สวัสดีครับ สืบเนื่องจาก HK Airline ปล่อยโปร Okinawa ช่วงหลังปีใหม่ เวลาค่อนข้างสวย ไปตีหนึ่ง ถึง 11 โมง ขากลับแวะเดินเล่นฮ่องกงได้ด้วย เลยเกิดหน้ามืดไปชั่วขณะ รู้ตัวอีกทีก็มีตั๋วเรียบร้อยราคาแปดพันหน่อยๆ เลยได้มีโอการทำการบ้านว่าโอกินาว่ามีอะไรให้เที่ยวบ้าง เดินทางยังไง และมีไฮไลท์อะไรน่าสนใจช่วงปลายมกรา เลยอยากเอามาแบ่งปันให้คนที่อยากเที่ยวโอกินาว่าได้ลองดูเป็นข้อมูลประกอบการแพลนครับ รูปทั้งหมดใช้กล่องมือถือถ่ายอย่างเดียวนะครับ เลยอาจออกมาโทนเดียว ปรับไม่เป็น 555+
ฝากกระทู้รีวิวคราวก่อนด้วยครับ
http://ppantip.com/topic/33670820
Tip#1 เกี่ยวกับสายการบิน HX Full Service โหลดกระเป๋าได้คนละ 20 kg + ถือขึ้นเครื่อง 7 kg
1 ที่นั่งหมายเลข 31 คือที่นั่งแรกสุดของ Economy Class ใกล้ประตูที่สุด ถ้าอยากนั่งใกล้ประตูเลือกแถวๆนี้นะครับ
2 Lay Out ที่นั่งของเครื่องเป็น 2-4-2 ตลอดทั้งลำ (ไม่มีแถว B,I,J)
3 ไม่อยากกินขนมปังกับเศษผัก
ตอนจองตั๋วก่อนจ่ายเงินจะมี section ให้เลือก Select Seat or Special Meal ไม่ต้องเลือก Special Meal นะครับ เลือกที่นั่งอย่างเดียวแล้วข้ามช่องนี้ไปเลยไม่งั้นจะได้กินแต่ผักทั้ง 4 เที่ยวบิน (ผมพลาด เซ็งเลย) อาหารปกติจะเป็นขนมปังไส้ต่างๆ เช่นแฮม หรือไส้กรอก
4 เที่ยวบินระหว่างสุวรรณภูมิ-ฮ่องกง ผ้าห่มแจก มีทีวีให้ดู (หนังใหม่ใช้ได้ 007 ภาคล่าสุด) มีเกมให้เล่น (มีเกมบอลคล้ายวินนิ่งด้วย) แต่ระหว่าง ฮ่องกง-โอกินาว่าไม่มีอะไรเลย
5 Lกฮ บนเครื่องมีแค่เบียร์นะครับ มี 2 ยี่ห้อ San Miguel อีกอันไม่รู้จัก
6 เที่ยวบินดีเลย์แหลกครับ ทั้งขาไปและกลับดีเลย์ 3 ใน 4 ไฟลต์ (ขากลับไทยดีเลย์ 2 ชม.กว่า โกรธครับ ขอแบน)
จากการหาข้อมูลก็พบว่าช่วง 24 - 30 มกราที่จะไปนั้นเป็นช่วงที่ซากุระบนเกาะโอกินาว่าเริ่มผลิบาน ไล่จากทางตอนเหนือของเกาะจากเมือง Nago ลงมายัง Naha ตรงกับ 4 เทศกาลนี้พอดี
http://beta.tiewyeepoon.com/hot-topics/news/okinawa-sakura-matsuri/
1. เขา Motobu Yaedake
2. ซากปราสาท Nakijin
3. Nago Park กลางเมือง Nago ตรงข้ามโรงเบียร์ Orion Happy Park
4. เขา Yaese
ถ้าอยากไปให้ครบก็ต้องเช่ารถขับ เพราะไม่มีระบบรถไฟเหมือน Mainland จะไปกับทัวร์เค้าก็จะไปหย่อนไว้เป็นจุดๆ และให้เวลาไม่นาน ดังนั้นผมจึงแนะนำถ้าเป็นไปได้ขับรถเถอะครับ สะดวก ไม่แพง ประหยัด และคล่องตัวกว่ามากจริงๆ
Tip#2 เตรียมตัวก่อนไปขับรถที่โอกินาว่า
