เมื่อคุณแม่ฟูลไทม์อย่างฉัน ที่วันๆอยู่แต่บ้านเลี้ยงลูก ถูก(บางคน)มองว่าไร้ค่า (มาขอพื้นที่ระบาย)

****update****
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ทั้งที่เห็นใจ เข้าใจ และตำหนิมา เรายอมรับทุกความคิดเห็นนะคะ
แต่ขอชี้แจงนิดนึง เรื่องบ้านรกนี่ ไม่ได้รกตลอดเวลานะคะ ตอนสะอาดก็มีค่ะ เพราะเราก็เก็บไปด้วยเท่าที่เวลามันเอื้ออำนวยหน่ะค่ะ แต่ช่วงระหว่างวัน ที่ลูกตื่น บางทีก็ทำไม่ทัน เพราะต้องทำหลายอย่าง เราก็จะทิ้งไว้รอสามีกลับมาค่อยไปทำต่อ
แต่ปัญหาคือแม่สามีเราแวะมาวันละหลายเวลา เช้าสายบ่ายเย็น มันก็ต้องมีบ้างที่ท่านจะเห็นตอนมันรกหน่ะค่ะ แกก็เลยบ่น เราที่กำลังหัวหมุนกับการเลี้ยงลูก ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน พอได้ยินแบบนั้นมันก็เก็บมาเป็นอารมณ์
ซึ่งหลังจากที่ได้อ่านหลายๆความเห็นแล้วเราก็เริ่มเข้าใจได้มากขึ้น เพราะถ้าเทียบกับคุณแม่บางคนแล้ว เรายังทำได้น้อยกว่าจริงๆ อันนี้เราก็ยอมรับค่ะ แทนที่จะมานั่งน้อยใจเหมือนตอนแรก ตอนนี้เราคิดใหม่แล้วค่ะ ว่าเราควรเอาโอกาสนี้มาปรับปรุงตัวเอง ให้แม่สามีเห็นว่า หลังจากที่ท่านตำหนิมา เราก็ได้พยายามมากขึ้น อย่างน้อยก็เพื่อลูกเรา
ขอบคุณทุกความคิดเห็นอีกครั้งนะคะ พวกคุณช่วยให้เราเห็นทางสว่างจริงๆ ยิ้ม



เราคิดว่าสิ่งที่เราเจอ แม่ฟูลไทม์หลายๆคนก็คงเคยเจอมาเช่นเดียวกัน คือแรงกดดันจากคนรอบข้าง (ในกรณีของเราเป็นแม่สามีเราเอง) ที่เค้ามักจะมองว่า การเลี้ยงลูกอยู่บ้านเฉยๆมันสบาย ที่ไม่ไปทำงานเพราะเราขี้เกียจ อยากอยู่บ้านสบายๆไปวันๆ

เรื่องของเรื่องมันเริ่มจาก เมื่อหลายวันที่ผ่านมา แม่สามีที่อยู่บ้านติดกับเรา แกมาเล่นกับหลานในบ้านที่เราอยู่ (แกก็มาทุกวันแหละ วันละหลายๆครั้ง เพราะบ้านอยู่ในรั้วเดียวกัน) แล้วแกก็เห็นว่าบ้านเรารก มีจานชามวางกองอยู่ในซิงค์ ผ้าที่ไม่ได้ซักกองเต็มตะกร้า ขนมกับของเล่นลูกก็วางเกลื่อนกราดอยู่ตามพื้น (เราเลี้ยงลูกเองคนเดียว สามีไปทำงาน)

แกก็มาพูดกับเราว่า "เนี่ย ขอถามหน่อยเถอะ ทุกวันนี้ทำอะไรบ้างนอกจากเลี้ยงลูกเนี่ย งานบ้านก็ต้องทำมั่งนะ ไม่ใช่ว่าวันๆเอาแต่บอกว่าเลี้ยงลูก แล้วไม่ทำอะไรเลย นี่ขนาดไม่ได้ทำงานนอกบ้านนะ รู้มั้ยสมัยแม่นะ งานนอกบ้านก็ทำ กลับมาก็เลี้ยงลูกต่อ แม่ยังทำได้เลย บ้านช่องไม่เคยปล่อยให้รก ทำเองหมด แล้วเรื่องเงินอีก รู้จักประหยัดๆบ้างนะ อย่าใช้มากกว่าที่หาได้ ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ทำการทำงานอะไร ก็ต้องรู้จักประหยัด บลาๆๆๆ"

อันนี้แค่คร่าวๆที่แกพูดนะ เราก็จำได้ไม่หมด เพราะตอนที่ได้ยินหัวมันก็ตื้อไปหมด เราก็ทำได้แค่ตอบ ค่ะๆๆ ไป แต่ในใจนี่เจ็บจี๊ดเลย จริงอยู่ที่บ้านเราอาจจะรกไปบ้าง แต่ลูกเรามีความสุขเราก็โอเคแล้ว เราเลี้ยงลูกวัยขวบสามเดือนเองคนเดียว ไม่เคยขอให้ใครช่วยเลย แม้แต่แม่สามี แกอยากมาเล่นเมื่อไหร่ก็มา แต่แกไม่เคยต้องมาช่วยเราดูแลอะไรเลย เพราะเราคิดว่าลูกเราคือความรับผิดชอบของเรากับสามี เราก็ช่วยกันเลี้ยงแค่สองคน แต่เวลาที่สามีออกไปทำงาน มันก็เหลือแค่เรา จะให้บ้านเนี้ยบสะอาดตลอดมันคงเป็นไปไม่ได้มั้ย ในเมื่อเวลาจะขรี้ยังแทบไม่มีเลย

