คนต่างชาติต่างยกย่องคนไทยในสิ่งที่คนไทยภาคภูมิใจมาก สิ่งนั้นก็คือคนไทยมีความจงรักภักดี รักและเทิดทูน หวงแหน สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย อยู่เหนือสิ่งใดทั้งหมด
คนต่างชาติต่างยกย่องคนไทยว่าเป็นคนเปิดเผย คบง่าย ยิ้มง่าย ซึ่งก็เป็นความจริง
คนต่างชาติมักพูดถึงคนไทยว่า เป็นคนที่โอบอ้อมอารี โกรธง่ายหายเร็ว ถึงแม้บางครั้งจะพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่คิดอาฆาตมาดร้ายใคร ซึ่งก็เป็นความจริง
แต่คนไทยมักเป็นคนขี้ลืม!
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2477 (ซึ่งก็นานโขมาแล้ว) ในพระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ปรากฏข้อความที่คนไทยเราไม่ว่ายากดีมีจนหรือมียศถาบรรดาศักดิ์อย่างไรจะได้ยินเสมอ และยิ่งเป็นพระราชหัตถเลขาของพระมหากษัตริย์แล้ว เรายิ่งต้องนำมาใส่เกล้า ให้สมกับที่คนต่างชาติยกย่องคนไทยว่าเป็นราษฎรที่เรามีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหาที่เปรียบมิได้
พระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรากฏข้อความในวันที่พระองค์ทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติ มีข้อความ…
“ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอม ยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของราษฎร”
แต่ทำไม เราจึงลืมแก่นแท้และเนื้อหา ในพระราชหัตถเลขาของพระองค์ท่านเล่า?
เวลายังไม่สายเกินไป ที่เราจะกลับตัวกลับใจที่จะรับสนองพระราชหัตถเลขาของพระองค์ท่าน ที่พระองค์ท่านทรงมีความห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์ท่าน และถึงกับมีพระราชหัตถเลขาไว้ให้ลูกหลานคนไทยได้จดจำไว้ไปชั่วกาลนาน
ผมขอให้กำลังใจแด่ท่านที่รับผิดชอบบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ ท่านจะขีดเขียนอะไร ท่านจะคิด จะทำอะไร เพื่อนำพาประเทศไปสู่เป้าหมายที่ท่านตั้งไว้ ถ้าท่านนำคำกล่าวในพระราชหัตถเลขาใส่เกล้า โดยเฉพาะในประเด็นที่พระองค์ท่านทรงเน้นคือ “เสียงอันแท้จริงของราษฎร” แล้ว สิ่งที่ท่านทำมาด้วยความยากลำบากและด้วยหยาดเหงื่อของท่าน ท่านก็จะทำความฝันของท่านให้เป็นความจริงได้
สิ่งที่ทำมาแล้ว อย่าให้ “เสียของ”
สิ่งที่จะทำต่อไป อย่าให้ “อารมณ์” ขึ้นครอบงำ
http://www.matichon.co.th/news/30572
<<< คนไทยขี้ลืม โดย พิชัย รัตตกุล >>>
คนต่างชาติต่างยกย่องคนไทยว่าเป็นคนเปิดเผย คบง่าย ยิ้มง่าย ซึ่งก็เป็นความจริง
คนต่างชาติมักพูดถึงคนไทยว่า เป็นคนที่โอบอ้อมอารี โกรธง่ายหายเร็ว ถึงแม้บางครั้งจะพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่คิดอาฆาตมาดร้ายใคร ซึ่งก็เป็นความจริง
แต่คนไทยมักเป็นคนขี้ลืม!
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2477 (ซึ่งก็นานโขมาแล้ว) ในพระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ปรากฏข้อความที่คนไทยเราไม่ว่ายากดีมีจนหรือมียศถาบรรดาศักดิ์อย่างไรจะได้ยินเสมอ และยิ่งเป็นพระราชหัตถเลขาของพระมหากษัตริย์แล้ว เรายิ่งต้องนำมาใส่เกล้า ให้สมกับที่คนต่างชาติยกย่องคนไทยว่าเป็นราษฎรที่เรามีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างหาที่เปรียบมิได้
พระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรากฏข้อความในวันที่พระองค์ทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติ มีข้อความ…
“ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจ อันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอม ยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของราษฎร”
แต่ทำไม เราจึงลืมแก่นแท้และเนื้อหา ในพระราชหัตถเลขาของพระองค์ท่านเล่า?
เวลายังไม่สายเกินไป ที่เราจะกลับตัวกลับใจที่จะรับสนองพระราชหัตถเลขาของพระองค์ท่าน ที่พระองค์ท่านทรงมีความห่วงใยในพสกนิกรของพระองค์ท่าน และถึงกับมีพระราชหัตถเลขาไว้ให้ลูกหลานคนไทยได้จดจำไว้ไปชั่วกาลนาน
ผมขอให้กำลังใจแด่ท่านที่รับผิดชอบบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ ท่านจะขีดเขียนอะไร ท่านจะคิด จะทำอะไร เพื่อนำพาประเทศไปสู่เป้าหมายที่ท่านตั้งไว้ ถ้าท่านนำคำกล่าวในพระราชหัตถเลขาใส่เกล้า โดยเฉพาะในประเด็นที่พระองค์ท่านทรงเน้นคือ “เสียงอันแท้จริงของราษฎร” แล้ว สิ่งที่ท่านทำมาด้วยความยากลำบากและด้วยหยาดเหงื่อของท่าน ท่านก็จะทำความฝันของท่านให้เป็นความจริงได้
สิ่งที่ทำมาแล้ว อย่าให้ “เสียของ”
สิ่งที่จะทำต่อไป อย่าให้ “อารมณ์” ขึ้นครอบงำ
http://www.matichon.co.th/news/30572