ใครที่พลาด
Ep.1 Checklists และ
Ep.2 ห้องเชือด
สามารถติดตามได้ผ่านทางลิงค์ข้างล่างนี้เลยนะคะ คิดว่ามีหลายตอนถ้าหากเขียนยาวคงจะตาลายกัน
เลยทำกระทู้แยกดีกว่าจะได้อ่านง่าย ถ้าใครถูกใจเห็นว่ามีประโยชน์ฝากกดโหวตแนะนำกระทู้ด้วยนะคะ
ติดปีก...กว่าจะเป็นนางฟ้าเคบาย่าย้อนหลัง
ตามได้ที่นี่ -->
http://ppantip.com/topic/34748562
ย้อนความตอนที่แล้ว
หลังจากที่ผ่านกระบวนการทุกอย่างในประเทศไทยแล้ว เราก็ได้แต่รอเวลาได้รับอีเมลล์ยืนยันว่าเราจะได้บ๊ายบายเมืองไทย
ไปตั้งรกรากที่ใหม่เมื่อใดกัน ระหว่างนี้แนะนำให้นำเอกสารที่ต้องใช้เช่นใบสูติบัตร ทะเบียนบ้าน ใบผลการเรียน รีบไปแปลเป็นอังกฤษที่กงศุลฯ แล้วให้เค้า Certified ตั้งแต่เนิ่นๆเพราะมั่นใจว่าใครที่เคยไปแล้วเวลารอนี่โค-ตะ-ระ ไกลและนาน จะได้ไม่ไฟลนก้นกันนะจ๊ะ
เอ๊า...สมมตินะสมมติว่าเราได้รับการคอนเฟิร์มทุกอย่างแล้ว หลังจากนั้นก็จะถูกเรียกไปปฐมนิเทศสักแห่งหนในกรุงเทพฯ
(แล้วแต่ทาง HR ของบริษัทเครือในไทยนัด) หลังจากนั้นก็จะได้เจอเพื่อนร่วมก๊วน อนาคตเพื่อนร่วมบ้านที่จะได้ไปเรียนพร้อมกันที่สิงคโปร์ บรรยากาศระหว่างการปฐมนิเทศก็ชิลๆค่ะ จะพาพ่อหรือแม่มาก็ได้ เลือกสักคนเพราะว่าต้องมีการเซ็นต์สัญญาเบื้องต้นต่างต่างนานาซึ่งอันนี้ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้วนะคะ นอกจากนั้นก็จะได้แลกไลน์ เฟสฯกับเพื่อนร่วมชะตาเพื่อที่ว่าบางทีจะได้ช่วยกันหาที่อยู่เวลาเราไปอยู่ที่โน้นค่ะ
(บางคนอาจจะงงว่าทำไมต้องหาที่อยู่ คือสายการบินนี้ไม่ได้เตรียมที่อยู่ให้พวกเรา ไม่มีหอพัก
ไม่เหมือนสายการบินตะวันออกกลางค่ะ เพราะฉะนั้นทุกบาท ทุกสตางค์จากเงินเดือนทุกเดือนเราจะต้องนำมาจ่ายค่าที่พัก
ซึ่ง
ที่พักจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ HDB จะมีลักษณะเหมือนอพาร์ทเมนต์ของรัฐบาลที่จัดไว้ให้คนสิงฯที่มีกำลังซื้อไปปล่อยเช่าให้คนทั่วไป คือจะมีห้องครัว ห้องนั่งเล่น ส่วนห้องนอนมีตั้งแต่ 2/3/4 ห้องนอนเป็นต้นไป ส่วนอีกแบบก็คือคอนโดฯที่เรารู้จักกันดีค่ะ
อันนี้จะแตกต่างจากแบบแรกคือมีส่วนกลาง มีสระว่ายน้ำ เหมือนคอนโดฯในไทยค่ะ เลือกตามอัธยาศัยให้เข้ากับไลฟสไตล์เราเพราะว่าเราจะอยู่บ้านหลังนี้ทุกวันภายในระยะเวลา 4 เดือนแต่หลังจากนั้นจะอยู่เฉลี่ยโดยประมาณแค่ 10 วัน ซึ่งในแต่ละครั้งที่ไม่มีบิน จขกท จะเลือกนอนแต่ถ้ามีวันหยุดติดกันประมาณ 3 วัน จขกท จะเลือกกลับไทยเพราะฉะนั้นการอยู่ในสถานที่ๆมีส่วนกลางจึงไม่ตอบโจทย์ จขกท เพราะไม่ได้ใช้เลย ส่วนสิ่งหนึ่งที่ไม่แตกต่างคือความไม่น่ารักของราคาที่ จขกท เจอมาเรียกได้ว่า S$3300 /เดือน หรือคิดเป็นเงินไทยนี่เกือบเดือนละแสนเลยล่ะค่ะ อ่อแต่หารกันกับเพื่อนบ้านนะคะ ไม่ใช่ว่าจ่ายคนเดียว บางทีห้องไซส์ไม่เท่ากันจึงมีวิธีคิดเงินแตกต่างกันไป บางคนไม่คิดอะไรมากจับหารเท่ากันหมด เพราะฉะนั้นแต่ละบ้านจะมีวิธีแบ่งห้องที่แตกต่างกันไป ชีวิตเพิ่งเริ่มเพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งตีกันถ้าไม่ลงตัวนะคะ ค่อยๆคุยกันดีๆ)