มีครั้งนึงที่เราฝากลูกไว้ที่แกสองชั่วโมง เพราะเราต้องออกไปทำธุระ พอเรากลับมาแกก็อวดใหญ่เลยว่า " เนี่ย ดูสิ แม่เลี้ยงเอง ง่ายจะตาย ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ยังมีเวลาทำนู่นทำนี่ได้ตั้งเยอะ ทำไมเทอบอกว่าเลี้ยงลูกไม่มีเวลา แม่ไม่เห็นมันจะยากตรงไหนเลย " แหมมม ก็แหงหล่ะสิ ก็ช่วงเวลาที่เราฝากแกมันเป็นช่วงที่ลูกเรานอนกลางวันพอดี ละอีกอย่างแกก็เลี้ยงแค่สองชั่วโมง จะเอามาตัดสินกับที่เราทำมาเป็นปีกว่าๆได้ยังไง เด็กมันก็ไม่ได้เหมือนกันทุกวัน มันก็มีทั้งวันที่ง่ายกับวันที่ยากปนกันไป แกดูหลานแค่สองชั่วโมง จบแล้วก็จบกัน แต่คนเป็นแม่มันไม่มีจบนี่นา หลังจากนั้นจะเอาไงต่อ ข้าวกลางวันให้ลูกกินอะไรดี ยังไม่ได้เตรียมเลย ขวดนมยังกองอยู่ในซิ้งค์อีก น้ำก็ยังไม่ได้อาบตั้งแต่เช้า ซักพักลูกร้องงอแงอีก แยกร่างก็ไม่ได้ แม่สามีก็คอยตำหนิทุกฝีก้าว ทุกวันนีเบื่อมากกกก อยากจะล๊อคบ้านไม่ให้ใครเข้า ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

ส่วนเรื่องไม่ทำงานนี่ เป็นอะไรที่เจ็บปวดอีกเรื่องหนึ่งของคุณแม่ฟูลไทม์เลยนะ เราไม่ไปทำงาน เพราะเราอยากเลี้ยงลูกเอง เราไม่เชื่อว่าจะมีใครเลี้ยงลูกเราได้ดีมากกว่าเรา เพราะเด็กวัยนี้เค้าไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากเวลาและความเอาใจใส่จากเรา เพราะฉนั้นเราคิดแล้วว่าเงินมันยังไม่สำคัญ รอลูกเข้าโรงเรียนแล้วค่อยไปทำงานก็ยังได้ ตอนนี้เรามีเวลาเท่าไหร่ เราให้ลูกหมด ทุกนาทีที่ลูกตื่น นั่นคือเวลาของลูก เราเล่นกับลูก คอยอยู่ข้างๆตลอด คอยบอกคอยสอน ลูกเราไม่เคยต้องเรียกร้องความสนใจจากเราเลย เพราะเราสนใจให้เวลาแกตลอด ซึ่งเราคิดว่ามันส่งผลนะ ลูกเราเป็นเด็กอารมณ์ดีและมั่นคง มีความกล้าและพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา  เพราะแกมั่นใจว่ายังไงแม่ก็จะอยู่ข้างๆ เราเชื่อว่าแม่ฟูลไทม์ทุกคนคงมีเหตุผลที่ไม่ต่างจากเราเท่าไหร่  คือเราทำเพื่อลูก ไม่ใช่เพราะขี้เกียจไปทำงานหรือไม่มีความสามารถเหมือนที่บางคนคิด อย่างเราเอง เรียนจบเมืองนอก โทอิค900+ คนก็พากันนินทา ว่าจบถึงเมืองนอกเมืองนาแต่มาอยู่บ้านเฉยๆเลี้ยงลูก ได้ยินจนชิน แต่เราก็ได้แต่ทำใจ ต่างคนต่างความคิด จะให้ทุกคนมาเข้าใจเราหมดก็คงเป็นไปไม่ได้

สุดท้ายถ้ากระทู้ระบายความอัดอั้นตันใจของเราจะเป็นประโยชน์ให้คนอื่นๆเข้าใจคุณแม่ฟูลไทม์หรือแม้แต่คุณแม่ที่ต้องทำงานมากขึ้น เราก็ยินดี และอยากรับฟังความอัดอั้นตันใจของคุณแม่ท่านอื่นบ้าง เรารู้ว่าที่เราเจอนี่ยังถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับหลายๆคน แต่มันก็ทำให้กำลังใจเราหดไปเป็นกองเหมือนกัน สุดท้ายอยากฝากไว้ ว่า เลี้ยงลูกมันไม่ได้ง่าย อยู่บ้านเฉยๆไม่ได้แปลว่าสบายนะจ๊ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่