สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาระบายความอึดอัดใจต่อแพทย์บางคนที่เพิ่งไปรับการรักษามาวันนี้สดๆ ร้อนๆ
เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา เราได้ไปตรวจร่างกายประจำปีที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งย่านสมุทรปราการ และก็ได้รับผลมาเรียบร้อย พบว่ามีความดันสูงค่ะ และเนื่องจากที่บ้านมีเครื่องวัดความดันของ Omron ที่เราซื้อไว้ให้คุณพ่อกับคุณแม่ใช้ เราจึงเอามาใช้วัดเกือบทุกวัน ก็พบว่าเรายังมีอาการความดันสูงอย่างต่อเนื่อง ผลเลือดทางด้านไขมัน เราอยู่ในเกณฑ์ปรกติ มี LDL ตัวเดียวที่เกินเกณฑ์ และน้ำตาลในเลือดก็อยู่ในเกณฑ์ปรกติไปทางต่ำด้วยซ้ำ แต่นน.ตัวเราเกินนะคะ
ช่วงที่ผ่านมาเรามีอาการปวดศีรษะตอนเช้ามาก เราก็คิดว่า น่าจะเป็นผลมาจากความดันสูง เราเลยหาข้อมูลและตั้งเป้าหมายให้ตัวเองว่า เราจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การทานอาหารของเรา คือ เราเป็นคนทานอาหารรสเค็มมาก ทานถั่วแระต้องจิ้มเกลือ ฯลฯ ปรุงก๋วยเตี๋ยวด้วยน้ำปลา ราดข้าวแกงโดยเฉพาะยิ่งเวลามีไข่ดาว ด้วยน้ำปลาเป็นช้อนๆ
อาการปวดศีรษะ กับมึนศีรษะในบางขณะที่มีการเคลื่อนไหวไวไว หมุนตัวไวไว หันหน้าไวไว ทำให้ตอนที่ตรวจร่างกาย เราถึงกับยอมตรวจ CT Scan สมอง เพื่อจะได้ดูว่า เรามีเส้นเลือดตีบทำให้สมองตายบ้างหรือไม่ (แหะ แหะ วิตกจริตเนอะ) ผลออกมาว่าไม่มีอะไร เนื้อสมองยังปรกติ
และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราก็ไปบริจาคโลหิต ตอนก่อนบริจาคก็มีการวัดความดัน ซึ่งผลปรากฎว่าความดันสูงใกล้เคียงกับการตรวจร่างกายประจำปี และผลที่ได้จากการวัดเองที่บ้าน เกือบไม่สามารถบริจาคเลือดได้
เราค่อนข้างมั่นใจว่าอาการทั้งหลายน่าจะมาจากความดัน ตอนแรก เราก็อยากจะทดลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูซัก 6 เดือน เรื่องอาหาร และพยายามเข็นตัวเองให้ออกกำลังกาย (ปรกติเราตีแบดอาทิตย์ละครั้ง ไปฟิตเนสบ้าง แต่ไม่ประจำ)
วันนี้เรามีอาการมึนศีรษะมาก เหมือนจะวูบตอนขับรถ หัวใจเต้นแรง และอยากอาเจียร เราเลยคิดว่าไม่ไหวละ เราไปหาหมอดีกว่า อย่าดื้อเลย กินยาไปแล้วปรับพฤติกรรมไปในระยะยาวก็ได้ เราก็เลยพาตัวเองไป รพ.เอกชนอีกแห่งนึงย่านสมุทรปราการเหมือนกัน (คนละที่กับที่ไปตรวจสุขภาพประจำปี) เนื่องจากตอนแรกเราคิดจะไปหาที่ที่เราตรวจสุขภาพประจำปี เผื่อคุณหมอจะดึงข้อมูลมาประกอบการวินิจฉัยได้ แต่เรากลัววูบระหว่างขับรถไป เพราะตอนที่เรามีอาการ เราอยู่ในจุดที่ใกล้ รพ.ที่สองนี้มากกว่า
