สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน EP.1 ติดตามได้ตามลิ้งค์นี้นะคะ
http://ppantip.com/topic/34782053
สวัสดีตอนเช้าของวันที่ 20/12/2558 ตื่นมาเมื่อยสุดๆแต่ก็ต้องแข็งแรงเข้าไว้เป็นการเดินทางที่ยาวนานมากๆออกจากJOGJAKATA เวลา20.20น.ราถึงที่เมืองSurabyaเวลา 04.50น. ระยะทาง 400 กม. ถ้าถนนบ้านเราก็ราวๆ 5 ชม. ถึงแล้ว แต่ถนนในอินโดฯไม่ถึงแน่นอนเพราะถนนบ้านเค้าไม่มีทางเลียงเมืองหรือ4เลนส์กว้างๆแบบบ้านเรา ตลอดระยะทางจะเป็นทางในหมู่บ้านและเข้าเมือง จอดไฟแดงตลอดทาง อารมณ์ประมาณใครเคยไปตรัง จะต้องเข้าเมืองประมาณนั้นละคะ ระหว่างทางหลับๆตื่นๆ กลัวมากๆกลัวเกิดอุบัติเหตุ เพราะทางแคบ รถเยอะทั้งคืน แล้วที่สำคัญ คนขับขับเร็วมากๆ พูดละภาพติดตา ฮ่าๆ ไม่ไปอีกแล้ว ทางที่ดีใครมีโอกาสไปแนะนำว่าไปรถไฟหรือเครื่องดีกว่า ไอเรานั่งรถมินิบัสเพราะเพื่อนอินโดฯบอกว่ามินิบัสนี้แระดีแถมประหยัด ไอเราก้อตามอีกแล้ว แง้มๆๆ พอถึงที่หมายเราก็ลงจากรถแล้วต่อด้วยนั่งรถBecak หรือจักรยาน3ล้อ เพื่อเข้าไปที่พักจากหน้าซอยไปกลางซอยได้ในราคา 30,000rupiah(60บ) จากนั้นก็อาบน้ำทานข้าวกันเรียบร้อย เพื่อนคนไทยในSurabayaก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เลี้ยงข้าวเช้าด้วยอาหารพื้นเมือง คล้ายๆสเต๊ะบ้านเรา รสชาติก็พอไปได้ ระหว่างทานอาหารเช้าเราก็ทักทายกัน พร้อมกับสอบถามข้อมูลการเดินทางเพื่อจะไปภูเขาไฟโบรโม่ แต่เพื่อนๆก็บอกว่า **ไปไม่ได้** มันพึ่งระเบิด เค้าปิด ห้ามท่องเที่ยว ไม่มีกำหนดเข้า .. ไอเราสองคนมาถึงไม่ทันหายเหนื่อย ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกเหนื่อย มาระเบิดอะไรตอนนี้เนียะ??เอาไงละทีนี้ ไปไหนได้อีก เพื่อนก็แนะนำว่าเที่ยวในเมืองSurabayaกันก่อน แล้วคืนนี้ค่อยเดินทางไป Balhi เพราะปลายทางของเราคือที่นั้น เราต้องบินกลับจากที่นั้น แต่ประเด็น คือ ในตัวเมืองSurabayaเป็นเมืองที่ไม่มีอะไรเลย เป็นเมืองเงียบๆ ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวเลย ทำยังไงกันดีทีนี้??
