หากความรักของกุมาริกาคือการส่งข้อความที่ไร้เสียงเพียงเพื่อให้คน ๆ หนึ่งได้รู้ว่ายังมีใครบางคนที่ห่วงใยด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ความรักที่มอบให้ไม่เรียกร้องหรือต้องการสิ่งใดเพื่อตอบแทนแม้คน ๆ นั้นจะไม่รู้หรือไม่ต้องการจะรับรู้ความหวังดีนั้นเลยก็ตาม กลับกันความรักของสยมภูเป็นอีกรูปแบบ รูปแบบที่ก่อเกิดจากความไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ... ว่าจะมี "ใคร" ที่ทำอะไรให้คนอื่นได้โดยไม่หวังผลอะไร ว่าจะมี "ความรู้สึก" ชนิดไหนที่ไม่อยู่ภายใต้หลักการของเหตุและผล แม้แต่ความรัก
ความรักของสยมภู... เมื่อแรก ไม่แตกต่างอะไรกับความใคร่ Love กับ Lust มันก็สิ่งเดียวกัน เมื่อธรรมชาติเรียกร้องต้องการก็ต้องมีที่ระบายออก นั่นแหละคือเหตุผลของสิ่งที่เรียกว่า "รัก" ซึ่งเป็นอย่างเดียวกับความ "ใคร่" เขาคิดแบบนั้นเพราะประสบการณ์สอนให้คิดเช่นนั้น ความรักของแม่ที่มีต่อพ่อต่อเขามันคือสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติเรียกร้อง ตามสัญชาตญาณ เมื่อกาลเวลาผ่านไปอารมณ์นั้นก็เปลี่ยนแปลงไปเกิดขึ้นกับคนอื่น ก็เป็นหลักของเหตุและผลอีกเช่นกัน และ ตามชุดความคิดนี้ .... เราก็ไม่ควรจะเจ็บกับความรักที่ว่านั่นถูกไหม ?
รักมันก็ตั้งอยู่บนหลักเหตุผลนั่นแหละ
คือความเรียกร้องต้องการที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้
หากใครคิดว่ารักตั้งหลักอยู่บนอย่างอื่น
คิดว่ามันคือนิรันดร์กาล .... นั่นต่างหาก
ที่มัน "ไร้เหตุผล" สิ้นดี
พ่อของเขาก็เป็นเหยื่อ ... ที่ไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้าย กับเจ้าสิ่ง "ไร้เหตุผล" ที่ว่า เมื่อรักนิรันดร์ที่พ่อคิดว่ามีแตกสลาย "เขา" จึงเป็นตัวรองรับอารมณ์ พ่อสอนเขาถึงความเป็นจริงที่เป็นไปของโลกใบนี้ โลกที่พ่อของเขาอยู่มาตลอด เขาหัดต่อสู้ตั้งแต่วัยเด็ก และ ถือปืนตั้งแต่ยังไม่พ้นวัยรุ่น เขาผ่านความแตกร้าวของครอบครัว ความพังทลายของอารมณ์ผู้เป็นพ่อ และ ความล่มสลายของชีวิตของท่านเช่นกัน ภายใต้น้ำมือของสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" เรียกว่าซึ้งถึงกระดูกดำ ดังนั้นเขาจะไม่มีวัน และ ไม่มีทางเป็นเหยื่อรายต่อไปเหมือนกับผู้เป็นบิดาอย่างแน่นอน
ชีวิตที่ผ่านมาสยมภูปั้นแต่งมันโดยยึดหลักความเป็นจริง เล่ห์เหลี่ยมกลลวง เงินตรา อำนาจมืด เขามีอยู่ในตัวจนครบ กลายเป็นเสน่ห์เย้ายวนให้หมู่แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ผู้หญิงสาวสวยหลายคนอยากจะลิ้มลองความร้อนแรง และ คิดหาทางจบเกมส์เพื่อลงเอย หากก็ต้องผิดหวัง ... แต่ถึงกับมากนัก อย่างน้อยความสำราญทางกายก็ได้มาไม่ยิ่งหย่อน ไม่ถึงกับคุ้มแต่ก็ไม่เสียหาย ก็อย่างที่ว่าคนที่มีความคิดเหมือนกันก็ดึงดูดเข้าหากัน สยมภูจึงเจอแต่ผู้หญิงแบบนั้น และเชื่อว่ารักที่แท้ก็คงไม่มีจริง
จนกระทั่งมรสุมลูกเล็ก ๆ ชื่อกุมาริกาพัดผ่านเข้ามาในชีวิต
