สวัสดีครับ
ผมอยากตั้งกระทู้มานานแล้วครับ
หลายๆคนอาจจะมีคำถามแบบเดียวกันที่อยากถามกับคนเก่งของห้องว่า เรียนยังไงให้เก่ง?
*เวลาคนเก่งสอบได้เต็ม* เ_ี่ยยยสตรองมาก ทำได้ไงวะ? อ่านหนังสือยังไง? วันๆทำอะไรบ้าง? กินอะไรเป็นอาหาร?
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยตั้งคำถามแบบนั้นแก่เจ้าพวกหัวกะทิของห้อง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นพวกเขาหันมาตั้งคำถามกับผมแทนแล้วครับ ฮ่าๆ
ขอคำตอบก่อน
ทำได้ไงวะ?
ตอบ ไม่รู้ดิ คิดว่ามันง่ายก็มันดูง่ายไปหมด
อ่านหนังสือยังไง?
ตอบ อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ตามที่จดๆไว้
วันๆทำอะไรบ้าง?
ตอบ กิน นอน เล่นเกม ทำการบ้านบ้าง
กินอะไรเป็นอาหาร?
ตอบ กินข้าวครับ
กว่าจะอยู่ในจุดที่สามารถตอบได้กวน teen แต่เพื่อนไม่หมั่นไส้แบบนี้ต้องฝึกใจอยู่ค่อนข้างนานเลยครับ 5555
จริงๆมันไม่ได้มีไรมากหรอกครับ สิ่งแรกเลยที่ต้องมีเลยคือ 'ใจ
' คือสิ่งนี้สำคัญมากที่สุดเลยครับ คือถ้าใจมันมาอ่ะครับ อะไรๆมันก็จะตามมา
ผมบอกเลยในการเรียนหนังสือ ใจ ต้องดีมากๆ เชื่อในตัวเองว่าเราไม่ได้โง่ เราสามารถทำได้นะ สิ่งที่เราต้องทำคือ 'เปิดใจ' ให้กว้างๆครับ อย่าดูถูกตัวเอง ขนาดตัวเองยังไม่เชื่อใจตัวเองเลยจะเอาอะไรไปสู้คนอื่น แค่มีใจอ่ะครับ ก็ชนะคนไปหลายๆคนเลยเชื่อผม
เมื่อใจเราพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยครับ !
1.สำหรับวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี
คือใจของเราในวิชาเหล่านี้ต้อง Strong โครตครับ ใส่เกราะไว้ครับ กันความท้อแท้มาดาเมจ สิ่งที่เราต้องทำคือ
- ตอบทุกคำถามที่ครูถาม แม้เราจะตอบไม่ได้ก็ตาม ตอบไปเถอะครับไม่เสียหายอะไรเลย ตอบให้ครูได้ยินถ้าอยู่หลังห้องก็ตะโกนเลย ใครจะมองยังไงเราไม่ต้องสนใจครับ สิ่งนี้จะช่วยสร้างบรรยากาศในการเรียนให้ไม่น่าเบื่อ คุณครูจะได้มีกำลังใจสอนด้วยครับผม เราจะรู้สึกสนุกไปด้วย เผลอๆเพื่อนก็สนุกไปด้วยครับเพราะต้องมีบ้างที่เราตอบผิด ฮ่าๆ ให้พูดทวนคำที่อาจารย์เน้นไปด้วยครับ พยายามมองไปหนังสือ ในชีท สมมุติอาจารย์พูดว่า " โลกเป็นดาว...." เราเห็นในชีท บอกไว้ว่าโลกเป็นดาวเคราะห์ ให้เราพูดตามครูเลยครับว่า "เคราะห์ ! " สมองมันจะจดจำ เอาจริงๆ ได้ผลมากวิธีนี้
ถ้าอาจารย์ที่สอนเลื่องลือเรื่องความโหด เราอย่ากลัวครูไม่กล้าตอบครับ ตอบไปเลยครับ อาจารย์เค้าก็จะเอ็นดูเราจริงๆนะ ผมสนิทกับครูทุกคนเพราะตอบตลอดนี้แหละครับ อาจารย์เค้าอาจจะเหงา แหม่ก็ยืนพูดคนเดียวเป็นชั่วโมง เราก็ต้องมีส่วนร่วมกับท่านบ้างครับ
