1. ไฟของ Paperwhite ไม่ใช่ LED แบบพวกแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน ไม่ปวดตาค่ะ (ถ้าไม่ใช่เปิดไฟสว่างจัดๆ อ่านในที่มืด) ไฟปรับระดับความสว่างได้ ถ้าอยากปิดก็ปรับลงมาที่ 0 แต่ถึงจะอ่านในแสงปกติเราก็มักจะเปิดไว้หน่อยนึงอยู่ดี จะอ่านสบายตากว่าค่ะ

2. Paperwhite สบายตากว่าค่ะ

3. สรุปง่ายๆ ก็คือ Paperwhite ดีกว่า Basic ถูกกว่าค่ะ ถ้าจะซื้อเราเชียร์ให้เลือก Paperwhite ไปเลยนะ เราเคยซื้อ Basic มาก่อน (แต่ไม่ใช่รุ่น 7 ที่เป็น touchscreen นะคะ เป็นรุ่น 5 เครื่องสีดำ) ตอนหลังก็ซื้อ Paperwhite ใหม่อยู่ดี

4. หนังสือส่วนมากจะถูกกว่า แต่ไม่เสมอไปค่ะ บางทีก็เท่ากัน เคยเจอ Kindle edition แพงกว่าเปเปอร์แบคยังมี แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความสะดวกตามที่จขกท.ต้องการ ก็ตอบโจทย์ได้ดีค่ะ เวลาเดินทางเราพก Kindle เครื่องเดียว นั่งรอเป็นวันๆ บินยาวสิบชั่วโมงก็ไม่หวั่น

5. แสดงภาพประกอบค่ะ แต่หน้าจอขาวดำนะคะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตัวอย่างภาพประกอบจาก Kindle Paperwhite ค่ะ

6. จขกท. ต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่าง e-reader กับ tablet ก่อนนะคะ สองรุ่นตามที่ถามนี้เป็น e-reader ที่มีหน้าจอ e ink เป็นขาวดำ และมีระบบประมวลผลที่แค่พอกับการอ่านหรือดาวน์โหลดอีบุ๊ค จริงอยู่ว่ามี web browser แต่อย่าไปคาดหวังการใช้งานว่าจะท่องเว็บอะไรได้เลยค่ะ เขาคงตั้งใจให้เอาไว้จิ้มซื้อหนังสือจากเว็บอเมซอนก็พอ เราเคยลองใช้เช็กอีเมลดู ก็...พอถูไถ ถ้าจำเป็นและไม่มีอุปกรณ์อื่นให้ใช้จริงๆ ก็แก้ขัดได้ค่ะ แต่ไม่ใช่จุดประสงค์การใช้งานหลัก เล่นเกมดูหนังฟังเพลงนี่ตัดไปได้เลย ไม่รองรับ audio ค่ะ ถ้าอยากใช้งานได้หลากหลายก็ต้องไปดูพวกแท็บเล็ตแทน ซึ่งลงแอพ Kindle ไว้อ่านอีบุ๊คได้เหมือนกัน แต่อ่านนานๆ ก็อาจจะปวดตาตามปกติของแท็บเล็ตค่ะ

7. Text to Speech ไม่มีแล้วนะคะ ตัวเครื่องก็ไม่มีลำโพงหรือช่องเสียบหูฟังด้วย


สรุปคือ ถ้าคิดจะใช้อ่านหนังสืออย่างเดียว อ่านเยอะ อยากได้ความสะดวกในการเก็บและพกพา เชียร์ Kindle Paperwhite ค่ะ

ถ้าอยากเห็นภาพเปรียบเทียบมากขึ้นเรื่องความแตกต่างของหน้าจอแบบมีไฟกับไม่มีไฟ ลองเสิร์ช kindle basic vs paperwhite comparison  ดูค่ะ มีทั้งรูปทั้งคลิปให้ดูมากมาย แต่อยากบอกว่า paperwhite เถอะ...

และอย่าลืมว่า e-reader เน้นอ่านเป็นหลักจริงๆ ถ้าอยากได้อุปกรณ์ที่รองรับความบันเทิงหลากหลาย ทั้งเล่นเน็ตดูหนังฟังเพลงเล่นเกมอ่านหนังสือ e-reader อาจไม่ตอบโจทย์นะคะ