ผมจีบรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกัน ชวนเธอเที่ยว กินข้าว ดูหนัง เทียวรับเทียวส่งเธออยู่หลายเดือน
พอได้จังหวะเหมาะ ๆ ผมก็บอกรักเธอ ขอคบกับเธอเป็นแฟนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับผมแบบนั้น ขอเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันไปก่อน
ผมก็ตกลง ไม่ได้เสียใจอะไรมาก และยังคงตามจีบเธอไปเรื่อย ๆ เพราะผมคิดว่าผมรักเธอจริง ๆ แล้วผมก็ไม่รีบร้อนไปไหน
แต่มาวันหนึ่ง ผมบอกตรง ๆ ว่าเริ่มจะท้อ เพราะมันไม่มีอะไรคืบหน้า จึงเริ่มจะถอดใจแล้ว มีอยู่วันหนึ่งเป็นฟางเส้นสุดท้าย เธอเปรยออกมาว่า ชีวิตต้องเปลี่ยนไปเพราะผม เธอขาดความอิสระที่เคยมี ผมจึงเริ่มทำตัวห่าง ๆ จากเธอ คุยกับเธอน้อยลง เพราะตอนนั้นก็เริ่มจะหมดกำลังใจแล้ว
แต่พอเธอรู้ว่าผมเริ่มจะตีตัวออกห่าง เธอกลับเป็นฝ่ายเข้าหาผมบ้าง ถามไถ่ว่าเป็นอะไร ทำไมจึงเงียบไป ผมก็บอกไปตรง ๆ ว่า ผมรู้สึกไม่ดีที่ทำให้เธอลำบาก ทำให้เธอต้องเดือดร้อน ขาดความเป็นอิสระ หรือทำให้เธอรำคาญ จึงไม่อยากจะไปรบกวนเธออีก
เธอกลับพูดในทำนองว่า เธอรู้สึกดีที่มีผมอยู่ใกล้ ๆ พอผมถามไปตรง ๆ ว่า เริ่มมีใจให้ผมหรือยัง เธอกลับตอบอ้อมไปอ้อมมา ไม่ยอมรับแต่ไม่ปฏิเสธ
(ต่อในคอมเม้นท์)
ผู้หญิงนะผู้หญิง เป็นแบบนี้ทุกคนรึเปล่าครับ ?
พอได้จังหวะเหมาะ ๆ ผมก็บอกรักเธอ ขอคบกับเธอเป็นแฟนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่เธอปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับผมแบบนั้น ขอเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันไปก่อน
ผมก็ตกลง ไม่ได้เสียใจอะไรมาก และยังคงตามจีบเธอไปเรื่อย ๆ เพราะผมคิดว่าผมรักเธอจริง ๆ แล้วผมก็ไม่รีบร้อนไปไหน
แต่มาวันหนึ่ง ผมบอกตรง ๆ ว่าเริ่มจะท้อ เพราะมันไม่มีอะไรคืบหน้า จึงเริ่มจะถอดใจแล้ว มีอยู่วันหนึ่งเป็นฟางเส้นสุดท้าย เธอเปรยออกมาว่า ชีวิตต้องเปลี่ยนไปเพราะผม เธอขาดความอิสระที่เคยมี ผมจึงเริ่มทำตัวห่าง ๆ จากเธอ คุยกับเธอน้อยลง เพราะตอนนั้นก็เริ่มจะหมดกำลังใจแล้ว
แต่พอเธอรู้ว่าผมเริ่มจะตีตัวออกห่าง เธอกลับเป็นฝ่ายเข้าหาผมบ้าง ถามไถ่ว่าเป็นอะไร ทำไมจึงเงียบไป ผมก็บอกไปตรง ๆ ว่า ผมรู้สึกไม่ดีที่ทำให้เธอลำบาก ทำให้เธอต้องเดือดร้อน ขาดความเป็นอิสระ หรือทำให้เธอรำคาญ จึงไม่อยากจะไปรบกวนเธออีก
เธอกลับพูดในทำนองว่า เธอรู้สึกดีที่มีผมอยู่ใกล้ ๆ พอผมถามไปตรง ๆ ว่า เริ่มมีใจให้ผมหรือยัง เธอกลับตอบอ้อมไปอ้อมมา ไม่ยอมรับแต่ไม่ปฏิเสธ
(ต่อในคอมเม้นท์)