เช่น วิชาฟิสิกส์ เวลามีตัวเลขเยอะๆ อย่าปล่อยให้ท่านยืนคิดเองครับ เราชิงกดเครื่องคิดเลขบอกเขาไปเลย
เมื่ออาจารย์ลงท้ายด้วยคำว่า "บลา บลา บลา แบบนี้ใช่มั้ย?" ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นคำถามเชิงไม่อยากได้คำตอบ ให้ตอบไปเลยครับว่า ใช่ครับ!! เพราะอะไรรู้มั้ยครับ เราต้องทำตัวมีส่วนร่วมครับ ! สร้างบรรยากาศให้ตัวเอง ใจก็จะมา ถ้าเราตอบเนี้ยเราจะสนุกกับการตอบ ละถ้าตอบถูกมันจะมีแรงผลักดันให้อยากตอบอีก โหยคิดแล้วอยากให้ถึงวันจันทร์เร็วๆครับ ตอบวิชาชีวะแข่งกับเพื่อนมันส์มาก
(เทคนิค : ให้สังเกตหน้าครูดีๆครับ เวลาอาจารย์เค้าหันหน้าออกจากกระดาน หน้าจะแบบให้ความหวังเรามาก อารมณ์แบบตอบเถอะ)
- หากไม่เข้าใจอะไรให้ยกมือถามทันทีครับ (อันนี้คือต้องทำเลยครับ อย่าปล่อยให้ผ่านเลยไป)
เช่น อาจารย์พูดว่า "ความเค้นที่ขีดจำกัดสภาพยืดหยุ่น สูตรคือ ____" สมมุติเรารู้จักแค่ความเค้น เราไม่เข้าใจคำว่า ที่ขีดจำกัดสภาพยืดหยุ่น เราต้องรีบยกมือถามเลยครับ " อาจารย์ครับ ความเค้นที่ขีดจำกัดสภาพยืดหยุ่น คืออะไรครับ? " แต่ถามแค่นี้ยังไม่พอครับเราต้องมีคำถามไว้ในใจเก็บไว้ครับ หากอาจารย์ตอบยังไม่เคลียร์ความโง่ยังไม่หายไปจากหัว " แล้วมันอยู่ตรงจุดไหนของกราฟครับ? " "แล้วถ้า....." "แล้วถ้า...." หากไม่เข้าใจอีกให้ทำหน้างงๆไว้ครับ อาจารย์จะถามกลับว่ายังไม่เข้าใจอีกหรอ ละ 80% คือท่านจะยกตัวอย่างให้ฟังครับ 20% คือท่านจะสอนใหม่ครับ (แล้วแต่ความไฝว้ของแต่ละอาจารย์)
- จดทุกครั้งที่ท่านตอบคำถามของเรา เน้นตัวโตๆเลยครับ อย่าใช้ภาษาที่ตัวเองไม่เข้าใจ จดแบบให้เราเองเข้าใจ กลับมาอ่านอีกทีก็ต้องเข้าใจ จะวาดรูปละอธิบายก็ได้ครับ เช่น อธิบายลักษณะของเต่า 'ตากลมๆ กระดองเป็นรูปเหลี่ยม เหมือนที่เคยเห็นที่สวนสัตว์ มองดูน่ารักดี บางทีก็ปล่อยลำแสงเหมือนอุตร้าแมนไซย่า' อารมณ์แบบเราคุยกับตัวเองอ่ะครับ
[ ต่อครับผม ]
- วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่เอาจริงๆมันง่ายมากกกก มันตายตัวมาก 1+1 ก็คือ 2 (ยกเว้นพีชคณิตบูลีนนะ 555+) คือเราต้องจับประเด็นให้ได้มันจะค่อยๆเป็นค่อยไป จากตอนป.1 เราเรียนเลข 2 หลัก พอขึ้นป.2 เราก็เรียนเลข 3 หลัก คือถ้าเราคำนวณเลข 2 หลักไม่ได้เลข 3 หลักก็ไม่เหลือครับ คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ต่อเนื่อง เชื่อมโยง มันไม่ได้เรียนเรื่องนี้จบแล้วเราจะทิ้งเลย
ฟังผมนะสิ่งที่ต้องทำในการเรียนคณิตศาสตร์คือ เอาอคติทั้งหมดออกไปจากสมองและร่างกาย และเชื่อว่าตัวเองทำได้ วิชานี้เป็นวิชาที่ง่าย
