*กระทู้มีการสปอยล์เนื้อหาบางส่วน แต่คิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะได้ดูกันหมดแล้วล่ะนะ
คงฟังดูเชยมาก ถ้าจะบอกว่าเพิ่งได้ดูหนังแอคชั่นสุดมันอย่าง Mad Max : Fury Road และแม้จะมีคนทั้งเขียนชมและวิจารณ์กันไปแล้วมากมาย ข้าพเจ้าก็ยังคันไม่คันมืออยากจะเขียนถึงหนังเรื่องนี้กับเขาบ้าง
โลกทัศน์ที่เกิดจากความหวาดกลัว
นอกจากแมดแมกซ์ภาคแรกแล้ว ซีรี่ส์ของหนังชุดนี้ล้วนเดินเรื่องในยุคอนาคตที่อารยธรรมล้วนล่มสลายหลังยุคนิวเคลียร์ สิ่งที่เหลืออยู่คือซากปรักหักพักและความแห้งแล้ง และมนุษย์ที่ได้ผลกระทบจากกัมมันตรังสีกลายเป็นพวกพิกลพิการ ว่ากันง่ายๆ หนังชุดนี้อ้างอิงโลกอนาคตที่เป็นดิสโธเปีย ซึ่งเป็นมุมมองจากการกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต แต่ก็ไม่ได้เป็นความกลัวที่เลื่อนลอย เมื่อดูจากการกระทำในยุคปัจจุบันของเรานี่เอง
หลังอารยะธรรมอันล่มสลาย กฎระเบียบที่มนุษย์เคยสร้างได้สูญสลายและแทนที่ด้วยกฎตามธรรมชาติที่ผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอด ทรัพยากรที่เหลืออยู่น้อยนิดถูกแย่งชิงกันอย่างไม่ปราณีปราศรัย การปล้นฆ่ากลายเป็นเรื่องปกติในโลกของแมดแมกซ์
ในด้านการออกแบบทั้งเสื้อผ้าและเครื่องยนต์ต่างๆภายในเรื่องมีคนเขียนชมมาแล้วมากมาย ซึ่งก็ช่วยลดคำปรามาศว่างานออกแบบแนวจังก์และพังค์ตายไปแล้ว แมดแมกซ์ภาคนี้กลับยังคงทำออกมาได้น่าทึ่งอยู่ ที่สำคัญคือผู้กำกับไม่ได้แค่ออกแบบเสื้อผ้าและรถยนต์เท่านั้น แต่เป็นการออกแบบวัฒนธรรมขึ้นมาใหม่โดยยำรวมวัฒนธรรมหลายๆอย่างรวมกัน ซึ่งหลักๆเป็นวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นจากการบูชาเครื่องจักรและความเร็ว ขณะที่คนกลุ่มอื่นก็มีวัฒนธรรมที่ต่างออกไป
Mad Max : Fury Road
ภาคนี้การดำเนินเรื่องยังเป็นไปบนโลกหลังการล่มสลายเช่นเดิม คอนเซปต์การแย่งชิงทรัพยากรถูกขยายความอย่างสุดขั้ว ไม่ใช่แค่การแย่งชิงน้ำหรือน้ำมันอย่างภาคก่อนๆ แต่เป็นการแย่งชิงจนหมดสิ้นทุกอย่างกระทั่งเลือดและน้ำนม หรือแม้แต่อนาคต ผู้หญิงถูกตีค่าเป็นทรัพยากรชนิดหนึ่งเพื่อให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ ขณะที่ผู้ชายถูกปลูกฝังให้คลั่งสงครามและยินดีรับใช้ต่ออิมมอร์แทนโจถึงขั้นที่ยอมตายแทนได้ อิมมอร์แทนโจผู้เป็นตัวร้ายในเรื่องจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการขูดรีดอย่างถึงที่สุด ทั้งน้ำและอาหาร ไปจนถึงเลือดเนื้อเนื้อและชีวิต ทุกสิ่งล้วนตกเป็นของอิมมอร์แทนโจเพียงผู้เดียว
ขณะที่กลุ่มชนชั้นปกครอง ทั้งตัวอิมมอร์แทนโจและเหล่าวอร์บอย ต่างประพรมผงแป้งบนร่างกายให้เป็นสีขาววอกเพื่อแสดงสถานะชนชั้นปกครอง อันอาจแสดงนัยน์ถึงการแบ่งแยกสีผิว ที่คนผิวขาวบางกลุ่มอุปโลกน์ตนเองเป็นผู้ปกครอง
