Deadpool หนังเกรียนๆของฮีโร่กวนๆ
หนังไม่กากอย่างที่เคยแอบกลัว เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่กวนๆแหกขนบ ฮาและเกรียนแบบไม่ยัดเยียดจนเกินไป เดินเรื่องเร็ว การเดินเรื่องมีการตัดสลับกลับไปกลับมาของอดีตกะปัจจุบัน มุกต่างๆมาถูกจังหวะแบบไม่ล้นหรือมากจนกลายเป็นหนังตลกล้อเลียนแนว scary movie ภาค superhero ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้สร้างที่คุมโทนได้ดีมาก ทำให้หนังไม่หลุดโลกไปจนกลายเป็นไม่มีระดับ เรื่องนี้จัดไป ให้ B+ เลยละกัน
ชอบตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่แสดงให้เห็นเลยว่า ถ้าคุณตัดสินใจมาดูด้วยความคาดหวังแบบ “อำนาจที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง” คุณเดินออกจากโรงกลับไปเถอะ เพราะในหนังเรื่องนี้จะมีแต่ความเกรียน ไม่ว่าจะบทพูดยียวนกวนประสาท คำพูดหยาบคาย มุกตลกสกปรกทะลึ่งตึงตัง ความรุนแรงเลือดสาด ไปจนถึงฉากโป๊เปลือยไปแบบจัดมา “ครบ” ทั้งหญิงชายเสมอภาคกันแต่โดยดี และไม่ได้ให้เห็นแต่ด้านหลังด้วยแบบ PG-13ด้วย ถึงว่าซิหนังถึงได้เรต R
แต่ความฮาของเรื่องนี้ไม่ได้คล้ายกับความฮาของ Guardians of the galaxy นะ ไม่รู้สึกว่าฮาสไตล์เดียวกัน เพราะ Guardians ก็ฮา แต่เหมือนเน้นฮาแบบไม่ได้จงใจมากเท่ากับ Deadpool คือ Guardians ไม่ถึงขั้นประกาศว่าเป็นหนังแอ๊คชั่นตลก แต่ฮาเพราะมีพระเอกมาดกวน ผองเพื่อนเพี้ยนๆ แล้วสถานการณ์ก็ดันพาไปได้อีก ในขณะที่ Deadpool เหมือนกรูตั้งใจมาฮา ไม่ว่าสถานการณ์จะพาไปหรือไม่พาไปก็ตาม
ทั้งนี้ทั้งนั้น ส่วนตัวคิดว่า แรงบันดาลในการทำ Deadpool ออกมาให้เป็นหนังฮาๆนี้ น่าจะเพราะทีมผู้สร้างเห็นว่า พอ Guardians ตลกแล้วชีวิตดี๊ดี เลยทำตามหรือเปล่านะ เลยทำตามบ้างแต่เอาแบบตลกเปิดเผยไปเลย เพราะ Guardians ฉายปลายซัมเมอร์ปี 2014 และ Deadpool เริ่มถ่ายทำจริงตอนมีนาคม 2015 หลังความสำเร็จแบบถล่มทลายของ Guardians นั่นเอง!!!
ยอมรับว่าเรื่องนี้ตอนแรกไม่ได้กะไปดู เพราะตอนดู trailer แล้วรู้สึกว่า คือมันไม่ใช่อ่ะ ถึงขั้นแอบคิดว่า หนังเรื่องนี้ตายไร้ญาติแน่ แต่พอมารู้ทีหลังว่า Ed Skrein แสดงเป็นตัวร้ายของเรื่องเท่านั้นแหละ เลยรีบเปลี่ยนใจไปดู เพราะชอบมาตั้งแต่ Games of Thrones แล้ว อิอิ (แต่ต่อมาบทของเขาใน series ดังกล่าวจะถูกเปลี่ยนตัวนักแสดง TT)
และหนังจากดูจบแล้วก็เช็คกระแสของหนังเรื่องนี้ในโลกออนไลน์เมืองไทยดูว่า คนส่วนใหญ่ชอบเหมือนเราหรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าเป็นคนดูผู้ชายชอบมาก อันนี้ไม่แปลกและสังเกตได้ชัดตั้งแต่ตอนดูจบแล้วเดินออกจากโรงแล้วล่ะค่ะ แต่ที่งงคือ ทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบหนังเรื่องนี้เลย บางคนถึงขั้นเกลียด ออกมาด่าว่า หนังไร้สาระ หนังห่วยมาก กากมาย อันนี้คืองง อะไรจะขนาดนั้น หนังสนุกมันส์ดีออกนะ
ประทับใจสุดๆคงหนีไม่พ้นความเป็นตัวของตัวเองของหนัง Deadpool และความกล้าหาญของผู้สร้างที่ตัดสินใจพาโทนเรื่องมาเป็นแนวนี้ อารมณ์แบบว่าในขณะที่หนัง Superhero เรื่องอื่นพยายามจะเครียดจะดราม่าจะซับซ้อน พยายามจะคุ้ยหาประเด็นหนักๆมานำเสนอในหนัง (ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะมันก็ทำให้หนัง Superhero ยุคใหม่ดูมีศักยภาพ และไม่ติ๊งต๊องเหมือนสมัย Batman ฉบับ George Clooney อ่ะนะ อันนั้นก็ไม่ไหวค่ะ)