หากเราไม่เข้าใจเนื้อหาเรื่องไหนให้ 'ย้อน' เน้นว่าย้อนกลับไปอ่านเรื่องก่อน ย้อนไปจนกว่าจะถึงเรื่องที่เราเข้าใจแล้วค่อยๆทำความเข้าใจใหม่
(ตอนผมพยายามใช้ใจเรียน ผมย้อนไปถึงเนื้อหาของป.5 ที่เทียบบัญญัติไตรยางค์อ่ะครับ ละค่อยๆทำความเข้าใจใหม่ มันจะง่ายมากถ้ากลับมาอ่านตอนนี้ ละจากนั้นก็ไม่มีคำว่าโง่คณิตศาสตร์ในชีวิตผมอีกเลย)
พยายามเขียนเยอะๆ เอากระดาษเปล่ามาแล้วเขียนสรุปสูตรโดยไม่เปิดหนังสือสัก 2-3 รอบ มันก็มีลืมบ้างแหละครับ แต่ถ้ามีไรมาสะกิดมันก็พอจะนึกขึ้นมาได้ ละก็ทำโจทย์เยอะๆก็สำคัญ แม้เราจะได้แล้วก็ตาม ทำสัก 200 ข้อครับ เรื่องเดียวนะ เราจะได้วิธีลัดโดยอัตโนมัติ เพราะเราเชี่ยวชาญแล้วไง มันจะได้วิธีลัด วิธีจำเองเลยครับเช่น ตรีโกณ ปีทาโกรัส ให้มุมมา 37 องศา ถามว่า sin 53 ได้เท่าไหร่ สมมุติว่าโจทย์ข้อนี้โหเจอมาราวๆ 40-50 ข้อแล้ว เมื่อไหร่ก็ถามอยู่นั่นแหละ สมองมันจะจำครับว่าถ้าวาดรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก 3 4 5 มุมที่อยู่ระหว่าง 5 3 คือมุม 53
sin คืออะไรอ่ะ ข้ามฉาก ตอบ 4/5 คราวหน้าถ้าเจอโจทย์ข้อนี้อีก กระบวนการคิดของเราจะไวขึ้นครับ
- วิชาเคมีและฟิสิกส์
เคมี ฟิสิกส์ จะไม่อะไรเลยครับ ถ้าเราเก่งคณิตศาสตร์ ที่เหลือก็ทฤษฎีล้วนๆ จับ keyword ของมันให้ได้ครับ พยายามคิดภาพตาม ฟิสิกส์เป็นวิชาที่ใช้อธิบายธรรมชาติครับ อะไรก็ตามที่เป็นธรรมชาติทุกอย่างล้วนสามารถอธิบายได้ตั้งแต่สิ่งเล็กๆอย่างอะตอมยันดวงอาทิตย์
เคมีก็ไม่ต่างกันเลย มันสัมพันธ์กับฟิสิกส์ด้วยซ้ำ มันเลยมีวิชาฟิสิกส์เคมี เรื่อง เทอร์โมไดนามิกส์เคมี ไงครับ หากเราไม่เข้าใจเคมีในอนาคตเราก็ไม่เข้าใจฟิสิกส์ เช่นกันหากเราไม่เข้าใจฟิสิกส์ในอนาคตเราก็ไม่เข้าใจเคมีไปด้วย
(เทคนิค : ทำโจทย์เยอะๆครับ วิชาพวกนี้มันตายตัวมาก F Cl Br I At ก็ยังคงเป็นธาตุหมู่ 7 อยู่วันยังค่ำ)
2.สำหรับวิชาท่องจำทั้งหลาย (ชีวะ สังคม ภาษาไทย ประวัติศาสตร์)
อาวุธที่เราต้องมีคือ ดินสอ ปากกาแดง ปากกาน้ำเงิน และสมุดของวิชานั้นครับ (สำหรับผมนะปากกาแดงกับน้ำเงินก็เหลือกินแล้ว มีเยอะนอกจากไม่จำแล้ว ยังเอาสมาธิไปกังวลกับเรื่องสีอีก จดไม่ทันอาจารย์พอดี)
ผมใช้วิธีเรียนในห้องแล้วไปเพิ่มเติมที่เรียนพิเศษครับ (วิชาชีวะ) จดปกติในห้องด้วยปากกาสีน้ำเงิน และเน้นที่สำคัญด้วยปากกาสีแดง วาดรูปบ้างถ้าอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