สรุปแล้วเราไม่ได้ไปภูเขาไฟโบรโม่แน่นอนละ เราต้องเล่นทั้งวันที่Surabayaเพื่อรอเวลาขึ้นรถไฟไป Balhi คืนนี้ เวลา 22.00 น. ตามแผนของเรา นอนเล่นกันทั้งวันด้วยความมึน งง กับเพื่อนๆที่Surabaya ฮ่าๆ55+ ออกไปซื้อตั๋วรถไฟเพื่อนเดินทางไป Balhi SURAMADU BRIDGE ซื้อExclusiveเลย เพราะเรากะนอนสบายๆเต็มที่ ไม่เอาแล้วเหมือนมินิบัส
จากนั้นพอตกเย็นเเพื่อนๆก็พาออกไปแว้น ที่นี่ต้องใส่หมสกกันน้อคทั้งคนขับและคนซ้อน สภาพความเป็นอยู่ก็ดุแออัด รถเยอะ วุ่นวาย บีบแตรนี้ไม่ต้องพูดถึง ขยันบีบจริงๆ แฮร่ๆ
เพื่อนๆก็ไม่รู้จะพาไปไหน เพราะอย่างว่ามันไม่มีที่ไปจริงๆ ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว Surabaya จะมีแค่ Malang ที่มีสถานที่ท่องเที่ยว อยุ่ใกล้กับภูเขาไฟโบรโม่ แต่เราไม่ได้ไป Malang เพราะจากตัวเมืองSurabayaต้องใช้เวลาเดินทาง6-7ชม. T-T ก็แว้นกันดูเมืองแค่นั้นจริงๆ มีอนุสาวรีย์ที่พอจะแวะถ่ายรูปได้บ้าง ประวัตินี้จำไม่ได้ว่าคร่าวๆ เป็นยังไงแล้ว แฮร่ๆ
หลังแวะถ่ายรูปเสร็จแล้วเราก็แว้นกันต่อเพื่อไปดูสะพาน SURAMADU BRIDGE มีระยะทางก็ไม่ได้ไกลมากนักจากตัวเมือง สะพาน SURAMADU BRIDGE เป็นสะพานเชื่อมสองเมือง คือ Surabaya กับ Suramadu มีระยะทางยาวถึง 5 กม. โอ้ววว !!! ยาวมาก ลมแรง เสี่ยวสุดๆๆ แล้วมีรถวิ่งไม่หยุด วิ่งเร็วมากๆ ต้องระวังกันนิดนึง บนสะพานก็จะเห็นวิวทั้งสองเมือง สวยงามมากๆ
หลังจากขับไปกลับสะพาน SURAMADU BRIDGE แล้ว เพื่อนๆก็พาไปหาไรทานก่อนที่เราจะนั่งรถไฟไป Balhi เราก็แวะกันที่ Food Festival เป็นสวนสาธารณะแล้วจัดงานเทศกาลของกิน ก็กินหาพื้นเมือง แต่ไม่ได้เก็บรูปไว้ แฮร่ๆ อาหารที่นี่ไม่แพง ราคาพอกับอาหารไทยบ้านเรา ภายในงานก็จะมีกิจกรรมให้เล่น มีงานโคมไฟ มีของเล่นให้เล่นมากมาย
หลังจากที่หาไรทานเสร็จแล้ว เพื่อนบอกว่าจะพาไปทะเล ไอเราก็ห้ะ!! จังหวะที่ได้ยินว่าไปทะเล ดีใจ อยากเห็นทะเลอินโดฯ แต่พอถึงมันมืดแล้ว อดเห็นเลย แง๊ๆๆ ได้เห็นแค่ทางเข้าทะเล *Ken park*
หลังจากนั้นเราก็แว้นกัน 3 คัน กลับมาที่พักเพื่อเอากระเป๋าไปสถานีรถไฟ Gubeng เพื่อเดินทางไปบาหลี เพื่อนๆในSurabayaก็แว้นกันมาส่งเราสองคนที่ ส่งเราจนกว่ารถไฟจะออก ต้องขอบคุณมิตรภาพดีๆ แม้ว่าเจอกันไม่นาน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เพื่อนก็เทคแคร์ ต้อนรับ เราเป็นอย่างดี พากิน พาเที่ยว ซึ้งใจมากๆๆ มีโอกาสเรากลับไปหาแน่นอน อิอิ
ถ้ามีโอกาสมาเที่ยว Surabaya แนะนำแค่ไปเที่ยวตัวเมือง Malang เลย เพราะใกล้กับภูเขาไฟโบรโม่ ใกล้กลับคาวาอีเจี้ยน เวลาขึ้นภูเขาไฟโบรโม่และคาวาอีเจี้ยน เค้าจะเริ่มเดินขึ้นตั้งแต่ตี 2 ตี 3 กลางคืน จะถึงเช้าตรู่พอ จะได้ถ่ายรูปสวย อากาศไม่ร้อน ถ้าสายหน่อยอากาศจะร้อนมากๆๆ แนะนำมากันเป็นกรุ้ปๆ สัก 4-5 คนขึ้นไป จะดีกว่า เพราะทุกที่มีค่าเข้ามีค่ารถ หมดเลย จะได้หารกันสบายๆ อิอิ เราเสียใจมากๆที่ไม่ได้ขึ้นไปภูเขาไฟโบรโม่
