สืบเนื่องจากกระทู้ที่เเล้ว
http://ppantip.com/topic/34738679/comment1
มีสมาชิกใจดีหลานท่านยินดีรับฟังเรื่องของเรา หลายท่านให้ความกรุณาเรา บอกว่าให้มาต่อให้จบ เราก็เลยต้องกลั้นน้ำตามาเล่าต่อค่ะ
กรุณาอย่ากดโหวตให้เรานะคะ พาร์ทหลังนี้เรื่องมันเศร้า เราอายมาก ครั้งสุดท้ายเเล้วนะคะเราเลิกเกรียนเเล้ว
ความเดิมตอนที่เเล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทำไมต้องเดี๋ยวมาต่อด้วยล่ะ
แฟนเราโดนรถบรรทุก 2 คัน รุมป่ามป๊ามค่ะ เลยสิ้นชีพเอาตรงนั้น
จากนั้นเราก็ไป ติดต่อกับทางตำรวจเพื่อให้ติดตามเจ้าของทะเบียนรถพ่วงดังกล่าว
ตำรวจบอกเราว่า ไปซื้อชานมผสมส้มตำปูปลาร้าที่ร้านป้าหน้ามึน ซอยอ่อนระทวย 73/1117754 ตอนนั้นเราไม่รู้จริง ๆ ว่าซอย ๆ เดียว
ทำไมมันมีแยกเป็นล้านซอยเลยวะ ตำรวจนี่ก็เพ้อเจ้อ ปรากฏว่าไปถึงมันมีจริง ๆ จ้า เราเดินหาซอยดังกล่าว ขึ้นรถสองเเถว นั่งวิน
ไล่นับไปเรื่อย นี่มันจะยาวไปถึงเชียงรายเลยมั้ยวะนี่ ใช้เวลาไป 2 ปีเลยจ้า กว่าจะไปถึง
กระดูกนี่ลั่นเปรี๊ยะเลยกว่าจะเจอซอยดังกล่าว
พอเราเดินเข้าซอยไปเราก็เเทบหงายท้อง นี่มันมีเเต่ร้ายขายน้ำปั่น ส้มตำ อาหารตามสั่ง ยาวไปจรดท้ายซอย คิดว่าคงประมาณ 1 กิโลเมตร
เเล้วที่อยากจะร้องไห้ถอดใจกลับบ้านจริง ๆ เลยก็คือ ...
เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ
สิ่งที่ทำให้เราอยากร้องไห้ถอดใจกลับบ้านเลยจริง ๆ ก็คือ เมื่อเราเดินเข้าซอยไปได้ 200 เมตร เรามองหาร้านน้ำปั่นตลอด
มีมากมายหลายร้านไม่เท่าไหร่ เเต่ว่าหน้าคนขายมันมึนทุกคนเลยจ้า นี่สองปีน่ะนี่ ที่เราเสียเวลามาตามหาป้าหน้ามีน
ทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้วะเนี่ย ถามใครว่ารู้จักป้าหน้ามึนมั้ย ก็ไม่มีใครรู้ ทุกคนบอกว่าป้าในซอยทุกคนมันก็หน้ามึนหมด
เราถอดใจหันหลังเดินกลับ เเต่เดินไปได้ ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก
กลิ่นสารระเหยลอยมาเเตะจมูกเรา เราเอะใจมาก น้ำยาล้างเล็บเหรอ
เราสงสัยว่าสิ่งที่คิดอาจจะเป็นจริง ปริศนาที่ทำให้ป้าทุกคนในซอยหน้ามึน เราจึงวิ่งตามกลิ่นไปจนถึงกลางซอย
เเละเเล้วทุกอย่างก็กระจ่าง นั่นมัน โรงงานผลิตกาวตราหมาฉลากดำ อุตสาหกรรมระดับครัวเรือนที่สักแต่ทำขาย
มรดกจากเเนวคิดทุนนิยมที่พิการ ของรัฐบาลสมัยไหนไม่รู้ เมมโมรี่เราไม่ได้มีไว้จำชื่อคนใจร้าย
