The Revenant กับ Threshold Limit ของ Leo



ผมเคยถามปัญหาปัญญาอ่อนกับเพื่อนที่เป็นพยาบาลว่า

ทำไมในหนังคนบางคน (โดยเฉพาะพวกที่ตัวบทน้อยๆ) โดนยิงนัดเดียวแล้วตาย
แต่ตัวเอกถึงโดนยิงที 3-4 นัดแล้วยังสามารถวิ่งไปมาได้ตลอดทั้งเรื่อง ?

เพื่อนผมกลับตอบมาด้วยสีหน้าจริงจังว่าคนแต่ละคนมีขอบเขต threshold limit ที่ไม่เท่ากัน นั่นคือความอดทนต่อความเจ็บปวด ลองนึกภาพดูง่ายๆก็ได้ หมาตัวหนึ่งขาหักจากการโดนรถทับ แต่มันก็สามารถอยู่มาได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่มันรับรู้ถึงความเจ็บจากการโดนรถทับ แล้วก็ต้องทนอยู่กับบาดแผลของกระดูกที่หัก ขาที่บิดเบี้ยวขยับไม่ได้ ทนไปเรื่อยๆจนกระทั่งสามารถประคับประคองตัวเองให้มีชีวิตที่เหลือตามปกติได้ นั่นละคือ threshold limit ของหมาที่สูงมากๆ ดังนั้นถ้าหมาตัวนี้แสดงหนัง ต่อให้มันโดนปืนกลยิงหรือมีดเสียบ มันก็คงจะสามารถอยู่รอดได้จนจบเรื่อง กลับกันกับคน เราคงไม่เคยเห็นคนโดนรบทับขาจนหักแล้วสามารถทนใช้ชีวิตให้บาดแผลมันหายเองจนสามารถเดินกะเผลกๆไปไหนมาไหนได้ หรืออาจจะมีคนๆนั้นอยู่ก็ไม่รู้ ซึ่งนั่นไม่ใช่ประเด็นการรีวิวหนังแบบเวิ่นเว้อของผม

Threshold Limit ของสัตว์คงจะมีมากกว่ามนุษย์อย่างพวกเราเยอะ เพราะสัตว์มันไม่มีอะไรซับซ้อนให้คิดมาก มันคงไม่ต้องกังวลว่าถ้ามันตายลูกเมียมันจะได้เงินประกันชีวิตมั้ย บ้านที่อาศัยอยู่จะผ่อนต่อได้หรือเปล่า สัตว์มันขอแค่มันอยู่วันนี้ได้โดยไม่หิวแล้วมีชีวิตอยู่ให้ถึงวันพรุ่งนี้ให้ได้ก็เพียงพอแล้ว เป้าหมายมันจึงมีแค่ “อดทน” และ “ต้องมีชีวิตรอด” ต่างกับคนเราที่มีแต่ความสะดวกสบาย ความเจ็บปวดจึงเป็นสิ่งไกลตัว เมื่อต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวดเราจึงรู้สึกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะรับไหว ความสะดวกสบายของมนุษย์ทำให้ความความอดทนเรามีน้อย เราแอบหวังว่าเราจะรอดเสมอ ด้วยความเป็นไปได้ของหยูกยาและความรวดเร็วในการรักษาต่างๆ บางครั้งอะไรแบบนี้ก็ทำให้ threshold limit ของมนุษย์เราสมัยนี้ต่ำลง เรามีความคาดหวังว่าความเจ็บปวดทรมาณนี้จะหายไปโดยเร็ว เช่น ปวดหัวจัง เมื่อไหร่จะได้กินยาจะได้หายปวด เป็นต้น แล้วเราจะรู้ไหมว่า threshold limit ของเราอยูที่เท่าไหร่ ก็คงต้องประเมินจากเหตุการ์ณใจเสาะของเราในอดีต เช่นเราเป็นคนชอบร้องไห้โหวกเหวกเวลาเตะนิ้วก้อยเท้าเข้าไปที่มุมตู้ อันนี้ก็มีแนวโน้มว่า threshold limit ของเราไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่ถ้าเรามีประวัติว่าเราสามารถฝืนกินข้าวจนหมดหลังจากที่พบว่าตัวเองใส้ติ่งแตก อันนี้ก็จะบ่งบอกว่าเรานั้นมี threshold limit ที่สูงมาก และก็เป็นคนที่เห็นแก่กินมาด้วยเช่นกัน