คนไทยส่วนใหญ่จะชอบอยู่แถวๆ
Tampines (แทม-พา-นีส) หรือ
Pasiris (ปา-เซอร์-รีส)
เนื่องจากว่าเวลาเทรนจะใกล้กับสถานที่เทรน นอกจากนี้ตอนบินแล้วจะสะดวกต่อการไปสนามบินค่ะ
เผื่อโดนเรียก standby แล้วต้องรีบถ่อไป ส่วนถ้านั่งแท๊กซี่ตอนเช้าไปเทรนก็ประมาณ 10-15 นาที เฉลี่ยราคาประมาณ S$12-15
รถแท๊กซี่ที่นี่นั่งได้ไม่เกิน 4 คนถ้าเป็นรถปกติ เบียดเสียดกันเป็นปาท่องโก๋แบบเมืองไทยถือว่าผิดกฎหมายค่ะ
ส่วนใครจะไปรถประจำทางหรือที่รู้จักกันว่ารสบัสก็ได้แต่ควรศึกษาเส้นทางให้ละเอียดก่อน ประหยัดกว่าแต่เหนื่อยกว่า
บางทีอาจจะต้องต่อรถค่ะ
TIPS : จขกท อยากจะแนะนำใช้ App. มือถือที่สามารถบอกเวลารถและเรียก Taxi ฟรีมาได้ ลองโหลดดูได้ค่ะ สะดวกและประหยัดกว่าเยอะเลยเพราะอย่าลืมนะคะว่าที่สิงคโปร์เค้าห้ามเรียกรถนอกจุดที่เค้าจำกัดไว้ไม่เหมือนบ้านเราค่ะ
สำหรับ Bus - MyTransport Singapore, bus@sg, NextRide ค่ะ
สำหรับ Taxi - ComfortDelGro, SMRT Book a Taxi, Grab (Grab taxi)
(ขอบคุณภาพจาก Google ค่ะ)
ติ๊ต่างว่าจบสิ้นกระบวนการ บินลัดฟ้าเป็นที่สิงคโปร์ ได้บ้านเสร็จสรรพ เราจะต้องเข้าบริษัทไปทำธุรกรรมต่างๆภายในเวลา 7 วันก่อนเริ่มเทรนเช่นหาบ้าน (ระหว่างนี้จะมีโรงแรมให้อยู่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่ะ) เซ็นสัญญา ปกติสัญญาจะผูกมัด 5 ปีแต่ว่าถ้าออกก่อนระยะเวลา 2 ปีเหล่าว่าที่นางฟ้าก็จะถูกกำหนดให้ต้องจ่ายเงินกี่แสนๆก็ว่าไป
นอกจากนี้เองในช่วงเวลาอาทิตย์แรกทุกคนจะต้องไปทำบัตร Work permit หรือ Work pass เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในสิงฯแบบไม่ต่างด้าวและเปิดบัญชีเพื่อรับเงินเดือนจากบริษัทด้วยนะคะ เรียกได้ว่าบีซี่สุดๆ มิหนำซ้ำยังต้องถูกตรวจร่างกายรอบสุดท้ายแต่ไม่ได้ละเอียดมากค่ะก็แค่วัดส่วนสูงว่าสูงถึงเกณฑ์จริงหรือเปล่า เช็คหู ต า คอ จมูก แต่ที่อเมซซิ่งจิงเกิ้ลเบลล์คือแพทย์จะให้นอนถอดกุ่งกุ๊งแล้วไอค่ะ เขาจะดูน้องหนูว่าฉี่เล็ดไหมคืออันนี้ไม่แน่ใจจริงๆว่าตรวจเพื่ออะไร ใครทราบจะช่วยแชร์รายละเอียดก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่ที่พูดขึ้นมาเพราะจะบอกว่าไม่ต้องกลัวนะคะเพราะแพทย์คงเบื่อดูน้องหนูหลังจากที่ดูมาเป็นหมื่นหนู ยังไงเราก็มีเพื่อนร่วมหอลงโลงเดียวกันค่ะ อย่าไปอาย จขกท ก็ผ่านมาแล้ว...
