คือ.. เรื่องมีอยู่ว่า
จขกท ไปผ่าฟันคุดที่ทันตมชค่ะ แล้วไปเจอหมอทันตแพทย์ที่เขาเป็นคนรับผิดชอบผ่าฟันคุดให้เรา พอเจอครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนเลยค่ะ เพราะเขาน่ารักมากกกกกก สำหรับเรานะคะ คิดว่าเขาน่ารักดี ตัวสูงๆ ไม่ขาวมากเท่าไรแต่ก็ขาวอยู่ งงมั้ย555 ช่างมันๆ สรุปว่าน่ารักละกัน แล้วก็จัดฟันเหมือนเราเลย พอเจอกันครั้งแรก เราก็ถามว่าพี่เป็นหมอที่จะผ่าฟันคุดให้หนูเหรอคะ เขาก็ตอบมาว่า ใช่ครับ คำนี้คือคำแรกที่เขาพูดกับเรา โอ้ยยยย จะละลายค่ะ555
เราก็รีบสวัสดีพี่หมอ แล้วเขาก็รับไหว้เราค่ะ ระหว่างนั้นเขาก็ให้เรานั่งรอวัดความดัน เพราะคนมาทำฟันเยอะมาก เขาก็ไปหาเก้าอี้มาให้เรานั่งค่ะ แล้วเขาก็วัดความดันให้เรา เขาพูดว่า "ขออนุญาตวัดความดันหน่อยนะครับ" เราก็ยื่นแขนไปให้เขาวัดความดันให้ เขาก็บอกว่า ความดันต่ำนิดนึงนะครับ เราก็ตอบว่า พอดีเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยอ่าค่ะ^^ ความดันเลยต่ำมั้งคะ เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไรครับ งั้น "ขออนุญาตจับมือหน่อยนะครับ ขอวัดชีพจรแปปนึงครับ" แล้วเราก็ยื่นมือให้เขาค่ะ คุณหมอก็ให้เราหงายมือแล้วก็ใช้นิ้ววัดชีพจร (ในใจเราตอนนั้นคิดว่า ทำไมคุณหมอขออนุญาตบ่อยจัง5555 จะสุภาพไปถึงไหนคะหมออออ5555 ) คือหมอเขาสุภาพมากค่ะ พูดเพราะ น่ารัก เป็นกันเอง เฟรนลี่ด้วย
ลืมบอกไปค่ะ เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 5 ของมหาลัยเชียงใหม่ค่ะ เขาเลยได้มาผ่าฟันคุดให้เรา อิอิ โชคดีจังที่ได้เจอหมอใจดีแบบนี้ พอเขาผ่าฟันคุดให้เราเสร็จ เขาก็บอกให้ดูแลตัวเองรักษาแผลในช่องปากที่พึ่งผ่าเสร็จให้สะอาด แล้วก็นัดมาถอดด้าย(ภาษาเหนือเขาเรียก ไหม) ที่เขาเย็บเหงือกให้เรา พอถึงเวลานัดอาทิตย์ถัดมา เราก็ไปตามนัดค่ะ แต่ครั้งนี้เราไปช้ากว่าเวลานัดค่ะ เพราะมีเหตุขัดข้องนิดนึง หมอนัด 13:30 น. แต่เรามาถึง 14:00 น. ค่ะ เราเลทไปครึ่งชั่วโมง แต่หมอเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะที่เรามาช้า ก็พูดกับเราปกติดีเหมือนเดิมทุกอย่าง ถ้าเป็นหมอคนอื่นคงว่าเราแล้วค่ะที่เรามาเลท