1. จองรถ: มีหลายยี่ห้อให้บริการ ที่ดังๆมี ABC กับ OTS เจ้าไหนถูกกว่าขึ้นกับโปรแต่ละช่วง มีทั้งลงเครื่องปุ๊บ รับรถที่สนามบินได้เลย หรือจะเดินเที่ยวก่อนแล้วค่อยรับในเมืองตอนเช้าๆก็ได้ ส่วนตอนคืนรถก็เลือกได้อีกว่าจะคืนตอนไหน ที่ไหน เรียกว่าตัวเลือกครบครันครับ
http://www.otsinternational.jp/otsrentacar/en/okinawa/
- ผมเลือก OTS รับ+คืน ที่สาขา DFS (Omoromachi Station) เพราะอยากเดินเที่ยวก่อน และจะได้รับรถตั้งแต่ 9AM คืนรถ 6:30PM เรียกได้ว่าใช้งานเต็มที่
- โปรตอนนั้น S Class เครื่อง 1300 จองล่วงหน้า 40 วัน วันละ 3500 เยน รวมประกัน ถูกมากครับ ได้ Honda Fit (Jazz) มา
2. จะขับรถต่างประเทศต้องไปทำ International Driving Permit ก่อนนะครับ ไม่ยาก รูปถ่าย 2 นิ้วสองใบ + เงิน 505 บาท
3. ใบขับขี่ตัวจริง ต้องเอาไปแสดงที่เค้าเตอร์รับรถด้วยนะครับ
4. (option) Internet Sim หรือ Pocket Wifi ช่วยได้เยอะครับ กรณีทะเลาะกับ GPS (555+) GPS หลายๆครั้งไม่ตรงเป๊ะๆ และจะให้เราขึ้นทางด่วนท่าเดียว Google Map ช่วยคุณได้ในกรณีนี้ครับ Internet Sim เดี๋ยวนี้ไม่แพงและไม่ยุ่งยาก 7 วัน สามร้อยกว่าบาทใช้เสร็จทิ้งได้เลย เหมาะกับกรณีที่ไม่ติดโซเชียลมากนักนะครับ เพราะมันอั้นปริมาณ data ต่อวัน ถ้าหมดล่ะช้าเป็นเต่าเลยล่ะ
5. สิ่งอำนวยความสะดวกในรถมีดังนี้
- GPS ภาษาอังกฤษ หาสถาณที่ด้วยเบอร์โทรศัพท์ หรือ Map Code ซึ่งเค้าจะให้หนังสือไกด์บุ๊กมาครับ ที่เที่ยวหลักๆมีให้ครบ
- ดนตรี mp3 เสียบจากมือถือได้ครับ มีแจ็คแบบเสียบหูฟังซ่อนอยู่ในช่องเก็บของฝั่งผู้โดยสาร แล้วเลือกเมนูที่เจ้า GPS (ไม่มี USB นะ)
- ไม่มีช่อง USB ไว้ชาร์จมือถือ แต่มีช่องจุดบุหรี่ ถ้าเตรียม adapter แปลงให้มันเป็นที่ชาร์จแบบ USB ไปก็ใช้ได้ครับ
เริ่มต้นเดินทาง
Naha airport ไม่ใหญ่ครับ ถ้าจะเข้าเมืองด้วย Monorail ต้องเดินไปอาคาร Domestic ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันแล้วข้ามสะพานลอยไป ตั๋ว 1 วัน 700 เยน/2 วัน 1200 เยน นับแบบ 24 ชม/48 ชม ตั้งแต่กดซื้อ (ไม่ใช่ตั้งแต่ใช้ครั้งแรกนะ) เช่น ซื้อเที่ยงวันนี้ ก็ใช้ได้ถึงก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ วางแผนใช้ดีๆนะครับ (ส่วนราคาต่อเที่ยวมี 3 ราคา 110/230/260 ตามระยะทาง) Monorail มีไม่ถี่ครับ ทุกๆ 10 นาที นับจากลงเครื่องผ่านตม. หยิบเป๋า เข้าเมืองใช้เวลาแค่ 40 - 50 นาทีเท่านั้น
แต่ละสถานีจะมีกระจกแบบนี้อยู่ ลองสังเกตุกันดูครับ