ปลายทางต่อไป คือ Balhi หรือ บาหลี เราเดินทางด้วยรถไฟจาก Gubeng Railway Station - Depansar Bus station เราซื้อตั๋วรวม ถึงเกาะบาหลีเลย รถไฟจะสิ้นสุดแค่ Bayu wagni แล้วนั่งรถบัสข้ามเกาะบาหลีต่อ ราคาตั๋วเราได้ในราคา 300,000rupiah(600บ) Exclusive ถ้าธรรมดาราคาก็ครึ่งต่อครึ่ง เหมือนใครเคยไปเกาะสมุย เราซื้อตั๋วรถทัวร์ไปลงบนเกาะเลย จะรวมทั้งค่าเฟอรี่ ประมาณนั้นอ่ะคะ บรรยากาศบนรถไฟดีมาก สะอาด ปลอดภัย มีพนักงานบริการเหมือนนั่งเครื่องบินเลย
การเดินทางครั้งนี้ เราไปกันสองคนกับน้องนา ไม่มีเพื่อนคนไทยในอินโดฯแล้ว ไม่มีคนต้อนรับที่บาหลีแล้ว เราก็บุคกิ้งโรงแรมในบาหลีเรียบร้อยแล้ว 3วัน2คืน อยู่ในตัวเมือง Depansar เพราะคิดว่าพักในตัวเมืองนี้แหละโอเครสุดแล้ว แต่ปลายทางกว่าจะถึงบาหลีนั้นไม่ง่ายเลย การเดินทางจะเป็นอย่างไร บาหลีจะเป็นสวรรค์แห่งมนต์ขลังที่ใครๆพูดกันจริงหรือเปล่า บาหลีจะเป็นดินแดนสวรรค์ที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะมานั้นเป็นอย่างไร สวรรค์จริงๆหรือเปล่า ติดตามกันต่อไปใน.. เที่ยว Indonesia ประหยัดเกินคาด 3เมือง6วัน5คืน ไปเองไม่ง้อทัวร์ แค่ใจกล้า EP.3 Bhali
http://ppantip.com/topic/34782514 คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ นอนบนรถไฟยาวๆๆ 8-9 ชม แล้วต่อด้วยรถบัสข้ามไปเกาะบาหลี
[CR] เที่ยว Indonesia ประหยัดเกินคาด 3เมือง6วัน5คืน ไปเองไม่ง้อทัวร์ แค่ใจกล้า EP.2 SURABAYA
สวัสดีตอนเช้าของวันที่ 20/12/2558 ตื่นมาเมื่อยสุดๆแต่ก็ต้องแข็งแรงเข้าไว้เป็นการเดินทางที่ยาวนานมากๆออกจากJOGJAKATA เวลา20.20น.ราถึงที่เมืองSurabyaเวลา 04.50น. ระยะทาง 400 กม. ถ้าถนนบ้านเราก็ราวๆ 5 ชม. ถึงแล้ว แต่ถนนในอินโดฯไม่ถึงแน่นอนเพราะถนนบ้านเค้าไม่มีทางเลียงเมืองหรือ4เลนส์กว้างๆแบบบ้านเรา ตลอดระยะทางจะเป็นทางในหมู่บ้านและเข้าเมือง จอดไฟแดงตลอดทาง อารมณ์ประมาณใครเคยไปตรัง จะต้องเข้าเมืองประมาณนั้นละคะ ระหว่างทางหลับๆตื่นๆ กลัวมากๆกลัวเกิดอุบัติเหตุ เพราะทางแคบ รถเยอะทั้งคืน แล้วที่สำคัญ คนขับขับเร็วมากๆ พูดละภาพติดตา ฮ่าๆ ไม่ไปอีกแล้ว ทางที่ดีใครมีโอกาสไปแนะนำว่าไปรถไฟหรือเครื่องดีกว่า ไอเรานั่งรถมินิบัสเพราะเพื่อนอินโดฯบอกว่ามินิบัสนี้แระดีแถมประหยัด ไอเราก้อตามอีกแล้ว แง้มๆๆ พอถึงที่หมายเราก็ลงจากรถแล้วต่อด้วยนั่งรถBecak หรือจักรยาน3ล้อ เพื่อเข้าไปที่พักจากหน้าซอยไปกลางซอยได้ในราคา 30,000rupiah(60บ) จากนั้นก็อาบน้ำทานข้าวกันเรียบร้อย เพื่อนคนไทยในSurabayaก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เลี้ยงข้าวเช้าด้วยอาหารพื้นเมือง คล้ายๆสเต๊ะบ้านเรา รสชาติก็พอไปได้ ระหว่างทานอาหารเช้าเราก็ทักทายกัน พร้อมกับสอบถามข้อมูลการเดินทางเพื่อจะไปภูเขาไฟโบรโม่ แต่เพื่อนๆก็บอกว่า **ไปไม่ได้** มันพึ่งระเบิด เค้าปิด ห้ามท่องเที่ยว ไม่มีกำหนดเข้า .. ไอเราสองคนมาถึงไม่ทันหายเหนื่อย ได้ยินแบบนี้แล้วรู้สึกเหนื่อย มาระเบิดอะไรตอนนี้เนียะ??เอาไงละทีนี้ ไปไหนได้อีก เพื่อนก็แนะนำว่าเที่ยวในเมืองSurabayaกันก่อน แล้วคืนนี้ค่อยเดินทางไป Balhi เพราะปลายทางของเราคือที่นั้น เราต้องบินกลับจากที่นั้น แต่ประเด็น คือ ในตัวเมืองSurabayaเป็นเมืองที่ไม่มีอะไรเลย เป็นเมืองเงียบๆ ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวเลย ทำยังไงกันดีทีนี้??