ความสะดวกสบายของชีวิตในปัจจุบัน ทำให้เรานึกถึงสถานการ์ณที่เราต้องกัดฟันเอาตัวรอดได้น้อยลง เช่น เราไม่เคยคิดว่าถ้าเราต้องทนผ่าฟันคุดโดยไม่มียาชาหรืออุปกรณ์ดีๆได้ แต่เรากลับพอจะจินตนาการถึงความยากลำบากของชีวิตว่าถ้าวันนึงเราไม่มี wifi ชีวิตเรานั้นคงลำบากชะมัด ทุกวันนี้เราคงหาอะไรมาเปรียบเทียบกับชีวิตของคนที่ต้องทนต่อสู้ทนอยู่กับความเป็นความตายภายใต้ความโหดร้ายของธรรมชาติได้ เราคงไม่มีทางจินตนาการถึงความยากลำบากของชีวิตที่เราต้องอยู่อาศัยเยี่ยงสัตว์ป่า เพราะธรรมชาติคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และการที่จะอยู่รอดได้นอกจากจะต้องมีประสบการ์ณและความรู้แล้ว ความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตรอดอย่างแรงกล้า หรือ wills to survive นั้น จะต้องเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของเราตลอดเวลา (รีวิวหนังคือย่อหน้าถัดไปครับ)

The Revenant เป็นเรื่องราวของคนที่จะต้องเอาชีวิตรอดในยุคที่การมีชีวิตรอดคือจุดหมายสูงสุดของมนุษย์ ดังนั้นการที่เราจะใช้ชีวิตสบายๆหลั่นล้าได้ เราจะต้องมีทักษะที่สั่งสมมาจากทุกๆด้านและขัดเกลาสัญชาติญาณให้แหลมคมเยี่ยงสัตว์ป่า ในอดีตถ้าเราไม่อดทนทุกอย่างก็จบ เราต้องทนกับความหิวโหย ความอดอยาก ความเจ็บปวดจากบาดแผลต่างๆนาๆ มนุษย์เองก็เปรียบดังสัตว์ป่าชนิดนึง เราล่าเพื่ออยู่รอด และก็หนีการถูกล่าเพื่ออยู่รอดเช่นกัน ด้วยความดิบของหนังที่สมจริงทำให้เรารู้อยู่ในใจว่าการเอาชีวิตรอดในยุคสมัยนั้นนี่มันไม่ง่ายเลย และในทางกลับกันเราก็สามารถสัมผัสได้ถึงความปราถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อปกป้องสิ่งที่ยึดมั่นเพียงไม่กี่อย่างในชีวิต นอกจากนี้ หนังยังมีฉาก long shot เปิดตัวที่สุดยอดมากๆ อาจเป็นฉากเปิดตัวที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมาในชีวิตเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าเป็นฝึมือของ Emmanuel Lubezki ที่เคยได้ 2 รางวัลออสการ์ 2 ปีซ้อนจากการถ่าย long shot ของ Gravity และ Birdman ครั้งนี้บอกเลยว่าดีกว่ามาก และทำออกมาได้สมจริงมากด้วยเช่นกัน ทุกๆวินาทีนั้นทำให้เราตะลึงในเทคนิคเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นตัวผู้กำกับเอง (Alejandro G. Inaritu) ก็ได้ถ่ายทอดให้เราได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและความเล็กกระจิ๋วของชีวิตมนุษย์ หนังมีความยาวทั้งหมด 2 ชั่วโมง 36 นาที เกือบๆ 2 ชั่วโมงที่กล้าพูดได้ว่านี่คือสิ่งที่สุดยอดที่สุดที่เคยดูมา แต่อีกครึ่งชม.สุดท้ายที่อืดชืดน่าเบื่อจนแทบจะเปื่อยตายคาโรงด้วยเช่นกัน ซึ่งเดาๆว่าตัวผู้กำกับคงเสียดายฟุตเตจที่ลงทุนถ่ายมายากๆจะเหลือ ก็เลยเอามาใส่ๆให้คุ้มๆ ซึ่งกลายเป็นรู้สึกยัดเยียดไป แต่ก็พอจะเข้าใจแหล่ะว่าต้องการสื่อถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติผ่านมุมมองที่งดงาม (จนแทบหลับ)

The Revenant เข้าชิง 12 รางวัลออสการ์ปีนี้ โดยส่วนตัวแล้วจะเป็นคนเข้าถึงหนังผู้ชายๆแบบนี้ได้ง่ายกว่าเรื่องอื่นๆ จึงต้องสารภาพแบบอายๆว่า นอกจาก The Martian ก็มี The Revenant เนี่ยแหล่ะที่รู้สึกว่าเป็นหนังที่ดูแล้วเอนจอยกับมันมากเป็นพิเศษ ซึ่งตัวหนังเองก็มีภาพความโหดร้ายที่สมจริงเยอะมาก ผู้หญิงที่อยากดูจึงต้องทำใจนิดนึง อย่างไรก็ดี ไหนๆก็พูดถึง threshold limit ตั้งแต่ต้น ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ ลีโอ เล่นได้ดีมากและคงเป็น threshold limit ที่มาถึงความอดทนขั้นสุดของลีโอนาร์โดแล้ว ก็หวังว่าปีนี้คงจะได้สมหวังเขาเสียที ไม่เช่นนั้นก็คงจะโดนธรรมชาติอันแสนโหดร้ายของฮอลลีวูดกลืนกินจนตรอมใจตายก็เป็นได้ เอวัง

กดเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆได้ที่ : https://nospoil.wordpress.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่