วันแรกนี่หนาวมากครับ ลมก็แรง ฝนลงนิดๆ แพลนว่าจะไปปราสาทชูริ เลยต้องข้ามไปก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อแรกเรามาลองมาเม็งสไตล์ริวคิวที่ Tondou (น้ำข้น 980 น้ำใส 920) อร่อยดีครับ มีถั่วงอกกับกระเทียมให้ไม่อั้น 通堂儀保駅前店
แล้วค่อยมาเดิน Kokusai Dori แทน วันอาทิตย์ถนนเส้นนี้ปิดไม่ให้รถเข้านะครับ เดินกันได้ตามสบาย มีการแสดงของเด็กๆให้ดู แต่สัก 5 โมงเย็นก็เริ่มปล่อยรถวิ่งตามปกติล่ะ
Tip#3 เกี่ยวกับ Kokusai Dori
2.1 ที่จอดรถราคาโหดมากครับ 20 นาที 200 เยน เป็นไปได้อย่าขับเข้ามาเลยนะ
2.2 ตลาดปลา Fish Makishi Public Market ปิดวันอาทิตย์นะครับ ถ้าอยากมาดูปลาแปลกๆ กุ้งมังกรตัวใหญ่ๆให้มาวันอื่นนะ (ตอนผมจะถ่ายรูปกุ้ง เค้าไม่ให้ถ่ายง่ะ)
2.3 ชั้น 2 ของตลาดปลามีร้านอาหารอยู่ 3 ร้าน ซื้อกุ้งหอยปูปลาจากข้างล่างมาให้เค้าทำอาหารให้ได้ เค้าคิดค่าทำ 500 เยน(คิดต่อคน)
ผมหาตลาดปลาอยู่นาน มันอยู่ตรงถนนข้างดองกิโฮเต้นะครับ เดินเข้ามาเรื่อยๆอยู่ขวามือ มองหาป้ายตามรูปนี้ไว้
2.4 ยาไตมูระ หรือซุ้มขายอาหารพื้นเมือง ราคาไม่แรงแถมมีรูปให้ดู ลองกันได้ครับ
ตรงนี้ประทับใจ เพราะเคยไปโดนฟันหัวแบะกับยาไตริมคลองที่ฟูกุโอกะมาแล้ว ที่นี่ทำดีกว่ามากครับ สะอาดและที่สำคัญมีราคาชัดเจน
แนะนำร้าน 16 (มี 20 ร้าน) ขายอาหารพื้นเมือง พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ดี แนะนำเมนูให้เราได้ (ใน Street view จะหาไม่เจอ เพราะรูปเก่ายังไม่ได้สร้าง)
ทริปนี้ผมเลือกนอน Toyoko Inn สาขา Omoromachi เป็นหลักเพราะเป็นสมาชิกอยู่ ราคาสมาชิกเฉลี่ยคืนละ 6 พันเยน ใกล้ Station มาก และที่สำคัญมันอยู่ตรงข้าม DFS ตื่นมากินข้าวแล้วข้ามถนนไปรับรถได้เลยครับ (ค่าจอดรถ 500 เยนต่อคืน)
Tip#3 ตั๋วล่วงหน้าพร้อมส่วนลด มีขายที่เค้าเตอร์ของ DFS เกือบครบทุกที่เลยครับ เช่น Churaumi Aquarium เหลือ 16xx / Okinawa World เหลือ 11xx เท่าที่เห็นไม่มีภาษาอังกฤษ มีแต่จีนกับเกาหลี แต่ก็มีรูปให้ดูพอจิ้มเลือกได้ รีบไปหน่อยเลยลืมถ่ายรูปมา วิธีเดินทางก็แสนง่าย ลง Monorial Omoromachi ผ่านประตูออกมาทางซ้าย ไม่ต้องลงข้างล่างเดินเข้า DFS ประตูที่ใกล้ที่สุดไปเลยจะเจอเค้าเตอร์ขายตั๋ว กับติดต่อเรื่องรถเช่าเรียงกันอยู่ด้านซ้ายมือครับ