สรุปแล้วเราไม่ได้ไปภูเขาไฟโบรโม่แน่นอนละ เราต้องเล่นทั้งวันที่Surabayaเพื่อรอเวลาขึ้นรถไฟไป Balhi คืนนี้ เวลา 22.00 น. ตามแผนของเรา นอนเล่นกันทั้งวันด้วยความมึน งง กับเพื่อนๆที่Surabaya ฮ่าๆ55+ ออกไปซื้อตั๋วรถไฟเพื่อนเดินทางไป Balhi SURAMADU BRIDGE ซื้อExclusiveเลย เพราะเรากะนอนสบายๆเต็มที่ ไม่เอาแล้วเหมือนมินิบัส จากนั้นพอตกเย็นเเพื่อนๆก็พาออกไปแว้น ที่นี่ต้องใส่หมสกกันน้อคทั้งคนขับและคนซ้อน สภาพความเป็นอยู่ก็ดุแออัด รถเยอะ วุ่นวาย บีบแตรนี้ไม่ต้องพูดถึง ขยันบีบจริงๆ แฮร่ๆ
เพื่อนๆก็ไม่รู้จะพาไปไหน เพราะอย่างว่ามันไม่มีที่ไปจริงๆ ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว Surabaya จะมีแค่ Malang ที่มีสถานที่ท่องเที่ยว อยุ่ใกล้กับภูเขาไฟโบรโม่ แต่เราไม่ได้ไป Malang เพราะจากตัวเมืองSurabayaต้องใช้เวลาเดินทาง6-7ชม. T-T ก็แว้นกันดูเมืองแค่นั้นจริงๆ มีอนุสาวรีย์ที่พอจะแวะถ่ายรูปได้บ้าง ประวัตินี้จำไม่ได้ว่าคร่าวๆ เป็นยังไงแล้ว แฮร่ๆ
หลังแวะถ่ายรูปเสร็จแล้วเราก็แว้นกันต่อเพื่อไปดูสะพาน SURAMADU BRIDGE มีระยะทางก็ไม่ได้ไกลมากนักจากตัวเมือง สะพาน SURAMADU BRIDGE เป็นสะพานเชื่อมสองเมือง คือ Surabaya กับ Suramadu มีระยะทางยาวถึง 5 กม. โอ้ววว !!! ยาวมาก ลมแรง เสี่ยวสุดๆๆ แล้วมีรถวิ่งไม่หยุด วิ่งเร็วมากๆ ต้องระวังกันนิดนึง บนสะพานก็จะเห็นวิวทั้งสองเมือง สวยงามมากๆ
หลังจากขับไปกลับสะพาน SURAMADU BRIDGE แล้ว เพื่อนๆก็พาไปหาไรทานก่อนที่เราจะนั่งรถไฟไป Balhi เราก็แวะกันที่ Food Festival เป็นสวนสาธารณะแล้วจัดงานเทศกาลของกิน ก็กินหาพื้นเมือง แต่ไม่ได้เก็บรูปไว้ แฮร่ๆ อาหารที่นี่ไม่แพง ราคาพอกับอาหารไทยบ้านเรา ภายในงานก็จะมีกิจกรรมให้เล่น มีงานโคมไฟ มีของเล่นให้เล่นมากมาย
หลังจากที่หาไรทานเสร็จแล้ว เพื่อนบอกว่าจะพาไปทะเล ไอเราก็ห้ะ!! จังหวะที่ได้ยินว่าไปทะเล ดีใจ อยากเห็นทะเลอินโดฯ แต่พอถึงมันมืดแล้ว อดเห็นเลย แง๊ๆๆ ได้เห็นแค่ทางเข้าทะเล *Ken park*