สรุปว่า เราแจ้งอาการให้พยาบาลคัดกรองว่า เรามีอาการมึนศีรษะ คิดว่าน่าจะมาจากความดัน ซึ่งคุณพยาบาลคัดกรองก็วัดความดัน 2 ครั้ง ได้ผลประมาณนี้
# 1 - 157 / 100
# 2 - 152 / 96
พยาบาลก็เรียกรถนั่งมาให้ พาเราขึ้นไปแผนกอายุกรรมชั้น 3 ที่นี่ คุณพยาบาลแผนกอายุรกรรมก็ได้ตรวจวัดความดันเราอีก 2 ครั้ง ผลดังนี้
# 3 - 155 / 94
# 4 - 152 / 90
พอเราเข้าไปพบคุณหมอ ซึ่งเราเคยเจอหมอท่านนี้มาก่อน แล้วคราวที่แล้วเราก็รู้สึกว่า คุณหมอท่าน commercial มากๆ คราวที่แล้วเรามาหาด้วยอาการเป็นหวัดเจ็บคออย่างหนัก เอาเป็นว่าเราไม่พูดถึงคราวที่แล้วแล้วกันนะคะ ต่อไปนี้เป็นบทสนทนา
เรา : สวัสดีค่ะ คุณหมอ
หมอ : หวัดดีค่ะ เป็นอะไรมา
เรา : เวียนศีรษะค่ะ น่าจะมาจากความดัน
หมอ : (มองหัวจรดเท้า และคงเห็นว่าเราอ้วน) ทำไมล่ะ ไขมันเยอะเหรอ
เรา : ตรวจร่างกายประจำปี เมื่อ ธค.ที่ผ่านมา ไขมันอยู่ในเกณฑ์ค่ะยกเว้น LDL ตัวเดียวค่ะ
หมอ : ไหน (เอาไฟฉายส่องตาพร้อมกับให้มองซ้ายขวา ตรง เงย) โอเค งั้นไหนขอตรวจความดันอีกทีนะ
........
หมอ : อะ ความดัน 140 / 90 อะ ก็ติดๆ เพดานนะ บ้านหมุนรึป่าว
เรา : ไม่ค่ะ แค่มึนๆ แล้วเมื่อกี๊อยากอาเจียร
หมอ : โอเค งั้น.. เอายาไปทานนะ หรือว่า จะนอนพักซักคืนมั้ย
เรา : ไม่เป็นไรค่ะ
หมอ : ไหวเหรอ
เรา : ไหวค่ะ
หมอ : โอเค งั้นหมอลงบันทึกนะ คนไข้ปฏิเสธไม่รับคำแนะนำให้นอนพักที่ รพ. งั้นก็ลองเอายาไปกินก่อน
เรา : ???? โอเคค่ะ
แล้วหมอก็หันไปจิ้มๆๆๆๆ คอมพ์ สั่งยา ซึ่งมีทั้งหมด 3 ตัว เราไม่รู้จักยาทุกตัว แต่ 1 ใน 3 คือ Merislon (ชื่อทางการค้า) เป็นยาแก้เวียนศีรษะ ซึ่งเราเคยได้มาตอนน้ำในหูไม่เท่ากัน ราคาร้านยาข้างนอกแผงละ 24 บาท ราคาหมอจ่ายมา 135 บาท ซึ่งเราก็กะว่าเด๋วเราจะไปปฏิเสธไม่รับยาตัวนี้ตอนจ่ายเงิน (เป็นสิทธิ์ของผู้ป่วย) เนื่องจากที่บ้านมียาตัวนี้อยู่แล้ว เพิ่งได้มาตอนเมาเรืออย่างหนัก