สยมภูและกุมาริกาไม่ได้ผูกพันกันด้วยเสน่หามาตั้งแต่ต้น สยมภูเพียงแต่เอ็นดูเด็กนักเรียนหน้าใส ที่ทำให้เขานึกย้อนกลับไปในอดีตสงบสุขของตัวเอง และ ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาไม่ทันได้นึกถึงผลประโยชน์ใด ๆ เมื่อจะต้องสานสัมพันธ์กับ "ผู้หญิง" อ่อ ณ ตอนนั้นจะเรียกว่า "ผู้หญิง" ก็คงไม่เชิง ต้องเรียกว่า "เด็ก" ผู้หญิงเสียละมาก ดำฤษณาที่อยากจะลากขึ้นเตียงจึงยังไม่มี เมื่อพื้นฐานมันไม่ใช่ความ "ใคร่" อะไร ๆ ที่พัฒนาจากความรู้สึกของสยมภูมันจึงแตกต่างออกไป และ เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไร
การที่ได้มองความบริสุทธิ์สะอาดดีแสนดีจนอยากจะเรียกว่า naive ของกุมาริกา มันกระตุ้นความต้องการที่จะปกป้อง ความปรารถนาที่จะนำพาเด็กสาวที่เหมือนดอกไม้แรกแย้ม เหมือนกระต่ายน้อยสีขาว ไปยังอนาคตที่สดใสและงดงาม สิ่งเหล่านี้ทำให้สยมภูสงบลง ช้าลง ค่อย ๆ อ่อนโยนกับชีวิตขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เขาเปลี่ยนไป ... และ คนที่มีวุฒิภาวะและประสบการณ์อย่างเขาก็แน่ใจว่าสิ่งนี้ไม่ใช่แค่เพียงความใคร่อย่างที่เชื่อและพบมา
หรือว่าสิ่งนี้คือ "ความรัก"
แบบนี้สินะคือรักที่แท้
ที่ทำให้มีความสุขได้จนล้นทรวงเช่นนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นความกระหายใน "รัก" ที่ได้พบก็ทำให้เขาแทบคลั่ง ความรู้สึกที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน ที่แท้มันมีอยู่จริงหรือนี่ มันช่างหวานหอมเหลือเกิน สยมภูเรียกร้องต้องการและตักตวงในสิ่งที่เขาคิดว่ามันต้องเป็นของเขาคนเดียวเพื่อดับกระหายชนิดที่ไม่เหลือช่องว่างให้ขยับตัวไปไหน เมื่อกวางไม่สามารถให้ในทุกเวลาที่เขาต้องการ โดยที่กวางก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรและเพราะอะไร ทำไมเขาจึงต้องฉุนเฉียว ทำไมอารมณ์ของเขาถึงได้เปลี่ยนแปลงขึ้นลงรวดเร็วยิ่งนัก นั่นทำให้ความกระหายในรักเปลี่ยนแปลงไปเป็นความกังวล ระแวง เจ็บปวด ที่สุดแล้วสายฝนฉ่ำเย็นจึงแปรเปลี่ยนเป็นพายุ และ ม้วนกลืนคนทั้งคู่สู่ความร้าวรานสุดจะหยั่งได้
แต่ถึงกระนั้นสยมภูก็รู้แล้วว่าสิ่งนี้คือ "รัก" อย่างแน่นอน แต่การปฏิบัติต่อความรักนั้นช่างยากเหลือเกิน ทำไมหรือ ทำไมเขาจึงจะเป็นเจ้าของความรักเพียงคนเดียวไม่ได้ เขาเจ็บมาหนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ กับคน ๆ เดิม นี่เขาทำอะไรผิดที่ตรงไหน ? ผู้หญิงคนนั้นอยู่ตรงหน้า และ จุดความกระหายในใจได้เหมือนเดิม ... ไม่สิ มากขึ้นกว่าเดิมไปด้วยซ้ำ แต่เขาไม่รู้เช่นกันว่าทางข้างหน้าที่จะก้าวเดินต่อไป มันจะนำเขาไปหยุดอยู่ที่ใด ทุ่งดอกไม้ หรือ หุบเหว เขามั่นใจว่าเขารักเธออย่างแน่แท้ แต่หากเขาตัดสินใจจะ "ลงเอย" กับเธออีกสักครั้ง ทางเดินแห่งนี้จะพาเขาไปทางไหน ความหวานที่เคยได้ลิ้มลองติดปลายลิ้นและติดอยู่ที่หัวใจนี้ ปลายทางมันจะเป็นอย่างที่หวัง หรือ จะเป็นความว่างเปล่านกันแน่นะ ?
Should I give up?
Or should I just keep chasin' pavements
Even if it leads nowhere?
Or would it be a waste
Even if I knew my place?
Should I leave it there?
should I give up?