วิชานี้ต้องตอบโต้กับอาจารย์ครับ ถึงแม้จารย์จะขึ้นเรื่องใหม่ ให้ทำหน้าเหมือนรู้ถึงแม้ในหัวนี่มีความรู้ 0 ก็ตอบไปเถอะครับ เบาๆก็ได้เหมือนพูดกับตัวเอง สมมุติอาจารย์ถามว่า ไกลโคเจนคืออะไร เราจะคุ้นๆครับ ตอบไปเถอะครับ พยายามงัดสิ่งที่มีอยู่ในหัว ไขมันกับโปรตีนอะไรก็ว่าไป ถ้าผิดอาจารย์จะได้แก้ให้ครับ (ชีวะนี่ถ้าตอบแข่งกับเพื่อนนี่สนุกมากนะ 555555+ ถึงแม้สุดท้ายจะตอบผิดทั้งคู่ก็ตาม)
(เทคนิค : อย่าหลับครับ ถ้าง่วงจริงๆต้องมั่นใจว่าเรื่องนี้เราเข้าใจแล้ว ถ้าคิดว่าเข้าใจแล้วก็หลับได้ครับ 555+ แต่ถ้าไม่เข้าใจให้บอกกับตัวเองว่าเรายังโง่อยู่นะ จะหลับแล้วโง่ หรือตื่นมาเรียนแล้วฉลาด มันจะไม่ง่วงครับ ถ้าง่วงขั้นสุดท้ายแล้วให้จดครับ จดลูกเดียว จดยิกๆเลย ทำแบบฝึกหัดท้ายบทรอไปเลย ต้องหาไรทำ ตอนนั้นอาจารย์สอนหัวข้อเดียว ผมจดเกินไป 4 ข้อหัว 55555+ จดเพลินสุด)
วิชาพวกนี้เลี่ยงไม่ได้ว่าต้องจำครับ แต่ก่อนจำเราต้องเข้าใจก่อน ดูสารคดีดูไรพวกนี้เยอะๆ ช่วยได้มากครับ
เวลาจะสอบก็กลับมาเปิดๆอ่านที่เราขีดๆเขียนๆไว้ อ่านออกเสียงแล้วลองหลับตาท่อง
แค่เปิดใจก็พอละวิชาพวกนี้ ถึงแม้จะไม่เป๊ะแบบสอบได้เต็มจำได้ทุกรายละเอียด แต่ถ้าใจเราไปแล้ว ใจเราคิดว่าเราทำได้แล้ว วิชาพวกนี้ก็จิ๊บๆ
***************** ต้องทำการบ้านเอง เรียนรู้เอง ทำแบบฝึกหัดด้วยตัวเอง ไม่เข้าใจข้อไหนให้ไปถามครู *********************
ใส่ดอกจันให้ 3 ล้านตัว การทำเองคือเราชนะคนที่ลอกไปหลายขุมเลยครับ ข้อสอบที่ออกก็แบบฝึกหัดพวกนี้ทั้งนั้น แต่ถ้าเราเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ละอาจารย์ก็สั่งเยอะมาก ให้ลอกได้ครับ (แต่ในกรณีที่เข้าใจโครตๆแล้วนะ) ผมว่าทำเองเสร็จเร็วกว่าลอกนะ เวลาจะลอกก็ทำให้ความท้อแท้มาดาเมจด้วยครับ แบบเมื่อไหร่จะเสร็จทำไมเพื่อนมันเขียนคำตอบยาวจัง แต่ถ้าเราทำเองเราจะไม่รู้ครับว่าจะต้องตอบยาวแค่ไหน มันจะรู้สึกว่าเขียนแปปเดียวเอง เสร็จ 1 ข้อละ
ในความคิดของผมนะคนทุกคนเก่งเท่ากันครับ แล้วแต่ว่าจะมีใจมากแค่ไหน เท่านั้นเองครับ ถ้าคิดว่าตัวเองไม่โง่ ตัวเองเข้าใจ เราก็จะไม่โง่และเข้าใจครับ
เรียนแบบนี้หนังสือไม่จำเป็นต้องอ่านทบทวนมาก หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อใครหลายๆคนไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่เสียสละเวลามาอ่านกันครับ
ชอบก็ปักๆเอาไว้ก็ได้ครับ 55555+
เดี๋ยวมาต่อใต้คอมเมนต์ครับ มันให้แค่ 10,000 ตัวอักษร เกรงว่าจะไม่พอ
รีวิววิธีการเรียนหนังสือฉบับใช้ใจเรียน
ผมอยากตั้งกระทู้มานานแล้วครับ
หลายๆคนอาจจะมีคำถามแบบเดียวกันที่อยากถามกับคนเก่งของห้องว่า เรียนยังไงให้เก่ง?