มาถึงการเงินผู้ป่วยนอก พอถึงคิว การเงินก็แจ้งว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1,395 บาท เราก็แจ้งไปว่า เราไม่รับยาตัวนี้ ทางจนท.การเงิน โทรกลับไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลแผนกอายุรกรรมแจ้งความจำนงค์ของเรา ไม่นาน เราก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องที่บ.โทรมาคุยเรื่องงาน ซึ่งเราก็ติดสายนานมาก เลยไม่ได้ฟังว่าเค้าพูดว่าอะไรบ้าง แต่จับใจความได้ว่า ให้แจ้งหมอด้วยว่าคนไข้ไม่รับยาตัวนี้
ซักพัก จนท.การเงิน ก็แจ้งค่าใช้จ่าย 1,395 บาท อีกครั้ง เราก็ยังติดสายอยู่ มึนๆ ก็เลยจ่ายเงินไป แล้วจนท.บริการผู้ป่วยก็เข็นรถนั่งของเราไปรับยาชั้น 1
พอรับยามาเสร็จ เราก็เห็นว่ามียา 3 อย่างเหมือนตอนแรกที่หมอสั่งจ่ายมา เพียงแต่มันไม่มี Merislon
เราก็อ่านหน้าซองยา พบว่า ยา 2 ใน 3 เป็นยาแก้เวียนศีรษะ และอีกหนึ่ง เป็นยาขยายหลอดเลือด ที่มีผลกับเส้นเลือดในสมอง สำหรับรักษาอาการบ้านหมุน และอัลไซเมอร์
คือ เราถึงกับเงิบค่ะ.... ว่า เมื่อเราแจ้งปฏิเสธยาตัวแรกไป ทำไมหมอถึงพยายามเปลี่ยนยามาให้อีก ทั้งๆ ที่เราก็แจ้งไปว่า ที่เราไม่รับ เพราะเรามียาตัวนี้ที่บ้าน!!! คือ ยังไงก็จะต้องให้ได้จ่ายยา 3 ตัวเหรอคะ... แล้วอาการความดันสูงของเราล่ะ????
เราเห็นมาเยอะนะคะ มีเพื่อนที่มีญาติเป็นหมอก็หลายคน คือ เด๋วนี้มันเป็นธุรกิจไปหมดแล้ว จ่ายยาซ้ำซ้อน เพื่อให้ได้ยอดยา แล้วก็จะได้มีทริปตอบแทนคุณหมอพากันไปเที่ยวยุโรปโดยดีเทลยา... คนที่ซวยคือ คนป่วยสินะ...
อันนี้เป็นเพียงตัวอย่างนึงจากประสบการณ์หลายๆ ครั้งของเรานะคะ เราอยากจะฝากถามถึง คุณหมอทั้งหลายที่มีความสุขกับการท่องเทียว หรือ รางวัลตอบแทนจากดีเทลยาเมื่อทำยอดได้ว่า คุณหมอทั้งหลายที่มีรายได้ดี คิดถึงประชาชนที่มีรายได้ต่างจากท่านเป็นร้อยเท่าหรือไม่...
เราไม่ได้ว่าหมอทุกคนเป็นแบบนี้นะคะ เราเจอมาหลายรูปแบบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์หมอที่ รพ.รัฐ ที่เรียกรับเงินพิเศษจากคนไข้ คือ แม่ของเราเอง ตอนนี้อาจารย์ไม่ได้ผ่าตัดเองแล้วนะ ถ้าจะให้อาจารย์ผ่าให้ เราจะมีค่าเหนื่อยให้อาจารย์มั้ย ผ่าตัดครั้งนั้น ผลคือ แผลติดเชื้อค่ะ แม่เราต้องกลับเข้าไปอยู่ที่รพ. เปิดแผลผ่านตัดที่ยาวกว่า 20 ซม. ออกมาเพื่อทำความสะอาดแผลโดยการขูดเนื้อทุกวัน... เป็นเวลากว่าสองเดือน จากการผ่าตัดดามกระดูกสันหลังของอาจารย์หมอท่านนี้...
