(บทความ...นายพระรอง) กระสุนนัดแรกและนัดสุดท้าย ความเสียหายที่ใคร สร้างให้ประชาชน

ต่อเนื่องจากกะทู้แรก http://ppantip.com/topic/34762608 มาดูบทสรุปส่งท้ายความผ่ายแพ้ของกองทัพอหังการ จักรวรรดิ์ญี่ปุ่นกันครับ

        7.48 น. ตามเวลาท้องถิ่น อากาศยานฝูงบินมฤตยู 353 ลำของญี่ปุ่น ที่บินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน 6 ลำ ได้ลั่นไก กระสุนนัดแรกเข้าทำลายล้าง ฐานทัพเรือสหรัฐที่ท่าเพิร์ล ดินแดนฮาวาย ในเช้าวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 การโจมตีนี้เจตนาเป็นการปฏิบัติป้องกันเพื่อไม่ให้กองเรือแปซิฟิกของสหรัฐเข้าแทรกแซงการปฏิบัติทางทหารซึ่งจักรวรรดิญี่ปุ่นกำลังวางแผนครองความเป็นใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก

        การโจมตีครั้งนี้สืบเนื่องมาจากสงครามจีน-ญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นของสงครามคือจักรวรรดิญี่ปุ่นได้บุกเข้ายึดครองดินแดนเกาหลีและพยายามรุกคืบเข้ายึดครอง แมนจูเรีย เพราะเนื่องจากญี่ปุ่นได้เล็งเห็นผลประโยชน์ในดินแดนแมนจูเรียหลายประการ หลังจากยึดครองสำเร็จก็แต่งตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดให้อยู่ภายใต้การนำของจักรวรรดิญี่ปุ่น โดยมีจักรพรรดิปูยี (อดีตจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิง) ให้มาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและเป็นจักรพรรดิแห่งแมนจูเรียได้แต่เพียงในนามเท่านั้น

       เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจแก่จีนเป็นอย่างมากจึงได้ไปร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังสันนิบาตชาติ(ที่กลายมาเป็นสหประชาชาติในปัจจุบัน)  หลังจากสันนิบาตชาติดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ได้ลงความเห็นเห็นว่า จักรวรรดิญี่ปุ่นเป็นฝ่ายผิดและเป็นผู้รุกราน จึงออกแถลงการณ์ลิตตัน เพื่อประณามการกระทำของญี่ปุ่นในการรุกรานแมนจูเรียและออกคำสั่งให้ญี่ปุ่นถอนกองทัพออกจากดินแดนแมนจูเรีย ทำให้ญี่ปุ่นไม่พอใจพร้อมประกาศถอนตัวออกจากสันนิบาตชาติไปโดยสิ้นเชิง

       ด้วยการที่สันนิบาตชาติทำอะไรกับญี่ปุ่นไม่ได้ ทำให้จีนผิดหวังและญี่ปุ่นก็เริ่มฮึกเหิมที่คิดจะทำการยึดครองจีนต่อไปโดยไม่มีประเทศใดๆมาขัดขวาง และแล้วจักรวรรดิญี่ปุ่นก็ได้ส่งกองทัพเข้าไปรุกรานจีนได้อย่างเต็มตัว แม้กองทัพจีนจะพยายามต้านทานอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่อาจต้านทานกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นได้ทำให้จีนต้องสูญเสียดินแดนให้กับญี่ปุ่น เช่น ปักกิ่ง เป่ยผิง เทียนจิน เป็นต้น ในขณะเดียวกันเมืองนานกิงเองก็ได้ถูกกองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองและทำการสังหารหมู่ชาวจีนไปเป็นจำนวนมาก สร้างความโกรธแค้นให้กับชาวจีนเป็นอย่างมาก

       ในช่วงที่กองทัพจีนได้พ่ายแพ้กองทัพญี่ปุ่นมาติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง และแล้วความหวังก็ได้ปรากฏขึ้น เนื่องจากจีนได้เล็งเห็นประเทศสหรัฐอเมริกาที่เป็นชาติมหาอำนาจหนึ่งที่สามารถถ่วงดุลอำนาจของจักรวรรดิญี่ปุ่นได้ ดังนั้นจีนจึงส่งขอความช่วยเหลือไปยังสหรัฐฯทันที แม้ว่าสหรัฐฯจะพยายามทำตัวเป็นกลางไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงครามก็ตามแต่ก็ยินดีรับปากว่าจะให้ความช่วยเหลือกับจีนอย่างเต็มที่