*เวลาคนเก่งสอบได้เต็ม* เ_ี่ยยยสตรองมาก ทำได้ไงวะ? อ่านหนังสือยังไง? วันๆทำอะไรบ้าง? กินอะไรเป็นอาหาร?
ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยตั้งคำถามแบบนั้นแก่เจ้าพวกหัวกะทิของห้อง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นพวกเขาหันมาตั้งคำถามกับผมแทนแล้วครับ ฮ่าๆ
ขอคำตอบก่อน
ทำได้ไงวะ?
ตอบ ไม่รู้ดิ คิดว่ามันง่ายก็มันดูง่ายไปหมด
อ่านหนังสือยังไง?
ตอบ อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง ตามที่จดๆไว้
วันๆทำอะไรบ้าง?
ตอบ กิน นอน เล่นเกม ทำการบ้านบ้าง
กินอะไรเป็นอาหาร?
ตอบ กินข้าวครับ
กว่าจะอยู่ในจุดที่สามารถตอบได้กวน teen แต่เพื่อนไม่หมั่นไส้แบบนี้ต้องฝึกใจอยู่ค่อนข้างนานเลยครับ 5555
จริงๆมันไม่ได้มีไรมากหรอกครับ สิ่งแรกเลยที่ต้องมีเลยคือ 'ใจ ' คือสิ่งนี้สำคัญมากที่สุดเลยครับ คือถ้าใจมันมาอ่ะครับ อะไรๆมันก็จะตามมา
ผมบอกเลยในการเรียนหนังสือ ใจ ต้องดีมากๆ เชื่อในตัวเองว่าเราไม่ได้โง่ เราสามารถทำได้นะ สิ่งที่เราต้องทำคือ 'เปิดใจ' ให้กว้างๆครับ อย่าดูถูกตัวเอง ขนาดตัวเองยังไม่เชื่อใจตัวเองเลยจะเอาอะไรไปสู้คนอื่น แค่มีใจอ่ะครับ ก็ชนะคนไปหลายๆคนเลยเชื่อผม
เมื่อใจเราพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยครับ !
1.สำหรับวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี
คือใจของเราในวิชาเหล่านี้ต้อง Strong โครตครับ ใส่เกราะไว้ครับ กันความท้อแท้มาดาเมจ สิ่งที่เราต้องทำคือ
- ตอบทุกคำถามที่ครูถาม แม้เราจะตอบไม่ได้ก็ตาม ตอบไปเถอะครับไม่เสียหายอะไรเลย ตอบให้ครูได้ยินถ้าอยู่หลังห้องก็ตะโกนเลย ใครจะมองยังไงเราไม่ต้องสนใจครับ สิ่งนี้จะช่วยสร้างบรรยากาศในการเรียนให้ไม่น่าเบื่อ คุณครูจะได้มีกำลังใจสอนด้วยครับผม เราจะรู้สึกสนุกไปด้วย เผลอๆเพื่อนก็สนุกไปด้วยครับเพราะต้องมีบ้างที่เราตอบผิด ฮ่าๆ ให้พูดทวนคำที่อาจารย์เน้นไปด้วยครับ พยายามมองไปหนังสือ ในชีท สมมุติอาจารย์พูดว่า " โลกเป็นดาว...." เราเห็นในชีท บอกไว้ว่าโลกเป็นดาวเคราะห์ ให้เราพูดตามครูเลยครับว่า "เคราะห์ ! " สมองมันจะจดจำ เอาจริงๆ ได้ผลมากวิธีนี้
ถ้าอาจารย์ที่สอนเลื่องลือเรื่องความโหด เราอย่ากลัวครูไม่กล้าตอบครับ ตอบไปเลยครับ อาจารย์เค้าก็จะเอ็นดูเราจริงๆนะ ผมสนิทกับครูทุกคนเพราะตอบตลอดนี้แหละครับ อาจารย์เค้าอาจจะเหงา แหม่ก็ยืนพูดคนเดียวเป็นชั่วโมง เราก็ต้องมีส่วนร่วมกับท่านบ้างครับ