พอเจอหมอเขาก็ให้เราไปถอดไหมที่ผ่าฟันครั้งที่แล้ว เราก็เลยบอกหมอให้ผ่าฟันคุดอีกข้างเราออกเลยค่ะ เรามีฟันคุดทั้งหมด 4 ซีก แต่มันขึ้นมาแล้ว 2 ข้างล่าง เราก็เลยให้หมอผ่าซีกที่ 2 ข้างล่างออกเลยค่ะ แต่หมอเขาเปลี่ยนให้เป็นหมออีกคนมาผ่าให้เรา หมอคนนั้นก็เป็นนักศึกษาแพทย์ปี 5 เหมือนกันค่ะ เหมือนเขาจะเป็นเพื่อนกันกับพี่หมอที่เราชอบด้วย อิอิ แต่พี่หมอคนแรกที่เราชอบเขาบอกว่า เดี๋ยวอีกข้างจะให้หมออีกคนถอนให้นะครับ เราก็เลยถามต่อไปว่า แล้วทำไมพี่ไม่ถอนให้หนูล่ะคะ เขาก็บอกว่า เพื่อนพี่ต้องสอบถอนฟันพอดีครับ พี่เคยถอนแล้ว เลยจะให้เพื่อนพี่ถอนให้น้อง (เขาเรียกแทนตัวเองว่า พี่ ฟังดูเป็นกันเองเนอะ น่ารักกก) 555
แล้วพี่หมอที่เราชอบก็บอกอีกว่า แต่พี่จะดูพี่หมออีกคนผ่าให้น้องตลอดการผ่าเลย คือพี่หมอเขาหมายถึงจะดูแลเราตลอดจนผ่าฟันเสร็จเลยค่ะ โอ้ยยย เขิน พอเราจะเข้าห้องไปผ่า ปรากฏว่า เตียงเต็ม!! เพราะเรามาช้า คนอื่นเขาเลยทำฟันกันก่อนเรา เตียงเลยเต็ม ในห้องทำฟันมันจะเป็นเตียงหลายๆเตียงติดต่อกันค่ะ หมอก็จะนั่งทำฟันให้คนไข้ใกล้ๆกันเลย ทำฟันถัดๆจากกันเลย แต่ก็ไม่ได้นั่งทำฟันใกล้กันขนาดนั้นนะคะ คือ เว้นระยะห่างอยู่ ตอนนั้นเตียงเต็ม พี่หมอเลยบอกเราว่า งั้นนั่งรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวรอเตียงว่างแล้วเราค่อยผ่า ตอนนั้นเราก็เลยมีเวลาคุยกันนิดนึงค่ะ อิอิ
พอเตียงว่าง ก็เริ่มปฏิบัติการผ่าฟันคุดซีกที่ 2 ในชีวิต แล้วก็ถอดไหมซีกแรกที่เราผ่าด้วยค่ะ แต่ครั้งที่สองนี่ไม่เจ็บเท่าครั้งแรก เพราะซีกที่สองฟันเราขึ้นตรงค่ะ เลยเอาออกง่าย ซีกแรกนี่ขึ้นเอียงค่ะ เลยเอาออกยากแล้วก็เจ็บมากๆ ปวดระบมหลายวันเลยค่ะ หน้าบวมด้วย แล้วตอนนั้นระหว่างที่ผ่า พี่หมอที่เราชอบเขาก็ยืนเป็นกำลังใจให้เราข้างๆเตียงค่ะ อิอิ แล้วเขาก็คอยดูพี่หมออีกคนผ่าให้เรา แล้วก็พูดไรกันไม่รู้ค่ะ เป็นศัพท์ทางการแพทย์ ภาษาอังกฤษล้วนๆเลยค่ะ เราฟังไม่ออก555 แปลไม่เป็นด้วย เราก็ฟังๆไป ตอนนั้นตื่นเต้นมาก แม้จะเป็นการผ่าฟันคุดครั้งที่สอง แต่เราก็กลัวเจ็บอยู่ดีตอนผ่าเขาเอาผ้าสีเขียวๆมาปิดหน้า เราก็เลยมองไม่เห็นอะไรเลย แล้วก็ให้ปากเราโผล่ขึ้นตรงผ้าที่เป็นวงกลม คนเคยทำฟันคงจะนึกออกนะคะ
เขาบอกว่า เคสนี้เป็นเคสการสอบที่ง่ายมาก แต่มีหมอทำฟันมุงดูตั้ง 8 คน!! หมอล้อมรอบเตียงเราเลยค่ะ เรารู้สึกปลอดภัยมาก เพราะหมอเป็นกำลังใจอยู่ล้อมรอบเตียงเลย55 แล้วก็มีอาจารย์ใหญ่ที่เขาคุมหมอ เขาก็คอยดูพี่หมอผ่าฟันให้เราแล้วก็ให้คะแนนพี่หมอค่ะ พอการผ่าฟันคุดของเราเสร็จสิ้นลง เขาก็ให้เรากัดผ้าก๊อตไว้ เลือดจะได้หยุดไหล พี่หมอที่เราชอบเขาก็ถามว่า เป็นไงบ้างเจ็บเหมือนครั้งแรกที่ผ่าไหม เราก็ตอบว่า ครั้งนี้เจ็บน้อยกว่าค่ะ^^ แล้วเราก็กะจะขอเฟสเขาอยู่แล้วค่ะ คิดในใจไว้ตั้งนานละว่าอยากได้เฟสเขา เราก็เลยตัดสินใจทำใจกล้าขอเฟสหมอค่ะ!! เราเลยลองพูดไปว่า "พี่คะ หนูขอเฟสพี่ได้มั้ยอ่ะ? " รู้มั้ยคะเขาตอบว่าไง
