สวัสดีค่ะ ขอแชร์ ปสก. ขอวีซ่า สองประเทศนี้เผื่อไว้เป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆที่กำลังจะไปขอค่ะ
เราจะเดินทางไปยุโรป ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี สเปน ในเดือนมีนาคม เราไปขอวีซ่าช่วงกลางเดือน ม.ค.ค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าทั้งสองประเทศให้บริษัท VFS Global เป็นคนดำเนินการในการยื่นขอวีซ่า แต่ว่าตั้งอยู่คนละที่กันนะคะ
ในทริปนี้เราจะพักอยู่อิตาลีนานสุด ซึ่งเราทราบมาว่าจะต้องขอวีซ่าเชงเก้นที่ประเทศที่เราพักนานที่สุดซึ่งก็เป็นตามนั้นค่ะ เราต้องขออิตาลี
ส่วนอังกฤษก็คือต้องขอแยกต่างหาก ทีนี้ปัญหาคือจะยื่นขออิตาลีหรืออังกฤษก่อนดี เลยตัดสินใจไปยื่นอิตาลีดูก่อน
ปรากฎว่าพนักงานไล่ให้ไปขออังกฤษก่อนเพราะว่าอังกฤษเป็นประเทศสุดท้ายที่เราไปเยือน เราเลยต้องไปยื่นอังกฤษก่อน
ซึ่งวีซ่าอังกฤษจะต้องกรอกข้อมูลonlineและนัดเวลายื่นก่อน ในตอนแรกเรามองว่ายุ่งยากแต่ตอนหลังต้องขอบคุณระบบนี้มากๆ เพราะทำให้การยื่นขอวีซ่าอังกฤษเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วมากค่ะ
ขอเล่าขั้นตอนในส่วนของอังกฤษก่อนนะคะ
1. ต้องกรอกข้อมูลonline และนัดเวลายื่นก่อน
2.เมื่อถึงวันเวลานัดก็เดินทางไปยังอาคารเดอะเทรนดี้ สุขุมวิท13 (แนะนำนั่งบีทีเอสไปสะดวกสุดค่ะ ลงสถานีนานา เดินต่ออีก5นาที) ไม่จำเป็นต้องไปถึงก่อนเวลามากนักค่ะ เพราะรปภ.เค้าจะยังไม่ให้ขึ้นไปอยู่ดี เพื่อป้องกันคนไปออกัน (ห้ามขึ้นไปก่อน20นาทีและสายได้ไม่เกิน15นาทีค่ะ) แต่ถ้าใครอยากชัวร์ไปถึงก่อนนานๆได้แต่ก็ต้องรอด้านล่าง เมื่อใกล้ถึงเวลาค่อยขึ้นไปได้ค่ะ
3. เมื่อขึ้นไปแล้วจะต้องปิดมือถือเพราะสัญญาณมือถือจะไปรบกวนระบบของเค้าค่ะ แล้วก็จะได้บัตรคิว แต่แทบไม่ต้องรอเลยเพราะนัดเวลาไว้แล้วค่ะ
4.ที่อังกฤษพอยื่นเอกสารให้เค้าก็จะทำการตรวจ หากเอกสารครบถ้วนถูกต้องเค้าจะให้เราไปรอตรงสแกนนิ้วมือเลยค่ะ
ในขั้นตอนนี้เราสามารถสมัครแจ้งผลทางSMSได้(แนะนำว่าควรสมัครค่ะ) แล้วก็จะถามว่าเราจะมารับวีซ่าเองหรือให้ส่ง ปณ.(มีค่าใช้จ่าย)
5.ขั้นตอนการสแกนนิ้วมือ ตรงนี้ไม่เคยมีใครบอกเราว่าเค้าจะถ่ายรูปทำวีซ่าค่ะ (รูปที่ปรากฎอยู่บนวีซ่าที่ติดในพาสปอตเราน่ะค่ะ) เราไม่รู้ไง วันไปขออย่างโทรมเลยค่ะ รูปบนวีซ่าเลยออกมาดูไม่จืด555
6.กลับบ้านได้ค่ะ ขั้นตอนที่1-5 เราใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีค่ะ เร็วมั่กๆ