เช่น วิชาฟิสิกส์ เวลามีตัวเลขเยอะๆ อย่าปล่อยให้ท่านยืนคิดเองครับ เราชิงกดเครื่องคิดเลขบอกเขาไปเลย
เมื่ออาจารย์ลงท้ายด้วยคำว่า "บลา บลา บลา แบบนี้ใช่มั้ย?" ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นคำถามเชิงไม่อยากได้คำตอบ ให้ตอบไปเลยครับว่า ใช่ครับ!! เพราะอะไรรู้มั้ยครับ เราต้องทำตัวมีส่วนร่วมครับ ! สร้างบรรยากาศให้ตัวเอง ใจก็จะมา ถ้าเราตอบเนี้ยเราจะสนุกกับการตอบ ละถ้าตอบถูกมันจะมีแรงผลักดันให้อยากตอบอีก โหยคิดแล้วอยากให้ถึงวันจันทร์เร็วๆครับ ตอบวิชาชีวะแข่งกับเพื่อนมันส์มาก
(เทคนิค : ให้สังเกตหน้าครูดีๆครับ เวลาอาจารย์เค้าหันหน้าออกจากกระดาน หน้าจะแบบให้ความหวังเรามาก อารมณ์แบบตอบเถอะ)
- หากไม่เข้าใจอะไรให้ยกมือถามทันทีครับ (อันนี้คือต้องทำเลยครับ อย่าปล่อยให้ผ่านเลยไป)
เช่น อาจารย์พูดว่า "ความเค้นที่ขีดจำกัดสภาพยืดหยุ่น สูตรคือ ____" สมมุติเรารู้จักแค่ความเค้น เราไม่เข้าใจคำว่า ที่ขีดจำกัดสภาพยืดหยุ่น เราต้องรีบยกมือถามเลยครับ " อาจารย์ครับ ความเค้นที่ขีดจำกัดสภาพยืดหยุ่น คืออะไรครับ? " แต่ถามแค่นี้ยังไม่พอครับเราต้องมีคำถามไว้ในใจเก็บไว้ครับ หากอาจารย์ตอบยังไม่เคลียร์ความโง่ยังไม่หายไปจากหัว " แล้วมันอยู่ตรงจุดไหนของกราฟครับ? " "แล้วถ้า....." "แล้วถ้า...." หากไม่เข้าใจอีกให้ทำหน้างงๆไว้ครับ อาจารย์จะถามกลับว่ายังไม่เข้าใจอีกหรอ ละ 80% คือท่านจะยกตัวอย่างให้ฟังครับ 20% คือท่านจะสอนใหม่ครับ (แล้วแต่ความไฝว้ของแต่ละอาจารย์)
- จดทุกครั้งที่ท่านตอบคำถามของเรา เน้นตัวโตๆเลยครับ อย่าใช้ภาษาที่ตัวเองไม่เข้าใจ จดแบบให้เราเองเข้าใจ กลับมาอ่านอีกทีก็ต้องเข้าใจ จะวาดรูปละอธิบายก็ได้ครับ เช่น อธิบายลักษณะของเต่า 'ตากลมๆ กระดองเป็นรูปเหลี่ยม เหมือนที่เคยเห็นที่สวนสัตว์ มองดูน่ารักดี บางทีก็ปล่อยลำแสงเหมือนอุตร้าแมนไซย่า' อารมณ์แบบเราคุยกับตัวเองอ่ะครับ
[ ต่อครับผม ]
- วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่เอาจริงๆมันง่ายมากกกก มันตายตัวมาก 1+1 ก็คือ 2 (ยกเว้นพีชคณิตบูลีนนะ 555+) คือเราต้องจับประเด็นให้ได้มันจะค่อยๆเป็นค่อยไป จากตอนป.1 เราเรียนเลข 2 หลัก พอขึ้นป.2 เราก็เรียนเลข 3 หลัก คือถ้าเราคำนวณเลข 2 หลักไม่ได้เลข 3 หลักก็ไม่เหลือครับ คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ต่อเนื่อง เชื่อมโยง มันไม่ได้เรียนเรื่องนี้จบแล้วเราจะทิ้งเลย
ฟังผมนะสิ่งที่ต้องทำในการเรียนคณิตศาสตร์คือ เอาอคติทั้งหมดออกไปจากสมองและร่างกาย และเชื่อว่าตัวเองทำได้ วิชานี้เป็นวิชาที่ง่าย