เขาตอบว่า ได้ครับ!! 5555 ตอนนั้นเราดีใจมากค่ะ หัวใจแทบเต้นไม่เป็นจังหวะ เราเลยยื่นโทรศัพท์ให้เขาพิมพ์ชื่อเฟสค่ะ เขาก็พิมพ์ชื่อเฟสให้เราแล้วก็เพิ่มเพื่อนค่ะ โอ้ยยยย แล่วๆๆๆ555 แล้วก็ยื่นโทรศัพท์คืนเรา จขกท ก็เลยบอกว่าขอบคุณนะคะยังไงพี่ไปรับแอดหนูด้วยน้าา หมอเขาก็ตอบมาว่า ครับผม โอ้ยยยย อกเราจะแตกค่ะ5555 รู้สึกดีมากตอนนั้น อยากจะกรี้ดดังๆ แทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ แล้วเขาก็ถามเราต่อว่าไงรู้มั้ยคะ หมอเขาถามเราว่า!! ว่าแต่น้องชื่อไรครับ ? โอ้ยยยย เรานี่แทบกรี้ดค่ะ555 เราก็บอกชื่อเราไป แล้วเขาก็ถามว่าอายุเท่าไรเหรอครับ ประมาณ 17 ป้ะ ? โหยยย หมอเขาคิดว่าเราอายุ 17 ค่ะ 5555 เราก็เลยบอกเขาว่า ไม่ได้อายุ 17 ค่ะ หนูอายุ 19 แล้ว5555 หมอก็หัวเราะแล้วบอกว่า อ้าวเหรอนึกว่า 17 ฮ่าาาๆๆ เราก็เขินค่าาา~ ( สงสัยที่เขาคิดว่าเรา 17 นี่คงเป็นเพราะเราตัวเล็กมั้งคะ เขาเลยคิดว่าเราอายุ 17 ฮ่าๆๆ)
เขาพูดต่อว่า ถ้าอายุ 19 ก็แสดงว่าอยู่มหาลัยแล้วสิครับ ? เราก็เลยตอบว่าใช่ค่ะ พึ่งอยู่ปี 1 มหาลัย แต่ตอนนี้ดรอปเรียน เขาก็ถามว่าทำไมดรอป ? เราก็เลยบอกว่า จะไปสอบใหม่ค่ะ จะซิ่วใหม่เพราะอยากเรียนครู ที่ลงเรียนไปมันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ เลยไม่อยากฝืนค่ะ ตอนแรกก็เรียนคณะวิทย์ แต่เราไม่ได้จบสายวิทย์มา เราเลยไม่ค่อยมีความรู้พื้นฐานวิทย์คณิตมากเท่าไร เพราะเราจบศิลป์ภาษาจีนมาค่ะ เราก็เลยบอกเขาไปว่าอยากเป็นครูสอนภาษาค่ะ เลยซิ่วจะไปสอบครูใหม่ เขาก็บอกว่า งั้นก็อ่านหนังสือเยอะๆ สอบให้ติดนะครับ^^ โอ้ยยยยย เขาให้กำลังใจเราด้วย คือดีอ่ะ 5555
ตอนนั้นโลกฟรุ้งฟริ้งขึ้นมาทันที555 ทุกอย่างดูสดใสไปหมด ลืมบอกไปค่ะ ตอนเขาผ่าฟันคุดให้เราครั้งแรก เขาบอกว่า อ้าปากกว้างๆ นะครับตัวเอง งื้ออออออ หมอเรียก จขกท ว่า "ตัวเอง" ด้วย น่ารักไปอีก เขินแรงงง แล้วเขาก็เล่าให้เราฟังว่า เขาก็เป็นเด็กซิ่วเหมือนกัน ตอนแรกเรียนเภสัชปี 1 แต่เจอเคมีเยอะมาก เรียนเคมีเยอะเกิน เขาสู้ไม่ไหว เขาไม่ชอบเรียนเคมี เขาเกลียดเคมีมาก เขาเลยซิ่วมาสอบทันตแพทย์ใหม่ ปรากฏว่าติดก็เลยเรียนมาจนถึงทุกวันนี้ โหยยยย คนอะไรจะเก่งขนาดนี้ สอบติดเภสัชแล้วก็มาสอบติดทันตแพทย์มอเชียงใหม่อีก เลิศเวอร์ หมอเก่งมากค่ะ ปรบมือรัวๆเลย👏🏼👏🏼 หลังจากนั้นก็จบการสนทนาค่ะ เราก็ออกจากห้องผ่าฟัน ตอนเราจะออกมารอรับยา เขาโบกมือบ้ายบายเราด้วย^^
