ตลาดหุ้นผ่านมาได้แค่ประมาณ 40 วันของปี 2559 อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นใจ หรือ อย่างที่ตลาดคาดคิดหลายๆอย่าง หากเรากลับไปดูเมื่อต้นปี ที่เหล่านักวิเคราะห์ หรือ นักลงทุน ทั้งไทยและต่างประเทศ ต่างพร้อมใจกันให้พี่นี้เป็นปีนี้
Top pick คือ
ให้น้ำหนัก หุ้น > ตราสารหนี้
หุ้น เน้นไปที่. ตปท โดยที่โดดเด่น คือ ญี่ปุ่น และ ยุโรป
ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์ ต่างๆ อย่าไปยุ่งน้ำมัน ทอง เลิกไปได้เลย
มุมมองต่อผลกระทบ และความเป็นไปได้ต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้ น่าจะมีต่อ ไม่มากก็น้อย

แต่แล้วเหมือนหนังคนละม้วน เกมส์การเงินไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เวลาผ่านไปแค่ประมาณ 40วัน อะไรๆก็ดูเหมือนจะไม่เข้ารูปเข้าลอยซะแล้ว

ตราสารหนี้ และทอง ออกบวก เพราะ Fund Flow ไหลเข้าหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น. มากกว่าจะพยายามไปหาแหล่งของผลตอบแทน

ค่าเงินบาทจากที่คาดว่าจะอ่อนไป 36.5-37 ดูท่าตอนนี้มันกลับแข็งค่าไป 35.25
มุมมอง ต่อ อัตราดอกเบี้ยของไทยมีแต่ทรงกับจะปรับขึ้นนิดๆ ได้ในปีนี้ ค่าเงินมาแบบนี้ กนง. เราจะทนไหวไหมต่อตลาดโลก ถ้ารอบบ้านเราถ้าเขาทยอยปรับลดลง

ล่าสุดตลาดเริ่มมีมุมมองต่อการขึ้นดอกเบึ้ยของ Fed ว่าอาจจะต้องมองกันไปอีกที่โน้น 1-2ปี ก็ว่ากัน บางรายบอกว่าโอกาสจะลดลงของดอกเบี้ย ก็ว่าไป

ทุกๆอย่างเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปหมด
เราจะทำยังไง กับการเข้าใกล้ วิกฤต ของตลาดทุน อีกครั้งหรือไม่

การมองหา ว่าปัจจัยอะไรที่จะเป็นตัวจุดประกายให้ตลาดได้อีกครั้ง ในภาวะที่
ดอกเบี้ยต่ำ กำลังซื้อขาย กำลังผลิตก็หดหายตาม แม้ราคาต้นทุนทางการผลิตจะลดลงๆ ต้นทุนเงินทุนก็ลดลงๆ ตามกัน แต่ก็เหมือนยังไม่สามารถเรียกคืนความมั่นใจของทั้งผู้ผลิต และผู้ซื้อให้กลับมาได้

อะไรจะมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญครั้งนี้ได้
ที่จะผลักดันเศรษฐกิจโลก
1.อัตราดอกเบี้ย
2.ราคาพลังงาน
3.ราคาทอง
4.ตลาดหุ้น
5.ราคาอสังหาริทรัพย์
6.ราคาสินค้าเกษตร
7.สงคราม
บทสรุปสุดท้ายที่น่ากลัว
https://www.facebook.com/IMchatchaphol