1. Cam Newton ชนะซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 เขาจะกลายเป็นควอเตอร์แบ็คคนแรกที่คว้าแชมป์ประเทศ (ระดับมหาวิทยาลัย) รางวัลไฮส์แมนโทรฟี่ รวมถึงแชมป์ซูเปอร์โบวล์
2. ทั้ง Ron Rivera เฮ้ดโค้ชทีมแคโรไลน่า แพนเทอร์ส และ Gary Kubiak เฮ้ดโค้ชทีมเดนเวอร์ บรองโก้ส์ ทั้งสองต่างเป็นเฮ้ดโค้ชที่เข้าคุมทีมต่อจาก John Fox เฮ้ดโค้ชทีมชิคาโก้ แบร์ส ในขณะนี้
3. Cam Newton และ Peyton Manning มีอายุห่างกันถึง 13 ปี 48 วัน ซึ่งถือเป็นความต่างของวัยที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งซูเปอร์โบวล์
4. หาก Cam Newton คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ และรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าประจำฤดูกาล หรือ MVP ได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 11 ที่ทำได้ในฤดูกาลเดียวกัน โดยผู้เล่นคนสุดท้ายที่ทำได้คือ Kurt Warner เมื่อฤดูกาลปี 1999
5. หาก Peyton Manning คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ เขาจะกลายเป็นควอเตอร์แบ็คที่มีอายุมากที่สุดที่ทำได้ โดยเจ้าของสถิติดังกล่าวในตอนนี้ได้แก่ เจ้านายของเขา John Elway ที่คว้าซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 33 ด้วยวัย 38 ปี
6. ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 น่าจะเป็นซูเปอร์โบวล์ที่มีมูลค่าโฆษณาสูงที่สุด โดยค่าโฆษณาในซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 1 ตกราคา 30 วินาทีละ 42,500 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ปีนี้ราคาโฆษณาจะตกอยู่ที่ 30 วินาทีละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (178 ล้านบาท) แพงที่สุดเป็นประวัติการณ์
7. นี่เป็นครั้งที่สองที่ซูเปอร์โบวล์ ถูกจัดขึ้นทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่19 ปี 1985 ที่ถูกจัดขึ้นในสแตนฟอร์ด สเตเดี้ยม
8. นี่เป็นครั้งแรกในซูเปอร์โบวล์ที่สองควอเตอร์แบ็คที่ถูกดราฟท์คนแรกจะพบกันในซูเปอร์โบวล์
9. ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 จะเป็นการดวลกันของเพื่อนร่วมทีมในสมัยมหาลัย ทั้ง Evan Mathis การ์ดของบรองโก้ส์ และ Roman Harper เซฟตี้ของแพนเทอร์ส ซึ่งเคยอยู่มหาวิทยาลัยอลาบาม่ามาด้วยกัน หรือจะเป็น Michael Schofield แท็คเกิ้ลของบรองโก้ส์ กับ Devin Funchess ปีกนอกของแพนเทอร์สที่เคยอยู่มหาวิทยาลัยมิชิแกนมาด้วยกัน ในปี 2012-2013 หรือจะเป็น T.J. Ward เซฟตี้ทีมบรองโก้ส์ กับ Ed Dickson ปีกในและ Jonathan Steward รันนิ่งแบ็คของแพนเทอร์ส ก็เคยเรียนร่วมรั้วเดียวกันที่มหาวิทยาลัยโอเรก้อน เป็นต้น
10. บรองโก้ส์มีสถิติ 0-4 เมื่อสวมชุดแข่งสีส้มลงแข่งในซูเปอร์โบวล์ ทำให้หนนี้พวกเขาจะสวมชุดแข่งสีขาว ในขณะที่แพนเทอร์สเคยสวมชุดแข่งสีขาว ลงแข่งและแพ้ ในซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 38 ทำให้หนนี้พวกเขาจะสวมชุดแข่งสีดำ ในขณะที่มีสถิติที่น่าสนใจคือ 10 จาก 11 ซูเปอร์โบวล์ครั้งหลังสุด ผู้ชนะจะสวมชุดแข่งสีขาว
11. ถ้าแพนเทอร์สชนะ Cam Newton จะกลายเป็นควอเตอร์แบ็คเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันคนที่ 3 ต่อจาก Doug Williams และ Russell Wilson ที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ได้สำเร็จ