เขาพูดว่า บ้ายบายครับ อาทิตย์หน้าเจอกัน โอ้ยยยย คือดีงาม555 หมอบ้ายบายเราด้วย ยิ้มให้อีก โอ้ยยย ใจละลาย 555 แล้ว 1 ชั่วโมงหลังจากนั้น เขาก็รับแอดเราค่ะ ปลื้มสุดๆ เราก็เลยเข้าไปส่องเฟสเขา ไปไลค์รูปรัวๆ แต่.. เงียบกริบ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรโต้ตอบกลับมาเลย เขาไม่ไลค์ตอบเลยค่ะ แต่ก็ดีแค่ไหนแล้วที่เขารับแอดเรา แค่นี้ก็ดีใจสุดๆแล้วค่ะ เราก็เห็นเขาออนนะ แต่ก็ไม่กล้าทัก กลัวรบกวน เพราะเขาคงเรียนหนัก งานเยอะด้วย เรียนหมอไม่ใช่ว่าง่ายๆ แต่เราเห็นรูปในเฟสเขาถือกล้องโปรด้วยค่ะ เขาชอบถ่ายรูป!! เป็นช่างภาพด้วย เป็นหมอด้วย ประเสริฐสุดๆ!!5555
เห็นเขารับถ่ายรูปปริญญาด้วย อัพรูปเพื่อนๆลงมีแต่รูปสวยๆเต็มไปหมด เขาเป็นหมอทันตะที่ถ่ายรูปสวยมากๆเลยค่ะ อยากมีโอกาสให้เขาถ่ายรูปสวยๆให้เราจังเนอะ มโนแปป555 แต่เราก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาใช่ ผช 100% รึเปล่า ? แต่ดูๆแล้ว เขาก็น่าจะใช่ ผช 100% นะคะ เพราะเขาชวนเราคุยเก่งมาก พูดดีมาก อัธยาศัยดี ดูแลเราเป็นอย่างดีด้วย ถ้าใครได้เป็นคนไข้ของเขานี่คงต้องแอบปลื้มเขาแน่ๆ เพราะเขาดูแลเราดีจริงๆค่ะ เราก็คิดนะว่าเขาคงเป็น ผช จริงๆแหละ น่าจะไม่ใช่เกย์ เพราะถ้าเป็นเกย์ เขาคงไม่ให้เฟสเรา ไม่ชวนเราคุย ไม่ถามชื่อเราก่อนแน่ๆ ท่าเดินเขาก็แมนนะคะ เหมือน ผช ทุกอย่าง
เราก็ชอบเขามากๆอ่ะ แต่ไม่กล้าทักแชท ไม่กล้าจีบ ไม่กล้าเริ่ม กลัวรบกวนเขา กลัวเราได้คำตอบที่ผิดหวัง กลัวหลายๆอย่าง ตอนนี้มีความสุขกับการแอบชอบมากๆ แต่จะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าได้เลื่อนความสัมพันธ์จากคนไข้กับหมอไปเป็นอย่างอื่น โอ้ยยย แอบคิดไปไกลเลยนะเนี่ย ไม่รู้จะจีบยังไงดีอ่าคะ กลัวพูดไรไปแล้วไม่ถูกใจเขา ไม่กล้าพอที่จะจีบ ไม่รู้จะเริ่มยังไง เดี๋ยวถ้าไปตามนัดเขาอาทิตย์หน้านี้ แล้วเจอเขาอีกจะมาเล่าประสบการณ์เขิลๆให้อ่านอีกนะคะ อิอิ
ตอนนี้ตี 2 กว่าแล้ว จขกท ขอไปนอนฝันหาคุณหมอที่น่ารักก่อนนะคะ555 แล้วถ้าใครมีวิธีแนะนำการจีบหมอ บอกต่อด้วยนะคะ มาเล่าสู่กันฟังด้วยน้าา มาคอมเม้นเยอะๆเลย จขกท รอคำตอบอยู่นะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบ บ้ายบายค่ะ อิอิ
แนะนำวิธีจีบหมอหนุ่มทีค่ะ จะจีบหมอทันตแพทย์ยังไงให้ติดดีคะ ?