สำหรับวีซ่าอังกฤษ เรารอ 3วัน มีการแจ้งsmsมาบอกความคืบหน้าตลอด และก็ sms มาแจ้งให้ไปรับวีซ่าค่ะ รวดเร็วทันใจมาก
ขั้นตอนการไปยื่นขอวีซ่าอิตาลี
1.สถานที่คืออาคารสีลมคอมเพล็กซ์ แนะนำนั่งบีทีเอสไปลงสถานีศาลาแดงสะดวกที่สุดเพราะมีทางเชื่อมเดินเข้าอาคารได้เลย จากนั้นให้ลงไปที่ชั้น1 ตรงร้านขนมปังbread talk เลี้ยวซ้ายไปขึ้นลิฟท์ ตัวที่ 7-8-9-10 ขี้นไปชั้น 25ค่ะ ที่อิตาลีไม่มีการนัดวันเวลาล่วงหน้าค่ะ ไปถึงก็กดบัตรคิวเลยแล้วรอ... ซึ่งขอบอกว่าที่อิตาลีคิวยาวมากกกกค่ะ แนะนำให้กดบัตรแล้วถามคิวไว้แล้วลงไปเดินเล่นด้านล่างค่ะ เพราะตอนเราไปขอรอประมาณ 4-5 ชม. ที่อิตาลีจะเปิดให้กดบัตรคิวตั้ง 8 โมงเช้าถึงบ่าย 3 ครึ่ง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปแต่เช้าค่ะ เพราะถึงยังไงเค้าก็จะตรวจเอกสารให้หมดทุกคนที่ไปกดบัตรคิววันนั้น แต่อาจจะเลิกดึกหน่อยค่ะถ้าไปช้ามาก เราไปบ่าย2 เสร็จตอน 6โมงเย็นเกือบทุ่ม
2.ขั้นตอนจากนี้เหมือนอังกฤษค่ะ แต่ว่าตอนไปสแกนนิ้วมือ เค้าไม่ถ่ายรูปเราไว้เหมือนอังกฤษ
สำหรับวีซ่าอิตาลี เรารอ 10 วันค่ะ ระหว่างนี้ไม่มีการแจ้งSMSมาบอกความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น ทั้งที่บอกว่าจะแจ้งมา
เอกสารที่เราจัดเตรียมไปขอวีซ่าอังกฤษและอิตาลีมีดังนี้ค่ะ
1.พาสปอตเล่มปัจจุบันและเล่มที่ผ่านมา(ถ้ามีก็เอาไปให้หมดทุกเล่มเลยค่ะ)
2.ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ ต่างๆ
3.หลักฐานการจอง รร. (ของอิตาลีจะเน้นมากเรื่องที่พักต้องมีชื่อเราอยู่ในการจองด้วย)
4.หลักฐานทางการเงิน สำคัญมากๆ แนะนำให้เอาไปทั้ง bank certificate และ bank statement ย้อนหลัง6เดือน เป็นภาษาอังกฤษนะคะ (อิตาลี ถ้าไม่มีbank cerถือว่าเอกสารไม่ครบ) ไม่ควรเกิน 7 วันนับจากวันที่จะไปยื่นขอวีซ่าค่ะ
สำหรับจำนวนเงิน่าควรมีเท่าไหร่อันนี้เราเข้าใจว่าก็ควรมีในระดับนึง ไม่จำเป็นต้องมากมายแต่ไม่น้อยไป
เช่น ค่าใช้จ่ายทริปนี้รวมแล้ว 2แสนบาท ควรมีในบัญชีสัก 5-6แสนขี้นไป ถ้ามี3แสนจะดูพอดีเกินไปค่ะ
5.แผนการเดินทางท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษ ว่าจะไปถึงเมืองนี้วันไหน จะเที่ยวไหนบ้าง พักที่ไหน บลาๆ ทำมาคร่าวๆก็ได้ค่ะ
6.ประกันสุขภาพ (อันนี้ดูรายละเอียดจากเว็บอีกทีนะคะ)
7.หนังสือรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ควรเกิน1เดือนนับจากวันที่จะไปยื่นขอวีซ่าค่ะ
8.รูปถ่าย (อันนี้ดูรายละเอียดจากเว็บอีกทีนะคะ)
กรณีผู้ขอเป็นนักเรียน นักศึกษา เจ้าของกิจการ รบกวนดูรายละเอียดจากเว็บนะคะ ของเราเราทำงานประจำค่ะ ก็ใช้เอกสารตามนี้ค่ะ
แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าอังกฤษกับอิตาลี(เชงเก้น) 2016
เราจะเดินทางไปยุโรป ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี สเปน ในเดือนมีนาคม เราไปขอวีซ่าช่วงกลางเดือน ม.ค.ค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าทั้งสองประเทศให้บริษัท VFS Global เป็นคนดำเนินการในการยื่นขอวีซ่า แต่ว่าตั้งอยู่คนละที่กันนะคะ
ในทริปนี้เราจะพักอยู่อิตาลีนานสุด ซึ่งเราทราบมาว่าจะต้องขอวีซ่าเชงเก้นที่ประเทศที่เราพักนานที่สุดซึ่งก็เป็นตามนั้นค่ะ เราต้องขออิตาลี
ส่วนอังกฤษก็คือต้องขอแยกต่างหาก ทีนี้ปัญหาคือจะยื่นขออิตาลีหรืออังกฤษก่อนดี เลยตัดสินใจไปยื่นอิตาลีดูก่อน
ปรากฎว่าพนักงานไล่ให้ไปขออังกฤษก่อนเพราะว่าอังกฤษเป็นประเทศสุดท้ายที่เราไปเยือน เราเลยต้องไปยื่นอังกฤษก่อน
ซึ่งวีซ่าอังกฤษจะต้องกรอกข้อมูลonlineและนัดเวลายื่นก่อน ในตอนแรกเรามองว่ายุ่งยากแต่ตอนหลังต้องขอบคุณระบบนี้มากๆ เพราะทำให้การยื่นขอวีซ่าอังกฤษเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วมากค่ะ
ขอเล่าขั้นตอนในส่วนของอังกฤษก่อนนะคะ
1. ต้องกรอกข้อมูลonline และนัดเวลายื่นก่อน
2.เมื่อถึงวันเวลานัดก็เดินทางไปยังอาคารเดอะเทรนดี้ สุขุมวิท13 (แนะนำนั่งบีทีเอสไปสะดวกสุดค่ะ ลงสถานีนานา เดินต่ออีก5นาที) ไม่จำเป็นต้องไปถึงก่อนเวลามากนักค่ะ เพราะรปภ.เค้าจะยังไม่ให้ขึ้นไปอยู่ดี เพื่อป้องกันคนไปออกัน (ห้ามขึ้นไปก่อน20นาทีและสายได้ไม่เกิน15นาทีค่ะ) แต่ถ้าใครอยากชัวร์ไปถึงก่อนนานๆได้แต่ก็ต้องรอด้านล่าง เมื่อใกล้ถึงเวลาค่อยขึ้นไปได้ค่ะ
3. เมื่อขึ้นไปแล้วจะต้องปิดมือถือเพราะสัญญาณมือถือจะไปรบกวนระบบของเค้าค่ะ แล้วก็จะได้บัตรคิว แต่แทบไม่ต้องรอเลยเพราะนัดเวลาไว้แล้วค่ะ
4.ที่อังกฤษพอยื่นเอกสารให้เค้าก็จะทำการตรวจ หากเอกสารครบถ้วนถูกต้องเค้าจะให้เราไปรอตรงสแกนนิ้วมือเลยค่ะ
ในขั้นตอนนี้เราสามารถสมัครแจ้งผลทางSMSได้(แนะนำว่าควรสมัครค่ะ) แล้วก็จะถามว่าเราจะมารับวีซ่าเองหรือให้ส่ง ปณ.(มีค่าใช้จ่าย)
5.ขั้นตอนการสแกนนิ้วมือ ตรงนี้ไม่เคยมีใครบอกเราว่าเค้าจะถ่ายรูปทำวีซ่าค่ะ (รูปที่ปรากฎอยู่บนวีซ่าที่ติดในพาสปอตเราน่ะค่ะ) เราไม่รู้ไง วันไปขออย่างโทรมเลยค่ะ รูปบนวีซ่าเลยออกมาดูไม่จืด555
6.กลับบ้านได้ค่ะ ขั้นตอนที่1-5 เราใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีค่ะ เร็วมั่กๆ