ว่าเเต่อื้อหือ คนงานมันนั่งจกกาวใส่กระป๋องกันตาเยิ้มเลย โดยเฉพาะอิตาคนผมยาวมีเคราใส่ขาเดฟนั่น เอื้อมมือชี้ฟ้าบอกว่า
"จะออกไปเตะขอบฟ้า เเต่โชคชะตาไม่เข้าใจ" บ้าเหรอขอบฟ้าเขามีไว้ให้เเตะเว่ย
เราคงปล่อยไว้ไม่ได้อ่ะ ฝากไว้ก่อนเถอะหาป้าหน้ามึนเจอเเล้วปิดคดีเมื่อไหร่เรามาปิดบัญชีเเค้นกัน
เนื่องจากสมัยอนุบาลเราเขียนตัว A ได้เป็นคนเเรกของห้อง เราจึงมั่นใจว่าเราฉลาดพอจะรู้เเล้วว่าจะหาป้าหน้ามึนเจอได้ไง
ป้าหน้ามึนก็คือป้าคนที่หน้ามึนที่สุด มึนที่สุดก็ต้องอยู่ใกล้โรงงานกาวที่สุด ทางซ้ายมีเเต่ลุง ทางขวามีอิป้า ก็อิป้าคนนี้แหละว่ะ
เราเดินไปกำลังอ้าปากสั่ง ป้าหน้ามึนยกมือห้าม บอกพี่รู้ ป้าหน้ามึนก็จัดส้มตำปูปลาร้าเทปั่นผสมชานม ใส่ถุงยื่นให้เรา
เราเหลือเเบงค์พันใบเดียว ยื่นไปให้ อิป้ามันก็เก็บใส่กระเป๋าจิงโจ้ แล้วก็ยืนทำหน้ามึนเรียบเฉย
อะไรวะเห้ย เราเหลือเเค่นั้นนะ ค่ารถขากลับเรา
เราบอก "ตังทอน" อิป้ามันบอก "อะไร ไม่รู้ ก็ยี่สิบพอดี"
เราบอกต่อ กะมั่วอาศัยความมึนของมันนี่แหละ "ธนบัตรใบละพัน เลข 6 s 0012145"
มันก็หยิบเเบงค์พันเราออกมาดู "ไม่ตรง" อื้อหือ ที่งี้ดันเผือกไม่มึนนะมืง จบเลยเรา ทำไงดีเนี่ย
เดินกลับไปก็ไม่รู้อีกกี่ปี เรานั่งร้องไห้ริมฟุตบาธ ผ่านมาตั้ง 2 ปีเเล้วน้ำยังไม่ได้อาบน้ำ ตุ่มใสขึ้นเต็มในที่อับ คิดถึงบ้านจังเลย
ไม่เอาเเล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย ซอยอ่อนระทวย บ้าอะไรยาวเกือบรอบโลก
ชานมผสมส้มตำปูปลาร้าอีก คนวิปริตโลกไหนมันกินของเเบบนี้กัน มีเเต่อิคนซอยนี้แหละที่กิน
หืมคนซอยนี้เหรอ..
เราคิดออกเเล้ว หรือว่านี่มันจะเกี่ยวข้องกับโรงงานกาวตราหมาฉลากดำ ปริศนาการเดินทางของเราทั้งหมดอาจกระจ่างได้
เราวิ่งต่อไปอีกจนสุดซอย หยิบมือถือขึ้นมายัดแบตลงเครื่อง เปิดกูเกิ้ลเเมพ
"หา นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย"
ท้ายซอยอ่อนระทวย 73/1117754 กับ สน.ยานยาวย้วย ที่เราไปเเจ้งความมันห่างกันเเค่กิโลเมตรเดียวเองจ้า
มิน่าล่ะ ตำรวจมันถึงได้มึนนัก กินชานมผสมส้มตำปูปลาร้าได้ลงคอ ที่เเท้กลิ่นกาวจากโรงงานมันลอยไปถึง สน.นี่เอง
พอเรากดซูมออกเราก็อดอมยิ้มให้ตัวเองไม่ได้
นี่เราเดินทางผ่านซอยอ่อนระทวย 73 ออกทางลาว เวียดนาม จีน พม่า อันดามัน มาขึ้นฝั่งที่ทางตะวันตกของไทย