จขกท ไปผ่าฟันคุดที่ทันตมชค่ะ แล้วไปเจอหมอทันตแพทย์ที่เขาเป็นคนรับผิดชอบผ่าฟันคุดให้เรา พอเจอครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนเลยค่ะ เพราะเขาน่ารักมากกกกกก สำหรับเรานะคะ คิดว่าเขาน่ารักดี ตัวสูงๆ ไม่ขาวมากเท่าไรแต่ก็ขาวอยู่ งงมั้ย555 ช่างมันๆ สรุปว่าน่ารักละกัน แล้วก็จัดฟันเหมือนเราเลย พอเจอกันครั้งแรก เราก็ถามว่าพี่เป็นหมอที่จะผ่าฟันคุดให้หนูเหรอคะ เขาก็ตอบมาว่า ใช่ครับ คำนี้คือคำแรกที่เขาพูดกับเรา โอ้ยยยย จะละลายค่ะ555
เราก็รีบสวัสดีพี่หมอ แล้วเขาก็รับไหว้เราค่ะ ระหว่างนั้นเขาก็ให้เรานั่งรอวัดความดัน เพราะคนมาทำฟันเยอะมาก เขาก็ไปหาเก้าอี้มาให้เรานั่งค่ะ แล้วเขาก็วัดความดันให้เรา เขาพูดว่า "ขออนุญาตวัดความดันหน่อยนะครับ" เราก็ยื่นแขนไปให้เขาวัดความดันให้ เขาก็บอกว่า ความดันต่ำนิดนึงนะครับ เราก็ตอบว่า พอดีเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยอ่าค่ะ^^ ความดันเลยต่ำมั้งคะ เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไรครับ งั้น "ขออนุญาตจับมือหน่อยนะครับ ขอวัดชีพจรแปปนึงครับ" แล้วเราก็ยื่นมือให้เขาค่ะ คุณหมอก็ให้เราหงายมือแล้วก็ใช้นิ้ววัดชีพจร (ในใจเราตอนนั้นคิดว่า ทำไมคุณหมอขออนุญาตบ่อยจัง5555 จะสุภาพไปถึงไหนคะหมออออ5555 ) คือหมอเขาสุภาพมากค่ะ พูดเพราะ น่ารัก เป็นกันเอง เฟรนลี่ด้วย
ลืมบอกไปค่ะ เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 5 ของมหาลัยเชียงใหม่ค่ะ เขาเลยได้มาผ่าฟันคุดให้เรา อิอิ โชคดีจังที่ได้เจอหมอใจดีแบบนี้ พอเขาผ่าฟันคุดให้เราเสร็จ เขาก็บอกให้ดูแลตัวเองรักษาแผลในช่องปากที่พึ่งผ่าเสร็จให้สะอาด แล้วก็นัดมาถอดด้าย(ภาษาเหนือเขาเรียก ไหม) ที่เขาเย็บเหงือกให้เรา พอถึงเวลานัดอาทิตย์ถัดมา เราก็ไปตามนัดค่ะ แต่ครั้งนี้เราไปช้ากว่าเวลานัดค่ะ เพราะมีเหตุขัดข้องนิดนึง หมอนัด 13:30 น. แต่เรามาถึง 14:00 น. ค่ะ เราเลทไปครึ่งชั่วโมง แต่หมอเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะที่เรามาช้า ก็พูดกับเราปกติดีเหมือนเดิมทุกอย่าง ถ้าเป็นหมอคนอื่นคงว่าเราแล้วค่ะที่เรามาเลท
