คอลัมน์ แฉทุกวัน: ทำไมถึงต้องเป็น TRUE
ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ปฏิบัติการ "ช้างประสานงา" ยังไม่จบ เพราะหลังจากปล่อยเวลาให้ยืดยาวมาหลายสัปดาห์ ก้าวรุกครั้งใหม่ของกองทุนสถาบันผู้ยึดมั่นในหลัก "ธรรมาภิบาล" สุดจิตสุดใจ ก็เพิ่มแรงกดดันระลอกใหม่ในกรณีของบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL กรณีคณะกรรมการและผู้บริหาร เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้นบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO และสำนักงาน ก.ล.ต.ได้สั่งเปรียบเทียบปรับ ก่อนหน้านี้
เริ่มด้วยนายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดตัวก่อนใครว่า บริษัท ยังคงรอท่าทีความชัดเจนของ CPALL ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ แต่ระหว่างนี้จะหยุดการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ ของเครือบริษัทซีพี ไม่ลด ไม่เพิ่ม จนกว่าผลการประชุมบอร์ดจะมีข้อสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นออกมา
หมายความว่า หุ้นในกลุ่มซีพีหลักๆ คือ CPALL-TRUE-MAKRO และ CPF จะต้องกระทบกระเทือนไปด้วย
พร้อมกันนี้นายสมิทธ์ ยังเปิดเผยเกมไล่รุกคืบหน้า ว่า หากการประชุมดังกล่าวไม่มีข้อสรุปใดๆ ทางผู้ถือหุ้นที่เป็นนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ทั้งหมดที่ถือหุ้นปัญหาตัวนี้รวมกันเกือบ 30% จะขอใช้สิทธิในการขอเปิดประชุมวิสามัญเพื่อรับการชี้แจงกับทาง CPALL ก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นในกลุ่มซีพีอีกครั้ง
ปฏิกิริยาตามมาน่าสนใจคือ ด้านหนึ่ง ผู้บริหารของธนาคารไทยพาณิชย์อย่าง นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ก็ชี้แจงทันควันว่าการให้สัมภาษณ์ของนายสมิทธิ์นั้น "...มีข้อความที่ไม่ถูกต้อง...ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ลูกค้าและนักลงทุน ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ถูกต้อง และอาจส่งผลเสียหายในเชิงธุรกิจต่อกลุ่มบริษัทในเครือซีพี"
พร้อมกันนั้น นายอาทิตย์ยังย้ำอีกว่า "....กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ มีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนานกับกลุ่มบริษัทในเครือซีพี โดยมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการสนับสนุนการลงทุนและการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือซีพี มาโดยตลอด ทั้งปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต"
อีกด้านหนึ่ง นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง ก็ออกมายืนว่าสิ่งที่นายสมิทธิ์แถลงนั้นเป็นจุดยืนเดียวกันกับทางสมาคมฯ โดยที่ สมาคม บลจ. จะประชุมวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมกับกล่าวว่า "...เตรียมออกมาตรการกับซีพี ออลล์ และหุ้นในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี หลังได้ทวงถามถึงมาตรการและธรรมาภิบาลของซีพี ออลล์ หลายครั้ง แต่ยังไม่ได้คำตอบ"
พร้อมกันนั้น "บิ๊กตู่" ก็ต่อยอดอีกว่า ขณะนี้ บลจ.และกองทุนขนาดใหญ่ อาทิ บริษัทประกันชีวิต AIA , กองทุนประกันสังคม , กองทุน กบข. ได้ขาดความเชื่อมั่นบริษัท ซีพีออล์ รวมทั้งเครือซีพี
เชื่อว่าหากการประชุมบอร์ด ซีพี ออลล์ วันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ยังไม่มีความชัดเจน จะกระทบต่อการออกหุ้นกู้ของธุรกิจในเครือและการเพิ่มทุนกว่า 6 หมื่นล้านบาทของกลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น
ล่าสุด บลจ.ไทยพาณิชย์, และบลจ.กรุงไทย ได้หยุดการลงทุนในหุ้น, ตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ เครือซีพีทั้งหมด เพราะไม่เชื่อมั่นธรรมาภิบาลของเครือซีพี โดยกองทุนทุกแห่งถือหุ้นซีพีออลล์มากกว่าร้อยละ 30
อีกด้านหนึ่ง ก็มีความเคลื่อนไหวชนิด "สวนควันปืน" ออกมาแบบที่เรียกว่า Mexican Standoff จากคณะกรรมการบริษัท ซีพี ออลล์ ที่ได้มีมติวันศุกร์ที่ 5กุ มภาพันธ์ ชนิดไม่ต้องรออีก 2 สัปดาห์ว่า ยังคง "...ให้โอกาสแก่กรรมการบริหาร 3 รายที่เกี่ยวข้อง ยังคงทำหน้าที่ต่อไป โดยจะมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำในอนาคต"
เมื่อต่างฝ่ายต่างหงายหน้าไพ่ขึ้นสู้ชนิด "ตายเป็นตาย" อย่างนี้ คำถามคือ ถ้าจะให้ทายว่า วันจันทร์นี้ หรือถัดๆ ไป กองทุนที่ถือหุ้น CPALL, TRUE, MAKRO และ CPF อยู่ รวมเบ็ดเสร็จหลายหมื่นล้านบาท จะขายหุ้นหรือหุ้นกู้ทั้ง4รายไหม???