เราทำไปได้ไงเนี่ย 55 บางทีเราเองก็มุมโก๊ะ น่ารัก ๆ เป็นกะเขาเหมือนกันนะ อิอิ
เราเดินตัดถนนลูกรังเล็ก ๆ ไปถึงสน. ยื่นชานมผสมส้มตำปูปลาร้าให้ตำรวจ ตำรวจบอกขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน
เราก็ถามต่อเรื่องคดี เราอยากให้คนที่ขับรถพ่วงป่ามป๊ามแฟนเราจนตาย รับผิดทางอาญา
ตำรวจบอกว่า มันไม่ใช่ความผิดทางอาญา เเฟนเรามันขี่มอเตอร์ไซค์ ยกล้อไต่ระดับผ่านหลังคารถเก๋งขึ้นไปบนตู้คอนเทนเนอร์
เเล้วขี่ลงมาทางหน้ารถบรรทุก คนขับรถเห็นอย่างนั้นเลยเหยียบเบรกเเล้วหักหลบเข้าข้างทาง
เเต่เพราะจังหวะนั้นตกใจแฟนเรา เลยไม่ทันดูว่าข้างทางมีรถบรรทุกจอดอยู่ รถเลยพุ่งไปชนท้ายรถบรรทุกอีกคัน
โดยมีแฟนเราเป็นถุงลมนิรภัยให้ คนขับมารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยเเล้ว
โห อะไรอ่ะ นี่เราลงทุนข้ามโลกไปซื้อชานมผสมส้มตำปูปลาร้ามานะนี่ นี่เราทำไปเพื่ออะไรอ่ะ
คือจังหวะนั้นเราเซ็งมากค่ะ มันไม่ใช่อ่ะ เรารับไม่ได้
เราเดินทางกลับบ้านเลย ไปถึงนอนเลย ไม่อาบมันเเละน้ำเนิ้มเหนื่อยเหลือเกิน อีตุ่มใสนี่ก็คันยิบเลย เง้ออ
เราตื่นอีกทีก็เที่ยงของอีกวัน อาบน้ำเเต่งตัวกะออกไปหาอะไรกิน ปรากฏว่าเดินไปเจอเเม่แฟนค่ะ
เเม่แฟนเราบ่นใหญ่เลยว่าไปไหนมาพึ่งโผล่ งานศพก็ไม่ไป ลูกเขายังรอเราอยู่เลย
ทุกคนรอเราจนบ่ายนี้จะเอาไปเผาเเล้วเพราะคิดว่าเราคงไม่ไป
เรากินข้าวเสร็จก็รีบตามไปงาน มีคนนั่งหน้าสลอนร้องห่มร้องไห้กันเต็ม เราก็งงว่า เห้ย คนตายไปตั้ง 2 ปีเเล้วนะ ทำไมดราม่ากันจัง
ศพเเฟนเราถูกเอาขึ้นเมรุเเล้ว เปิดฝาเตรียมเทน้ำมะพร้าว เเม่แฟนเราก็มาสะกิดเราบอกว่า ให้ไปดูหน้ากันหน่อย เเฟนเรารอเราอยู่
เราอ่ะไม่อยากไปหรอก เชื่อป่ะ นี่เราลงทุนไปมากเเล้วกับแฟนคนนี้ ตอนนี้ยังต้องไปดูศพเก่าค้างสองปีอีก
สองปีเเล้วป่านนี้เกิดเป็นอะไรเเล้วไม่รู้ เง้ออ..ทำไงได้ไปก็ไป
เราขึ้นเมรุไป ถือดอกไม้ไปวาง เแกล้งทำมองไปงั้นแหละ คนมีคำว่ารักมักต้องเจอคำว่ารอ เราว่ามันก็โรเเมนติกดีเหมือนกันนะ
ปรากฏว่า แฟนเรามันลืมตาค่ะ เอื้อมมือมาจับเเขนเรา
"เห็บ หมัดรอเห็บมาตั้งนานเเล้วนะ ไปไหนมา"
เรานี่ตัวเกร็งเลย ปัดโธ้ อะไรวะนี่ นี่มืงรอจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย อั้นไว้ไม่ยอมตายจริง เเล้วอิพวกญาตินี่มัวนั่งร้องไห้ทำซิ้มอะไร