เช้าวันที่ 2 ใช้เวลารับรถประมาณ 1 ชม.ในการตรวจเอกสาร พูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎจราจรพื้นฐาน และต้องทำอย่างไรในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ตรงนี้ผมทำประกันเพิ่มกรณียางแตก หรือรถเสียหายแบบไม่มีคู่กรณี (เช่น มาชนรถเราตอนเราไม่อยู่ที่รถ) เพิ่ม 5xx เยนต่อวัน เลยทำเพิ่มไปเพื่อความสบายใจ สรุปค่าเช่ารถทั้งหมด 4 วันอยู่ที่ 16000 เยน จ่ายเงินแล้วก็ลงมารับรถ ตรวจสภาพรอบๆก่อนเซ็นรับและมีการสอนใช้ GPS นิดหน่อย
Tip#4 การขับรถ ควรรักษาระเบียบวินัยจราจรอย่างเคร่งครัดนะครับ อย่าเผลอไปซิ่งล่ะ ทางในเมืองส่วนมากให้ใช้ความเร็ว 50 กม./ชม และห้ามแซง
เนื่องจากเจ้า speed limit ดังกล่าว ทำให้ผมไปถึง Aquarium เกือบบ่ายโมง (3 ชม. 80 กม ไม่ได้ขึ้นทางด่วนเพราะแวะนู่นนี่และอยากดูสภาพบ้านเมืองเค้าไปเรื่อยๆด้วย) เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนไปดูซากุระบนเขา Motobu Yaedake 八重岳桜の森公園 ก่อน อากาศหนาวๆยังงี้ มันจะบานรึยังนะ สรุปมีครับ แต่ไม่เยอะ คงเพราะยังหนาวอยู่ บนเขามีลานจอดรถเป็นระยะๆให้ลงไปถ่ายรูป การชมซากุระที่โอกินาว่าต่างกับภูมิภาคอื่น คือที่นี่เดินดูครับ ไม่ได้ปูเสื่อนั่งฮานามิใต้ต้นซากุระ ก็เลยขับดูไปเรื่อยๆครับ
จากนั้นขับรถข้ามเขาไป Orion Happy Park กันต่อครับ ชอบเบียร์ (รถ 1300cc ขึ้นเขาไหวครับ แต่อืดหน่อย นั่ง 2 คน ไร้สัมภาระ)
ระหว่างทางเจอสวนสัปประรด Nago Pineapple Park โดยบังเอิญ เลยแวะลงไปเข้าห้องน้ำ 555+ อันนี้ผมขอผ่านครับ
Orion เป็นเบียร์ local ของโอกินาว่า ที่โรงงานนี้มีทัวร์ให้ชมการผลิตเบียร์ทุกๆ 20 - 30 นาที ใช้เวลาเดินรอบละประมาณ 40 นาที ไม่มีค่าใช้จ่ายและไม่ต้องจองครับ เข้าไปรอรอบเลย ทัวร์ภาษาอะไรก็ได้ เราเดินอ่านเองอยู่แล้ว
แล้ว Happy Park มัน Happy ยังไง? พอจบทัวร์มีเบียร์ให้กิน 2 แก้ว ถึงบางอ้อเลยครับ มัน Happy ยังงี้นี่เอง (ใครขับรถ อดกินนะครับ ได้เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ หรือ Soft Drink แทน)
ตรงข้าม Happy Park มี Nago Park จุดชมซากุระอีกแห่ง ประกฎว่าต้นยังโกร๋นอยู่เลยครับ สงสัยไม่มีให้เห็นแล้วล่ะทริปนี้
หิวแล้วไปหาข้าวเย็นกินกันครับ มาโอกินาว่าพลาดไม่ได้กับเจ้า Green Caviar (หรือเจ้าสาหร่าย Umibudo) มะระขี้นก(โกยะ)ผัดไข่ Champuru และ Taco Rice สไตล์โอกินาว่า (ขับไปกิน 2 รอบนะครับ ไม่ได้จัดรวดเดียวหมดนี่)
ร้าน 古宇利島ふれあい広場 นี้อยู่ตรงทางเข้าเกาะ Kouri วิวสะพานสวย ถ้ามีโอกาสก็แวะมากันนะครับ
เสร็จแล้วลองวนไปดู Light up ของซากปราสาท Nakijin แล้วก็เป็นอย่างที่คิดครับ ไร้ดอกซากุระบานโดยสิ้นเชิง เลยไม่ได้เข้าไป (ค่าเข้า 400 เยน) เศร้าครับ ปีนี้หนาวนานไปหน่อย