ส่วนเรื่องของเรา เด๋วเราจะถ่ายรูปยาที่ได้รับมาวันนี้นะคะ
++++ จรรยาบรรณของแพทย์บางคน ++++
เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา เราได้ไปตรวจร่างกายประจำปีที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งย่านสมุทรปราการ และก็ได้รับผลมาเรียบร้อย พบว่ามีความดันสูงค่ะ และเนื่องจากที่บ้านมีเครื่องวัดความดันของ Omron ที่เราซื้อไว้ให้คุณพ่อกับคุณแม่ใช้ เราจึงเอามาใช้วัดเกือบทุกวัน ก็พบว่าเรายังมีอาการความดันสูงอย่างต่อเนื่อง ผลเลือดทางด้านไขมัน เราอยู่ในเกณฑ์ปรกติ มี LDL ตัวเดียวที่เกินเกณฑ์ และน้ำตาลในเลือดก็อยู่ในเกณฑ์ปรกติไปทางต่ำด้วยซ้ำ แต่นน.ตัวเราเกินนะคะ
ช่วงที่ผ่านมาเรามีอาการปวดศีรษะตอนเช้ามาก เราก็คิดว่า น่าจะเป็นผลมาจากความดันสูง เราเลยหาข้อมูลและตั้งเป้าหมายให้ตัวเองว่า เราจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การทานอาหารของเรา คือ เราเป็นคนทานอาหารรสเค็มมาก ทานถั่วแระต้องจิ้มเกลือ ฯลฯ ปรุงก๋วยเตี๋ยวด้วยน้ำปลา ราดข้าวแกงโดยเฉพาะยิ่งเวลามีไข่ดาว ด้วยน้ำปลาเป็นช้อนๆ
อาการปวดศีรษะ กับมึนศีรษะในบางขณะที่มีการเคลื่อนไหวไวไว หมุนตัวไวไว หันหน้าไวไว ทำให้ตอนที่ตรวจร่างกาย เราถึงกับยอมตรวจ CT Scan สมอง เพื่อจะได้ดูว่า เรามีเส้นเลือดตีบทำให้สมองตายบ้างหรือไม่ (แหะ แหะ วิตกจริตเนอะ) ผลออกมาว่าไม่มีอะไร เนื้อสมองยังปรกติ
และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราก็ไปบริจาคโลหิต ตอนก่อนบริจาคก็มีการวัดความดัน ซึ่งผลปรากฎว่าความดันสูงใกล้เคียงกับการตรวจร่างกายประจำปี และผลที่ได้จากการวัดเองที่บ้าน เกือบไม่สามารถบริจาคเลือดได้
เราค่อนข้างมั่นใจว่าอาการทั้งหลายน่าจะมาจากความดัน ตอนแรก เราก็อยากจะทดลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูซัก 6 เดือน เรื่องอาหาร และพยายามเข็นตัวเองให้ออกกำลังกาย (ปรกติเราตีแบดอาทิตย์ละครั้ง ไปฟิตเนสบ้าง แต่ไม่ประจำ)
วันนี้เรามีอาการมึนศีรษะมาก เหมือนจะวูบตอนขับรถ หัวใจเต้นแรง และอยากอาเจียร เราเลยคิดว่าไม่ไหวละ เราไปหาหมอดีกว่า อย่าดื้อเลย กินยาไปแล้วปรับพฤติกรรมไปในระยะยาวก็ได้ เราก็เลยพาตัวเองไป รพ.เอกชนอีกแห่งนึงย่านสมุทรปราการเหมือนกัน (คนละที่กับที่ไปตรวจสุขภาพประจำปี) เนื่องจากตอนแรกเราคิดจะไปหาที่ที่เราตรวจสุขภาพประจำปี เผื่อคุณหมอจะดึงข้อมูลมาประกอบการวินิจฉัยได้ แต่เรากลัววูบระหว่างขับรถไป เพราะตอนที่เรามีอาการ เราอยู่ในจุดที่ใกล้ รพ.ที่สองนี้มากกว่า
