ตรุษจีนเพิ่งผ่านไปเด็กๆ หลายคนคงสุขใจได้เงินไปไม่มากก็น้อย เวลาที่จขกทให้เงินกับหลานๆ ก็มักจะถามว่าได้เงินแล้วจะไปทำอะไร เด็กมักจะบอกว่าจะไปซื้อขนม ของเล่น เกมส์ ให้พ่อแม่ ฝากธนาคาร กันเป็นส่วนใหญ่ แต่ว่าเมื่อสองปีที่แล้วช่วงหลังตรุษจีนไปบ้านเพื่อนสนิทชื่อ จ๋า (นามสมมุติ) พอถามลูกสาวกับลูกชายของจ๋าที่อายุ 5 ขวบ กับ 7 ขวบ ว่าจะเอาเงินแต๊ะเอียไปทำอะไร เด็กๆ บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าจะเอาไปซื้อหุ้น จขกทหยุดชะงักไปแป๊บนึง เอ๊ะ ชั้นฟังผิดรึเปล่านะ เลยถามซ้ำ เด็กก็ยังบอกอีกว่าไปซื้อหุ้น!! แถมยังบอกแบบท่าทางชิลชิล
โอ้โหเด็กสมัยนี้ก้าวหน้ามากเริ่มซื้อหุ้นกันตั้งแต่ 5 ขวบ จขกทเลยถามต่อไปว่าทำไมถึงจะซื้อหุ้นหล่ะ ก็ได้ความคิดเห็นแบบเด็กๆ ที่แม่จ๋าสอนมาว่า การซื้อหุ้นเป็นการปลูกต้นไม้ให้เงินงอกเงย เวลาที่พวกเขาโตขึ้นจะได้ใช้เงินไปจ่ายค่าเทอมดีกว่าเอาเงินไปซื้อขนมของเล่นหมด แหมน้องสองคนนี้มีแววเป็นเศรษฐีตั้งแต่ยังเด็ก เลยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงมหาเศรษฐีวอเรน บัฟเฟตที่เร่ิมลงทุนตั้งแต่อายุ 11 ขวบ
สาเหตุที่จ๋าสอนแบบนี้เค้าบอกว่าค่าเล่าเรียนและค่าเรียนพิเศษของเด็กสมัยนี้แพงมาก จ๋าเลยต้องรีบวางแผนตั้งแต่ตอนนี้จะได้ส่งลูกเรียนโรงเรียนที่ดี มีโอกาสเรียนในสิ่งที่อยากเรียน และโตไปเค้าตั้งใจจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกด้วย ถ้าไม่รีบวางแผนและ “ลงมือทำ” ตั้งแต่ตอนนี้เค้าคงไม่มีปัญญาส่งลูกเรียนสูงๆ อย่างที่ตั้งใจไว้เพราะกำลังเงินเดือนที่มีอยู่คงไม่พอ ต้องอาศัยการออมและการวางแผนลงทุนระยะยาว
ตัวของจ๋าเองถึงแม้ไม่ได้ทำงานธนาคารหรือไฟแนนซ์หรือจบด้านบัญชีเศรษฐศาสตร์ จ๋าจบด้านจิตวิทยาซึ่งไม่เกี่ยวกันเลยเหมือนเป็นดาวคนละดวง แต่จ๋าค่อยๆ เรียนรู้เรื่องการออมการลงทุนตั้งแต่อายุ 25 เพราะมีคุณแม่ที่รู้จักการลงทุนในหุ้นตั้งแต่สมัยสาวๆ จนตอนนี้สามารถเกษียณได้อย่างสบาย จ๋าเลยได้ตัวอย่างที่ดี คราวนี้พอจ๋ามีลูกเองเลยอยากปลูกฝังตั้งแต่ลูกยังเล็ก เด็กสมัยนี้ฉลาดเลยอยากเริ่มปลูกฝังตั้งแต่เล็ก
จขกท อดถามไม่ได้ว่าจ๋าเลือกหุ้นแบบไหนเพราะยังไม่อยากเห็นหุ้นเด็กน้อยต้องไปเที่ยวเหนือติดดอยกันตั้งแต่เด็ก
จ๋าเลยบอกว่าจ๋าเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปันผล เพราะมันมีผลตอบแทนสม่ำเสมอ จ๋าไม่กล้าไปเสี่ยงกับหุ้นซิ่งหรอกกับเงินของลูก คิดเล่นๆ ว่าถ้าเค้ามีเงินแต๊ะเอียปีละ 5,000 บาท ถ้าเค้าออมเงินไว้แบบนี้ทุกปีพอเค้าเข้ามหาวิทยาลัยเงินก้อนนี้ก็น่าจะมีทั้งเงินต้นดอกผลซักแสนได้ ไม่เลวเลย แต่ว่าถ้าตามใจลูกให้เค้าเอาไปซื้อของเล่นหมด เงินนี้ก็หมดกัน แต่จ๋าก็ไม่ได้ใจร้ายนะ ให้เค้าแบ่งเงินส่วนนึงไปซื้อขนมของเล่นด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็เก็บไปลงทุนเป็นค่าเล่าเรียนเค้านั่นแหล่ะ
