หากเอ่ยถึงชื่อ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย สิ่งหนึ่งที่คิดถึงทันทีมีอยู่ไม่กี่อย่าง นอกจากหน้าตาอันหล่อเหลา ของเด็กนักเรียนในสถาบัน หนึ่งในนั้นคือกีฬาฟุตบอล หรือที่ใครหลายคนเคยให้ฉายาแก่เราว่า มหาอำนาจลูกหนังขาสั้น ซึ่งถือว่าเป็นคำยกย่องที่เราเองก็ยินดีน้อมรับอย่างภาคภูมิใจ เหตุเพราะหากย้อนกลับไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทีมม่วงทองชงโคกับการทำทีมฟุตบอลนั้น เป็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันของกรมพละ ฟุตบอล 7 สี หรือฟุตบอลระดับนักเรียนไม่ว่ารายการไหน ล้วนมีชื่อ “กรุงเทพคริสเตียน” อยู่ในลำดับต้นๆ ของการแข่งขันอยู่เสมอ
แน่นอนว่าวันเวลาเปลี่ยน อะไรๆ ก็ย่อมเปลี่ยน เมื่อกีฬาฟุตบอลในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง สโมสรในไทยลีกต่างๆ ก็มีอคาเดมี่เป็นของตัวเอง และส่งทีมลงแข่งในนามของโรงเรียนต่างๆ มากขึ้น อาจทำให้การเดินทางสู่แชมป์ของเด็ก BCC ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และหลายครั้งก็ต้องตกรอบไปตั้งแต่เนิ่นๆ แต่นั้นก็ไม่ทำให้ชาว BCC ย่อท้อ เรายังคงต่อสู้ และพัฒนาทีมอยู่เสมอ ซึ่งส่วนหนึ่งของการที่จะพัฒนาเยาวชนของทีมให้แข็งแกร่ง คือต้องมีแมทช์ลงแข่งขันอยู่เสมออย่างต่อเนื่อง
นั่นจึงทำให้ในการแข่งขันลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โซนภาคกลางและปริมณฑล ฤดูกาล 2016 ของ BCC FC นั้น เลือกใช้แต่แข้งดาวรุ่งของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนเป็นหลัก รวมกับศิษย์เก่าตัวเก๋าที่จะเข้ามาช่วยประคองรุ่นน้องสู้ศึกในฤดูกาลนี้ นำโดย โค้ชจักราช โทนหงษา ประกอบกับปีนี้ BCC FC ได้สโมสรบาเยิร์น มิวนิค มาเป็นพันธมิตรด้วย จึงคาดว่าปีนี้ก็น่าจะทำงานผลงานได้ดีพอสมควร แต่ที่แน่ๆ เลย ผมมั่นใจว่าทีมโค้ชจากบาเยิร์น จะช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยได้ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลง จากที่เคยใช้ชื่อ BCC-Tero เปลี่ยนมาเป็น BCC FC อย่างเต็มภาคภูมิ
ในทางกลับกัน จากเมื่อปีที่แล้วเราเกือบได้ไปเพลย์ออฟ เพื่อลุ้นเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 แต่ก็เกิดเรื่องวุ่นๆ (ดราม่าปลายปี ตามสไตล์บอลไทย) ทำให้ทีมงานค่อนข้างท้อ แต่ก็ไม่ถอย พร้อมกลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง แต่วางเป้าหมายใหม่ ถ้าหากการแข่งขันเพื่อขึ้นชั้นมันมีอุปสรรค (ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม) มากนัก เราจึงขอเป็นทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง ที่จะช่วยผลิตแข้งเยาวชนให้แข็งแกร่ง พร้อมส่งไม้ต่อเพื่อเข้าสู่สารบบทีมชาติต่อไป เฉกเช่นในอดีต