พอเจอหมอเขาก็ให้เราไปถอดไหมที่ผ่าฟันครั้งที่แล้ว เราก็เลยบอกหมอให้ผ่าฟันคุดอีกข้างเราออกเลยค่ะ เรามีฟันคุดทั้งหมด 4 ซีก แต่มันขึ้นมาแล้ว 2 ข้างล่าง เราก็เลยให้หมอผ่าซีกที่ 2 ข้างล่างออกเลยค่ะ แต่หมอเขาเปลี่ยนให้เป็นหมออีกคนมาผ่าให้เรา หมอคนนั้นก็เป็นนักศึกษาแพทย์ปี 5 เหมือนกันค่ะ เหมือนเขาจะเป็นเพื่อนกันกับพี่หมอที่เราชอบด้วย อิอิ แต่พี่หมอคนแรกที่เราชอบเขาบอกว่า เดี๋ยวอีกข้างจะให้หมออีกคนถอนให้นะครับ เราก็เลยถามต่อไปว่า แล้วทำไมพี่ไม่ถอนให้หนูล่ะคะ เขาก็บอกว่า เพื่อนพี่ต้องสอบถอนฟันพอดีครับ พี่เคยถอนแล้ว เลยจะให้เพื่อนพี่ถอนให้น้อง (เขาเรียกแทนตัวเองว่า พี่ ฟังดูเป็นกันเองเนอะ น่ารักกก) 555
แล้วพี่หมอที่เราชอบก็บอกอีกว่า แต่พี่จะดูพี่หมออีกคนผ่าให้น้องตลอดการผ่าเลย คือพี่หมอเขาหมายถึงจะดูแลเราตลอดจนผ่าฟันเสร็จเลยค่ะ โอ้ยยย เขิน พอเราจะเข้าห้องไปผ่า ปรากฏว่า เตียงเต็ม!! เพราะเรามาช้า คนอื่นเขาเลยทำฟันกันก่อนเรา เตียงเลยเต็ม ในห้องทำฟันมันจะเป็นเตียงหลายๆเตียงติดต่อกันค่ะ หมอก็จะนั่งทำฟันให้คนไข้ใกล้ๆกันเลย ทำฟันถัดๆจากกันเลย แต่ก็ไม่ได้นั่งทำฟันใกล้กันขนาดนั้นนะคะ คือ เว้นระยะห่างอยู่ ตอนนั้นเตียงเต็ม พี่หมอเลยบอกเราว่า งั้นนั่งรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวรอเตียงว่างแล้วเราค่อยผ่า ตอนนั้นเราก็เลยมีเวลาคุยกันนิดนึงค่ะ อิอิ
พอเตียงว่าง ก็เริ่มปฏิบัติการผ่าฟันคุดซีกที่ 2 ในชีวิต แล้วก็ถอดไหมซีกแรกที่เราผ่าด้วยค่ะ แต่ครั้งที่สองนี่ไม่เจ็บเท่าครั้งแรก เพราะซีกที่สองฟันเราขึ้นตรงค่ะ เลยเอาออกง่าย ซีกแรกนี่ขึ้นเอียงค่ะ เลยเอาออกยากแล้วก็เจ็บมากๆ ปวดระบมหลายวันเลยค่ะ หน้าบวมด้วย แล้วตอนนั้นระหว่างที่ผ่า พี่หมอที่เราชอบเขาก็ยืนเป็นกำลังใจให้เราข้างๆเตียงค่ะ อิอิ แล้วเขาก็คอยดูพี่หมออีกคนผ่าให้เรา แล้วก็พูดไรกันไม่รู้ค่ะ เป็นศัพท์ทางการแพทย์ ภาษาอังกฤษล้วนๆเลยค่ะ เราฟังไม่ออก555 แปลไม่เป็นด้วย เราก็ฟังๆไป ตอนนั้นตื่นเต้นมาก แม้จะเป็นการผ่าฟันคุดครั้งที่สอง แต่เราก็กลัวเจ็บอยู่ดีตอนผ่าเขาเอาผ้าสีเขียวๆมาปิดหน้า เราก็เลยมองไม่เห็นอะไรเลย แล้วก็ให้ปากเราโผล่ขึ้นตรงผ้าที่เป็นวงกลม คนเคยทำฟันคงจะนึกออกนะคะ
เขาบอกว่า เคสนี้เป็นเคสการสอบที่ง่ายมาก แต่มีหมอทำฟันมุงดูตั้ง 8 คน!! หมอล้อมรอบเตียงเราเลยค่ะ เรารู้สึกปลอดภัยมาก เพราะหมอเป็นกำลังใจอยู่ล้อมรอบเตียงเลย55 แล้วก็มีอาจารย์ใหญ่ที่เขาคุมหมอ เขาก็คอยดูพี่หมอผ่าฟันให้เราแล้วก็ให้คะแนนพี่หมอค่ะ พอการผ่าฟันคุดของเราเสร็จสิ้นลง เขาก็ให้เรากัดผ้าก๊อตไว้ เลือดจะได้หยุดไหล พี่หมอที่เราชอบเขาก็ถามว่า เป็นไงบ้างเจ็บเหมือนครั้งแรกที่ผ่าไหม เราก็ตอบว่า ครั้งนี้เจ็บน้อยกว่าค่ะ^^ แล้วเราก็กะจะขอเฟสเขาอยู่แล้วค่ะ คิดในใจไว้ตั้งนานละว่าอยากได้เฟสเขา เราก็เลยตัดสินใจทำใจกล้าขอเฟสหมอค่ะ!! เราเลยลองพูดไปว่า "พี่คะ หนูขอเฟสพี่ได้มั้ยอ่ะ? " รู้มั้ยคะเขาตอบว่าไง
