นิราศขึ้น(เชียง)คาน ตอนที่ 1


ในเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวเชียงคานเป็นครั้งที่ 2 ครับ บรรยากาศดีมากๆ เลยขอเก็บภาพและความรู้สึกมาฝาก
กระทู้ครั้งนี้ผมตั้งชื่อว่าเป็น "นิราศ" เพราะเป็นการพรรณนาสถานที่ที่พบเห็นร่วมกับมีอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในสถานที่นั้นๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเกิดจากความคิดถึงคนที่เราจากมา ตอนแรกลองแต่งเล่นๆไม่กี่บท แต่พอแต่งไปแต่งมาเริ่มสนุกดี ลองอ่านดูนะครับ

วันที่ 1 @เชียงคาน

ท่องแดนไกลได้เห็นเพราะเป็นโสด จึงกระโดดโลดไปได้ทุกที่
อิสระฮาเฮแสนเสรี ควรเสพติดโสดนี้ไปเนิ่นนาน
ก่อนเคยมีใครเขาเล่าดังว่า อยู่คนเดียวนั้นหนาช่างกล้าหาญ
จงเป็นโสดเรื่อยจนขึ้นบนคาน คือความสุขเบิกบานสำราญใจ
อุดมการณ์นั้นชัดไม่ขัดข้อง จึงขอลองท้าเพื่อนรักร่วมสมัย
ต่อจากนี้กี่วันวานที่ผ่านไป ว่าผู้ใดอยู่บนคานนานกว่ากัน
แต่เพื่อนสาวมีชายหนุ่มแอบซุ่มจีบ เหมือนโดนถีบกลางหน้าผงะหงัน
พื้นที่โสดจึงว่างในฉับพลัน เหลือเพียงฉันหดหู่อยู่คนเดียว
จึงแบกเป้แบกฝันลุยวันหยุด ไปให้สุดแผ่นดินถิ่นข้าวเหนียว
อากาศหนาวพัดพาหน้าซีดเซียว ออกท่องเที่ยวนั่งชานเคียงที่เชียงคาน

เจ็ดโมงแล้วรถจึงมาถึงท่า เดินลากขามองหาร้านอาหาร
เพราะกองทัพเดินด้วยท้องร้องกังวาน แสนแสบซ่านปั่นป่วนมวนข้างใน
เห็นร้านลุกโภชนาดูน่าเข้า จึงสั่งเอาโจ๊กหมูเมนูไข่
อาหารเช้าอิ่มหนำสำราญใจ เหมือนดั่งเติมเชื้อไฟให้พลัง
เวลานี้ริมโขงหมอกลงขาว เห็นแดนลาวเลือนลางอยู่ฝั่งหลัง
เห็นคุณป้าเซลฟี่เพียงลำพัง แลเหมือนดังตัวฉันที่ไม่มีใคร

หลังจากฝากกระเป๋าเข้าที่พัก จึงแบกกล้องของรักสะพายไหล่
เริ่มเดินทางไหว้พระชำระใจ หวังผ่องใสกว่าวันวานที่ผ่านมา
เข้าออกวัดทำบุญเพื่อหนุนจิต ให้ชีวิตงานใดใดไร้ปัญหา
ศรีคุณเมืองเรืองอร่ามงามต้องตา อีกวัดป่ามหาธาตุแลโพนชัย

@วัดศรีคุณเมือง

@วัดป่ากลาง


@วัดมหาธาตุ

@วัดโพนชัย

ณ ริมโขงเดินมาวัดท่าคก บารมีป้องปกศกสมัย
ขอผลบุญอุทิศช่วยคอยอวยชัย ขอลูกได้มีสติมิหลงทาง

@วัดท่าคก

ตะวันโด่งส่องแสงเริ่มแรงหนัก จึงกลับเข้าที่พักอยากเอนหลัง
ลมโชยมาพาเข้าสู่ภวังค์ เมื่อพลาดพลั้งง่วงส่งจิตสู่นิทรา

ตื่นอีกทีบิดกายก็บ่ายคล้อย ตะวันลอยลงต่ำงามหนักหนา
แสงสีทองส่องน้ำวับวามตา ผู้คนต่างออกมาพร้อมหน้ากัน


โน่นเป็นกลุ่มบ้างก็เห็นมาเป็นคู่ ทุกคนดูไร้ทุกข์แสนสุขสันต์
เห็นหนุ่มสาวกอดกระชับจับมือกัน โอ้คู่นั้นเป็นชายสองประคองมือ

เมื่อมองไปเหตุใดจึงใจสั่น อุดมการณ์ที่ฉันหมั่นสร้างชื่อ
ว่าอยากอยู่เคียงคานเช่นนั้นฤา สิ่งที่ถือครานั้นเริ่มสั่นคลอน

ดูฝูงนกข้ามน้ำผ่านลำโขง คิดเชื่อมโยงเรื่องเราครั้งเก่าก่อน
นกน้อยยังกลับฝั่งคืนรังนอน แต่รักฉันไม่ย้อนคืนกลับมา

ตะวันลอยคล้อยเคลื่อนใกล้เลือนหาย แสงสุดท้ายของวันบอกฉันว่า
คงจะมีสักวันที่ฝันมา ถึงเหนื่อยล้าอย่าหมดหวังแม้พังครืน

เดี๋ยวมาเขียนต่อวันที่ 2 ต่อนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่