เกริ่นไปซะยาวงั้นข้าพเจ้าขอส่งเข้า
"Ep.3 ชีวิตติด Train" ที่ทุกคนรอคอยกันดีกว่าค่ะจะได้ไม่ยืดเยื้อรวนเรเยยวน ซึ่ง จขกท จะขอแบ่งเป็นตอนให้เข้าใจง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเช่นเคยจำนวน 4 ตอนนะจ๊ะ เห็นรอมาตั้งนานแล้วงั้น
“เลทส์ โก โอเค หล่า”
3.1 ลง..หลักปักฐาน (Foundation)
การเทรนจะเหมือนการไปทำงานออฟฟิสที่เริ่มตั้งแต่ 08.00 – 17.00 ต้องไปเซ็นต์ชื่อด้วยนะคะ ใครไปถึงก่อนไปทานข้าวที่โรงอาหารก็ได้ค่ะแต่ใครมาสายห้ามเลยนะห้ามมมมมคิดให้เพื่อนเซ็นต์ชื่อให้โดยเด็ดขาดเพราะเคยมีคนโดนไล่ออกมาแล้วค่ะ ระเบียบที่นี่เนี้ยบสุดๆ
สำหรับคลาสเรียนนั้นจะแบ่งเป็นห้องๆมีเพื่อนๆน้องๆหลากชาติรวมตัวกันไม่เกิน 20 คน/ห้อง เราจะเรียกกันว่า
Batch เราเป็นแบทช์ที่เราไหร่ ง่ายๆเลย
สมมติว่าตอนนี้เราเป็นแบทช์ 2 ในปี 2016 เราก็จะเรียกสั้นๆว่า Batch 02/16 นั่นเอง ใครว่าเป็นแอร์นั่นง่ายแต่หนังสือที่แจกให้ที่เรียกว่า Foundation Book นั้นมั่นใจว่าสามารถเอาไปเป็นอาวุธป้องกันตัวได้สบายเพราะหนามากและหนักมาก (เล่มนี้ตอนลาออกต้องคืนนะคะเพราะฉะนั้นเก็บรักษาให้ดีไม่งั้นถูกปรับเล่มละ S$50)
อย่างที่ทราบกันดี จขกท เชื่อว่าจะพัฒนาคนให้ดีต้องมีรากฐานที่แน่นเพราะฉะนั้นทุกอย่างในนี้คุณจะได้เรียนตั้งแต่ Configurations ของเครื่องบินว่าในสายการบินมีเครื่องแบบไหนบ้าง แบ่งเป็นคลาส Economy class, Business class, First class, หรือ Suite อย่างไร ลำไหนเป็น Short range หรือ Long range ซึ่งในสายการบินนี้จะมี Airbus และ Boeing ทั้งหมดจะแยกเป็น 3 แบบหลักคือ A330, A380, B777 แต่ละแบบก็จะแตกยิบย่อยไปอีก จำกันปวดหัวเลยค่ะ มากไปกว่านั้นระหว่างการเทรนจะได้เรียนคลาส Communication จากครูต่างชาติเจ้าของภาษา จะมีการทดสอบแบบ Scenario ให้ทำกับเพื่อน มีให้อ่าน passage ภาษาอังกฤษ