งานนี้ ห้ามกะพริบตา....จนกว่าจะรู้ว่า ใครคือคลิ้นท์ อีสท์วูด ใครคือ ลี แวน คลิฟฟ์ และ.... ใครจะนอนโลง ใครจะได้ทองคำแท่ง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คำถามคือ แล้วหุ้นอย่าง TRUE ที่ถูกบลจ.ใส่ชื่อเป็นหนึ่งในตัวประกันอยู่นั้น จะมีชะตากรรมอย่างไร
อย่างที่รู้กัน TRUE เพิ่งประกาศเพิ่มทุน ต้องการเงินอีก 60,000 ล้านบาท ภายในต้นเดือนเมษายน เพื่อจะเอาไปอุดกระแสเงินสดเพราะตัวเลขจะก่อหนี้อีกนับแสนล้านบาท ทำให้ ดี/อีพุ่งเป็น 3.4 เท่า ต้องลดแรงกดดันด่วน ก่อนที่ต้นทุนการเงินจะกลายเป็นงูกินหาง
เจอไม้เด็ดที่เป็นคำขาด ตกเป็น "เหยื่อร่วมชะตากรรม" ในความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่อ อย่างนี้ เจ้าสัวน้อย ศุภชัย เจียรวนนท์ คงต้องร้องเพลงเดียวเท่านั้น
"... ทำไมถึงต้องเป็น TRUE.....ใครเขาซิรับเอา รับเอาแต่ความโชคดี เหลือเศษเดนของความกาลี..."
ไม่รู้ว่าปฏิบัติการ "ช้างประสานงา" รอบนี้ จะเข้าข่าย "ทุบเอาของถูก" หรือ "ดึงเกมต่อรอง" หรือ "ปาหี่คุณธรรม" กันแน่
รู้อย่างเดียวว่า คนถือหุ้น TRUE หัวใจลงไปกองที่ตาตุ่มหมดแล้วจ้าาาา!!!!
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 (หน้า 5)
คอลัมน์ แฉทุกวัน: ทำไมถึงต้องเป็น TRUE
คอลัมน์ แฉทุกวัน: ทำไมถึงต้องเป็น TRUE
ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ปฏิบัติการ "ช้างประสานงา" ยังไม่จบ เพราะหลังจากปล่อยเวลาให้ยืดยาวมาหลายสัปดาห์ ก้าวรุกครั้งใหม่ของกองทุนสถาบันผู้ยึดมั่นในหลัก "ธรรมาภิบาล" สุดจิตสุดใจ ก็เพิ่มแรงกดดันระลอกใหม่ในกรณีของบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL กรณีคณะกรรมการและผู้บริหาร เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้นบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO และสำนักงาน ก.ล.ต.ได้สั่งเปรียบเทียบปรับ ก่อนหน้านี้
เริ่มด้วยนายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดตัวก่อนใครว่า บริษัท ยังคงรอท่าทีความชัดเจนของ CPALL ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ แต่ระหว่างนี้จะหยุดการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ ของเครือบริษัทซีพี ไม่ลด ไม่เพิ่ม จนกว่าผลการประชุมบอร์ดจะมีข้อสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นออกมา
หมายความว่า หุ้นในกลุ่มซีพีหลักๆ คือ CPALL-TRUE-MAKRO และ CPF จะต้องกระทบกระเทือนไปด้วย
พร้อมกันนี้นายสมิทธ์ ยังเปิดเผยเกมไล่รุกคืบหน้า ว่า หากการประชุมดังกล่าวไม่มีข้อสรุปใดๆ ทางผู้ถือหุ้นที่เป็นนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ทั้งหมดที่ถือหุ้นปัญหาตัวนี้รวมกันเกือบ 30% จะขอใช้สิทธิในการขอเปิดประชุมวิสามัญเพื่อรับการชี้แจงกับทาง CPALL ก่อนที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นในกลุ่มซีพีอีกครั้ง
ปฏิกิริยาตามมาน่าสนใจคือ ด้านหนึ่ง ผู้บริหารของธนาคารไทยพาณิชย์อย่าง นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ก็ชี้แจงทันควันว่าการให้สัมภาษณ์ของนายสมิทธิ์นั้น "...มีข้อความที่ไม่ถูกต้อง...ทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ลูกค้าและนักลงทุน ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ถูกต้อง และอาจส่งผลเสียหายในเชิงธุรกิจต่อกลุ่มบริษัทในเครือซีพี"