       สหรัฐฯภายใต้การนำโดยประธานาธิบดีรูสเวลท์ก็ได้ประกาศยุติการส่งออกสินค้าไปยังญี่ปุ่น เช่น น้ำมัน เหล็ก เป็นต้น ทำให้ญี่ปุ่นขาดปัจจัยในการบำรุงกองทัพโดยเฉพาะน้ำมัน ทำให้การบุกเข้ายึดจีนต่อไปต้องหยุดชะงักลง จักรวรรดิญี่ปุ่นญี่ปุ่นจึงได้ส่งทูตไปเจรจากับสหรัฐฯเพื่อขอให้ส่งน้ำมันต่อ แต่ว่าการเจรจาก็ล้มเหลวหมดเพราะสหรัฐฯได้ยื่นคำขาดว่าให้ญี่ปุ่นยุติการยึดครองจีน และถอนกำลังออกจากอินโดจีนไป ทำให้ญี่ปุ่นไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจโจมตีที่อ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ที่อยู่บริเวณของหมู่เกาะฮาวายที่เป็นฐานทัพเรือสหรัฐฯประจำภาคพื้นทะเลแปซิพิกด้วยการเป็นอย่างลับๆ เพื่อเปิดเส้นทางการขยายอำนาจในภาคพื้นทะเลแปซิพิกแก่จักรวรรดิญี่ปุ่น

       และการโจมตีด้วยกระสุนนัดแรกที่ฐานทัพเพิร์ลฮาเบอร์ ได้ทำให้ ญี่ปุ่นกลายเป็นศัตรูหมาเลขหนึ่งที่สหรัฐให้ความสำคัญในการที่ต้องต้อง ทำลายให้สิ้นซาก

       และเป็นที่มาของกระสุนนัดสุดท้ายที่ ยุติสงครามความอหังการของจักรวรรดิญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม และวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ที่สหรัฐได้ตัดสินใจใช้ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มญี่ปุ่นที่จังหวัด ฮิโรชิม่า และนางาซากิ หลังจากได้ใช้ระเบิดเพลิงโจมตีทางอากาศยานใส่ 67 เมืองของญี่ปุ่นต่อเนื่องเป็นเวลาติดต่อกันกว่า 6 เดือน

       การระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตที่ฮิโระชิมะ 140,000 คนและที่นะงะซะกิ 80,000 คนโดยนับถึงปลายปี พ.ศ. 2488 จำนวนคนที่เสียชีวิตทันทีในวันที่ระเบิดลงมีจำนวนประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนที่กล่าวนี้ และในระยะต่อมาก็ยังมีผู้เสียชีวิตด้วยการบาดเจ็บหรือจากการรับกัมมันตรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากการระเบิดอีกนับหมื่นคน ผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดในทั้ง 2 เมืองเป็นพลเรือน

       หลังการทิ้งระเบิดลูกที่สองเป็นเวลา 6 วัน ญี่ปุ่นประกาศตกลงยอมแพ้สงครามต่อฝ่ายพันธมิตรเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 และลงนามในตราสารประกาศยอมแพ้สงครามมหาสมุทรแปซิฟิกที่นับเป็นการยุติสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 (นาซีเยอรมนีลงนามตราสารประกาศยอมแพ้และยุติสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรปอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2488)

       กระสุนนัดแรกที่ญี่ปุ่นสาดเข้าใส่ทหารของฝ่ายตรงข้าม นำมาซึ่งกระสุนนัดสุดท้ายที่สาดเข้าใส่ประชาชนของญี่ปุ่นเอง ตามรายงานอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่น มีประชาชนและทหารสูญเสียชีวิตในสงครามครั้งนี้ 2.5 ล้านคน ซึ่งเกินกว่าครึ่งเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ ยังไม่นับรวมประชาชนของชาติคู่สงครามกับญี่ปุ่นที่ต้องล้มตายไปอีกไม่รู้เท่าไร เพราะที่นานกิงของจีนเมืองเดียวที่ถูกญี่ปุ่นเข้ายึดครอง ก็มีประชาชนเสียชีวิตไปกว่า 4 แสนคน ยังงไม่นับรวมเมืองอืนๆของจีนที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองเกือบทั้งประเทศ ทาสเชลยชาวเกาหลีที่ถูกกวาดต้อนมาทำงานแรงงานที่ทั้งสองเมืองใน ฮิโรชิม่าและนางาซากิ ก็ร่วมล้มตายไปกับการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ครั้งนี้กว่า 2 หมื่นคน