นอกเหนือจากนี้การเทรนทั้งหมดจะครอบคลุมถึงข้าวของเครื่องใช้บนเครื่อง การชงเครื่องดื่ม Cocktails, Mocktails ในแต่ละชั้นโดยสาร รวมไปถึงยี่ห้อต่างๆของ Drystores และ Amenities ที่อยู่บนเครื่องบินว่าเราเสิร์ฟอะไรแบบไหนให้ใครบ้าง ตลอดจนจานชามถ้วยน้ำและการติ๊ต่างเหตุการณ์ที่เราอาจจะเจอเพื่อที่จะให้เราได้ฝึกสมองและภาษาอังกฤษค่ะ เพราะฉะนั้นช่วงตลอดเกือบสองสามเดือนนี้สมองซีกซ้ายและขวาของเพื่อนๆก็จะได้ทำงานอย่างเต็มที่เพราะว่าจะมีการ Present ใช้วิชาตั้งแต่ประถมยันมหาลัยเช่น วาดรูปเอย งานกลุ่มเอย ออกมาพูดหน้าชั้นเอย เรียกได้ว่าสากกระเบือยันเรือรบไม่มีเวลาให้พักเลยทีเดียว
แต่สิ่งที่ จขกท ว่าน่ารักคือบริษัทเค้าจะมีเพลงและคติปลุกใจประจำสายการบินหรือจะเรียกว่าเป็นเพลงชาติปลุกใจของสายฯก็ได้ค่ะ
เพลงนี้ต้องร้องทุกเช้าและจะต้องร้องให้ดูมีชีวิตชีวาก่อนเริ่มเรียนในห้องตัวเองเพราะถ้าร้องแบบไม่มีแรงหรือละเหี่ยชีวิต ครูก็จะสั่งให้ร้องใหม่
แนะนำให้เราคนไทยใส่อินเนอร์พี่อ๊อฟ ปองศักดิ์หรือพี่เบน ชลาทิศเวลาขึ้นคอนเสิร์ตลงไปจะได้รอบเดียวผ่าน โนเทค!!!
[CR] ติดปีก...กว่าจะเป็นนางฟ้าเคบาย่า "Ep.3 ชีวิตติด Train"
สามารถติดตามได้ผ่านทางลิงค์ข้างล่างนี้เลยนะคะ คิดว่ามีหลายตอนถ้าหากเขียนยาวคงจะตาลายกัน
เลยทำกระทู้แยกดีกว่าจะได้อ่านง่าย ถ้าใครถูกใจเห็นว่ามีประโยชน์ฝากกดโหวตแนะนำกระทู้ด้วยนะคะ
ติดปีก...กว่าจะเป็นนางฟ้าเคบาย่าย้อนหลัง ตามได้ที่นี่ --> http://ppantip.com/topic/34748562
ย้อนความตอนที่แล้ว
หลังจากที่ผ่านกระบวนการทุกอย่างในประเทศไทยแล้ว เราก็ได้แต่รอเวลาได้รับอีเมลล์ยืนยันว่าเราจะได้บ๊ายบายเมืองไทย
ไปตั้งรกรากที่ใหม่เมื่อใดกัน ระหว่างนี้แนะนำให้นำเอกสารที่ต้องใช้เช่นใบสูติบัตร ทะเบียนบ้าน ใบผลการเรียน รีบไปแปลเป็นอังกฤษที่กงศุลฯ แล้วให้เค้า Certified ตั้งแต่เนิ่นๆเพราะมั่นใจว่าใครที่เคยไปแล้วเวลารอนี่โค-ตะ-ระ ไกลและนาน จะได้ไม่ไฟลนก้นกันนะจ๊ะ
เอ๊า...สมมตินะสมมติว่าเราได้รับการคอนเฟิร์มทุกอย่างแล้ว หลังจากนั้นก็จะถูกเรียกไปปฐมนิเทศสักแห่งหนในกรุงเทพฯ
