ถ้าแฟนอยู่ไกลกัน แบบคนละประเทศเลย คุณยังเชื่อมันในความรักอยู่มั๊ย

เรากับแฟนอยู่กันคนละประเทศเลยค่ะ เพราะแฟนเราเป็นหนุ่มเกาหลี มีเพื่อนๆอยู่ไกลกับแฟนบ้างแบบเราบ้างมั๊ยคะ แล้วความรู้สึกมันเป็นยังไงบ้าง บางครั้งเราเหงามากเลย อยากมีแฟนไปเที่ยวไปดูหนัง อยู่ด้วยกัน แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ให้ความคิดถึงได้ทำงานไปเรื่อยๆ  และเรายังคงเชื่อมั่นในความรักของเราอยู่ค่ะ

เพื่อนๆลองมาเล่าเรื่องของเพื่อนๆให้ฟังกันบ้างนะคะ เราอยากรู้ว่าคู่อื่นเค้าเป็นยังไงกันบ้าง อมยิ้ม02

ถ้างั้นเราขอเล่าเรื่องความรักของเรากับโอปป้าแดนกิมจิให้อ่านกันนะคะ ว่าเราเจอกันได้ยังไง พอดีเคยเขียนไว้ในกระทู้นึงแล้วมีเหตุที่ทำให้ไม่ได้เขียนต่อหน่ะค่ะ ถ้ามันยาวไปขี้เกียจอ่าน ก็ลองแชร์เรื่องของเพื่อนๆให้เราอ่านก็ได้นะคะ...

เรากับแฟนเจอกัน ณ ผับชื่อดังแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ55 แหม่!! อิประโยคนี้ เหมือนรายงานข่าวชัดๆ หุหุ เพื่อนชวนมา อินี่เปลี่ยวอยู่ ก็ตอบตกลงไปในทันใดสิคะ จะรออัลไล โฮ๊ะๆ นานๆ ทีจะได้ไป จริงๆนะ
วันนั้นเราไปกับเพื่อนหลายคนมาก ทั้งชายและหญิงค่ะ เพื่อนผู้หญิงของเราก็สวย แซ่บ หุ่นดีกันทั้งนั้น มีเรานี่หล่ะที่เป็นสาวอวบ (อันนี้ให้กำลังใจตัวเองอยู่) จิงๆ คืออ้วน555

เอาหล่ะๆ ใกล้เข้าเรื่องละนะคะ ในนั้นบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เพลงมันก็มันส์ ด้วยความที่เป็นคนสนุกสนานเฮฮาอยู่แล้ว ดนตรีมา พี่ก็เต้นไม่ยั้ง ปล่อยสเต๊ปกับเพื่อนรัวๆ ไม่ได้สนใจโต๊ะรอบข้างเลย55  เต้นไปสักพักแอบเห็นหนุ่มตี๋คนนึงเข้ามาคุยกับเพื่อนผู้ชายของเราค่ะ เพื่อนเล่าว่าเค้าเข้ามาทักทายและถามว่ามาเที่ยวกับแฟนหรอ แต่เพื่อนได้ตอบไปผู้หญิงในโต๊ะนี่เพื่อนหมดเลย  อิหนุ่มผู้นั้นหลังจากได้คำตอบแบบนี้ ก็ค่อยๆทำตัวแทรกซึมเข้ามาชนแก้ว เข้ามาเต้นแถมลากเพื่อนหน้าตี๋ที่โต๊ะมาด้วย และคือจุดที่มาสิงห์อยู่มันคือข้างๆเราค่ะ อิเราก็ชนแก้วด้วยปกติ แต่พอนางชวนคุยปั๊บ มองหน้าเพื่อนข้างๆ แล้วคิดในใจ น่านไง งานเข้าตรูและ นางตี๋นี่ไม่ใช่คนไทย นางคือหนุ่มโคเรียแห่งแดนกิมจิค่ะ (กรี๊สสสเบาๆในใจไป 1 กรี๊สส) แต่เราไม่เก่งภาษาอังกฤษ กลัวกับการคุยกับคนต่างชาติมาก คือถามมา ชั้นก็ตอบไป คงเดากันได้นะคะคนเจอกันครั้งแรกจะถามอะไร แน่นอนสิคะ ชื่อ อายุ บลาๆๆ เราก็ตอบๆๆไป เออๆไม่ค่อยยากมากตอบได้ เราก็ถามนางกลับไปบ้างเดี๋ยวจะหาว่าหยิ่ง แต่ก็ถามคำถามง่ายๆ นี่แหล่ะค่ะชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เคยมาไทยมั๊ย แล้วนี่มากี่วันไรงี้ แล้วก็หันเข้าโต๊ะเต้นตามสเต๊ปความรั่วของตัวเองไปเรื่อย ไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย นางก็ยังคงไม่ไปไหนค่ะ เต้นอยู่ข้างๆ เราก็แอบคิดนะว่าจริงๆนางก็อาจจะชอบเพื่อนข้างๆของเราก็ได้ นางสวยแซ่บกว่าเยอะค่ะ คือบรรยากาศตอนนั้นค่อนข้างรู้สึกอึดอัดใจนะคะ คืออยากให้นางกลับโต๊ะ จริงๆนางหน้าตาดี ตี๋ขาว แต่เรากลัวเค้าถามไรเยอะ เราตอบไม่ได้555