หากเราไม่เข้าใจเนื้อหาเรื่องไหนให้ 'ย้อน' เน้นว่าย้อนกลับไปอ่านเรื่องก่อน ย้อนไปจนกว่าจะถึงเรื่องที่เราเข้าใจแล้วค่อยๆทำความเข้าใจใหม่
(ตอนผมพยายามใช้ใจเรียน ผมย้อนไปถึงเนื้อหาของป.5 ที่เทียบบัญญัติไตรยางค์อ่ะครับ ละค่อยๆทำความเข้าใจใหม่ มันจะง่ายมากถ้ากลับมาอ่านตอนนี้ ละจากนั้นก็ไม่มีคำว่าโง่คณิตศาสตร์ในชีวิตผมอีกเลย)
พยายามเขียนเยอะๆ เอากระดาษเปล่ามาแล้วเขียนสรุปสูตรโดยไม่เปิดหนังสือสัก 2-3 รอบ มันก็มีลืมบ้างแหละครับ แต่ถ้ามีไรมาสะกิดมันก็พอจะนึกขึ้นมาได้ ละก็ทำโจทย์เยอะๆก็สำคัญ แม้เราจะได้แล้วก็ตาม ทำสัก 200 ข้อครับ เรื่องเดียวนะ เราจะได้วิธีลัดโดยอัตโนมัติ เพราะเราเชี่ยวชาญแล้วไง มันจะได้วิธีลัด วิธีจำเองเลยครับเช่น ตรีโกณ ปีทาโกรัส ให้มุมมา 37 องศา ถามว่า sin 53 ได้เท่าไหร่ สมมุติว่าโจทย์ข้อนี้โหเจอมาราวๆ 40-50 ข้อแล้ว เมื่อไหร่ก็ถามอยู่นั่นแหละ สมองมันจะจำครับว่าถ้าวาดรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก 3 4 5 มุมที่อยู่ระหว่าง 5 3 คือมุม 53
sin คืออะไรอ่ะ ข้ามฉาก ตอบ 4/5 คราวหน้าถ้าเจอโจทย์ข้อนี้อีก กระบวนการคิดของเราจะไวขึ้นครับ
- วิชาเคมีและฟิสิกส์
เคมี ฟิสิกส์ จะไม่อะไรเลยครับ ถ้าเราเก่งคณิตศาสตร์ ที่เหลือก็ทฤษฎีล้วนๆ จับ keyword ของมันให้ได้ครับ พยายามคิดภาพตาม ฟิสิกส์เป็นวิชาที่ใช้อธิบายธรรมชาติครับ อะไรก็ตามที่เป็นธรรมชาติทุกอย่างล้วนสามารถอธิบายได้ตั้งแต่สิ่งเล็กๆอย่างอะตอมยันดวงอาทิตย์
เคมีก็ไม่ต่างกันเลย มันสัมพันธ์กับฟิสิกส์ด้วยซ้ำ มันเลยมีวิชาฟิสิกส์เคมี เรื่อง เทอร์โมไดนามิกส์เคมี ไงครับ หากเราไม่เข้าใจเคมีในอนาคตเราก็ไม่เข้าใจฟิสิกส์ เช่นกันหากเราไม่เข้าใจฟิสิกส์ในอนาคตเราก็ไม่เข้าใจเคมีไปด้วย
(เทคนิค : ทำโจทย์เยอะๆครับ วิชาพวกนี้มันตายตัวมาก F Cl Br I At ก็ยังคงเป็นธาตุหมู่ 7 อยู่วันยังค่ำ)
2.สำหรับวิชาท่องจำทั้งหลาย (ชีวะ สังคม ภาษาไทย ประวัติศาสตร์)
อาวุธที่เราต้องมีคือ ดินสอ ปากกาแดง ปากกาน้ำเงิน และสมุดของวิชานั้นครับ (สำหรับผมนะปากกาแดงกับน้ำเงินก็เหลือกินแล้ว มีเยอะนอกจากไม่จำแล้ว ยังเอาสมาธิไปกังวลกับเรื่องสีอีก จดไม่ทันอาจารย์พอดี)
ผมใช้วิธีเรียนในห้องแล้วไปเพิ่มเติมที่เรียนพิเศษครับ (วิชาชีวะ) จดปกติในห้องด้วยปากกาสีน้ำเงิน และเน้นที่สำคัญด้วยปากกาสีแดง วาดรูปบ้างถ้าอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