Or should I just keep chasin' pavements
Even if it leads nowhere?
ถึงเวลาที่ฉันควรหยุด
หรือรีบรุดตามทางไม่ถอยหนี
ถึงจะรู้ข้างหน้าเป็นอันดี
ว่าเป็นที่ว่างเปล่าเหงาเงียบใจ
แม้จะเสียเวลามหาศาล
หรือควรก้าวข้ามผ่านไม่ไปไหน
เดินตามทางเสียงบอกของหัวใจ
แม้ไม่เห็นสิ่งใดที่ปลายทาง
มรสุมสวาท (ความรักของ ... สยมภู) : Chasing Pavements
ความรักของสยมภู... เมื่อแรก ไม่แตกต่างอะไรกับความใคร่ Love กับ Lust มันก็สิ่งเดียวกัน เมื่อธรรมชาติเรียกร้องต้องการก็ต้องมีที่ระบายออก นั่นแหละคือเหตุผลของสิ่งที่เรียกว่า "รัก" ซึ่งเป็นอย่างเดียวกับความ "ใคร่" เขาคิดแบบนั้นเพราะประสบการณ์สอนให้คิดเช่นนั้น ความรักของแม่ที่มีต่อพ่อต่อเขามันคือสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติเรียกร้อง ตามสัญชาตญาณ เมื่อกาลเวลาผ่านไปอารมณ์นั้นก็เปลี่ยนแปลงไปเกิดขึ้นกับคนอื่น ก็เป็นหลักของเหตุและผลอีกเช่นกัน และ ตามชุดความคิดนี้ .... เราก็ไม่ควรจะเจ็บกับความรักที่ว่านั่นถูกไหม ?
คือความเรียกร้องต้องการที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้
หากใครคิดว่ารักตั้งหลักอยู่บนอย่างอื่น
คิดว่ามันคือนิรันดร์กาล .... นั่นต่างหาก
ที่มัน "ไร้เหตุผล" สิ้นดี
พ่อของเขาก็เป็นเหยื่อ ... ที่ไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้าย กับเจ้าสิ่ง "ไร้เหตุผล" ที่ว่า เมื่อรักนิรันดร์ที่พ่อคิดว่ามีแตกสลาย "เขา" จึงเป็นตัวรองรับอารมณ์ พ่อสอนเขาถึงความเป็นจริงที่เป็นไปของโลกใบนี้ โลกที่พ่อของเขาอยู่มาตลอด เขาหัดต่อสู้ตั้งแต่วัยเด็ก และ ถือปืนตั้งแต่ยังไม่พ้นวัยรุ่น เขาผ่านความแตกร้าวของครอบครัว ความพังทลายของอารมณ์ผู้เป็นพ่อ และ ความล่มสลายของชีวิตของท่านเช่นกัน ภายใต้น้ำมือของสิ่งที่เรียกว่า "ความรัก" เรียกว่าซึ้งถึงกระดูกดำ ดังนั้นเขาจะไม่มีวัน และ ไม่มีทางเป็นเหยื่อรายต่อไปเหมือนกับผู้เป็นบิดาอย่างแน่นอน
ชีวิตที่ผ่านมาสยมภูปั้นแต่งมันโดยยึดหลักความเป็นจริง เล่ห์เหลี่ยมกลลวง เงินตรา อำนาจมืด เขามีอยู่ในตัวจนครบ กลายเป็นเสน่ห์เย้ายวนให้หมู่แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ผู้หญิงสาวสวยหลายคนอยากจะลิ้มลองความร้อนแรง และ คิดหาทางจบเกมส์เพื่อลงเอย หากก็ต้องผิดหวัง ... แต่ถึงกับมากนัก อย่างน้อยความสำราญทางกายก็ได้มาไม่ยิ่งหย่อน ไม่ถึงกับคุ้มแต่ก็ไม่เสียหาย ก็อย่างที่ว่าคนที่มีความคิดเหมือนกันก็ดึงดูดเข้าหากัน สยมภูจึงเจอแต่ผู้หญิงแบบนั้น และเชื่อว่ารักที่แท้ก็คงไม่มีจริง
สยมภูและกุมาริกาไม่ได้ผูกพันกันด้วยเสน่หามาตั้งแต่ต้น สยมภูเพียงแต่เอ็นดูเด็กนักเรียนหน้าใส ที่ทำให้เขานึกย้อนกลับไปในอดีตสงบสุขของตัวเอง และ ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขาไม่ทันได้นึกถึงผลประโยชน์ใด ๆ เมื่อจะต้องสานสัมพันธ์กับ "ผู้หญิง" อ่อ ณ ตอนนั้นจะเรียกว่า "ผู้หญิง" ก็คงไม่เชิง ต้องเรียกว่า "เด็ก" ผู้หญิงเสียละมาก ดำฤษณาที่อยากจะลากขึ้นเตียงจึงยังไม่มี เมื่อพื้นฐานมันไม่ใช่ความ "ใคร่" อะไร ๆ ที่พัฒนาจากความรู้สึกของสยมภูมันจึงแตกต่างออกไป และ เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไร
การที่ได้มองความบริสุทธิ์สะอาดดีแสนดีจนอยากจะเรียกว่า naive ของกุมาริกา มันกระตุ้นความต้องการที่จะปกป้อง ความปรารถนาที่จะนำพาเด็กสาวที่เหมือนดอกไม้แรกแย้ม เหมือนกระต่ายน้อยสีขาว ไปยังอนาคตที่สดใสและงดงาม สิ่งเหล่านี้ทำให้สยมภูสงบลง ช้าลง ค่อย ๆ อ่อนโยนกับชีวิตขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เขาเปลี่ยนไป ... และ คนที่มีวุฒิภาวะและประสบการณ์อย่างเขาก็แน่ใจว่าสิ่งนี้ไม่ใช่แค่เพียงความใคร่อย่างที่เชื่อและพบมา
แบบนี้สินะคือรักที่แท้
ที่ทำให้มีความสุขได้จนล้นทรวงเช่นนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้นความกระหายใน "รัก" ที่ได้พบก็ทำให้เขาแทบคลั่ง ความรู้สึกที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน ที่แท้มันมีอยู่จริงหรือนี่ มันช่างหวานหอมเหลือเกิน สยมภูเรียกร้องต้องการและตักตวงในสิ่งที่เขาคิดว่ามันต้องเป็นของเขาคนเดียวเพื่อดับกระหายชนิดที่ไม่เหลือช่องว่างให้ขยับตัวไปไหน เมื่อกวางไม่สามารถให้ในทุกเวลาที่เขาต้องการ โดยที่กวางก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรและเพราะอะไร ทำไมเขาจึงต้องฉุนเฉียว ทำไมอารมณ์ของเขาถึงได้เปลี่ยนแปลงขึ้นลงรวดเร็วยิ่งนัก นั่นทำให้ความกระหายในรักเปลี่ยนแปลงไปเป็นความกังวล ระแวง เจ็บปวด ที่สุดแล้วสายฝนฉ่ำเย็นจึงแปรเปลี่ยนเป็นพายุ และ ม้วนกลืนคนทั้งคู่สู่ความร้าวรานสุดจะหยั่งได้
แต่ถึงกระนั้นสยมภูก็รู้แล้วว่าสิ่งนี้คือ "รัก" อย่างแน่นอน แต่การปฏิบัติต่อความรักนั้นช่างยากเหลือเกิน ทำไมหรือ ทำไมเขาจึงจะเป็นเจ้าของความรักเพียงคนเดียวไม่ได้ เขาเจ็บมาหนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ กับคน ๆ เดิม นี่เขาทำอะไรผิดที่ตรงไหน ? ผู้หญิงคนนั้นอยู่ตรงหน้า และ จุดความกระหายในใจได้เหมือนเดิม ... ไม่สิ มากขึ้นกว่าเดิมไปด้วยซ้ำ แต่เขาไม่รู้เช่นกันว่าทางข้างหน้าที่จะก้าวเดินต่อไป มันจะนำเขาไปหยุดอยู่ที่ใด ทุ่งดอกไม้ หรือ หุบเหว เขามั่นใจว่าเขารักเธออย่างแน่แท้ แต่หากเขาตัดสินใจจะ "ลงเอย" กับเธออีกสักครั้ง ทางเดินแห่งนี้จะพาเขาไปทางไหน ความหวานที่เคยได้ลิ้มลองติดปลายลิ้นและติดอยู่ที่หัวใจนี้ ปลายทางมันจะเป็นอย่างที่หวัง หรือ จะเป็นความว่างเปล่านกันแน่นะ ?
Or should I just keep chasin' pavements
Even if it leads nowhere?
Or would it be a waste
Even if I knew my place?
Should I leave it there?
should I give up?
Or should I just keep chasin' pavements
Even if it leads nowhere?
หรือรีบรุดตามทางไม่ถอยหนี
ถึงจะรู้ข้างหน้าเป็นอันดี
ว่าเป็นที่ว่างเปล่าเหงาเงียบใจ
แม้จะเสียเวลามหาศาล
หรือควรก้าวข้ามผ่านไม่ไปไหน
เดินตามทางเสียงบอกของหัวใจ
แม้ไม่เห็นสิ่งใดที่ปลายทาง