มีเรื่องราวดีๆ เลยอยากแชร์ให้คนอื่นบ้างเผื่อได้ไอเดียในการออมเงินให้ลูกเป็นทุนการศึกษานะคะ ตัวเองไม่ได้ทำงานธนาคารหรือไฟแนนซ์เหมือนกัน แต่สนใจเรื่องการลงทุนเรื่องการออมเงินเพราะกลัวแก่ไปจะลำบากไม่มีเงินใช้อิอิอิ
แม่สอนไว้ดี ลูก 5 ขวบเก็บเงินแต๊ะเอียไว้ในหุ้นเป็นทุนการศึกษา
โอ้โหเด็กสมัยนี้ก้าวหน้ามากเริ่มซื้อหุ้นกันตั้งแต่ 5 ขวบ จขกทเลยถามต่อไปว่าทำไมถึงจะซื้อหุ้นหล่ะ ก็ได้ความคิดเห็นแบบเด็กๆ ที่แม่จ๋าสอนมาว่า การซื้อหุ้นเป็นการปลูกต้นไม้ให้เงินงอกเงย เวลาที่พวกเขาโตขึ้นจะได้ใช้เงินไปจ่ายค่าเทอมดีกว่าเอาเงินไปซื้อขนมของเล่นหมด แหมน้องสองคนนี้มีแววเป็นเศรษฐีตั้งแต่ยังเด็ก เลยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงมหาเศรษฐีวอเรน บัฟเฟตที่เร่ิมลงทุนตั้งแต่อายุ 11 ขวบ
สาเหตุที่จ๋าสอนแบบนี้เค้าบอกว่าค่าเล่าเรียนและค่าเรียนพิเศษของเด็กสมัยนี้แพงมาก จ๋าเลยต้องรีบวางแผนตั้งแต่ตอนนี้จะได้ส่งลูกเรียนโรงเรียนที่ดี มีโอกาสเรียนในสิ่งที่อยากเรียน และโตไปเค้าตั้งใจจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกด้วย ถ้าไม่รีบวางแผนและ “ลงมือทำ” ตั้งแต่ตอนนี้เค้าคงไม่มีปัญญาส่งลูกเรียนสูงๆ อย่างที่ตั้งใจไว้เพราะกำลังเงินเดือนที่มีอยู่คงไม่พอ ต้องอาศัยการออมและการวางแผนลงทุนระยะยาว
ตัวของจ๋าเองถึงแม้ไม่ได้ทำงานธนาคารหรือไฟแนนซ์หรือจบด้านบัญชีเศรษฐศาสตร์ จ๋าจบด้านจิตวิทยาซึ่งไม่เกี่ยวกันเลยเหมือนเป็นดาวคนละดวง แต่จ๋าค่อยๆ เรียนรู้เรื่องการออมการลงทุนตั้งแต่อายุ 25 เพราะมีคุณแม่ที่รู้จักการลงทุนในหุ้นตั้งแต่สมัยสาวๆ จนตอนนี้สามารถเกษียณได้อย่างสบาย จ๋าเลยได้ตัวอย่างที่ดี คราวนี้พอจ๋ามีลูกเองเลยอยากปลูกฝังตั้งแต่ลูกยังเล็ก เด็กสมัยนี้ฉลาดเลยอยากเริ่มปลูกฝังตั้งแต่เล็ก
จขกท อดถามไม่ได้ว่าจ๋าเลือกหุ้นแบบไหนเพราะยังไม่อยากเห็นหุ้นเด็กน้อยต้องไปเที่ยวเหนือติดดอยกันตั้งแต่เด็ก
จ๋าเลยบอกว่าจ๋าเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปันผล เพราะมันมีผลตอบแทนสม่ำเสมอ จ๋าไม่กล้าไปเสี่ยงกับหุ้นซิ่งหรอกกับเงินของลูก คิดเล่นๆ ว่าถ้าเค้ามีเงินแต๊ะเอียปีละ 5,000 บาท ถ้าเค้าออมเงินไว้แบบนี้ทุกปีพอเค้าเข้ามหาวิทยาลัยเงินก้อนนี้ก็น่าจะมีทั้งเงินต้นดอกผลซักแสนได้ ไม่เลวเลย แต่ว่าถ้าตามใจลูกให้เค้าเอาไปซื้อของเล่นหมด เงินนี้ก็หมดกัน แต่จ๋าก็ไม่ได้ใจร้ายนะ ให้เค้าแบ่งเงินส่วนนึงไปซื้อขนมของเล่นด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็เก็บไปลงทุนเป็นค่าเล่าเรียนเค้านั่นแหล่ะ
มีเรื่องราวดีๆ เลยอยากแชร์ให้คนอื่นบ้างเผื่อได้ไอเดียในการออมเงินให้ลูกเป็นทุนการศึกษานะคะ ตัวเองไม่ได้ทำงานธนาคารหรือไฟแนนซ์เหมือนกัน แต่สนใจเรื่องการลงทุนเรื่องการออมเงินเพราะกลัวแก่ไปจะลำบากไม่มีเงินใช้อิอิอิ