วิชานี้ต้องตอบโต้กับอาจารย์ครับ ถึงแม้จารย์จะขึ้นเรื่องใหม่ ให้ทำหน้าเหมือนรู้ถึงแม้ในหัวนี่มีความรู้ 0 ก็ตอบไปเถอะครับ เบาๆก็ได้เหมือนพูดกับตัวเอง สมมุติอาจารย์ถามว่า ไกลโคเจนคืออะไร เราจะคุ้นๆครับ ตอบไปเถอะครับ พยายามงัดสิ่งที่มีอยู่ในหัว ไขมันกับโปรตีนอะไรก็ว่าไป ถ้าผิดอาจารย์จะได้แก้ให้ครับ (ชีวะนี่ถ้าตอบแข่งกับเพื่อนนี่สนุกมากนะ 555555+ ถึงแม้สุดท้ายจะตอบผิดทั้งคู่ก็ตาม)
(เทคนิค : อย่าหลับครับ ถ้าง่วงจริงๆต้องมั่นใจว่าเรื่องนี้เราเข้าใจแล้ว ถ้าคิดว่าเข้าใจแล้วก็หลับได้ครับ 555+ แต่ถ้าไม่เข้าใจให้บอกกับตัวเองว่าเรายังโง่อยู่นะ จะหลับแล้วโง่ หรือตื่นมาเรียนแล้วฉลาด มันจะไม่ง่วงครับ ถ้าง่วงขั้นสุดท้ายแล้วให้จดครับ จดลูกเดียว จดยิกๆเลย ทำแบบฝึกหัดท้ายบทรอไปเลย ต้องหาไรทำ ตอนนั้นอาจารย์สอนหัวข้อเดียว ผมจดเกินไป 4 ข้อหัว 55555+ จดเพลินสุด)
วิชาพวกนี้เลี่ยงไม่ได้ว่าต้องจำครับ แต่ก่อนจำเราต้องเข้าใจก่อน ดูสารคดีดูไรพวกนี้เยอะๆ ช่วยได้มากครับ
เวลาจะสอบก็กลับมาเปิดๆอ่านที่เราขีดๆเขียนๆไว้ อ่านออกเสียงแล้วลองหลับตาท่อง
แค่เปิดใจก็พอละวิชาพวกนี้ ถึงแม้จะไม่เป๊ะแบบสอบได้เต็มจำได้ทุกรายละเอียด แต่ถ้าใจเราไปแล้ว ใจเราคิดว่าเราทำได้แล้ว วิชาพวกนี้ก็จิ๊บๆ
***************** ต้องทำการบ้านเอง เรียนรู้เอง ทำแบบฝึกหัดด้วยตัวเอง ไม่เข้าใจข้อไหนให้ไปถามครู *********************
ใส่ดอกจันให้ 3 ล้านตัว การทำเองคือเราชนะคนที่ลอกไปหลายขุมเลยครับ ข้อสอบที่ออกก็แบบฝึกหัดพวกนี้ทั้งนั้น แต่ถ้าเราเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ละอาจารย์ก็สั่งเยอะมาก ให้ลอกได้ครับ (แต่ในกรณีที่เข้าใจโครตๆแล้วนะ) ผมว่าทำเองเสร็จเร็วกว่าลอกนะ เวลาจะลอกก็ทำให้ความท้อแท้มาดาเมจด้วยครับ แบบเมื่อไหร่จะเสร็จทำไมเพื่อนมันเขียนคำตอบยาวจัง แต่ถ้าเราทำเองเราจะไม่รู้ครับว่าจะต้องตอบยาวแค่ไหน มันจะรู้สึกว่าเขียนแปปเดียวเอง เสร็จ 1 ข้อละ
ในความคิดของผมนะคนทุกคนเก่งเท่ากันครับ แล้วแต่ว่าจะมีใจมากแค่ไหน เท่านั้นเองครับ ถ้าคิดว่าตัวเองไม่โง่ ตัวเองเข้าใจ เราก็จะไม่โง่และเข้าใจครับ
เรียนแบบนี้หนังสือไม่จำเป็นต้องอ่านทบทวนมาก หวังว่าจะมีประโยชน์ต่อใครหลายๆคนไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่เสียสละเวลามาอ่านกันครับ ชอบก็ปักๆเอาไว้ก็ได้ครับ 55555+
เดี๋ยวมาต่อใต้คอมเมนต์ครับ มันให้แค่ 10,000 ตัวอักษร เกรงว่าจะไม่พอ