ระหว่างขากลับที่พักเจอ ซุปเปอร์ข้างทางเลยแวะไปเจอเจ้านี่ลดราคาเข้า แพคละ 200 เยนเท่านั้นกวาดมาเลย แกล้มเบียร์ Orion เย็นๆกับอากาศหนาวๆ นี่ล่ะครับ ข้อดีของการมีรถขับ อิอิ
[CR] [CR] โอกินาว่า ขับรถชมซากุระแรกของปี ไล่กินของถูกและดี แถมมีวาฬกระโดด
ฝากกระทู้รีวิวคราวก่อนด้วยครับ http://ppantip.com/topic/33670820
Tip#1 เกี่ยวกับสายการบิน HX Full Service โหลดกระเป๋าได้คนละ 20 kg + ถือขึ้นเครื่อง 7 kg
1 ที่นั่งหมายเลข 31 คือที่นั่งแรกสุดของ Economy Class ใกล้ประตูที่สุด ถ้าอยากนั่งใกล้ประตูเลือกแถวๆนี้นะครับ
2 Lay Out ที่นั่งของเครื่องเป็น 2-4-2 ตลอดทั้งลำ (ไม่มีแถว B,I,J)
3 ไม่อยากกินขนมปังกับเศษผัก ตอนจองตั๋วก่อนจ่ายเงินจะมี section ให้เลือก Select Seat or Special Meal ไม่ต้องเลือก Special Meal นะครับ เลือกที่นั่งอย่างเดียวแล้วข้ามช่องนี้ไปเลยไม่งั้นจะได้กินแต่ผักทั้ง 4 เที่ยวบิน (ผมพลาด เซ็งเลย) อาหารปกติจะเป็นขนมปังไส้ต่างๆ เช่นแฮม หรือไส้กรอก
4 เที่ยวบินระหว่างสุวรรณภูมิ-ฮ่องกง ผ้าห่มแจก มีทีวีให้ดู (หนังใหม่ใช้ได้ 007 ภาคล่าสุด) มีเกมให้เล่น (มีเกมบอลคล้ายวินนิ่งด้วย) แต่ระหว่าง ฮ่องกง-โอกินาว่าไม่มีอะไรเลย
5 Lกฮ บนเครื่องมีแค่เบียร์นะครับ มี 2 ยี่ห้อ San Miguel อีกอันไม่รู้จัก
6 เที่ยวบินดีเลย์แหลกครับ ทั้งขาไปและกลับดีเลย์ 3 ใน 4 ไฟลต์ (ขากลับไทยดีเลย์ 2 ชม.กว่า โกรธครับ ขอแบน)
จากการหาข้อมูลก็พบว่าช่วง 24 - 30 มกราที่จะไปนั้นเป็นช่วงที่ซากุระบนเกาะโอกินาว่าเริ่มผลิบาน ไล่จากทางตอนเหนือของเกาะจากเมือง Nago ลงมายัง Naha ตรงกับ 4 เทศกาลนี้พอดี http://beta.tiewyeepoon.com/hot-topics/news/okinawa-sakura-matsuri/
1. เขา Motobu Yaedake
2. ซากปราสาท Nakijin
3. Nago Park กลางเมือง Nago ตรงข้ามโรงเบียร์ Orion Happy Park
4. เขา Yaese
ถ้าอยากไปให้ครบก็ต้องเช่ารถขับ เพราะไม่มีระบบรถไฟเหมือน Mainland จะไปกับทัวร์เค้าก็จะไปหย่อนไว้เป็นจุดๆ และให้เวลาไม่นาน ดังนั้นผมจึงแนะนำถ้าเป็นไปได้ขับรถเถอะครับ สะดวก ไม่แพง ประหยัด และคล่องตัวกว่ามากจริงๆ
Tip#2 เตรียมตัวก่อนไปขับรถที่โอกินาว่า
1. จองรถ: มีหลายยี่ห้อให้บริการ ที่ดังๆมี ABC กับ OTS เจ้าไหนถูกกว่าขึ้นกับโปรแต่ละช่วง มีทั้งลงเครื่องปุ๊บ รับรถที่สนามบินได้เลย หรือจะเดินเที่ยวก่อนแล้วค่อยรับในเมืองตอนเช้าๆก็ได้ ส่วนตอนคืนรถก็เลือกได้อีกว่าจะคืนตอนไหน ที่ไหน เรียกว่าตัวเลือกครบครันครับ