ในฐานะของแฟนบอลที่เชียร์มาตั้งแต่บอลนักเรียน จตุรมิตร จนมาถึงบอลอาชีพแบบนี้ ปีที่แล้วผมรู้สึกว่าเหมือนฝันไป ความฝันที่เราจะไปเที่ยวทั่วไทยมันมลายหายไปในพริบตา เหมือนฝันค้าง ฝันไม่สุด ฝันถึงจุดไคลแมกซ์แล้วถูกตบหัวให้ตื่น ความรู้สึกของผมเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่พอมาปีนี้เมื่อทราบนโยบายในการทำทีม โดยทีมงานเดิม มันทำให้ผมเปลี่ยนความคิด จากที่เคยคิดว่าจะให้ทีมก้าวกลับมาสู่ไทยลีกอีกครั้ง กลายเป็นอยากจะเข้ามาดูพัฒนาการของเด็กๆ ดูความเติบโต เข้าไปให้กำลังใจน้องๆ เพื่อที่จะได้มีแรง มีกำลังใจมุ่งสู่ทีมชาติในรุ่นต่อๆ ไป
ภาพแห่งความสุข ก่อนที่พวกเราจะฝันค้าง
หลังจากพยายามมาหลายปี ปีนี้เป็นปีที่เราใกล้เคียงความฝันมากที่สุด แต่ก็ต้องมีอันล้มเลิกความฝันนั้นไป
ประวัติของทีม BCC FC
- จริงๆ แล้วสโมสรฟุตบอลโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนนั้น ได้ก่อกำเนินขึ้นมาตั้งแต่ปี 2540 หรือ 19 ปีมาแล้ว จากศิษย์เก่าหลายๆ คนที่ได้ดิบได้ดีในหลายวงการเข้ามาช่วยเหลือในด้านเงินทุน ก่อนที่จะส่งเข้าแข่งขันในระดับถ้วย ง พร้อมกับนโยบาย 4 ขั้น คือตั้งเป้าจะขึ้นชั้นให้ได้ทุกปี และในปีแรกที่เข้าแข่งขันในศึกถ้วยพระราชทาน ง กรุงเทพคริสเตียนก็สามารถคว้าแชมป์แรกของสโมสรมาได้สำเร็จ พร้อมกับขึ้นมาเล่นถ้วย ค ในปีถัดไป
- ปี 2541 และ 2542 ทางสโมสรได้ระดมสุดยอดนักเตะศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจับันที่ดีที่สุดมาร่วมทีมกันมากมาย และก็ทำได้สำเร็จจากการคว้าแชมป์ถ้วย ค และถ้วย ข. ได้ตามลำดับ พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ 3 ปี 3 ถ้วยพระราชทานเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์บอลไทย และได้ลุยศึกดิวิชั่น 1 เป็นปีแรก (หลังจากนั้นทีมเมืองทองก็ทำสถิติใหม่ โดยคว้าแชมป์ได้ 4 ปี 4 ถ้วยเลื่อนชั้นขึ้นมาไทยลีกได้ในระยะเวลาแค่ 4 ปี) ซึ่งสำหรับนักเตะเด่นๆ ชุดปี 41 และ 42 ประกอบด้วย สระราวุฒิ ตรีพันธ์, สุวิทย์ หวัดแท่น, ณรงค์ศักดิ์ คงแก้ว, อนุชา มั่นเจริญ, ณรงค์ชัย วชิรบาล และมานะ นพเนตร (ทั้ง 2 คนเพิ่งอายุ 18 ปี)
- และแล้วในปี 2545 BCC FC ก็ได้ขึ้นชั้นสู่ลีกสูงสุดเป็นปีแรก พร้อมกับโดยถูกบันทึกไว้ว่า เป็นทีมสถาบันทีมแรกที่ก้าวเข้าสู่ระบบลูกหนังอาชีพระดับสูงสุดอย่างเต็มตัว แต่ก็ยืนระยะได้ไม่นาน BCC FC อยู่ในลีกสูงสุดได้แค่ปีเดียว ก็ต้องตกชั้นไป ทั้งๆ ที่นักเตะในทีมในขณะนั้น ถือว่าเป็นนักเตะชื่อดัง และติดทีมชาติมาตลอด เช่น โชคทวี พรหมรัตน์, อนุชา มั่นเจริญ, ณรงค์ชัย วชิรบาล, มานะ นพเนตร, ธนพัฒน์ ณ ท่าเรือ, สุริยะ อมตเวทย์, ธฤติ โนนศรีชัย, จักราช โทนหงษา, กิตติพล ปาภูงา ฯลฯ
- จากวันนั้น จนถึงวันนี้ BCC FC ก็ยังวนเวียนอยู่ในศึกดิวิชั่น 2 เหมือนเดิมนับตั้งแต่ตกชั้นลงไป แต่ก็ยังคงผลิตนักบอลดาวรุ่ง จากรุ่นสู่รุ่น มุ่งสู่ทีมชาติอยู่เสมอ เช่น สุธี สุขสมกิจ, ธีรเทพ วิโนทัย, ธนา ชนะบุตร, เจนรบ สำเภาดี, มีโชค มหาศรานุกุล, อดิศักดิ์ ไกรสร ฯลฯ