สำหรับวีซ่าอังกฤษ เรารอ 3วัน มีการแจ้งsmsมาบอกความคืบหน้าตลอด และก็ sms มาแจ้งให้ไปรับวีซ่าค่ะ รวดเร็วทันใจมาก
ขั้นตอนการไปยื่นขอวีซ่าอิตาลี
1.สถานที่คืออาคารสีลมคอมเพล็กซ์ แนะนำนั่งบีทีเอสไปลงสถานีศาลาแดงสะดวกที่สุดเพราะมีทางเชื่อมเดินเข้าอาคารได้เลย จากนั้นให้ลงไปที่ชั้น1 ตรงร้านขนมปังbread talk เลี้ยวซ้ายไปขึ้นลิฟท์ ตัวที่ 7-8-9-10 ขี้นไปชั้น 25ค่ะ ที่อิตาลีไม่มีการนัดวันเวลาล่วงหน้าค่ะ ไปถึงก็กดบัตรคิวเลยแล้วรอ... ซึ่งขอบอกว่าที่อิตาลีคิวยาวมากกกกค่ะ แนะนำให้กดบัตรแล้วถามคิวไว้แล้วลงไปเดินเล่นด้านล่างค่ะ เพราะตอนเราไปขอรอประมาณ 4-5 ชม. ที่อิตาลีจะเปิดให้กดบัตรคิวตั้ง 8 โมงเช้าถึงบ่าย 3 ครึ่ง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปแต่เช้าค่ะ เพราะถึงยังไงเค้าก็จะตรวจเอกสารให้หมดทุกคนที่ไปกดบัตรคิววันนั้น แต่อาจจะเลิกดึกหน่อยค่ะถ้าไปช้ามาก เราไปบ่าย2 เสร็จตอน 6โมงเย็นเกือบทุ่ม
2.ขั้นตอนจากนี้เหมือนอังกฤษค่ะ แต่ว่าตอนไปสแกนนิ้วมือ เค้าไม่ถ่ายรูปเราไว้เหมือนอังกฤษ
สำหรับวีซ่าอิตาลี เรารอ 10 วันค่ะ ระหว่างนี้ไม่มีการแจ้งSMSมาบอกความคืบหน้าใดๆทั้งสิ้น ทั้งที่บอกว่าจะแจ้งมา
เอกสารที่เราจัดเตรียมไปขอวีซ่าอังกฤษและอิตาลีมีดังนี้ค่ะ
1.พาสปอตเล่มปัจจุบันและเล่มที่ผ่านมา(ถ้ามีก็เอาไปให้หมดทุกเล่มเลยค่ะ)
2.ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ ต่างๆ
3.หลักฐานการจอง รร. (ของอิตาลีจะเน้นมากเรื่องที่พักต้องมีชื่อเราอยู่ในการจองด้วย)
4.หลักฐานทางการเงิน สำคัญมากๆ แนะนำให้เอาไปทั้ง bank certificate และ bank statement ย้อนหลัง6เดือน เป็นภาษาอังกฤษนะคะ (อิตาลี ถ้าไม่มีbank cerถือว่าเอกสารไม่ครบ) ไม่ควรเกิน 7 วันนับจากวันที่จะไปยื่นขอวีซ่าค่ะ
สำหรับจำนวนเงิน่าควรมีเท่าไหร่อันนี้เราเข้าใจว่าก็ควรมีในระดับนึง ไม่จำเป็นต้องมากมายแต่ไม่น้อยไป
เช่น ค่าใช้จ่ายทริปนี้รวมแล้ว 2แสนบาท ควรมีในบัญชีสัก 5-6แสนขี้นไป ถ้ามี3แสนจะดูพอดีเกินไปค่ะ
5.แผนการเดินทางท่องเที่ยวเป็นภาษาอังกฤษ ว่าจะไปถึงเมืองนี้วันไหน จะเที่ยวไหนบ้าง พักที่ไหน บลาๆ ทำมาคร่าวๆก็ได้ค่ะ
6.ประกันสุขภาพ (อันนี้ดูรายละเอียดจากเว็บอีกทีนะคะ)
7.หนังสือรับรองการทำงานเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ควรเกิน1เดือนนับจากวันที่จะไปยื่นขอวีซ่าค่ะ
8.รูปถ่าย (อันนี้ดูรายละเอียดจากเว็บอีกทีนะคะ)
กรณีผู้ขอเป็นนักเรียน นักศึกษา เจ้าของกิจการ รบกวนดูรายละเอียดจากเว็บนะคะ ของเราเราทำงานประจำค่ะ ก็ใช้เอกสารตามนี้ค่ะ