ทำไมไม่พามันไปโรงพยาบาล หมอชันสูตรว่าตายเเล้วก็ว่าตายเลยเนาะ
"เห็บอย่าเสียใจไปนะ หมัดไม่อยู่บนโลกเเล้ว" มันพูดเเล้วชี้มือขึ้นฟ้า
"เห็บดูนั้นสิ" เราหันมองตามที่มือมันชี้ อะไรล่ะมีเเต่เพดานลายดาวของเมรุ เราไม่พูดค่ะ เจออย่างนี้ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรกับมันดี
"ถึงเเม้หมัดจะไม่อยู่เเล้ว เเต่หมัดจะเป็นดาวที่เฝ้ามองเห็บทุกวันยามจันทร์เเรม เหมือนอย่างคืนนี้"
"จะออกไปเตะขอบฟ้า เเต่เหมือนว่าโชคชะตาไม่ทำใจ" นี่มันหลอนอะไรอีกวะเนี่ย เรางงมากค่ะ พักนี้เจอเเต่คนแปลก ๆ
เราไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้มันแปลกหรือว่าเราเองที่แปลก
ระหว่างเรากำลังทำหน้างงอยู่ ตาเราก็เหลือบไปดูตรงมุมรอยต่อของไม้แผ่นทำโลงศพ
อ๋อมิน่าล่ะ มันมึนก็เพราะอย่างงี้นี่เอง กาวตราหมาฉลากดำ เขาใช้กาวตราหมาฉลากดำทาอุดไม้ตรงมุมขอบของโลงค่ะ
แฟนเรามันนอนในโลง ดมกาวมาตลอดสองปีเต็ม อืม โอเค เก็ตเเละ
"เห็บ หมัดมีอะไรจะบอก" มันหันมามองตาเราทำตาละห้อย
"อะไรล่ะหมัด รีบ ๆ บอกเหอะ" เรายอมพูดกับมันเเล้วค่ะ จะได้จบเรื่อง
"หมัดเป็นเริมกลัวเห็บรังเกียจ เลยหลอกเห็บเรื่อยมา ขอโทษนะ" โอ้โห นี่เราว่าเเล้วไอ้ตุ่มใส ๆ ในที่ลับมันมาจากไหน
ที่เเท้มืงนี่เองสาเหตุ แทบช็อคค่ะ บอกตรง ๆ ว่าถ้ามันไม่ได้ตายเราก็คงจะไม่รู้เลยว่าเราเป็นเริม ดีนะมันไม่บอกว่าเป็นเอดส์
เราปลงเลยค่ะ กระโดดถีบโลงไถลเข้าไปในเตาเผา ปิดเตาจุดไฟเลยค่ะ
พอค่ะ คนเราความจริงใจมันลดน้อยลงไปไหนเวลาเจอกับความรัก เมื่อความรักทำให้คนอยากตักตวงช่วงชิมความหวานของมัน
คนเราจึงยอมโกหก รักแท้มีจริงใช่มั้ย ขนาดคนที่นอนอยู่ข้างเรา ยังไม่รู้เลยว่ามันเป็นเริม จนความจริงมาเผยเอาตอนท้าย
อวสานค่ะ
เมื่อแฟนตาย ความจริงหลายๆอย่างจึงเปิดเผย ภาคจบ
มีสมาชิกใจดีหลานท่านยินดีรับฟังเรื่องของเรา หลายท่านให้ความกรุณาเรา บอกว่าให้มาต่อให้จบ เราก็เลยต้องกลั้นน้ำตามาเล่าต่อค่ะ
กรุณาอย่ากดโหวตให้เรานะคะ พาร์ทหลังนี้เรื่องมันเศร้า เราอายมาก ครั้งสุดท้ายเเล้วนะคะเราเลิกเกรียนเเล้ว
ความเดิมตอนที่เเล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สิ่งที่ทำให้เราอยากร้องไห้ถอดใจกลับบ้านเลยจริง ๆ ก็คือ เมื่อเราเดินเข้าซอยไปได้ 200 เมตร เรามองหาร้านน้ำปั่นตลอด
