะรีบมา และนั้นแหละคะ เป็นวินาทีแรกที่เราสองคนเจอกัน

..........................................เดี๋ยวมาต่อนะคะ พิมพ์มาสองชั่วโมงติด ขอพักก่อน...................................
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
รอๆๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่