กระนั้นหากจะมองลึกๆลงไปแล้ว ถ้าเราพยายามมองตัวละครอย่างอิมมอร์แทนโจลึกๆแล้ว กลับจะเห็นได้ว่าอิมมอร์แทนโจเป็นตัวร้ายที่น่าจะมีความลึกที่สุดในบรรดาตัวร้ายในซีรีส์แมดแมกซ์ แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกดังปีศาจร้าย ทว่าเมื่อพยายามทำความเข้าใจลงไปแล้ว หลายเรื่องที่อิมมอร์แทนโจทำลงไปก็นับว่ามีเหตุผลเมื่อเทียบกับยุคสมัยในเรื่อง
หลายคนอาจจะมองว่าอิมมอร์แทนโจเป็นแค่ตาแก่บ้ากามที่ผลาญทรัพยากรอย่างบ้าคลั่งไปกับการไล่ล่าสาวๆในฮาเร็มคืนมา ทว่าฉากหนึ่งในหนังก็ทำให้เราเข้าใจเหตุผลของอิมมอร์แทนโจดีขึ้น เมื่อเจ้าเมืองแก๊ซทาวน์และบุลเล็ตฟาร์มรายงานทรัพยากรที่เสียไปให้ฟัง แล้วอิมมอร์แทนโจบอกให้เข้าใจว่าจำเป็นต้องยอมเสียทรัพยากรทั้งหมดเพื่อตามล่าสาวๆวัยเจริญพันธุ์ที่สมบูรณ์คืนมา เพราะพวกเธอสามารถผลิตประชากรในรุ่นต่อไปที่เข้มแข็ง สิ่งที่อิมมอร์แทนโจตามไล่ล่าจึงไม่ใช่แค่เรื่องราคะ แต่เป็นอนาคตของชุมชนของเขานั่นเอง
ต้องไม่ลืมว่าแมดแมกซ์ดำเนินเรื่องหลังหายนะทางนิวเคลียร์ที่ผู้เหลือรอดจำนวนไม่น้อยกลายเป็นคนพิกลพิการ การสร้างประชากรที่สมบูรณ์ในรุ่นต่อไปจึงสำคัญมาก สังเกตได้จากลูกชายตัวเล็กที่คอยส่องกล้อง กับเจ้าตัวใหญ่ริคตัสที่เหมือนจะมีปัญหาด้านระบบการหายใจเหมือนอิมมอร์แทนโจ
เราได้เห็นฉากที่อิมมอร์แทนโจแสดงออกถึงความสะเทือนอารมณ์ เมื่อเห็นเมียท้องแก่ตกรถลงมาตาย(พอนึกว่าคนเล่นเป็นอิมมอร์แทนโจเป็นคนเดียวกับตัวร้ายในภาคแรกที่ขับรถชนลูกเมียแมกซ์ก็พาลให้นึกว่าเป็นกรรมตามสนองเหมือนกัน) ยิ่งฉากที่แพทย์ผ่าเอาลูกในท้องที่ตายทั้งกลมออกมาแล้วบอกว่าเด็กสมบูรณ์ในทุกด้าน ทำให้ยิ่งเข้าใจเป้าหมายของอิมมอร์แทนโจมากขึ้น ว่าเหตุใดจึงต้องระดมสรรพกำลังทั้งหมดไล่ล่าสาวๆกลับมาเพราะอะไร จะว่าไปแล้ว หากตัดรูปลักษณ์ที่น่ากลัวออก อิมมอร์แทนโจก็เป็นเพียงชายคนหนึ่งที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างอนาคตข้างหน้า แต่ที่น่าเย้ยหยัน คือเขากลับส่งเด็กหนุ่มที่เป็นอนาคตออกไปสละชีวิตอย่างไร้สาระด้วยการเป็นเหล่าวอร์บอย
ขณะเดียวกัน เหล่าเมียสาวของอิมมอร์แทนโจก็ตัดสินใจหนีไปเพราะความกังวลต่ออนาคตเช่นกัน พวกเธอไม่ต้องการเห็นเด็กที่เกิดมากลายเป็นนักรบกระหายเลือด พวกเธอคิดว่าต้องมีสักแห่งบนโลกนี้ที่ลูกๆจะเติบโตมาได้โดยไม่ต้องสู้รบ เปรียบไปก็เหมือนการปะทะทางแนวคิด ระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ชายเป็นใหญ่มาโดยตลอด ที่สร้างลัทธิทหาร ลัทธิชาตินิยม ปลุกเร้าคนหนุ่มให้ออกไปสละชีพ กับกลุ่มเสรีนิยมที่สิทธิสตรีมีบทบาทมากขึ้น ที่ตั้งคำถามต่อค่านิยมเก่า และคิดว่ามนุษย์เราสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ
ตรงกันข้ามกับตัวละครอย่างแมกซ์ และฟิวริโอซา ทั้งสองเป็นตัวละครที่ไม่ได้กังวลหรือครุ่นคิดกับอนาคตเท่าไหร่นัก แมกซ์นั้นถูกอดีตที่ไม่สามารถช่วยใครได้แม้แต่ลูกเมียหลอกหลอน และใช้ชีวิตต่อไปวันๆ ขณะที่ฟิวริโอซามีการเปิดเผยเล็กน้อยว่าเธอมาจากกรีนเพลส และต้องการช่วยสาวๆเพื่อไถ่บาปในอดีตซึ่งไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก ด้วยความที่ยึดติดเฉพาะเรื่องในปัจจุบันข้างหน้า ทั้งสองจึงเป็นตัวละครที่ไม่ถูกชักจูงไปกับฝ่ายใด เรียกง่ายๆว่าไม่มีใครมาขายฝันได้ง่ายๆ ทั้งสองรู้เพียงทำเรื่องตรงหน้าให้สำเร็จลุล่วง
โดยส่วนตัวข้าพเจ้ายังกังขาต่ออนาคตภายหลังจากที่สาวๆเข้ายึดอำนาจ ว่าทุกอย่างจะดีขึ้นหรือเปล่า เมื่อแมดแมกซ์เป็นหนังแนวดิสโธเปีย ไม่ใช่ยูโธเปีย เลยไม่แน่ใจว่าจะยังมีความหวังหลงเหลือภายในหนังหรือไม่ ในเมื่อสิ่งแวดล้อมและตัวแปรทุกอย่างยังคงเดิม ทรัพยากรยังคงมีอย่างจำกัด อันตรายจากกลุ่มโจรทะเลทรายยังคงมีอยู่ และที่สำคัญคือสาวๆจะทำอย่างไรกับประชากรรุ่นต่อไป จะมีการไล่จับผู้ชายที่ร่างกายสมบูรณ์มาเป็นพ่อพันธุ์เหมือนที่อิมมอร์แทนโจทำหรือไม่...
อนาคตจึงยังเป็นสิ่งที่น่ากังวลอยู่ดี...
เพิ่งลองเขียนวิจารณ์ภาพยนต์ครั้งแรก ผิด-ถูกช่วยแนะนำด้วยครับ
Mad Max : Fury Road อนาคตอันน่าหวาดหวั่น
คงฟังดูเชยมาก ถ้าจะบอกว่าเพิ่งได้ดูหนังแอคชั่นสุดมันอย่าง Mad Max : Fury Road และแม้จะมีคนทั้งเขียนชมและวิจารณ์กันไปแล้วมากมาย ข้าพเจ้าก็ยังคันไม่คันมืออยากจะเขียนถึงหนังเรื่องนี้กับเขาบ้าง
โลกทัศน์ที่เกิดจากความหวาดกลัว
นอกจากแมดแมกซ์ภาคแรกแล้ว ซีรี่ส์ของหนังชุดนี้ล้วนเดินเรื่องในยุคอนาคตที่อารยธรรมล้วนล่มสลายหลังยุคนิวเคลียร์ สิ่งที่เหลืออยู่คือซากปรักหักพักและความแห้งแล้ง และมนุษย์ที่ได้ผลกระทบจากกัมมันตรังสีกลายเป็นพวกพิกลพิการ ว่ากันง่ายๆ หนังชุดนี้อ้างอิงโลกอนาคตที่เป็นดิสโธเปีย ซึ่งเป็นมุมมองจากการกลัวสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต แต่ก็ไม่ได้เป็นความกลัวที่เลื่อนลอย เมื่อดูจากการกระทำในยุคปัจจุบันของเรานี่เอง
หลังอารยะธรรมอันล่มสลาย กฎระเบียบที่มนุษย์เคยสร้างได้สูญสลายและแทนที่ด้วยกฎตามธรรมชาติที่ผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอด ทรัพยากรที่เหลืออยู่น้อยนิดถูกแย่งชิงกันอย่างไม่ปราณีปราศรัย การปล้นฆ่ากลายเป็นเรื่องปกติในโลกของแมดแมกซ์