หลังจากนั้นเราก็แว้นกัน 3 คัน กลับมาที่พักเพื่อเอากระเป๋าไปสถานีรถไฟ Gubeng เพื่อเดินทางไปบาหลี เพื่อนๆในSurabayaก็แว้นกันมาส่งเราสองคนที่ ส่งเราจนกว่ารถไฟจะออก ต้องขอบคุณมิตรภาพดีๆ แม้ว่าเจอกันไม่นาน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่เพื่อนก็เทคแคร์ ต้อนรับ เราเป็นอย่างดี พากิน พาเที่ยว ซึ้งใจมากๆๆ มีโอกาสเรากลับไปหาแน่นอน อิอิ
ถ้ามีโอกาสมาเที่ยว Surabaya แนะนำแค่ไปเที่ยวตัวเมือง Malang เลย เพราะใกล้กับภูเขาไฟโบรโม่ ใกล้กลับคาวาอีเจี้ยน เวลาขึ้นภูเขาไฟโบรโม่และคาวาอีเจี้ยน เค้าจะเริ่มเดินขึ้นตั้งแต่ตี 2 ตี 3 กลางคืน จะถึงเช้าตรู่พอ จะได้ถ่ายรูปสวย อากาศไม่ร้อน ถ้าสายหน่อยอากาศจะร้อนมากๆๆ แนะนำมากันเป็นกรุ้ปๆ สัก 4-5 คนขึ้นไป จะดีกว่า เพราะทุกที่มีค่าเข้ามีค่ารถ หมดเลย จะได้หารกันสบายๆ อิอิ เราเสียใจมากๆที่ไม่ได้ขึ้นไปภูเขาไฟโบรโม่
ปลายทางต่อไป คือ Balhi หรือ บาหลี เราเดินทางด้วยรถไฟจาก Gubeng Railway Station - Depansar Bus station เราซื้อตั๋วรวม ถึงเกาะบาหลีเลย รถไฟจะสิ้นสุดแค่ Bayu wagni แล้วนั่งรถบัสข้ามเกาะบาหลีต่อ ราคาตั๋วเราได้ในราคา 300,000rupiah(600บ) Exclusive ถ้าธรรมดาราคาก็ครึ่งต่อครึ่ง เหมือนใครเคยไปเกาะสมุย เราซื้อตั๋วรถทัวร์ไปลงบนเกาะเลย จะรวมทั้งค่าเฟอรี่ ประมาณนั้นอ่ะคะ บรรยากาศบนรถไฟดีมาก สะอาด ปลอดภัย มีพนักงานบริการเหมือนนั่งเครื่องบินเลย
การเดินทางครั้งนี้ เราไปกันสองคนกับน้องนา ไม่มีเพื่อนคนไทยในอินโดฯแล้ว ไม่มีคนต้อนรับที่บาหลีแล้ว เราก็บุคกิ้งโรงแรมในบาหลีเรียบร้อยแล้ว 3วัน2คืน อยู่ในตัวเมือง Depansar เพราะคิดว่าพักในตัวเมืองนี้แหละโอเครสุดแล้ว แต่ปลายทางกว่าจะถึงบาหลีนั้นไม่ง่ายเลย การเดินทางจะเป็นอย่างไร บาหลีจะเป็นสวรรค์แห่งมนต์ขลังที่ใครๆพูดกันจริงหรือเปล่า บาหลีจะเป็นดินแดนสวรรค์ที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะมานั้นเป็นอย่างไร สวรรค์จริงๆหรือเปล่า ติดตามกันต่อไปใน.. เที่ยว Indonesia ประหยัดเกินคาด 3เมือง6วัน5คืน ไปเองไม่ง้อทัวร์ แค่ใจกล้า EP.3 Bhali http://ppantip.com/topic/34782514 คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ นอนบนรถไฟยาวๆๆ 8-9 ชม แล้วต่อด้วยรถบัสข้ามไปเกาะบาหลี