เคยรู้สึกไหมครับว่าคณะที่ตัวเองเรียนอยู่ ไม่ใช่ทางของตัวเอง

สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้เเรกของผม
ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ
.
.
.
.
.
.
               ตอนนี้ผมเรียนอยู่มหาลัยชั้นปีที่3 ขอเล่าย้อนกลับไปตอนจะเลือกคณะช่วงจะสอบเข้ามหาลัย ช่วงประมาณม.5เทอม1 ในหัวผมมีคณะที่อยากจะลงเรียนอยู่คณะนึงคือคณะนิเทศศาสตร์ เเต่ด้วยเหตุผลที่ผมไม่รู้ว่าผมจะบอกยังไงกับครอบครัวผม คือเเม่ผมท่านอย่างให้ผมเรียนคณะนิติศาสตร์ ซึ่งมันคณะที่ต้องอ่านหนังสือเยอะมากต้องท่องตัวบทต้องอ่านประมวลอยู่ตลอด

              ซึ่งมันไม่ใช่ตัวผมเลยเพราะตอนเรียนมัธยมนั้นผมเป็นคนหนึ่งซึ่งไม่ชอบที่อ่านหนังสือเลย อยู่กับหนังสือนานไม่ได้เลย จะเอาจับนั้นจับนี้มาทำตลอด(ผมเป็นคนสมาธิสั้นครับ) ผมเคยคุยกับเเม่เรื่องคณะที่อยากจะเรียน ผมเองก็บอกไปตรงๆว่าชอบถ่ายรูป(เเม้จะถ่ายไม่ค่อยสวยเท่าไหร่)อยากเรียนคณะนิเทศมากกว่า เเต่เเม่ก็ไม่ยอมให้ผมเรียน จะให้ผมเรียนนิติศาสตรืให้ได้
ผมเองก็ไม่ค่อยชอบที่จะเถียงหรือคุยกับเเม่ซักเท่าไหร่หรือเป็นเพราะตอนเด็กๆผมชอบโดนเเม่บ่นเเม่ว่าอยู่เป็นประจำ หรืออาจจะเพราะผมกลัวบาปไม่กล้าที่จะคุยกับเเม่ตรงๆ พอถึงวันที่ต้องเลือกลงคณะ ผมก็ไม่อยากจะขัดใจเเม่ก็เลยลงไว้อันดับเเรก เเละลงคณะที่อยากเรียนไว้อันสุดท้าย

              พอผลสอบประกาศออกมาดันติดคณะเเรก เราก็ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องไปสอบสัมภาษณ์ เอาจริงๆผมเองก็ไม่ใช่คนพูดเก่งหรือมีไหวพริบอะไรเลย(เอ๋อเเดกครับ)ถึงตอนสอบสัมภาษณ์ กรรมการที่สอบสัมภาษณ์ก็ถามคำถามง่ายๆ ไม่อยากเกินที่จะตอบเเละเป็นคำถามที่คลาสสิคมากว่า''ทำไมถึงอยากจะเรียนคณะนี้" ตอนสอบสัมภาษณ์นั้นผมได้คิวที่4 เพราะไปรอเป็นคนเเรกๆเลย คนที่ตอบคำถามคนเเรกๆคือตอบได้เเบบโปรมาก เเสดงถึงความตั้งใจที่จะเรียนจริงๆ เเล้วถึงคราวของผมคำถามเดียวกันอย่างที่บอกเเหละครับ ผมค่อยมีไหวพริบอะไรเลยตอบเเบบโง่มากๆว่า''เเม่ผมอยากให้เรียน''นั้นคือสิ่งที่ผิดพลาดครั้งเเรกของผมเลยครับ

             พอถึงวันประกาศผลสอบไม่น่าเชื่อว่าคำตอบโง่ๆเเบบนั้นมันทำให้ผมสอบผ่านเเละได้เข้าศึกษาในสาขานี้ เเม่ก็ดีใจครับทางบ้านดีใจมากที่ผมได้เรียนเเละมีที่เรียน(สมัครไปหลายที่มากครับเเต่ก็ไม่ติดซักที่เลย) ผมก็โอเคเอาวะลองดูซักตั้งจะเป็นอะไรเผื่อมันอาจจะใช้ทางของเราก็ได้
            (ปีหนึ่ง)พอเริ่มเรียนเทอมเเรก มีวิชาเอก2ตัว โอเคได้Aมาตัวนึง Cตัวนึง พอมาเทอมสองนี้ซิครับงานยากเริ่มมาเมื่อผมติดF 2วิชา เเม่ก็ไม่ว่าอะไรก็บอกว่าเทอมต่อไปค่อยลงเรียนใหม่เอานะ ตั้งใจเอาเอาให้มันผ่านไป