http://www.otsinternational.jp/otsrentacar/en/okinawa/
- ผมเลือก OTS รับ+คืน ที่สาขา DFS (Omoromachi Station) เพราะอยากเดินเที่ยวก่อน และจะได้รับรถตั้งแต่ 9AM คืนรถ 6:30PM เรียกได้ว่าใช้งานเต็มที่
- โปรตอนนั้น S Class เครื่อง 1300 จองล่วงหน้า 40 วัน วันละ 3500 เยน รวมประกัน ถูกมากครับ ได้ Honda Fit (Jazz) มา
2. จะขับรถต่างประเทศต้องไปทำ International Driving Permit ก่อนนะครับ ไม่ยาก รูปถ่าย 2 นิ้วสองใบ + เงิน 505 บาท
3. ใบขับขี่ตัวจริง ต้องเอาไปแสดงที่เค้าเตอร์รับรถด้วยนะครับ
4. (option) Internet Sim หรือ Pocket Wifi ช่วยได้เยอะครับ กรณีทะเลาะกับ GPS (555+) GPS หลายๆครั้งไม่ตรงเป๊ะๆ และจะให้เราขึ้นทางด่วนท่าเดียว Google Map ช่วยคุณได้ในกรณีนี้ครับ Internet Sim เดี๋ยวนี้ไม่แพงและไม่ยุ่งยาก 7 วัน สามร้อยกว่าบาทใช้เสร็จทิ้งได้เลย เหมาะกับกรณีที่ไม่ติดโซเชียลมากนักนะครับ เพราะมันอั้นปริมาณ data ต่อวัน ถ้าหมดล่ะช้าเป็นเต่าเลยล่ะ
5. สิ่งอำนวยความสะดวกในรถมีดังนี้
- GPS ภาษาอังกฤษ หาสถาณที่ด้วยเบอร์โทรศัพท์ หรือ Map Code ซึ่งเค้าจะให้หนังสือไกด์บุ๊กมาครับ ที่เที่ยวหลักๆมีให้ครบ
- ดนตรี mp3 เสียบจากมือถือได้ครับ มีแจ็คแบบเสียบหูฟังซ่อนอยู่ในช่องเก็บของฝั่งผู้โดยสาร แล้วเลือกเมนูที่เจ้า GPS (ไม่มี USB นะ)
- ไม่มีช่อง USB ไว้ชาร์จมือถือ แต่มีช่องจุดบุหรี่ ถ้าเตรียม adapter แปลงให้มันเป็นที่ชาร์จแบบ USB ไปก็ใช้ได้ครับ
เริ่มต้นเดินทาง
Naha airport ไม่ใหญ่ครับ ถ้าจะเข้าเมืองด้วย Monorail ต้องเดินไปอาคาร Domestic ซึ่งอยู่ใกล้ๆกันแล้วข้ามสะพานลอยไป ตั๋ว 1 วัน 700 เยน/2 วัน 1200 เยน นับแบบ 24 ชม/48 ชม ตั้งแต่กดซื้อ (ไม่ใช่ตั้งแต่ใช้ครั้งแรกนะ) เช่น ซื้อเที่ยงวันนี้ ก็ใช้ได้ถึงก่อนเที่ยงพรุ่งนี้ วางแผนใช้ดีๆนะครับ (ส่วนราคาต่อเที่ยวมี 3 ราคา 110/230/260 ตามระยะทาง) Monorail มีไม่ถี่ครับ ทุกๆ 10 นาที นับจากลงเครื่องผ่านตม. หยิบเป๋า เข้าเมืองใช้เวลาแค่ 40 - 50 นาทีเท่านั้น
แต่ละสถานีจะมีกระจกแบบนี้อยู่ ลองสังเกตุกันดูครับ
วันแรกนี่หนาวมากครับ ลมก็แรง ฝนลงนิดๆ แพลนว่าจะไปปราสาทชูริ เลยต้องข้ามไปก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มื้อแรกเรามาลองมาเม็งสไตล์ริวคิวที่ Tondou (น้ำข้น 980 น้ำใส 920) อร่อยดีครับ มีถั่วงอกกับกระเทียมให้ไม่อั้น 通堂儀保駅前店