เขาตอบว่า ได้ครับ!! 5555 ตอนนั้นเราดีใจมากค่ะ หัวใจแทบเต้นไม่เป็นจังหวะ เราเลยยื่นโทรศัพท์ให้เขาพิมพ์ชื่อเฟสค่ะ เขาก็พิมพ์ชื่อเฟสให้เราแล้วก็เพิ่มเพื่อนค่ะ โอ้ยยยย แล่วๆๆๆ555 แล้วก็ยื่นโทรศัพท์คืนเรา จขกท ก็เลยบอกว่าขอบคุณนะคะยังไงพี่ไปรับแอดหนูด้วยน้าา หมอเขาก็ตอบมาว่า ครับผม โอ้ยยยย อกเราจะแตกค่ะ5555 รู้สึกดีมากตอนนั้น อยากจะกรี้ดดังๆ แทบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ แล้วเขาก็ถามเราต่อว่าไงรู้มั้ยคะ หมอเขาถามเราว่า!! ว่าแต่น้องชื่อไรครับ ? โอ้ยยยย เรานี่แทบกรี้ดค่ะ555 เราก็บอกชื่อเราไป แล้วเขาก็ถามว่าอายุเท่าไรเหรอครับ ประมาณ 17 ป้ะ ? โหยยย หมอเขาคิดว่าเราอายุ 17 ค่ะ 5555 เราก็เลยบอกเขาว่า ไม่ได้อายุ 17 ค่ะ หนูอายุ 19 แล้ว5555 หมอก็หัวเราะแล้วบอกว่า อ้าวเหรอนึกว่า 17 ฮ่าาาๆๆ เราก็เขินค่าาา~ ( สงสัยที่เขาคิดว่าเรา 17 นี่คงเป็นเพราะเราตัวเล็กมั้งคะ เขาเลยคิดว่าเราอายุ 17 ฮ่าๆๆ)
เขาพูดต่อว่า ถ้าอายุ 19 ก็แสดงว่าอยู่มหาลัยแล้วสิครับ ? เราก็เลยตอบว่าใช่ค่ะ พึ่งอยู่ปี 1 มหาลัย แต่ตอนนี้ดรอปเรียน เขาก็ถามว่าทำไมดรอป ? เราก็เลยบอกว่า จะไปสอบใหม่ค่ะ จะซิ่วใหม่เพราะอยากเรียนครู ที่ลงเรียนไปมันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ เลยไม่อยากฝืนค่ะ ตอนแรกก็เรียนคณะวิทย์ แต่เราไม่ได้จบสายวิทย์มา เราเลยไม่ค่อยมีความรู้พื้นฐานวิทย์คณิตมากเท่าไร เพราะเราจบศิลป์ภาษาจีนมาค่ะ เราก็เลยบอกเขาไปว่าอยากเป็นครูสอนภาษาค่ะ เลยซิ่วจะไปสอบครูใหม่ เขาก็บอกว่า งั้นก็อ่านหนังสือเยอะๆ สอบให้ติดนะครับ^^ โอ้ยยยยย เขาให้กำลังใจเราด้วย คือดีอ่ะ 5555
ตอนนั้นโลกฟรุ้งฟริ้งขึ้นมาทันที555 ทุกอย่างดูสดใสไปหมด ลืมบอกไปค่ะ ตอนเขาผ่าฟันคุดให้เราครั้งแรก เขาบอกว่า อ้าปากกว้างๆ นะครับตัวเอง งื้ออออออ หมอเรียก จขกท ว่า "ตัวเอง" ด้วย น่ารักไปอีก เขินแรงงง แล้วเขาก็เล่าให้เราฟังว่า เขาก็เป็นเด็กซิ่วเหมือนกัน ตอนแรกเรียนเภสัชปี 1 แต่เจอเคมีเยอะมาก เรียนเคมีเยอะเกิน เขาสู้ไม่ไหว เขาไม่ชอบเรียนเคมี เขาเกลียดเคมีมาก เขาเลยซิ่วมาสอบทันตแพทย์ใหม่ ปรากฏว่าติดก็เลยเรียนมาจนถึงทุกวันนี้ โหยยยย คนอะไรจะเก่งขนาดนี้ สอบติดเภสัชแล้วก็มาสอบติดทันตแพทย์มอเชียงใหม่อีก เลิศเวอร์ หมอเก่งมากค่ะ ปรบมือรัวๆเลย👏🏼👏🏼 หลังจากนั้นก็จบการสนทนาค่ะ เราก็ออกจากห้องผ่าฟัน ตอนเราจะออกมารอรับยา เขาโบกมือบ้ายบายเราด้วย^^