            (ปีสอง)ตอนปีหนึ่งยังไม่เท่าไหร่ครับเเต่พอขึ้นปีสองนี่ซิ เราก็โอเคเอาใหม่เริ่มใหม่ เเต่ที่มันพีคมาก(ไม่รู้ว่าคณะอื่นคือเรื่องปกติหรือผมไม่รู้เองรึป่าวนะ)คือมีวิชาเอก6ตัว เอาจริงๆตอนนั้นผมเองก็เริ่มรู้สึกท้อตั้งเเต่ที่ได้รู้ว่าเรียนวิชาเอก6ตัวเพราะตอนปี1มีวิชาเอก2ตัวก็อ่านหนังสือไม่ทันเพราะเรายังไม่รู้เเนวว่าต้องอ่านหนังสือตอนไหน เริ่มอ่านเมื่อไหร่ ปี1นี่ยังงงโลกอยู่คิดเเรกๆว่ามันจะสบายชิวๆเราก็เล่นเเต่เกมส์ซะเเล้วค่อยไปอ่านเอาวันใกล้จะสอบ(เป็นความคิดที่ผิดมากที่อ่านหนังสือวันใกล้สอบเพราะอ่านไม่ทันเเน่นอน น้องๆคนไหนที่คิดเเบบนี้ในคณะที่ต้องอ่านเยอะๆเเบบนี้ ขอให้คิดใหม่นะครับ)
พอเริ่มเรียนไปก็เอาเเล้วเล่นกูเเล้ว เริ่มงงเเดกเเล้วซิครับ ไม่รุ้ว่าอะไรเป็นอะไรเพราะเรียนคนเดียว เพื่อนสนิทก็ไม่มีบวกกับตอนนั้นเป้นช่วงที่เฮิร์ทจัดเพราะโดนเเฟนเก่าบอกเลิกตอนปีหนึ่ง(บอกเลิกช่วงก่อนสอบด้วย)ผมก็ไปไม่เป็นเลยทีเดียว วิชาที่เรียนมันมีหลายวิชาผมเองก็เริ่มอ่านหนังสือเต่ก็ยังใช้สูตรเดิมคืออ่านใกล้วันสอบ พอสอบจริงๆผลที่ตามมาคือติดเอฟไป5ตัวจาก6ตัว เกรดตกฮวบฮาบจนติดโปรเกือบโดนรีไทร์