สักพักเลยเดินออกไปนั่งเล่นนอกร้าน เพราะหวังว่าเดี๋ยวนางคงกลับไปที่โต๊ะตัวเอง แต่พอกลับมาที่โต๊ะ ใช่ค่ะนางกลับไปที่โต๊ะจริงๆด้วย แต่พอเห็นเรากลับมาเท่านั้นหล่ะ ปรี่มาสิงห์อยู่ข้างๆอีกเช่นเคยค่ะ55 จริงๆ นางก็น่ารักนะคะ ยิ้มตลอดเลย เต้นก็ตลก คือเกาหลีนางก็จะเต้นสไตล์นางอ่ะนะคะ ก็เลยใจอ่อน หันไปเต้นกับนางบ้าง กรุบกริบเบาๆ

แน่นอนงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ผับมันก็ต้องมีเวลาปิด ด้วยความที่เรากับเพื่อนกลัวคนเยอะ แย่งกันกลับ รถติดค่ะย่านนั้นช่วงกลางคืน เลยจะกลับก่อนผับเลิกนิดนึง คราวนี้ก็หันไปร่ำลานาง บอกว่าจะกลับแล้ว ยินดีที่ได้รู้จัก เบสิคมะ555 พอนางรู้ว่าจะกลับกันแล้วนั้น นางก็ขอแอดไลน์ค่ะ ในใจคิดให้ดีไม่ให้ดี กลัวให้แล้วพิมคุยไม่รู้เรื่อง แต่เพื่อนก็เป็นเจ้ดันอยู่ข้างๆค่ะ บอกให้ไปเถอะ นางโอเคอยู่นะ เอาไว้คุยเล่นๆ ขำๆ....อ่ะๆๆ ให้ก็ให้ (ดูเล่นตัวมะคะ55 หลังจากผิดหวังกับความรักมาก เราค่อนข้างกลัวที่จะเริ่มคุยกับใครใหม่หน่ะค่ะ ยังไม่อยากเปิดใจ) จริงๆให้ไปเค้าก็อาจไม่ทักเรามาอีกก็ได้ ก็แค่ขำๆเท่านั้นหล่ะ
สรุปค่ำคืนนั้นเราก็ให้ไลน์ผู้ชายโคเรียไปแล้วก้อ เซย์ กู๊ดบาย แยกย้ายกลับบ้านค่ะ พอกลับบ้านเค้าก็เค้าพิมมาหาค่ะ ถามว่าถึงบ้านรึยัง ก็ตอบไปถึงแล้ว แล้วนางก็ส่งกู๊ดไนท์มาค่ะ จริงๆ ก็พิมมาแค่นั้นแหล่ะ55