โดย Deadpool จะมาในแนวแบบช่างมันฉันไม่แคร์ เรื่องอื่นเค้าจะออกมาเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่แนวแอ๊คชั่นดราม่าเป็นส่วนใหญ่ แต่จุดยืนของฉันคือฉันจะฮา เรื่องอื่นเค้าอาจจะซับซ้อนกันระดับอภิมหาปรัชญา แก่นแท้สัจธรรมโลกมนุษย์ ความถูกต้องดีงามความยุติธรรมคืออะไร อำนาจที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง หรืออะไรก็ตามแต่
(สปอยล์ละนะค่ะ) แต่ Deadpool ของ่ายๆสั้นๆ พระเอกไล่ฆ่าผู้ร้ายที่ทำลายชีวิตตน อันที่จริงก็ไม่ทำลายชีวิตนะ เพราะถ้าไม่ได้ผู้ร้าย พระเอกคงตายเพราะมะเร็งไปแล้ว เอาเป็นว่า ทำลายหน้าหล่อๆของพระเอกน่าจะเป็นนิยามที่เหมาะกว่า แล้วผู้ร้ายก็จับแฟนพระเอกไป พระเอกจึงต้องออกล่าผู้ร้าย เพื่อช่วยแฟนสาว และด้วยหวังว่า จะให้เขามาแก้ไขให้เขาหน้าหล่อเหมือนเดิม – จบจ๊ะ เอิ่มมม นี้คือแทบจะสรุปหนังทั้งเรื่องแล้วนะ
เรื่องนี้เลยออกมาเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่แนวแอ๊คชั่นคอมเมดี้ไปเลย กลายเป็นประกาศจุดยืนกันเลยทีเดียวว่า ถ้าเบื่อแนวผู้กำกับโนแลน หรืออาจไม่ได้เบื่อ แต่เหนื่อยเวลาต้องคิดตามหนังของแก คือบางประเด็นนี้แบบชีวิตเมิงยากไปป่ะ กรุณาทำให้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายเถอะค่ะ อะไรอย่างงี้ แล้วอยากเปลี่ยนแนวมาดูหนังซูเปอร์ฮีโร่แบบไม่ต้องเครียด เน้นแต่กวนๆเกรียนๆทะลึ่งตึงตังบ้าบอคอแตก ก็มาดูเรื่องนี้
แล้วก็ไม่ต้องไปแย่งประเด็นดราม่าของหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นด้วย เรื่องอื่นๆเค้าดราม่ากันจนจะนึกไม่ออกแล้วมั๊งว่า ภาคต่อไปจะดราม่าเรื่องอะไรกันดี 555
[Spoil] รีวิว Deadpool เมื่อ Guardians of the galaxy สอนให้รู้ว่า อย่าไปเครียดแล้วชีวิตจะดี - Deadpool จึงเอามั้ง!
ชอบตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่แสดงให้เห็นเลยว่า ถ้าคุณตัดสินใจมาดูด้วยความคาดหวังแบบ “อำนาจที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง” คุณเดินออกจากโรงกลับไปเถอะ เพราะในหนังเรื่องนี้จะมีแต่ความเกรียน ไม่ว่าจะบทพูดยียวนกวนประสาท คำพูดหยาบคาย มุกตลกสกปรกทะลึ่งตึงตัง ความรุนแรงเลือดสาด ไปจนถึงฉากโป๊เปลือยไปแบบจัดมา “ครบ” ทั้งหญิงชายเสมอภาคกันแต่โดยดี และไม่ได้ให้เห็นแต่ด้านหลังด้วยแบบ PG-13ด้วย ถึงว่าซิหนังถึงได้เรต R
แต่ความฮาของเรื่องนี้ไม่ได้คล้ายกับความฮาของ Guardians of the galaxy นะ ไม่รู้สึกว่าฮาสไตล์เดียวกัน เพราะ Guardians ก็ฮา แต่เหมือนเน้นฮาแบบไม่ได้จงใจมากเท่ากับ Deadpool คือ Guardians ไม่ถึงขั้นประกาศว่าเป็นหนังแอ๊คชั่นตลก แต่ฮาเพราะมีพระเอกมาดกวน ผองเพื่อนเพี้ยนๆ แล้วสถานการณ์ก็ดันพาไปได้อีก ในขณะที่ Deadpool เหมือนกรูตั้งใจมาฮา ไม่ว่าสถานการณ์จะพาไปหรือไม่พาไปก็ตาม
ทั้งนี้ทั้งนั้น ส่วนตัวคิดว่า แรงบันดาลในการทำ Deadpool ออกมาให้เป็นหนังฮาๆนี้ น่าจะเพราะทีมผู้สร้างเห็นว่า พอ Guardians ตลกแล้วชีวิตดี๊ดี เลยทำตามหรือเปล่านะ เลยทำตามบ้างแต่เอาแบบตลกเปิดเผยไปเลย เพราะ Guardians ฉายปลายซัมเมอร์ปี 2014 และ Deadpool เริ่มถ่ายทำจริงตอนมีนาคม 2015 หลังความสำเร็จแบบถล่มทลายของ Guardians นั่นเอง!!!