ในด้านการออกแบบทั้งเสื้อผ้าและเครื่องยนต์ต่างๆภายในเรื่องมีคนเขียนชมมาแล้วมากมาย ซึ่งก็ช่วยลดคำปรามาศว่างานออกแบบแนวจังก์และพังค์ตายไปแล้ว แมดแมกซ์ภาคนี้กลับยังคงทำออกมาได้น่าทึ่งอยู่ ที่สำคัญคือผู้กำกับไม่ได้แค่ออกแบบเสื้อผ้าและรถยนต์เท่านั้น แต่เป็นการออกแบบวัฒนธรรมขึ้นมาใหม่โดยยำรวมวัฒนธรรมหลายๆอย่างรวมกัน ซึ่งหลักๆเป็นวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นจากการบูชาเครื่องจักรและความเร็ว ขณะที่คนกลุ่มอื่นก็มีวัฒนธรรมที่ต่างออกไป
Mad Max : Fury Road
ภาคนี้การดำเนินเรื่องยังเป็นไปบนโลกหลังการล่มสลายเช่นเดิม คอนเซปต์การแย่งชิงทรัพยากรถูกขยายความอย่างสุดขั้ว ไม่ใช่แค่การแย่งชิงน้ำหรือน้ำมันอย่างภาคก่อนๆ แต่เป็นการแย่งชิงจนหมดสิ้นทุกอย่างกระทั่งเลือดและน้ำนม หรือแม้แต่อนาคต ผู้หญิงถูกตีค่าเป็นทรัพยากรชนิดหนึ่งเพื่อให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ ขณะที่ผู้ชายถูกปลูกฝังให้คลั่งสงครามและยินดีรับใช้ต่ออิมมอร์แทนโจถึงขั้นที่ยอมตายแทนได้ อิมมอร์แทนโจผู้เป็นตัวร้ายในเรื่องจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการขูดรีดอย่างถึงที่สุด ทั้งน้ำและอาหาร ไปจนถึงเลือดเนื้อเนื้อและชีวิต ทุกสิ่งล้วนตกเป็นของอิมมอร์แทนโจเพียงผู้เดียว
ขณะที่กลุ่มชนชั้นปกครอง ทั้งตัวอิมมอร์แทนโจและเหล่าวอร์บอย ต่างประพรมผงแป้งบนร่างกายให้เป็นสีขาววอกเพื่อแสดงสถานะชนชั้นปกครอง อันอาจแสดงนัยน์ถึงการแบ่งแยกสีผิว ที่คนผิวขาวบางกลุ่มอุปโลกน์ตนเองเป็นผู้ปกครอง
กระนั้นหากจะมองลึกๆลงไปแล้ว ถ้าเราพยายามมองตัวละครอย่างอิมมอร์แทนโจลึกๆแล้ว กลับจะเห็นได้ว่าอิมมอร์แทนโจเป็นตัวร้ายที่น่าจะมีความลึกที่สุดในบรรดาตัวร้ายในซีรีส์แมดแมกซ์ แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกดังปีศาจร้าย ทว่าเมื่อพยายามทำความเข้าใจลงไปแล้ว หลายเรื่องที่อิมมอร์แทนโจทำลงไปก็นับว่ามีเหตุผลเมื่อเทียบกับยุคสมัยในเรื่อง
หลายคนอาจจะมองว่าอิมมอร์แทนโจเป็นแค่ตาแก่บ้ากามที่ผลาญทรัพยากรอย่างบ้าคลั่งไปกับการไล่ล่าสาวๆในฮาเร็มคืนมา ทว่าฉากหนึ่งในหนังก็ทำให้เราเข้าใจเหตุผลของอิมมอร์แทนโจดีขึ้น เมื่อเจ้าเมืองแก๊ซทาวน์และบุลเล็ตฟาร์มรายงานทรัพยากรที่เสียไปให้ฟัง แล้วอิมมอร์แทนโจบอกให้เข้าใจว่าจำเป็นต้องยอมเสียทรัพยากรทั้งหมดเพื่อตามล่าสาวๆวัยเจริญพันธุ์ที่สมบูรณ์คืนมา เพราะพวกเธอสามารถผลิตประชากรในรุ่นต่อไปที่เข้มแข็ง สิ่งที่อิมมอร์แทนโจตามไล่ล่าจึงไม่ใช่แค่เรื่องราคะ แต่เป็นอนาคตของชุมชนของเขานั่นเอง
ต้องไม่ลืมว่าแมดแมกซ์ดำเนินเรื่องหลังหายนะทางนิวเคลียร์ที่ผู้เหลือรอดจำนวนไม่น้อยกลายเป็นคนพิกลพิการ การสร้างประชากรที่สมบูรณ์ในรุ่นต่อไปจึงสำคัญมาก สังเกตได้จากลูกชายตัวเล็กที่คอยส่องกล้อง กับเจ้าตัวใหญ่ริคตัสที่เหมือนจะมีปัญหาด้านระบบการหายใจเหมือนอิมมอร์แทนโจ