12. บรองโก้ส์ เป็นทีมที่มีสถิติแพ้ในซูเปอร์โบวล์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 5 ครั้ง ถ้าพวกเขาชนะ จะกลายเป็นทีมที่ 9 ที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ได้อย่างน้อย 3 ครั้ง
13. ถ้า Ron Rivera คว้าแชมป์ได้ เขาจะกลายเป็นบุคคลที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่ได้สวมแหวนแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ทั้งในฐานะผู้เล่นและเฮ้ดโค้ช โดย 3 คนที่ทำได้ก่อนหน้านี้ ได้แก่ Mike Ditka, Tom Flores และ Tony Dungy
14. หากบรองโก้ส์ชนะ John Elway จะกลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ได้สวมแหวนแชมป์ ทั้งในฐานะผู้จัดการทีม และในฐานะผู้เล่น
15. Ron Rivera หวังจะเป็นเฮ้ดโค้ชเชื้อสายฮิสแปนิกคนที่สองที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้ ต่อจาก Tom Flores
16. นี่เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ ที่ทีมที่ทำแต้มมากที่สุด จะพบกับ ทีมที่เสียแต้มน้อยที่สุด ในศึกซูเปอร์โบวล์ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในซูเปอร์โบวล์ เมื่อ 2 ปีก่อน ระหว่าง บรองโก้ส์ พบ ซีฮอคว์ส
17. Devin Funchess ปีกนอกของแพนเทอร์ส มีอายุได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น ในขณะที่ Peyton Manning ลงสนามนัดแรกให้กับมหาวิทยาลัยเทนเนสซี่
18. Cam Newton เป็นควอเตอร์แบ็คของมหาวิทยาลัยออเบิร์นคนแรกในเข้าชิงซูเปอร์โบวล์ ในขณะที่ Peyton Manning เป็นควอเตอร์แบ็คของมหาวิทยาลัยเทนเนสซี่ เพียงคนเดียว ที่ได้ลงเป็นตัวจริงในซูเปอร์โบวล์
19. บรองโก้ส์เข้าชิงซูเปอร์โบวล์เป็นครั้งที่ 8 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เทียบเท่า เพเทรียตส์ สตีลเลอร์ส และคาวบอยส์
20. ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 จะถือเป็นอีกครั้งที่ไม่มีออฟเฟ้นซีฟไลน์ของทั้งสองทีมที่ถูกดราฟท์ในรอบแรกลงสนามเป็นตัวจริง ซึ่งนับตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา มีเพียงซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 44 ปี 2010 เท่านั้นที่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
21. Mike Remmers แท็คเกิ้ลขวาตัวจริงของแพนเทอร์ส คนปัจจุบัน ไม่ได้เข้าสู่การดราฟท์และได้เซ็นสัญญากับบรองโก้ส์ในปี 2012 และพเนจรมายังแพนเทอร์สเป็นทีมที่ 5 ในอาชีพ โดยก่อนย้ายมาเป็นตัวจริงให้กับแพนเทอร์ส เขายังเป็นเพียงผู้เล่นตัวซ้อมให้กับแรมส์เท่านั้น
22. DeMarcus Ware ถูกดราฟท์คนที่ 11 ในปี2005 และอีกสามลำดับถัดมาก็เป็น Thomas Davis ถูกดราฟท์ในลำดับที่ 14 ทั้งสองจะพบกันในซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50
23. ผู้เล่นที่ติดโปรโบวล์ 8 จาก 10 คนในปีนี้ของแพนเทอร์ส ถูกดึงเข้าสู่ทีม โดยอดีตผู้จัดการทีมอย่าง Marty Hurney ที่ถูกไล่ออกหลังจบฤดูกาลปี 2012
24. ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 จะกำหนดคิกออฟเวลา 6.30 น. ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตามเวลาสหรัฐ หากในวันนั้นกำหนดการเกิดล่าช้าเพียง 3 นาที ซูเปอร์โบวล์เกมนี้จะจัดเป็นซูเปอร์โบวล์ที่คิกออฟช้าที่สุดตลอดกาล ซึ่งสถิติเดิมเกิดขึ้นในซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 44 ที่คิกออฟในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลา 6.32 น.