เมื่อครั้งที่เจนรบ และบี ชญาวัฒน์ โลดแล่นอยู่ในสีเสื้อ BCC FC
เขียนมาถึงตรงนี้นอกจากจะบอกว่านี่คือกระทู้แรกของผมในห้องบอลไทยแล้ว (คิดเสียว่าเป็นกระทู้เปิดตัวแล้วกันนะครับ หลังจากแอบส่องมานาน) ผมก็อยากจะนำเสนอทีมฟุตบอลเล็กๆ ทีมนี้ แต่อุดมไปด้วยสปิริต และความภูมิใจของทีม อยากให้ทำความรู้จัก และอยากให้ทราบว่าเรามีเป้าหมายอย่างไร มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบอลไทยอย่างไร และแม้เราจะเป็นเพียงแค่ทีมฟุตบอลเล็กๆ จากสถาบัน จากองค์กร แฟนบอลมีน้อยแค่ไหน แต่เราก็ภูมิใจกับทีมของเรา และเราก็จะเชียร์ต่อไป แม้จะได้ขึ้นชั้น หรือไม่ก็ตาม
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ
ปล. แต่ถ้าบอลไทยลีกตอนนี้ ผมเชียร์ BG นะครับ แฟนๆ BG ก็ทักทายกันมาได้เน้อ ^ ^
ปล.2 จริงๆ แล้วไทยลีกผมก็ดูหมดทุกทีม (เพราะเน้นดู D.2 เป็นหลักอยู่แล้ว) แต่เพราะ BG ใกล้บ้าน และมีเพื่อนๆ คนรู้จักทำงานอยู่เลยตามดู ตามเชียร์ครับ ถ้าวันไหนไม่ได้ไปดู BCC เจอกันที่สนาม BG ได้ครับ (แต่ไม่ค่อยไปนะ 55)
ปล. สุดท้าย ส่วนทีมใน D.1 ผมมีเชียร์ท่าเรือ (เพราะ BCC เช่า PAT Stadium อยู่ และชอบมาดามเป็นพิเศษ 55) กับ Air Force นะครับ เพราะตามดูมาตั้งแต่เด็ก ตั้งยุคพี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ส่งเสริม มาเพิ่ม ประทีป ปานขาว อะไรพวกนี้
ข้อมูลผิดพลาดประการใด ตกหล่นตรงไหน ต้องขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.facebook.com/bccfc/
www.bccfootballclub.com
https://th.wikipedia.org/รายชื่อนักกีฬาสโมสรกรุงเทพคริสเตียน
BCC FC จากรั้วสถาบัน สู่ความภาคภูมิใจระดับประเทศ
แน่นอนว่าวันเวลาเปลี่ยน อะไรๆ ก็ย่อมเปลี่ยน เมื่อกีฬาฟุตบอลในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง สโมสรในไทยลีกต่างๆ ก็มีอคาเดมี่เป็นของตัวเอง และส่งทีมลงแข่งในนามของโรงเรียนต่างๆ มากขึ้น อาจทำให้การเดินทางสู่แชมป์ของเด็ก BCC ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และหลายครั้งก็ต้องตกรอบไปตั้งแต่เนิ่นๆ แต่นั้นก็ไม่ทำให้ชาว BCC ย่อท้อ เรายังคงต่อสู้ และพัฒนาทีมอยู่เสมอ ซึ่งส่วนหนึ่งของการที่จะพัฒนาเยาวชนของทีมให้แข็งแกร่ง คือต้องมีแมทช์ลงแข่งขันอยู่เสมออย่างต่อเนื่อง
นั่นจึงทำให้ในการแข่งขันลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 โซนภาคกลางและปริมณฑล ฤดูกาล 2016 ของ BCC FC นั้น เลือกใช้แต่แข้งดาวรุ่งของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนเป็นหลัก รวมกับศิษย์เก่าตัวเก๋าที่จะเข้ามาช่วยประคองรุ่นน้องสู้ศึกในฤดูกาลนี้ นำโดย โค้ชจักราช โทนหงษา ประกอบกับปีนี้ BCC FC ได้สโมสรบาเยิร์น มิวนิค มาเป็นพันธมิตรด้วย จึงคาดว่าปีนี้ก็น่าจะทำงานผลงานได้ดีพอสมควร แต่ที่แน่ๆ เลย ผมมั่นใจว่าทีมโค้ชจากบาเยิร์น จะช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็กไทยได้ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลง จากที่เคยใช้ชื่อ BCC-Tero เปลี่ยนมาเป็น BCC FC อย่างเต็มภาคภูมิ