(แล้วแต่ทาง HR ของบริษัทเครือในไทยนัด) หลังจากนั้นก็จะได้เจอเพื่อนร่วมก๊วน อนาคตเพื่อนร่วมบ้านที่จะได้ไปเรียนพร้อมกันที่สิงคโปร์ บรรยากาศระหว่างการปฐมนิเทศก็ชิลๆค่ะ จะพาพ่อหรือแม่มาก็ได้ เลือกสักคนเพราะว่าต้องมีการเซ็นต์สัญญาเบื้องต้นต่างต่างนานาซึ่งอันนี้ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้วนะคะ นอกจากนั้นก็จะได้แลกไลน์ เฟสฯกับเพื่อนร่วมชะตาเพื่อที่ว่าบางทีจะได้ช่วยกันหาที่อยู่เวลาเราไปอยู่ที่โน้นค่ะ
(บางคนอาจจะงงว่าทำไมต้องหาที่อยู่ คือสายการบินนี้ไม่ได้เตรียมที่อยู่ให้พวกเรา ไม่มีหอพัก
ไม่เหมือนสายการบินตะวันออกกลางค่ะ เพราะฉะนั้นทุกบาท ทุกสตางค์จากเงินเดือนทุกเดือนเราจะต้องนำมาจ่ายค่าที่พัก
ซึ่งที่พักจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ HDB จะมีลักษณะเหมือนอพาร์ทเมนต์ของรัฐบาลที่จัดไว้ให้คนสิงฯที่มีกำลังซื้อไปปล่อยเช่าให้คนทั่วไป คือจะมีห้องครัว ห้องนั่งเล่น ส่วนห้องนอนมีตั้งแต่ 2/3/4 ห้องนอนเป็นต้นไป ส่วนอีกแบบก็คือคอนโดฯที่เรารู้จักกันดีค่ะ
อันนี้จะแตกต่างจากแบบแรกคือมีส่วนกลาง มีสระว่ายน้ำ เหมือนคอนโดฯในไทยค่ะ เลือกตามอัธยาศัยให้เข้ากับไลฟสไตล์เราเพราะว่าเราจะอยู่บ้านหลังนี้ทุกวันภายในระยะเวลา 4 เดือนแต่หลังจากนั้นจะอยู่เฉลี่ยโดยประมาณแค่ 10 วัน ซึ่งในแต่ละครั้งที่ไม่มีบิน จขกท จะเลือกนอนแต่ถ้ามีวันหยุดติดกันประมาณ 3 วัน จขกท จะเลือกกลับไทยเพราะฉะนั้นการอยู่ในสถานที่ๆมีส่วนกลางจึงไม่ตอบโจทย์ จขกท เพราะไม่ได้ใช้เลย ส่วนสิ่งหนึ่งที่ไม่แตกต่างคือความไม่น่ารักของราคาที่ จขกท เจอมาเรียกได้ว่า S$3300 /เดือน หรือคิดเป็นเงินไทยนี่เกือบเดือนละแสนเลยล่ะค่ะ อ่อแต่หารกันกับเพื่อนบ้านนะคะ ไม่ใช่ว่าจ่ายคนเดียว บางทีห้องไซส์ไม่เท่ากันจึงมีวิธีคิดเงินแตกต่างกันไป บางคนไม่คิดอะไรมากจับหารเท่ากันหมด เพราะฉะนั้นแต่ละบ้านจะมีวิธีแบ่งห้องที่แตกต่างกันไป ชีวิตเพิ่งเริ่มเพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งตีกันถ้าไม่ลงตัวนะคะ ค่อยๆคุยกันดีๆ)
คนไทยส่วนใหญ่จะชอบอยู่แถวๆ Tampines (แทม-พา-นีส) หรือ Pasiris (ปา-เซอร์-รีส)
เนื่องจากว่าเวลาเทรนจะใกล้กับสถานที่เทรน นอกจากนี้ตอนบินแล้วจะสะดวกต่อการไปสนามบินค่ะ