สรุปว่า เราแจ้งอาการให้พยาบาลคัดกรองว่า เรามีอาการมึนศีรษะ คิดว่าน่าจะมาจากความดัน ซึ่งคุณพยาบาลคัดกรองก็วัดความดัน 2 ครั้ง ได้ผลประมาณนี้
# 1 - 157 / 100
# 2 - 152 / 96
พยาบาลก็เรียกรถนั่งมาให้ พาเราขึ้นไปแผนกอายุกรรมชั้น 3 ที่นี่ คุณพยาบาลแผนกอายุรกรรมก็ได้ตรวจวัดความดันเราอีก 2 ครั้ง ผลดังนี้
# 3 - 155 / 94
# 4 - 152 / 90
พอเราเข้าไปพบคุณหมอ ซึ่งเราเคยเจอหมอท่านนี้มาก่อน แล้วคราวที่แล้วเราก็รู้สึกว่า คุณหมอท่าน commercial มากๆ คราวที่แล้วเรามาหาด้วยอาการเป็นหวัดเจ็บคออย่างหนัก เอาเป็นว่าเราไม่พูดถึงคราวที่แล้วแล้วกันนะคะ ต่อไปนี้เป็นบทสนทนา
เรา : สวัสดีค่ะ คุณหมอ
หมอ : หวัดดีค่ะ เป็นอะไรมา
เรา : เวียนศีรษะค่ะ น่าจะมาจากความดัน
หมอ : (มองหัวจรดเท้า และคงเห็นว่าเราอ้วน) ทำไมล่ะ ไขมันเยอะเหรอ
เรา : ตรวจร่างกายประจำปี เมื่อ ธค.ที่ผ่านมา ไขมันอยู่ในเกณฑ์ค่ะยกเว้น LDL ตัวเดียวค่ะ
หมอ : ไหน (เอาไฟฉายส่องตาพร้อมกับให้มองซ้ายขวา ตรง เงย) โอเค งั้นไหนขอตรวจความดันอีกทีนะ
........
หมอ : อะ ความดัน 140 / 90 อะ ก็ติดๆ เพดานนะ บ้านหมุนรึป่าว
เรา : ไม่ค่ะ แค่มึนๆ แล้วเมื่อกี๊อยากอาเจียร
หมอ : โอเค งั้น.. เอายาไปทานนะ หรือว่า จะนอนพักซักคืนมั้ย
เรา : ไม่เป็นไรค่ะ
หมอ : ไหวเหรอ
เรา : ไหวค่ะ
หมอ : โอเค งั้นหมอลงบันทึกนะ คนไข้ปฏิเสธไม่รับคำแนะนำให้นอนพักที่ รพ. งั้นก็ลองเอายาไปกินก่อน
เรา : ???? โอเคค่ะ
แล้วหมอก็หันไปจิ้มๆๆๆๆ คอมพ์ สั่งยา ซึ่งมีทั้งหมด 3 ตัว เราไม่รู้จักยาทุกตัว แต่ 1 ใน 3 คือ Merislon (ชื่อทางการค้า) เป็นยาแก้เวียนศีรษะ ซึ่งเราเคยได้มาตอนน้ำในหูไม่เท่ากัน ราคาร้านยาข้างนอกแผงละ 24 บาท ราคาหมอจ่ายมา 135 บาท ซึ่งเราก็กะว่าเด๋วเราจะไปปฏิเสธไม่รับยาตัวนี้ตอนจ่ายเงิน (เป็นสิทธิ์ของผู้ป่วย) เนื่องจากที่บ้านมียาตัวนี้อยู่แล้ว เพิ่งได้มาตอนเมาเรืออย่างหนัก