ในทางกลับกัน จากเมื่อปีที่แล้วเราเกือบได้ไปเพลย์ออฟ เพื่อลุ้นเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 แต่ก็เกิดเรื่องวุ่นๆ (ดราม่าปลายปี ตามสไตล์บอลไทย) ทำให้ทีมงานค่อนข้างท้อ แต่ก็ไม่ถอย พร้อมกลับมาสู้ใหม่อีกครั้ง แต่วางเป้าหมายใหม่ ถ้าหากการแข่งขันเพื่อขึ้นชั้นมันมีอุปสรรค (ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม) มากนัก เราจึงขอเป็นทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง ที่จะช่วยผลิตแข้งเยาวชนให้แข็งแกร่ง พร้อมส่งไม้ต่อเพื่อเข้าสู่สารบบทีมชาติต่อไป เฉกเช่นในอดีต
ในฐานะของแฟนบอลที่เชียร์มาตั้งแต่บอลนักเรียน จตุรมิตร จนมาถึงบอลอาชีพแบบนี้ ปีที่แล้วผมรู้สึกว่าเหมือนฝันไป ความฝันที่เราจะไปเที่ยวทั่วไทยมันมลายหายไปในพริบตา เหมือนฝันค้าง ฝันไม่สุด ฝันถึงจุดไคลแมกซ์แล้วถูกตบหัวให้ตื่น ความรู้สึกของผมเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่พอมาปีนี้เมื่อทราบนโยบายในการทำทีม โดยทีมงานเดิม มันทำให้ผมเปลี่ยนความคิด จากที่เคยคิดว่าจะให้ทีมก้าวกลับมาสู่ไทยลีกอีกครั้ง กลายเป็นอยากจะเข้ามาดูพัฒนาการของเด็กๆ ดูความเติบโต เข้าไปให้กำลังใจน้องๆ เพื่อที่จะได้มีแรง มีกำลังใจมุ่งสู่ทีมชาติในรุ่นต่อๆ ไป
ภาพแห่งความสุข ก่อนที่พวกเราจะฝันค้าง
หลังจากพยายามมาหลายปี ปีนี้เป็นปีที่เราใกล้เคียงความฝันมากที่สุด แต่ก็ต้องมีอันล้มเลิกความฝันนั้นไป
ประวัติของทีม BCC FC
- จริงๆ แล้วสโมสรฟุตบอลโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนนั้น ได้ก่อกำเนินขึ้นมาตั้งแต่ปี 2540 หรือ 19 ปีมาแล้ว จากศิษย์เก่าหลายๆ คนที่ได้ดิบได้ดีในหลายวงการเข้ามาช่วยเหลือในด้านเงินทุน ก่อนที่จะส่งเข้าแข่งขันในระดับถ้วย ง พร้อมกับนโยบาย 4 ขั้น คือตั้งเป้าจะขึ้นชั้นให้ได้ทุกปี และในปีแรกที่เข้าแข่งขันในศึกถ้วยพระราชทาน ง กรุงเทพคริสเตียนก็สามารถคว้าแชมป์แรกของสโมสรมาได้สำเร็จ พร้อมกับขึ้นมาเล่นถ้วย ค ในปีถัดไป
- ปี 2541 และ 2542 ทางสโมสรได้ระดมสุดยอดนักเตะศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจับันที่ดีที่สุดมาร่วมทีมกันมากมาย และก็ทำได้สำเร็จจากการคว้าแชมป์ถ้วย ค และถ้วย ข. ได้ตามลำดับ พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ 3 ปี 3 ถ้วยพระราชทานเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์บอลไทย และได้ลุยศึกดิวิชั่น 1 เป็นปีแรก (หลังจากนั้นทีมเมืองทองก็ทำสถิติใหม่ โดยคว้าแชมป์ได้ 4 ปี 4 ถ้วยเลื่อนชั้นขึ้นมาไทยลีกได้ในระยะเวลาแค่ 4 ปี) ซึ่งสำหรับนักเตะเด่นๆ ชุดปี 41 และ 42 ประกอบด้วย สระราวุฒิ ตรีพันธ์, สุวิทย์ หวัดแท่น, ณรงค์ศักดิ์ คงแก้ว, อนุชา มั่นเจริญ, ณรงค์ชัย วชิรบาล และมานะ นพเนตร (ทั้ง 2 คนเพิ่งอายุ 18 ปี)