เขาพูดว่า บ้ายบายครับ อาทิตย์หน้าเจอกัน โอ้ยยยย คือดีงาม555 หมอบ้ายบายเราด้วย ยิ้มให้อีก โอ้ยยย ใจละลาย 555 แล้ว 1 ชั่วโมงหลังจากนั้น เขาก็รับแอดเราค่ะ ปลื้มสุดๆ เราก็เลยเข้าไปส่องเฟสเขา ไปไลค์รูปรัวๆ แต่.. เงียบกริบ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรโต้ตอบกลับมาเลย เขาไม่ไลค์ตอบเลยค่ะ แต่ก็ดีแค่ไหนแล้วที่เขารับแอดเรา แค่นี้ก็ดีใจสุดๆแล้วค่ะ เราก็เห็นเขาออนนะ แต่ก็ไม่กล้าทัก กลัวรบกวน เพราะเขาคงเรียนหนัก งานเยอะด้วย เรียนหมอไม่ใช่ว่าง่ายๆ แต่เราเห็นรูปในเฟสเขาถือกล้องโปรด้วยค่ะ เขาชอบถ่ายรูป!! เป็นช่างภาพด้วย เป็นหมอด้วย ประเสริฐสุดๆ!!5555
เห็นเขารับถ่ายรูปปริญญาด้วย อัพรูปเพื่อนๆลงมีแต่รูปสวยๆเต็มไปหมด เขาเป็นหมอทันตะที่ถ่ายรูปสวยมากๆเลยค่ะ อยากมีโอกาสให้เขาถ่ายรูปสวยๆให้เราจังเนอะ มโนแปป555 แต่เราก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาใช่ ผช 100% รึเปล่า ? แต่ดูๆแล้ว เขาก็น่าจะใช่ ผช 100% นะคะ เพราะเขาชวนเราคุยเก่งมาก พูดดีมาก อัธยาศัยดี ดูแลเราเป็นอย่างดีด้วย ถ้าใครได้เป็นคนไข้ของเขานี่คงต้องแอบปลื้มเขาแน่ๆ เพราะเขาดูแลเราดีจริงๆค่ะ เราก็คิดนะว่าเขาคงเป็น ผช จริงๆแหละ น่าจะไม่ใช่เกย์ เพราะถ้าเป็นเกย์ เขาคงไม่ให้เฟสเรา ไม่ชวนเราคุย ไม่ถามชื่อเราก่อนแน่ๆ ท่าเดินเขาก็แมนนะคะ เหมือน ผช ทุกอย่าง
เราก็ชอบเขามากๆอ่ะ แต่ไม่กล้าทักแชท ไม่กล้าจีบ ไม่กล้าเริ่ม กลัวรบกวนเขา กลัวเราได้คำตอบที่ผิดหวัง กลัวหลายๆอย่าง ตอนนี้มีความสุขกับการแอบชอบมากๆ แต่จะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าได้เลื่อนความสัมพันธ์จากคนไข้กับหมอไปเป็นอย่างอื่น โอ้ยยย แอบคิดไปไกลเลยนะเนี่ย ไม่รู้จะจีบยังไงดีอ่าคะ กลัวพูดไรไปแล้วไม่ถูกใจเขา ไม่กล้าพอที่จะจีบ ไม่รู้จะเริ่มยังไง เดี๋ยวถ้าไปตามนัดเขาอาทิตย์หน้านี้ แล้วเจอเขาอีกจะมาเล่าประสบการณ์เขิลๆให้อ่านอีกนะคะ อิอิ
ตอนนี้ตี 2 กว่าแล้ว จขกท ขอไปนอนฝันหาคุณหมอที่น่ารักก่อนนะคะ555 แล้วถ้าใครมีวิธีแนะนำการจีบหมอ บอกต่อด้วยนะคะ มาเล่าสู่กันฟังด้วยน้าา มาคอมเม้นเยอะๆเลย จขกท รอคำตอบอยู่นะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบ บ้ายบายค่ะ อิอิ