เผื่อโดนเรียก standby แล้วต้องรีบถ่อไป ส่วนถ้านั่งแท๊กซี่ตอนเช้าไปเทรนก็ประมาณ 10-15 นาที เฉลี่ยราคาประมาณ S$12-15
รถแท๊กซี่ที่นี่นั่งได้ไม่เกิน 4 คนถ้าเป็นรถปกติ เบียดเสียดกันเป็นปาท่องโก๋แบบเมืองไทยถือว่าผิดกฎหมายค่ะ
ส่วนใครจะไปรถประจำทางหรือที่รู้จักกันว่ารสบัสก็ได้แต่ควรศึกษาเส้นทางให้ละเอียดก่อน ประหยัดกว่าแต่เหนื่อยกว่า
บางทีอาจจะต้องต่อรถค่ะ
TIPS : จขกท อยากจะแนะนำใช้ App. มือถือที่สามารถบอกเวลารถและเรียก Taxi ฟรีมาได้ ลองโหลดดูได้ค่ะ สะดวกและประหยัดกว่าเยอะเลยเพราะอย่าลืมนะคะว่าที่สิงคโปร์เค้าห้ามเรียกรถนอกจุดที่เค้าจำกัดไว้ไม่เหมือนบ้านเราค่ะ
สำหรับ Bus - MyTransport Singapore, bus@sg, NextRide ค่ะ
สำหรับ Taxi - ComfortDelGro, SMRT Book a Taxi, Grab (Grab taxi)
(ขอบคุณภาพจาก Google ค่ะ)
ติ๊ต่างว่าจบสิ้นกระบวนการ บินลัดฟ้าเป็นที่สิงคโปร์ ได้บ้านเสร็จสรรพ เราจะต้องเข้าบริษัทไปทำธุรกรรมต่างๆภายในเวลา 7 วันก่อนเริ่มเทรนเช่นหาบ้าน (ระหว่างนี้จะมีโรงแรมให้อยู่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่ะ) เซ็นสัญญา ปกติสัญญาจะผูกมัด 5 ปีแต่ว่าถ้าออกก่อนระยะเวลา 2 ปีเหล่าว่าที่นางฟ้าก็จะถูกกำหนดให้ต้องจ่ายเงินกี่แสนๆก็ว่าไป
นอกจากนี้เองในช่วงเวลาอาทิตย์แรกทุกคนจะต้องไปทำบัตร Work permit หรือ Work pass เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในสิงฯแบบไม่ต่างด้าวและเปิดบัญชีเพื่อรับเงินเดือนจากบริษัทด้วยนะคะ เรียกได้ว่าบีซี่สุดๆ มิหนำซ้ำยังต้องถูกตรวจร่างกายรอบสุดท้ายแต่ไม่ได้ละเอียดมากค่ะก็แค่วัดส่วนสูงว่าสูงถึงเกณฑ์จริงหรือเปล่า เช็คหู ต า คอ จมูก แต่ที่อเมซซิ่งจิงเกิ้ลเบลล์คือแพทย์จะให้นอนถอดกุ่งกุ๊งแล้วไอค่ะ เขาจะดูน้องหนูว่าฉี่เล็ดไหมคืออันนี้ไม่แน่ใจจริงๆว่าตรวจเพื่ออะไร ใครทราบจะช่วยแชร์รายละเอียดก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่ที่พูดขึ้นมาเพราะจะบอกว่าไม่ต้องกลัวนะคะเพราะแพทย์คงเบื่อดูน้องหนูหลังจากที่ดูมาเป็นหมื่นหนู ยังไงเราก็มีเพื่อนร่วมหอลงโลงเดียวกันค่ะ อย่าไปอาย จขกท ก็ผ่านมาแล้ว...