- และแล้วในปี 2545 BCC FC ก็ได้ขึ้นชั้นสู่ลีกสูงสุดเป็นปีแรก พร้อมกับโดยถูกบันทึกไว้ว่า เป็นทีมสถาบันทีมแรกที่ก้าวเข้าสู่ระบบลูกหนังอาชีพระดับสูงสุดอย่างเต็มตัว แต่ก็ยืนระยะได้ไม่นาน BCC FC อยู่ในลีกสูงสุดได้แค่ปีเดียว ก็ต้องตกชั้นไป ทั้งๆ ที่นักเตะในทีมในขณะนั้น ถือว่าเป็นนักเตะชื่อดัง และติดทีมชาติมาตลอด เช่น โชคทวี พรหมรัตน์, อนุชา มั่นเจริญ, ณรงค์ชัย วชิรบาล, มานะ นพเนตร, ธนพัฒน์ ณ ท่าเรือ, สุริยะ อมตเวทย์, ธฤติ โนนศรีชัย, จักราช โทนหงษา, กิตติพล ปาภูงา ฯลฯ
- จากวันนั้น จนถึงวันนี้ BCC FC ก็ยังวนเวียนอยู่ในศึกดิวิชั่น 2 เหมือนเดิมนับตั้งแต่ตกชั้นลงไป แต่ก็ยังคงผลิตนักบอลดาวรุ่ง จากรุ่นสู่รุ่น มุ่งสู่ทีมชาติอยู่เสมอ เช่น สุธี สุขสมกิจ, ธีรเทพ วิโนทัย, ธนา ชนะบุตร, เจนรบ สำเภาดี, มีโชค มหาศรานุกุล, อดิศักดิ์ ไกรสร ฯลฯ
เมื่อครั้งที่เจนรบ และบี ชญาวัฒน์ โลดแล่นอยู่ในสีเสื้อ BCC FC
เขียนมาถึงตรงนี้นอกจากจะบอกว่านี่คือกระทู้แรกของผมในห้องบอลไทยแล้ว (คิดเสียว่าเป็นกระทู้เปิดตัวแล้วกันนะครับ หลังจากแอบส่องมานาน) ผมก็อยากจะนำเสนอทีมฟุตบอลเล็กๆ ทีมนี้ แต่อุดมไปด้วยสปิริต และความภูมิใจของทีม อยากให้ทำความรู้จัก และอยากให้ทราบว่าเรามีเป้าหมายอย่างไร มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบอลไทยอย่างไร และแม้เราจะเป็นเพียงแค่ทีมฟุตบอลเล็กๆ จากสถาบัน จากองค์กร แฟนบอลมีน้อยแค่ไหน แต่เราก็ภูมิใจกับทีมของเรา และเราก็จะเชียร์ต่อไป แม้จะได้ขึ้นชั้น หรือไม่ก็ตาม
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ
ปล. แต่ถ้าบอลไทยลีกตอนนี้ ผมเชียร์ BG นะครับ แฟนๆ BG ก็ทักทายกันมาได้เน้อ ^ ^
ปล.2 จริงๆ แล้วไทยลีกผมก็ดูหมดทุกทีม (เพราะเน้นดู D.2 เป็นหลักอยู่แล้ว) แต่เพราะ BG ใกล้บ้าน และมีเพื่อนๆ คนรู้จักทำงานอยู่เลยตามดู ตามเชียร์ครับ ถ้าวันไหนไม่ได้ไปดู BCC เจอกันที่สนาม BG ได้ครับ (แต่ไม่ค่อยไปนะ 55)
ปล. สุดท้าย ส่วนทีมใน D.1 ผมมีเชียร์ท่าเรือ (เพราะ BCC เช่า PAT Stadium อยู่ และชอบมาดามเป็นพิเศษ 55) กับ Air Force นะครับ เพราะตามดูมาตั้งแต่เด็ก ตั้งยุคพี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ส่งเสริม มาเพิ่ม ประทีป ปานขาว อะไรพวกนี้
ข้อมูลผิดพลาดประการใด ตกหล่นตรงไหน ต้องขออภัยด้วยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.facebook.com/bccfc/
www.bccfootballclub.com
https://th.wikipedia.org/รายชื่อนักกีฬาสโมสรกรุงเทพคริสเตียน