ยอมรับว่าเรื่องนี้ตอนแรกไม่ได้กะไปดู เพราะตอนดู trailer แล้วรู้สึกว่า คือมันไม่ใช่อ่ะ ถึงขั้นแอบคิดว่า หนังเรื่องนี้ตายไร้ญาติแน่ แต่พอมารู้ทีหลังว่า Ed Skrein แสดงเป็นตัวร้ายของเรื่องเท่านั้นแหละ เลยรีบเปลี่ยนใจไปดู เพราะชอบมาตั้งแต่ Games of Thrones แล้ว อิอิ (แต่ต่อมาบทของเขาใน series ดังกล่าวจะถูกเปลี่ยนตัวนักแสดง TT)
และหนังจากดูจบแล้วก็เช็คกระแสของหนังเรื่องนี้ในโลกออนไลน์เมืองไทยดูว่า คนส่วนใหญ่ชอบเหมือนเราหรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าเป็นคนดูผู้ชายชอบมาก อันนี้ไม่แปลกและสังเกตได้ชัดตั้งแต่ตอนดูจบแล้วเดินออกจากโรงแล้วล่ะค่ะ แต่ที่งงคือ ทำไมผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ชอบหนังเรื่องนี้เลย บางคนถึงขั้นเกลียด ออกมาด่าว่า หนังไร้สาระ หนังห่วยมาก กากมาย อันนี้คืองง อะไรจะขนาดนั้น หนังสนุกมันส์ดีออกนะ
ประทับใจสุดๆคงหนีไม่พ้นความเป็นตัวของตัวเองของหนัง Deadpool และความกล้าหาญของผู้สร้างที่ตัดสินใจพาโทนเรื่องมาเป็นแนวนี้ อารมณ์แบบว่าในขณะที่หนัง Superhero เรื่องอื่นพยายามจะเครียดจะดราม่าจะซับซ้อน พยายามจะคุ้ยหาประเด็นหนักๆมานำเสนอในหนัง (ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะมันก็ทำให้หนัง Superhero ยุคใหม่ดูมีศักยภาพ และไม่ติ๊งต๊องเหมือนสมัย Batman ฉบับ George Clooney อ่ะนะ อันนั้นก็ไม่ไหวค่ะ)
โดย Deadpool จะมาในแนวแบบช่างมันฉันไม่แคร์ เรื่องอื่นเค้าจะออกมาเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่แนวแอ๊คชั่นดราม่าเป็นส่วนใหญ่ แต่จุดยืนของฉันคือฉันจะฮา เรื่องอื่นเค้าอาจจะซับซ้อนกันระดับอภิมหาปรัชญา แก่นแท้สัจธรรมโลกมนุษย์ ความถูกต้องดีงามความยุติธรรมคืออะไร อำนาจที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง หรืออะไรก็ตามแต่
(สปอยล์ละนะค่ะ) แต่ Deadpool ของ่ายๆสั้นๆ พระเอกไล่ฆ่าผู้ร้ายที่ทำลายชีวิตตน อันที่จริงก็ไม่ทำลายชีวิตนะ เพราะถ้าไม่ได้ผู้ร้าย พระเอกคงตายเพราะมะเร็งไปแล้ว เอาเป็นว่า ทำลายหน้าหล่อๆของพระเอกน่าจะเป็นนิยามที่เหมาะกว่า แล้วผู้ร้ายก็จับแฟนพระเอกไป พระเอกจึงต้องออกล่าผู้ร้าย เพื่อช่วยแฟนสาว และด้วยหวังว่า จะให้เขามาแก้ไขให้เขาหน้าหล่อเหมือนเดิม – จบจ๊ะ เอิ่มมม นี้คือแทบจะสรุปหนังทั้งเรื่องแล้วนะ
เรื่องนี้เลยออกมาเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่แนวแอ๊คชั่นคอมเมดี้ไปเลย กลายเป็นประกาศจุดยืนกันเลยทีเดียวว่า ถ้าเบื่อแนวผู้กำกับโนแลน หรืออาจไม่ได้เบื่อ แต่เหนื่อยเวลาต้องคิดตามหนังของแก คือบางประเด็นนี้แบบชีวิตเมิงยากไปป่ะ กรุณาทำให้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายเถอะค่ะ อะไรอย่างงี้ แล้วอยากเปลี่ยนแนวมาดูหนังซูเปอร์ฮีโร่แบบไม่ต้องเครียด เน้นแต่กวนๆเกรียนๆทะลึ่งตึงตังบ้าบอคอแตก ก็มาดูเรื่องนี้
แล้วก็ไม่ต้องไปแย่งประเด็นดราม่าของหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นด้วย เรื่องอื่นๆเค้าดราม่ากันจนจะนึกไม่ออกแล้วมั๊งว่า ภาคต่อไปจะดราม่าเรื่องอะไรกันดี 555