มาถึงการเงินผู้ป่วยนอก พอถึงคิว การเงินก็แจ้งว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1,395 บาท เราก็แจ้งไปว่า เราไม่รับยาตัวนี้ ทางจนท.การเงิน โทรกลับไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลแผนกอายุรกรรมแจ้งความจำนงค์ของเรา ไม่นาน เราก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องที่บ.โทรมาคุยเรื่องงาน ซึ่งเราก็ติดสายนานมาก เลยไม่ได้ฟังว่าเค้าพูดว่าอะไรบ้าง แต่จับใจความได้ว่า ให้แจ้งหมอด้วยว่าคนไข้ไม่รับยาตัวนี้
ซักพัก จนท.การเงิน ก็แจ้งค่าใช้จ่าย 1,395 บาท อีกครั้ง เราก็ยังติดสายอยู่ มึนๆ ก็เลยจ่ายเงินไป แล้วจนท.บริการผู้ป่วยก็เข็นรถนั่งของเราไปรับยาชั้น 1
พอรับยามาเสร็จ เราก็เห็นว่ามียา 3 อย่างเหมือนตอนแรกที่หมอสั่งจ่ายมา เพียงแต่มันไม่มี Merislon
เราก็อ่านหน้าซองยา พบว่า ยา 2 ใน 3 เป็นยาแก้เวียนศีรษะ และอีกหนึ่ง เป็นยาขยายหลอดเลือด ที่มีผลกับเส้นเลือดในสมอง สำหรับรักษาอาการบ้านหมุน และอัลไซเมอร์
คือ เราถึงกับเงิบค่ะ.... ว่า เมื่อเราแจ้งปฏิเสธยาตัวแรกไป ทำไมหมอถึงพยายามเปลี่ยนยามาให้อีก ทั้งๆ ที่เราก็แจ้งไปว่า ที่เราไม่รับ เพราะเรามียาตัวนี้ที่บ้าน!!! คือ ยังไงก็จะต้องให้ได้จ่ายยา 3 ตัวเหรอคะ... แล้วอาการความดันสูงของเราล่ะ????
เราเห็นมาเยอะนะคะ มีเพื่อนที่มีญาติเป็นหมอก็หลายคน คือ เด๋วนี้มันเป็นธุรกิจไปหมดแล้ว จ่ายยาซ้ำซ้อน เพื่อให้ได้ยอดยา แล้วก็จะได้มีทริปตอบแทนคุณหมอพากันไปเที่ยวยุโรปโดยดีเทลยา... คนที่ซวยคือ คนป่วยสินะ...
อันนี้เป็นเพียงตัวอย่างนึงจากประสบการณ์หลายๆ ครั้งของเรานะคะ เราอยากจะฝากถามถึง คุณหมอทั้งหลายที่มีความสุขกับการท่องเทียว หรือ รางวัลตอบแทนจากดีเทลยาเมื่อทำยอดได้ว่า คุณหมอทั้งหลายที่มีรายได้ดี คิดถึงประชาชนที่มีรายได้ต่างจากท่านเป็นร้อยเท่าหรือไม่...
เราไม่ได้ว่าหมอทุกคนเป็นแบบนี้นะคะ เราเจอมาหลายรูปแบบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์หมอที่ รพ.รัฐ ที่เรียกรับเงินพิเศษจากคนไข้ คือ แม่ของเราเอง ตอนนี้อาจารย์ไม่ได้ผ่าตัดเองแล้วนะ ถ้าจะให้อาจารย์ผ่าให้ เราจะมีค่าเหนื่อยให้อาจารย์มั้ย ผ่าตัดครั้งนั้น ผลคือ แผลติดเชื้อค่ะ แม่เราต้องกลับเข้าไปอยู่ที่รพ. เปิดแผลผ่านตัดที่ยาวกว่า 20 ซม. ออกมาเพื่อทำความสะอาดแผลโดยการขูดเนื้อทุกวัน... เป็นเวลากว่าสองเดือน จากการผ่าตัดดามกระดูกสันหลังของอาจารย์หมอท่านนี้...
ส่วนเรื่องของเรา เด๋วเราจะถ่ายรูปยาที่ได้รับมาวันนี้นะคะ