พร้อมกันนั้น นายอาทิตย์ยังย้ำอีกว่า "....กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ มีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนานกับกลุ่มบริษัทในเครือซีพี โดยมีความร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการสนับสนุนการลงทุนและการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือซีพี มาโดยตลอด ทั้งปัจจุบัน และต่อไปในอนาคต"
อีกด้านหนึ่ง นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง ก็ออกมายืนว่าสิ่งที่นายสมิทธิ์แถลงนั้นเป็นจุดยืนเดียวกันกับทางสมาคมฯ โดยที่ สมาคม บลจ. จะประชุมวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมกับกล่าวว่า "...เตรียมออกมาตรการกับซีพี ออลล์ และหุ้นในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี หลังได้ทวงถามถึงมาตรการและธรรมาภิบาลของซีพี ออลล์ หลายครั้ง แต่ยังไม่ได้คำตอบ"
พร้อมกันนั้น "บิ๊กตู่" ก็ต่อยอดอีกว่า ขณะนี้ บลจ.และกองทุนขนาดใหญ่ อาทิ บริษัทประกันชีวิต AIA , กองทุนประกันสังคม , กองทุน กบข. ได้ขาดความเชื่อมั่นบริษัท ซีพีออล์ รวมทั้งเครือซีพี
เชื่อว่าหากการประชุมบอร์ด ซีพี ออลล์ วันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ ยังไม่มีความชัดเจน จะกระทบต่อการออกหุ้นกู้ของธุรกิจในเครือและการเพิ่มทุนกว่า 6 หมื่นล้านบาทของกลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น
ล่าสุด บลจ.ไทยพาณิชย์, และบลจ.กรุงไทย ได้หยุดการลงทุนในหุ้น, ตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ เครือซีพีทั้งหมด เพราะไม่เชื่อมั่นธรรมาภิบาลของเครือซีพี โดยกองทุนทุกแห่งถือหุ้นซีพีออลล์มากกว่าร้อยละ 30
อีกด้านหนึ่ง ก็มีความเคลื่อนไหวชนิด "สวนควันปืน" ออกมาแบบที่เรียกว่า Mexican Standoff จากคณะกรรมการบริษัท ซีพี ออลล์ ที่ได้มีมติวันศุกร์ที่ 5กุ มภาพันธ์ ชนิดไม่ต้องรออีก 2 สัปดาห์ว่า ยังคง "...ให้โอกาสแก่กรรมการบริหาร 3 รายที่เกี่ยวข้อง ยังคงทำหน้าที่ต่อไป โดยจะมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำในอนาคต"
เมื่อต่างฝ่ายต่างหงายหน้าไพ่ขึ้นสู้ชนิด "ตายเป็นตาย" อย่างนี้ คำถามคือ ถ้าจะให้ทายว่า วันจันทร์นี้ หรือถัดๆ ไป กองทุนที่ถือหุ้น CPALL, TRUE, MAKRO และ CPF อยู่ รวมเบ็ดเสร็จหลายหมื่นล้านบาท จะขายหุ้นหรือหุ้นกู้ทั้ง4รายไหม???
งานนี้ ห้ามกะพริบตา....จนกว่าจะรู้ว่า ใครคือคลิ้นท์ อีสท์วูด ใครคือ ลี แวน คลิฟฟ์ และ.... ใครจะนอนโลง ใครจะได้ทองคำแท่ง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คำถามคือ แล้วหุ้นอย่าง TRUE ที่ถูกบลจ.ใส่ชื่อเป็นหนึ่งในตัวประกันอยู่นั้น จะมีชะตากรรมอย่างไร
อย่างที่รู้กัน TRUE เพิ่งประกาศเพิ่มทุน ต้องการเงินอีก 60,000 ล้านบาท ภายในต้นเดือนเมษายน เพื่อจะเอาไปอุดกระแสเงินสดเพราะตัวเลขจะก่อหนี้อีกนับแสนล้านบาท ทำให้ ดี/อีพุ่งเป็น 3.4 เท่า ต้องลดแรงกดดันด่วน ก่อนที่ต้นทุนการเงินจะกลายเป็นงูกินหาง
เจอไม้เด็ดที่เป็นคำขาด ตกเป็น "เหยื่อร่วมชะตากรรม" ในความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่อ อย่างนี้ เจ้าสัวน้อย ศุภชัย เจียรวนนท์ คงต้องร้องเพลงเดียวเท่านั้น
"... ทำไมถึงต้องเป็น TRUE.....ใครเขาซิรับเอา รับเอาแต่ความโชคดี เหลือเศษเดนของความกาลี..."
ไม่รู้ว่าปฏิบัติการ "ช้างประสานงา" รอบนี้ จะเข้าข่าย "ทุบเอาของถูก" หรือ "ดึงเกมต่อรอง" หรือ "ปาหี่คุณธรรม" กันแน่
รู้อย่างเดียวว่า คนถือหุ้น TRUE หัวใจลงไปกองที่ตาตุ่มหมดแล้วจ้าาาา!!!!
แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 (หน้า 5)