แล้วค่อยมาเดิน Kokusai Dori แทน วันอาทิตย์ถนนเส้นนี้ปิดไม่ให้รถเข้านะครับ เดินกันได้ตามสบาย มีการแสดงของเด็กๆให้ดู แต่สัก 5 โมงเย็นก็เริ่มปล่อยรถวิ่งตามปกติล่ะ
Tip#3 เกี่ยวกับ Kokusai Dori
2.1 ที่จอดรถราคาโหดมากครับ 20 นาที 200 เยน เป็นไปได้อย่าขับเข้ามาเลยนะ
2.2 ตลาดปลา Fish Makishi Public Market ปิดวันอาทิตย์นะครับ ถ้าอยากมาดูปลาแปลกๆ กุ้งมังกรตัวใหญ่ๆให้มาวันอื่นนะ (ตอนผมจะถ่ายรูปกุ้ง เค้าไม่ให้ถ่ายง่ะ)
2.3 ชั้น 2 ของตลาดปลามีร้านอาหารอยู่ 3 ร้าน ซื้อกุ้งหอยปูปลาจากข้างล่างมาให้เค้าทำอาหารให้ได้ เค้าคิดค่าทำ 500 เยน(คิดต่อคน)
ผมหาตลาดปลาอยู่นาน มันอยู่ตรงถนนข้างดองกิโฮเต้นะครับ เดินเข้ามาเรื่อยๆอยู่ขวามือ มองหาป้ายตามรูปนี้ไว้
2.4 ยาไตมูระ หรือซุ้มขายอาหารพื้นเมือง ราคาไม่แรงแถมมีรูปให้ดู ลองกันได้ครับ
ตรงนี้ประทับใจ เพราะเคยไปโดนฟันหัวแบะกับยาไตริมคลองที่ฟูกุโอกะมาแล้ว ที่นี่ทำดีกว่ามากครับ สะอาดและที่สำคัญมีราคาชัดเจน
แนะนำร้าน 16 (มี 20 ร้าน) ขายอาหารพื้นเมือง พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ดี แนะนำเมนูให้เราได้ (ใน Street view จะหาไม่เจอ เพราะรูปเก่ายังไม่ได้สร้าง)
ทริปนี้ผมเลือกนอน Toyoko Inn สาขา Omoromachi เป็นหลักเพราะเป็นสมาชิกอยู่ ราคาสมาชิกเฉลี่ยคืนละ 6 พันเยน ใกล้ Station มาก และที่สำคัญมันอยู่ตรงข้าม DFS ตื่นมากินข้าวแล้วข้ามถนนไปรับรถได้เลยครับ (ค่าจอดรถ 500 เยนต่อคืน)
Tip#3 ตั๋วล่วงหน้าพร้อมส่วนลด มีขายที่เค้าเตอร์ของ DFS เกือบครบทุกที่เลยครับ เช่น Churaumi Aquarium เหลือ 16xx / Okinawa World เหลือ 11xx เท่าที่เห็นไม่มีภาษาอังกฤษ มีแต่จีนกับเกาหลี แต่ก็มีรูปให้ดูพอจิ้มเลือกได้ รีบไปหน่อยเลยลืมถ่ายรูปมา วิธีเดินทางก็แสนง่าย ลง Monorial Omoromachi ผ่านประตูออกมาทางซ้าย ไม่ต้องลงข้างล่างเดินเข้า DFS ประตูที่ใกล้ที่สุดไปเลยจะเจอเค้าเตอร์ขายตั๋ว กับติดต่อเรื่องรถเช่าเรียงกันอยู่ด้านซ้ายมือครับ
เช้าวันที่ 2 ใช้เวลารับรถประมาณ 1 ชม.ในการตรวจเอกสาร พูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎจราจรพื้นฐาน และต้องทำอย่างไรในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ตรงนี้ผมทำประกันเพิ่มกรณียางแตก หรือรถเสียหายแบบไม่มีคู่กรณี (เช่น มาชนรถเราตอนเราไม่อยู่ที่รถ) เพิ่ม 5xx เยนต่อวัน เลยทำเพิ่มไปเพื่อความสบายใจ สรุปค่าเช่ารถทั้งหมด 4 วันอยู่ที่ 16000 เยน จ่ายเงินแล้วก็ลงมารับรถ ตรวจสภาพรอบๆก่อนเซ็นรับและมีการสอนใช้ GPS นิดหน่อย