เกริ่นไปซะยาวงั้นข้าพเจ้าขอส่งเข้า "Ep.3 ชีวิตติด Train" ที่ทุกคนรอคอยกันดีกว่าค่ะจะได้ไม่ยืดเยื้อรวนเรเยยวน ซึ่ง จขกท จะขอแบ่งเป็นตอนให้เข้าใจง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเช่นเคยจำนวน 4 ตอนนะจ๊ะ เห็นรอมาตั้งนานแล้วงั้น “เลทส์ โก โอเค หล่า”
3.1 ลง..หลักปักฐาน (Foundation)
การเทรนจะเหมือนการไปทำงานออฟฟิสที่เริ่มตั้งแต่ 08.00 – 17.00 ต้องไปเซ็นต์ชื่อด้วยนะคะ ใครไปถึงก่อนไปทานข้าวที่โรงอาหารก็ได้ค่ะแต่ใครมาสายห้ามเลยนะห้ามมมมมคิดให้เพื่อนเซ็นต์ชื่อให้โดยเด็ดขาดเพราะเคยมีคนโดนไล่ออกมาแล้วค่ะ ระเบียบที่นี่เนี้ยบสุดๆ
สำหรับคลาสเรียนนั้นจะแบ่งเป็นห้องๆมีเพื่อนๆน้องๆหลากชาติรวมตัวกันไม่เกิน 20 คน/ห้อง เราจะเรียกกันว่า Batch เราเป็นแบทช์ที่เราไหร่ ง่ายๆเลย สมมติว่าตอนนี้เราเป็นแบทช์ 2 ในปี 2016 เราก็จะเรียกสั้นๆว่า Batch 02/16 นั่นเอง ใครว่าเป็นแอร์นั่นง่ายแต่หนังสือที่แจกให้ที่เรียกว่า Foundation Book นั้นมั่นใจว่าสามารถเอาไปเป็นอาวุธป้องกันตัวได้สบายเพราะหนามากและหนักมาก (เล่มนี้ตอนลาออกต้องคืนนะคะเพราะฉะนั้นเก็บรักษาให้ดีไม่งั้นถูกปรับเล่มละ S$50)
อย่างที่ทราบกันดี จขกท เชื่อว่าจะพัฒนาคนให้ดีต้องมีรากฐานที่แน่นเพราะฉะนั้นทุกอย่างในนี้คุณจะได้เรียนตั้งแต่ Configurations ของเครื่องบินว่าในสายการบินมีเครื่องแบบไหนบ้าง แบ่งเป็นคลาส Economy class, Business class, First class, หรือ Suite อย่างไร ลำไหนเป็น Short range หรือ Long range ซึ่งในสายการบินนี้จะมี Airbus และ Boeing ทั้งหมดจะแยกเป็น 3 แบบหลักคือ A330, A380, B777 แต่ละแบบก็จะแตกยิบย่อยไปอีก จำกันปวดหัวเลยค่ะ มากไปกว่านั้นระหว่างการเทรนจะได้เรียนคลาส Communication จากครูต่างชาติเจ้าของภาษา จะมีการทดสอบแบบ Scenario ให้ทำกับเพื่อน มีให้อ่าน passage ภาษาอังกฤษ
นอกเหนือจากนี้การเทรนทั้งหมดจะครอบคลุมถึงข้าวของเครื่องใช้บนเครื่อง การชงเครื่องดื่ม Cocktails, Mocktails ในแต่ละชั้นโดยสาร รวมไปถึงยี่ห้อต่างๆของ Drystores และ Amenities ที่อยู่บนเครื่องบินว่าเราเสิร์ฟอะไรแบบไหนให้ใครบ้าง ตลอดจนจานชามถ้วยน้ำและการติ๊ต่างเหตุการณ์ที่เราอาจจะเจอเพื่อที่จะให้เราได้ฝึกสมองและภาษาอังกฤษค่ะ เพราะฉะนั้นช่วงตลอดเกือบสองสามเดือนนี้สมองซีกซ้ายและขวาของเพื่อนๆก็จะได้ทำงานอย่างเต็มที่เพราะว่าจะมีการ Present ใช้วิชาตั้งแต่ประถมยันมหาลัยเช่น วาดรูปเอย งานกลุ่มเอย ออกมาพูดหน้าชั้นเอย เรียกได้ว่าสากกระเบือยันเรือรบไม่มีเวลาให้พักเลยทีเดียว
แต่สิ่งที่ จขกท ว่าน่ารักคือบริษัทเค้าจะมีเพลงและคติปลุกใจประจำสายการบินหรือจะเรียกว่าเป็นเพลงชาติปลุกใจของสายฯก็ได้ค่ะ
เพลงนี้ต้องร้องทุกเช้าและจะต้องร้องให้ดูมีชีวิตชีวาก่อนเริ่มเรียนในห้องตัวเองเพราะถ้าร้องแบบไม่มีแรงหรือละเหี่ยชีวิต ครูก็จะสั่งให้ร้องใหม่
แนะนำให้เราคนไทยใส่อินเนอร์พี่อ๊อฟ ปองศักดิ์หรือพี่เบน ชลาทิศเวลาขึ้นคอนเสิร์ตลงไปจะได้รอบเดียวผ่าน โนเทค!!!