           วันที่ผมต้องบอกเเม่เรื่องเกรด ผมทำใจอยู่นานมากเลยครับ เพราะไม่รู้จะบอกยังไงไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ไม่รู้จะอธิบายยังไง(ซู๊ดดดด...เพลงมา)ก็ต้องจำใจบอกเเม่ไปว่าติดเอฟ5วิชารวมของเก่าเป็น7ตัว เเม่ก็ด่าก็ว่าตามสเต๊ปครับโดนชุดใหญ่เลย ตอนนั้นผมท้อมากผมนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวที่หอ ผมอยากจะซิ่วมากอยากจริงๆอยากย้ายไปเรียนนิเทศมาก เเต่กว่าจะคิดได้เราเองก็อยู่ตั้งปี2เทอม1เเล้วถ้าจะซิ่วก็ต้องซิ่วตั้งเเต่ปี1เเล้ว ก็จำใจเรียนเทอมสองต่อไปลงวิชาของศึกษาทั่วไปเพื่อดึงเกรดลงวิชาเอกตัวเดียวก่อน ความคิดตอนนั้นเราอยากจะซิ่วมากอยากย้ายจริงๆ ใจมันออกไปเเล้วอยากย้ายไปคณะที่มันเป็นทางของเราจริงๆ พอปีสองเทอมสองเกรดก็ไม่ถึงเกณฑ์คือ2.00 ของคณะที่เราจะย้ายไป
           ก็ต้องลงซัมเมอร์เทอมสามลงทั่วไปอีกพอซัมเมอร์ผ่านไปเกรดออกมาก็ถึง2.00 เเต่ด้วยเหตุอะไรไม่รู้ทางคณะที่จะย้ายไปนั้นปรับเกณฑ์ใหม่ว่ารับเกรด2.50ขึ้นไปถึงจะรับพิจารณาขอย้ายคณะ ผมก็เฟลซิครับเเย่ไปหมด เลยลองไปถามอีกคณะก็เเย่อีกเหมือนกัน คือขอย้ายไม่ได้ต้องสมัครด้วยตัวเอง เเละที่ซวยมากคือพึ่งหมดวันสมัครไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สุดท้ายก็ไม่ได้ย้ายครับ จำใจเรียนคณะเดิมต่อไป
           (ปีสาม)ผมก็เริ่มหาเพื่อนเรียนด้วย เเต่คราวนี้ลงเรียน6วิชา เเก้ของเก่า3วิชาของใหม่อีก3วิชา ก็โอเคตั้งใจละคราวนี้ เป็นช่วงที่เรามีเเฟนใหม่พอดี การมีเเฟนในช่วงเรียนนั้นถือว่าดีเหมือนกันนะครับสำหรับผมมองว่ากำลงใจจากครอบครัวยังคงไม่พอ ต้องมีคนมาเป้นกำลังใจเพิ่มอีกคนนึงคือเเฟนครับ พอเริ่มเรียนผมก็บอกให้เเฟนผมช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ เราเองก็จะเป็นกำลังใจให้ ให้กำลังใจกันเเละกันครับ ก็มีกำลังใจอยากจะเรียนต่อ พอเริ่มเรียนได้เดือนนึงผมก็เริ่มอ่าน อ่านเพลินๆอ่านเล่นๆวันละหน้า2หน้าพอเข้าใจ อ่านทบทวนจากที่ไปเรียนในเเต่ละวัน
           พอวันใกล้สอบตารางสอบออกบอกเลยว่า เห้มากกกกกก(โชคชะตาช่างกลั่นเเกล้งเรา)คือสอบติดกันทุกวัน ไม่มีเว้นให้พักอ่านเลยมีวันนึงสอบ2วิชา ฮื้มมมมมมมมมม เเต่เราก็โอเคเพราะเราเองก็อ่านมาพอสมควรอ่านมาโดยตลอด ไม่อ่านเเฟนจะไม่คุยด้วย -3-  พอผลสอบออกมาก็โอเค เลี้ยงหมาไป4ตัว เลี้ยงเเมวตัวนึง เค๊(เสียงพี่ยุ่นฟรีเเลนซ์)เเต่ก็ติดเอฟอยู่ดีวิชาเดิมที่เคยตก(หืมมมมมม) ทางบ้านก็เริ่มเข้าใจเราว่ามันยากเราเองก็ทำเต็มที่เเล้ว
ก็ตั้งใจใหม่อีกทีนึง
.
.
.
.
.
.  
.
          จนถึงตอนนี้เเม่เองก็หวังให้เราเรียนจบจะทำงานอะไรก็ได้เเค่ขอให้เราจบ บอกทุกครั้งที่เจอกันว่าตั้งใจเรียนนะลูก เเค่หนูเรียนจบเเม่ก็หายเหนื่อยเเล้ว เราก็ฮึดสู้ซิถึงจะเรียนจบไม่ทันเพื่อนก็ตาม(จาก4ปีเป็น5ปี) กูตามพวกไปทีหลังก็ได้
          เเละสุดท้ายนี้ผมก็อยากฝากน้องๆทุกคนที่กำลังจะเลือกเรียนคณะต่างๆ ขอบอกไว้เลยว่า "จงเลือกเรียนคณะที่เราอยากเรียน" เพราะเราจะสนุกกับคณะที่เราเรียนได้อย่างเต็มที่ ส่วนใครที่เรียนเพื่อครอบครัวก็ขอให้ตั้งใจเรียนนะครับ อย่าเหลาะเเหละเหมือนผม ผมเองก็สงสารคนที่ส่งเสียเราเรียนเหมือนกัน ดังนั้น ขอให้ตั้งใจเรียนนะครับ ยิ้ม ยิ้ม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่