25. มีผู้เล่นของบรองโก้ส์ ชุดปัจจุบัน ถึง 16 คน ที่เคยลงสนามในซูเปอร์โบวล์ ในขณะที่แพนเทอร์สชุดปัจจุบัน มีเพียง 5 คนเท่านั้น
50 เกร็ดน่ารู้ก่อนชมซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50
2. ทั้ง Ron Rivera เฮ้ดโค้ชทีมแคโรไลน่า แพนเทอร์ส และ Gary Kubiak เฮ้ดโค้ชทีมเดนเวอร์ บรองโก้ส์ ทั้งสองต่างเป็นเฮ้ดโค้ชที่เข้าคุมทีมต่อจาก John Fox เฮ้ดโค้ชทีมชิคาโก้ แบร์ส ในขณะนี้
3. Cam Newton และ Peyton Manning มีอายุห่างกันถึง 13 ปี 48 วัน ซึ่งถือเป็นความต่างของวัยที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งซูเปอร์โบวล์
4. หาก Cam Newton คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ และรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าประจำฤดูกาล หรือ MVP ได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 11 ที่ทำได้ในฤดูกาลเดียวกัน โดยผู้เล่นคนสุดท้ายที่ทำได้คือ Kurt Warner เมื่อฤดูกาลปี 1999
5. หาก Peyton Manning คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ เขาจะกลายเป็นควอเตอร์แบ็คที่มีอายุมากที่สุดที่ทำได้ โดยเจ้าของสถิติดังกล่าวในตอนนี้ได้แก่ เจ้านายของเขา John Elway ที่คว้าซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 33 ด้วยวัย 38 ปี
6. ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 น่าจะเป็นซูเปอร์โบวล์ที่มีมูลค่าโฆษณาสูงที่สุด โดยค่าโฆษณาในซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 1 ตกราคา 30 วินาทีละ 42,500 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ปีนี้ราคาโฆษณาจะตกอยู่ที่ 30 วินาทีละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (178 ล้านบาท) แพงที่สุดเป็นประวัติการณ์
7. นี่เป็นครั้งที่สองที่ซูเปอร์โบวล์ ถูกจัดขึ้นทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่19 ปี 1985 ที่ถูกจัดขึ้นในสแตนฟอร์ด สเตเดี้ยม
8. นี่เป็นครั้งแรกในซูเปอร์โบวล์ที่สองควอเตอร์แบ็คที่ถูกดราฟท์คนแรกจะพบกันในซูเปอร์โบวล์
9. ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 จะเป็นการดวลกันของเพื่อนร่วมทีมในสมัยมหาลัย ทั้ง Evan Mathis การ์ดของบรองโก้ส์ และ Roman Harper เซฟตี้ของแพนเทอร์ส ซึ่งเคยอยู่มหาวิทยาลัยอลาบาม่ามาด้วยกัน หรือจะเป็น Michael Schofield แท็คเกิ้ลของบรองโก้ส์ กับ Devin Funchess ปีกนอกของแพนเทอร์สที่เคยอยู่มหาวิทยาลัยมิชิแกนมาด้วยกัน ในปี 2012-2013 หรือจะเป็น T.J. Ward เซฟตี้ทีมบรองโก้ส์ กับ Ed Dickson ปีกในและ Jonathan Steward รันนิ่งแบ็คของแพนเทอร์ส ก็เคยเรียนร่วมรั้วเดียวกันที่มหาวิทยาลัยโอเรก้อน เป็นต้น
10. บรองโก้ส์มีสถิติ 0-4 เมื่อสวมชุดแข่งสีส้มลงแข่งในซูเปอร์โบวล์ ทำให้หนนี้พวกเขาจะสวมชุดแข่งสีขาว ในขณะที่แพนเทอร์สเคยสวมชุดแข่งสีขาว ลงแข่งและแพ้ ในซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 38 ทำให้หนนี้พวกเขาจะสวมชุดแข่งสีดำ ในขณะที่มีสถิติที่น่าสนใจคือ 10 จาก 11 ซูเปอร์โบวล์ครั้งหลังสุด ผู้ชนะจะสวมชุดแข่งสีขาว
11. ถ้าแพนเทอร์สชนะ Cam Newton จะกลายเป็นควอเตอร์แบ็คเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันคนที่ 3 ต่อจาก Doug Williams และ Russell Wilson ที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ได้สำเร็จ