       ทหารญี่ปุ่นที่ตกค้างในหลายประเทศ ต้องทำฮาราคีรี ตายไปแบบมีศักดิ์ศรีจอมปลอมหนีการถูกรุมประชาทัณฑ์ทำร้ายจากชาติที่โกรธแค้น ที่รอดกลับไปได้ ก็ต้องรับโทษในฐานะอาชญกรสงคราม เช่น พลโท นากามุระ อาเคโตะ ผู้บัญชากองทัพญี่ปุ่นประจำประเทศไทยก็ถูกตั้งข้อหาอาญชกรสงคราม และถูกจองจำยาวนาน  ในประเทศไทยถือเป็นโชคดีของทหารญี่ปุ่น เพราะไทยถือเป็นคู่สงครามฝ่ายอักษะเช่นเดียวกับญี่ปุ่น ปฏิกิริยาหรือความเกลียดชังของประชาชนจึงถูกยับยั้งโดยรัฐบาลไทยในขณะนั้น แต่ที่ จีน หรือ ฟิลิปปินส์ ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะที่นั้นประชาชนของชาติเหล่านั้นเกลียดชังทหารญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ทหารญี่ปุ่นที่ตกค้าง จึงเลือกที่จะตายด้วยตัวเองดีกว่าจะถูกฆ่าตาย

       ที่สุดแล้วใครคือผู้สูญเสีย ในพิธีการสักการะ ศาลเจ้ายาสุกุนิ ญี่ปุ่นบอกทำเพื่อผู้เสียชีวิตชาวญี่ปุ่นในสงครามครั้งนี้ 2.5 ล้านคน แต่ในรายงานอย่างเป็นทางการญี่ปุ่นสูญเสียทหารจากสงครามครั้งนี้ 6 แสนกว่านาย
ดังนั้น ที่เหลืออีก 1.9 ล้านคนเป็นใคร..?
ใช่..ประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระหายในอำนาจของจักรวรรดิญี่ปุ่นใช่หรือไม่


กระสุนนัดแรกลั่นไกโดยใคร ผู้รับกรรมคือใคร บทสรุปของสงครามเป็นเช่นนี้มาเสมอ

       วันนี้ในเมืองไทย ผลแห่งการสาดกระสุนนัดแรก กระสุนแห่งความเกลียดชังเข้าหาอีกฝ่าย ก่อกลายเป็นสงครามความคิดที่แตกแยกอาจจะยังมาไม่ถึงผู้สั่งการและบงการเกมส์สงครามแย่งชิงอำนาจในประเทศไทย แต่ผลนั้นกระทบมาถึงประชาชนแล้ว และกำลังแผ่ขยายความสูญเสียไปเรื่อยๆจากผลของสงครามที่เกิดขึ้น ประชาชนเป็นผู้รับเคราะห์เสมอในทุกๆสงคราม และเมืองไทยก็เป็นเช่นนั้น

คำถามคือ แล้วกระสุนนัดสุดท้าย ถูกลั่นไกหรือยัง...? หรือกำลังบรรจุขึ้นลำกล้องอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นโดยไม่คิดจะฟังเสียงประชาชน แล้วถ้าลั่นไกออกมา จะสร้างความเสียหายให้กับสงครามของคนไทยด้วยกันเองอีกเท่าไร แล้วใครคือผู้ที่ต้องรับกรรม คงไม่ต้องให้บอกต่อนะครับ



ป.ล.จริงๆกะทู้นี้ตอนแรกเขียนเป็นกะทู้เดียวกันกับ สงครามนานกิง ที่โพสต์ไปเมื่อสายๆ แต่ด้วยเนื้อหาที่ยาวมาก ผมเลยตัดแบ่งเป็น 2 กะทู้ เพื่อง่ายต่อการสื่อความหมาย ยังไม่ยาวเกินไปสำหรับผู้อ่านครับ แต่ถึงกระนั้นก็ยังยาวอยู่ดี แต่เอาเถอะครับ ใครที่ตามอ่านผมมาบ้าง คงพอจะรู้ว่า สั้นๆผมเขียนไม่เป็นครับ

ขอบคุณครับ
นายพระรอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่