Tip#4 การขับรถ ควรรักษาระเบียบวินัยจราจรอย่างเคร่งครัดนะครับ อย่าเผลอไปซิ่งล่ะ ทางในเมืองส่วนมากให้ใช้ความเร็ว 50 กม./ชม และห้ามแซง
เนื่องจากเจ้า speed limit ดังกล่าว ทำให้ผมไปถึง Aquarium เกือบบ่ายโมง (3 ชม. 80 กม ไม่ได้ขึ้นทางด่วนเพราะแวะนู่นนี่และอยากดูสภาพบ้านเมืองเค้าไปเรื่อยๆด้วย) เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนไปดูซากุระบนเขา Motobu Yaedake 八重岳桜の森公園 ก่อน อากาศหนาวๆยังงี้ มันจะบานรึยังนะ สรุปมีครับ แต่ไม่เยอะ คงเพราะยังหนาวอยู่ บนเขามีลานจอดรถเป็นระยะๆให้ลงไปถ่ายรูป การชมซากุระที่โอกินาว่าต่างกับภูมิภาคอื่น คือที่นี่เดินดูครับ ไม่ได้ปูเสื่อนั่งฮานามิใต้ต้นซากุระ ก็เลยขับดูไปเรื่อยๆครับ
จากนั้นขับรถข้ามเขาไป Orion Happy Park กันต่อครับ ชอบเบียร์ (รถ 1300cc ขึ้นเขาไหวครับ แต่อืดหน่อย นั่ง 2 คน ไร้สัมภาระ)
ระหว่างทางเจอสวนสัปประรด Nago Pineapple Park โดยบังเอิญ เลยแวะลงไปเข้าห้องน้ำ 555+ อันนี้ผมขอผ่านครับ
Orion เป็นเบียร์ local ของโอกินาว่า ที่โรงงานนี้มีทัวร์ให้ชมการผลิตเบียร์ทุกๆ 20 - 30 นาที ใช้เวลาเดินรอบละประมาณ 40 นาที ไม่มีค่าใช้จ่ายและไม่ต้องจองครับ เข้าไปรอรอบเลย ทัวร์ภาษาอะไรก็ได้ เราเดินอ่านเองอยู่แล้ว
แล้ว Happy Park มัน Happy ยังไง? พอจบทัวร์มีเบียร์ให้กิน 2 แก้ว ถึงบางอ้อเลยครับ มัน Happy ยังงี้นี่เอง (ใครขับรถ อดกินนะครับ ได้เบียร์ไร้แอลกอฮอล์ หรือ Soft Drink แทน)
ตรงข้าม Happy Park มี Nago Park จุดชมซากุระอีกแห่ง ประกฎว่าต้นยังโกร๋นอยู่เลยครับ สงสัยไม่มีให้เห็นแล้วล่ะทริปนี้
หิวแล้วไปหาข้าวเย็นกินกันครับ มาโอกินาว่าพลาดไม่ได้กับเจ้า Green Caviar (หรือเจ้าสาหร่าย Umibudo) มะระขี้นก(โกยะ)ผัดไข่ Champuru และ Taco Rice สไตล์โอกินาว่า (ขับไปกิน 2 รอบนะครับ ไม่ได้จัดรวดเดียวหมดนี่)
ร้าน 古宇利島ふれあい広場 นี้อยู่ตรงทางเข้าเกาะ Kouri วิวสะพานสวย ถ้ามีโอกาสก็แวะมากันนะครับ
เสร็จแล้วลองวนไปดู Light up ของซากปราสาท Nakijin แล้วก็เป็นอย่างที่คิดครับ ไร้ดอกซากุระบานโดยสิ้นเชิง เลยไม่ได้เข้าไป (ค่าเข้า 400 เยน) เศร้าครับ ปีนี้หนาวนานไปหน่อย
ระหว่างขากลับที่พักเจอ ซุปเปอร์ข้างทางเลยแวะไปเจอเจ้านี่ลดราคาเข้า แพคละ 200 เยนเท่านั้นกวาดมาเลย แกล้มเบียร์ Orion เย็นๆกับอากาศหนาวๆ นี่ล่ะครับ ข้อดีของการมีรถขับ อิอิ