12. บรองโก้ส์ เป็นทีมที่มีสถิติแพ้ในซูเปอร์โบวล์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 5 ครั้ง ถ้าพวกเขาชนะ จะกลายเป็นทีมที่ 9 ที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ได้อย่างน้อย 3 ครั้ง
13. ถ้า Ron Rivera คว้าแชมป์ได้ เขาจะกลายเป็นบุคคลที่ 4 ในประวัติศาสตร์ที่ได้สวมแหวนแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ทั้งในฐานะผู้เล่นและเฮ้ดโค้ช โดย 3 คนที่ทำได้ก่อนหน้านี้ ได้แก่ Mike Ditka, Tom Flores และ Tony Dungy
14. หากบรองโก้ส์ชนะ John Elway จะกลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ได้สวมแหวนแชมป์ ทั้งในฐานะผู้จัดการทีม และในฐานะผู้เล่น
15. Ron Rivera หวังจะเป็นเฮ้ดโค้ชเชื้อสายฮิสแปนิกคนที่สองที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้ ต่อจาก Tom Flores
16. นี่เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ ที่ทีมที่ทำแต้มมากที่สุด จะพบกับ ทีมที่เสียแต้มน้อยที่สุด ในศึกซูเปอร์โบวล์ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในซูเปอร์โบวล์ เมื่อ 2 ปีก่อน ระหว่าง บรองโก้ส์ พบ ซีฮอคว์ส
17. Devin Funchess ปีกนอกของแพนเทอร์ส มีอายุได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น ในขณะที่ Peyton Manning ลงสนามนัดแรกให้กับมหาวิทยาลัยเทนเนสซี่
18. Cam Newton เป็นควอเตอร์แบ็คของมหาวิทยาลัยออเบิร์นคนแรกในเข้าชิงซูเปอร์โบวล์ ในขณะที่ Peyton Manning เป็นควอเตอร์แบ็คของมหาวิทยาลัยเทนเนสซี่ เพียงคนเดียว ที่ได้ลงเป็นตัวจริงในซูเปอร์โบวล์
19. บรองโก้ส์เข้าชิงซูเปอร์โบวล์เป็นครั้งที่ 8 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เทียบเท่า เพเทรียตส์ สตีลเลอร์ส และคาวบอยส์
20. ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 จะถือเป็นอีกครั้งที่ไม่มีออฟเฟ้นซีฟไลน์ของทั้งสองทีมที่ถูกดราฟท์ในรอบแรกลงสนามเป็นตัวจริง ซึ่งนับตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา มีเพียงซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 44 ปี 2010 เท่านั้นที่เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
21. Mike Remmers แท็คเกิ้ลขวาตัวจริงของแพนเทอร์ส คนปัจจุบัน ไม่ได้เข้าสู่การดราฟท์และได้เซ็นสัญญากับบรองโก้ส์ในปี 2012 และพเนจรมายังแพนเทอร์สเป็นทีมที่ 5 ในอาชีพ โดยก่อนย้ายมาเป็นตัวจริงให้กับแพนเทอร์ส เขายังเป็นเพียงผู้เล่นตัวซ้อมให้กับแรมส์เท่านั้น
22. DeMarcus Ware ถูกดราฟท์คนที่ 11 ในปี2005 และอีกสามลำดับถัดมาก็เป็น Thomas Davis ถูกดราฟท์ในลำดับที่ 14 ทั้งสองจะพบกันในซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50
23. ผู้เล่นที่ติดโปรโบวล์ 8 จาก 10 คนในปีนี้ของแพนเทอร์ส ถูกดึงเข้าสู่ทีม โดยอดีตผู้จัดการทีมอย่าง Marty Hurney ที่ถูกไล่ออกหลังจบฤดูกาลปี 2012
24. ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 50 จะกำหนดคิกออฟเวลา 6.30 น. ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตามเวลาสหรัฐ หากในวันนั้นกำหนดการเกิดล่าช้าเพียง 3 นาที ซูเปอร์โบวล์เกมนี้จะจัดเป็นซูเปอร์โบวล์ที่คิกออฟช้าที่สุดตลอดกาล ซึ่งสถิติเดิมเกิดขึ้นในซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 44 ที่คิกออฟในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลา 6.32 น.
25. มีผู้เล่นของบรองโก้ส์ ชุดปัจจุบัน ถึง 16 คน ที่เคยลงสนามในซูเปอร์โบวล์ ในขณะที่แพนเทอร์สชุดปัจจุบัน มีเพียง 5 คนเท่านั้น