เรื่องราวมันไม่จบแค่คืนนั้นที่เราให้ไลน์ผู้ชายโคเรียและก็เซย์ กู๊ดบาย กู๊ดไนท์ เท่านั้นค่ะ ช่วงสายๆของวันรุ่งขึ้น นางไลน์มาชวนไปทานข้าวเย็นค่ะ เห้ยยย ตี๋โคเรียจะสานสัมพันธ์ต่อเว้ยย นางก็พิมมายาวเลยค่ะ ปัญหาคือ อ่านแล้วเข้าใจบ้าง งง บ้าง มึนบ้าง ในใจคิด เห้ยย เอาไงดีอ่ะ...แต่งตัวไงดี...555 ล้อเล่นค่ะ จิงๆสับสนค่ะ ว่าจะไปเจอดีมั๊ย ภาษาอังกฤษก็ไม่แข็งแรง ไปเจอแล้วจะยังไงต่อไป ใจหนึ่งก็อยากลองไป ใจหนึ่งก็ยังไม่พร้อมจะสานสัมพันธ์กับใคร
เอางี้ดีกว่า โทรไปถามอิเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยกันเมื่อคืน ปรึกษาว่าเอาไงดี อิเพื่อนก็สนับสนุนบอกให้ไปสิ ลองคุย ลองไปเจอดูก่อน เราก็เลยคิดขึ้นมาว่า ถ้าไปคนเดียวมันจิดูไม่งาม ตามแบบฉบับหญิงไทย (จริงๆ คือไปคนเดียว เดี๋ยวจะพูดกันไม่รู้เรื่องมากกว่า โฮ๊ะๆ) งั้นลากเพื่อนไปด้วยดีกว่า...เสดชั้นอิเพื่อน

วันนั้นก็เล่นตัวกะนางอยู่นานค่ะ นางพิมมาเป็นระยะ ว่าตกลงจะเจอกันมั๊ย หลังจากที่สรุปกับเพื่อนเรียบร้อย ช่วงบ่ายแก่ๆ ก็ตอบตกลงกับนางค่ะ บอกว่าจะไปเจอ แต่ขอเอาเพื่อนไปด้วยอีก 2 คน นางก็โอเค ถ้าเราเอาเพื่อนไปด้วย งั้นนางก็ขอเอาเพื่อนไปด้วยละกัน...โอเครงั้นตกลงตามนี้
วันนั้นเราเป็นคนจัดการจองร้านเอง เพราะนางคิดไม่ออกว่าจะไปร้านไหนกันดี เพื่อนเราเลยแนะนำไปร้านนี้ค่ะ จัดการจองให้เสร็จเลย เพราะเราโทรไปเองเค้าบอกเต็ม (ต้องขอบคุณอิเพื่อนผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการจริงๆ)
ร้านนี้ชื่อ Spring Dining Room ร้านของคุณพล ตัณฑเสถียร เป็นยังไงคะที่เดทที่แรกของเรา เดทแบบมีเพื่อนไปด้วย55 บรรยากาศดีเหมือนกันนะคะ





เอาหล่ะถึงเวลานัด น่าจะประมาณ 1 ทุ่ม แกงค์โคเรียเค้ามาถึงก่อนเราค่ะ พอเรากับเพื่อนมาถึงเค้าก้อเดินออกมารับตรงลานจอดรถ จริงๆ ที่บอกว่าเอาเพื่อนไปด้วยนางคงคิดว่าเราจะเอาแต่เพื่อนผู้หญิงไปมั้งคะ เพราะเพื่อนนางก็ผู้ชายล้วนเลย55
ส่วนเราพาเพื่อนผู้หญิงหน้าหมวยไป 1 คนกับผู้ชายอ้วนกลมไปอีก 1 คน ก็เป็นคนที่เจอหนุ่มตี๋พร้อมๆ กันตอนคืนแรกนี่แหล่ะค่ะ
ถึงเวลาสั่งอาหารเหล่าบรรดาโคเรียก็คงคิดไม่ออกสินะว่าจะสั่งอะไร ก็เป็นหน้าที่ของเรากับเพื่อนนี่แหล่ะค่ะที่เป็นคนสั่งให้ พยายามสั่งอาหารที่ไม่เผ็ดมากคือตอนนั้นกลัวเค้ากินไม่ได้ หุหุ ระหว่างการกินก็มีคุยกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่เพื่อนเราจะเป็นคนคุยให้ด้วยความที่เพื่อนเราทั้งคู่มีสกิลการพูดภาษาอังกฤษที่ดีเลิศกว่าเราหลายร้อยเท่า เราก็เลือกที่จะนั่งยิ้มแบ๊วๆไปก่อนดีกว่า

หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารมื้อเย็นกันเรียบร้อย นางก็หันมาชวนเราไปต่อ จะไปที่ไหนหลัง ก็ต้องผับชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านทองหล่ออีกเช่นเคย เพราะเราคิดที่ไหนไม่ออกจริงๆ บอกแล้วไม่ค่อยได้เที่ยว อิอิ

พอไปถึงเราก็ยังคงออกสเต๊ปเต้นรั่วๆ ตามสไลต์เหมือนเคย #หนุ่มตี๋โคเรียก็เช่นกัน วันนี้เราได้รู้สึกถึงการดูแลใส่ใจของเค้า คือไม่ว่าจะเดินไปเข้าห้องน้ำ หรือเดินไปไหน เค้าจะบอกเราว่าจะเดินไปเป็นเพื่อนด้วยตลอด น่ารักใช่มั๊ยคะ สักพักหนึ่งเราพากันแอบปลีกตัวออกมานั่งคุยกันข้างนอกค่ะ คืนนี้เรามีโอกาสได้คุยกันเยอะขึ้น ทำให้รู้ว่าเค้าเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ ว่าสิเค้าพูดภาษาอังกฤษได้ดีเลยทีเดียว ส่วนเราก็ใช้ทักษะงูๆปลาๆของเราไปอ่ะนะคะ ก็บอกเค้าไปว่าที่เราไม่ค่อยพูดอะไรมาก เป็นเพราะเราไม่เก่งภาษาอังกฤษ กลัวพูดไปแล้วพูดผิด พอบอกเค้าไปแบบนี้ เค้ามีคำพูดนึงที่บอกเราว่า ไม่ต้องกลัวภาษาอังกฤษหรอก ถ้าอยากจะพูดภาษาอังกฤษได้ เราก็แค่พูดออกมาโดยไม่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องของแกรมม่ามากนะ เค้าสามารถเข้าใจได้ว่าเราพูดอะไรกับเค้า ได้ยินแบบนี้เท่านั้นหล่ะ โล่งใจขึ้นเยอะ เลยลองพยายามพูดดูค่ะ แล้วบอกเค้าไปว่าถ้าเราพูดอะไรที่ไม่เข้าใจก็ให้เค้าช่วยบอกเราด้วย เค้าก็ยิ้มกลับมาให้เรา แล้วบอกว่าแน่นอน (โอ้ว!! รอยยิ้มนั้นมันช่างอบอุ่นเหลือเกิน)

หลังจากนั้นเราก็คุยกันไปเรื่อยๆเปื่อยแล้วก็เข้าไปหาเพื่อนค่ะ จนถึงเวลาปิดทำการอีกเช่นเคยเราก็แยกย้ายกันกลับ พร้อมกับคำพูดส่งท้ายน่ารักๆ ว่าถึงบ้านแล้วบอกเค้าด้วยนะ พรุ่งนี้เราจะเจอกันอีกได้มั๊ย...อร้ายยย พี่ชายยย ชั้นหนาวหน่ะ เอ้ยยไม่ใช่...คือตอนนั้นเขิล หัวใจเต้นเบาๆ เพราะแอบรู้สึกดีนิดนึงกับหนุ่มตี๋นี่ไปนิสนึงแล้วสิคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
น่ารักอ่า ถ้าเรามีแฟนคนละประเทศแบบนี้มั่งยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไง
แค่คิดว่าถ้าเค้าแค่ไปทำงานที่ตปท. ใจเรายังหายเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่