เราได้เห็นฉากที่อิมมอร์แทนโจแสดงออกถึงความสะเทือนอารมณ์ เมื่อเห็นเมียท้องแก่ตกรถลงมาตาย(พอนึกว่าคนเล่นเป็นอิมมอร์แทนโจเป็นคนเดียวกับตัวร้ายในภาคแรกที่ขับรถชนลูกเมียแมกซ์ก็พาลให้นึกว่าเป็นกรรมตามสนองเหมือนกัน) ยิ่งฉากที่แพทย์ผ่าเอาลูกในท้องที่ตายทั้งกลมออกมาแล้วบอกว่าเด็กสมบูรณ์ในทุกด้าน ทำให้ยิ่งเข้าใจเป้าหมายของอิมมอร์แทนโจมากขึ้น ว่าเหตุใดจึงต้องระดมสรรพกำลังทั้งหมดไล่ล่าสาวๆกลับมาเพราะอะไร จะว่าไปแล้ว หากตัดรูปลักษณ์ที่น่ากลัวออก อิมมอร์แทนโจก็เป็นเพียงชายคนหนึ่งที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างอนาคตข้างหน้า แต่ที่น่าเย้ยหยัน คือเขากลับส่งเด็กหนุ่มที่เป็นอนาคตออกไปสละชีวิตอย่างไร้สาระด้วยการเป็นเหล่าวอร์บอย
ขณะเดียวกัน เหล่าเมียสาวของอิมมอร์แทนโจก็ตัดสินใจหนีไปเพราะความกังวลต่ออนาคตเช่นกัน พวกเธอไม่ต้องการเห็นเด็กที่เกิดมากลายเป็นนักรบกระหายเลือด พวกเธอคิดว่าต้องมีสักแห่งบนโลกนี้ที่ลูกๆจะเติบโตมาได้โดยไม่ต้องสู้รบ เปรียบไปก็เหมือนการปะทะทางแนวคิด ระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ชายเป็นใหญ่มาโดยตลอด ที่สร้างลัทธิทหาร ลัทธิชาตินิยม ปลุกเร้าคนหนุ่มให้ออกไปสละชีพ กับกลุ่มเสรีนิยมที่สิทธิสตรีมีบทบาทมากขึ้น ที่ตั้งคำถามต่อค่านิยมเก่า และคิดว่ามนุษย์เราสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ
ตรงกันข้ามกับตัวละครอย่างแมกซ์ และฟิวริโอซา ทั้งสองเป็นตัวละครที่ไม่ได้กังวลหรือครุ่นคิดกับอนาคตเท่าไหร่นัก แมกซ์นั้นถูกอดีตที่ไม่สามารถช่วยใครได้แม้แต่ลูกเมียหลอกหลอน และใช้ชีวิตต่อไปวันๆ ขณะที่ฟิวริโอซามีการเปิดเผยเล็กน้อยว่าเธอมาจากกรีนเพลส และต้องการช่วยสาวๆเพื่อไถ่บาปในอดีตซึ่งไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก ด้วยความที่ยึดติดเฉพาะเรื่องในปัจจุบันข้างหน้า ทั้งสองจึงเป็นตัวละครที่ไม่ถูกชักจูงไปกับฝ่ายใด เรียกง่ายๆว่าไม่มีใครมาขายฝันได้ง่ายๆ ทั้งสองรู้เพียงทำเรื่องตรงหน้าให้สำเร็จลุล่วง
โดยส่วนตัวข้าพเจ้ายังกังขาต่ออนาคตภายหลังจากที่สาวๆเข้ายึดอำนาจ ว่าทุกอย่างจะดีขึ้นหรือเปล่า เมื่อแมดแมกซ์เป็นหนังแนวดิสโธเปีย ไม่ใช่ยูโธเปีย เลยไม่แน่ใจว่าจะยังมีความหวังหลงเหลือภายในหนังหรือไม่ ในเมื่อสิ่งแวดล้อมและตัวแปรทุกอย่างยังคงเดิม ทรัพยากรยังคงมีอย่างจำกัด อันตรายจากกลุ่มโจรทะเลทรายยังคงมีอยู่ และที่สำคัญคือสาวๆจะทำอย่างไรกับประชากรรุ่นต่อไป จะมีการไล่จับผู้ชายที่ร่างกายสมบูรณ์มาเป็นพ่อพันธุ์เหมือนที่อิมมอร์แทนโจทำหรือไม่...
อนาคตจึงยังเป็นสิ่งที่น่ากังวลอยู่ดี...
เพิ่งลองเขียนวิจารณ์ภาพยนต์ครั้งแรก ผิด-ถูกช่วยแนะนำด้วยครับ