มีมากมายหลายร้านไม่เท่าไหร่ เเต่ว่าหน้าคนขายมันมึนทุกคนเลยจ้า นี่สองปีน่ะนี่ ที่เราเสียเวลามาตามหาป้าหน้ามีน
ทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้วะเนี่ย ถามใครว่ารู้จักป้าหน้ามึนมั้ย ก็ไม่มีใครรู้ ทุกคนบอกว่าป้าในซอยทุกคนมันก็หน้ามึนหมด
เราถอดใจหันหลังเดินกลับ เเต่เดินไปได้ ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก
กลิ่นสารระเหยลอยมาเเตะจมูกเรา เราเอะใจมาก น้ำยาล้างเล็บเหรอ
เราสงสัยว่าสิ่งที่คิดอาจจะเป็นจริง ปริศนาที่ทำให้ป้าทุกคนในซอยหน้ามึน เราจึงวิ่งตามกลิ่นไปจนถึงกลางซอย
เเละเเล้วทุกอย่างก็กระจ่าง นั่นมัน โรงงานผลิตกาวตราหมาฉลากดำ อุตสาหกรรมระดับครัวเรือนที่สักแต่ทำขาย
มรดกจากเเนวคิดทุนนิยมที่พิการ ของรัฐบาลสมัยไหนไม่รู้ เมมโมรี่เราไม่ได้มีไว้จำชื่อคนใจร้าย
ว่าเเต่อื้อหือ คนงานมันนั่งจกกาวใส่กระป๋องกันตาเยิ้มเลย โดยเฉพาะอิตาคนผมยาวมีเคราใส่ขาเดฟนั่น เอื้อมมือชี้ฟ้าบอกว่า
"จะออกไปเตะขอบฟ้า เเต่โชคชะตาไม่เข้าใจ" บ้าเหรอขอบฟ้าเขามีไว้ให้เเตะเว่ย
เราคงปล่อยไว้ไม่ได้อ่ะ ฝากไว้ก่อนเถอะหาป้าหน้ามึนเจอเเล้วปิดคดีเมื่อไหร่เรามาปิดบัญชีเเค้นกัน
เนื่องจากสมัยอนุบาลเราเขียนตัว A ได้เป็นคนเเรกของห้อง เราจึงมั่นใจว่าเราฉลาดพอจะรู้เเล้วว่าจะหาป้าหน้ามึนเจอได้ไง
ป้าหน้ามึนก็คือป้าคนที่หน้ามึนที่สุด มึนที่สุดก็ต้องอยู่ใกล้โรงงานกาวที่สุด ทางซ้ายมีเเต่ลุง ทางขวามีอิป้า ก็อิป้าคนนี้แหละว่ะ
เราเดินไปกำลังอ้าปากสั่ง ป้าหน้ามึนยกมือห้าม บอกพี่รู้ ป้าหน้ามึนก็จัดส้มตำปูปลาร้าเทปั่นผสมชานม ใส่ถุงยื่นให้เรา
เราเหลือเเบงค์พันใบเดียว ยื่นไปให้ อิป้ามันก็เก็บใส่กระเป๋าจิงโจ้ แล้วก็ยืนทำหน้ามึนเรียบเฉย
อะไรวะเห้ย เราเหลือเเค่นั้นนะ ค่ารถขากลับเรา
เราบอก "ตังทอน" อิป้ามันบอก "อะไร ไม่รู้ ก็ยี่สิบพอดี"
เราบอกต่อ กะมั่วอาศัยความมึนของมันนี่แหละ "ธนบัตรใบละพัน เลข 6 s 0012145"
มันก็หยิบเเบงค์พันเราออกมาดู "ไม่ตรง" อื้อหือ ที่งี้ดันเผือกไม่มึนนะมืง จบเลยเรา ทำไงดีเนี่ย
เดินกลับไปก็ไม่รู้อีกกี่ปี เรานั่งร้องไห้ริมฟุตบาธ ผ่านมาตั้ง 2 ปีเเล้วน้ำยังไม่ได้อาบน้ำ ตุ่มใสขึ้นเต็มในที่อับ คิดถึงบ้านจังเลย
ไม่เอาเเล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย ซอยอ่อนระทวย บ้าอะไรยาวเกือบรอบโลก
ชานมผสมส้มตำปูปลาร้าอีก คนวิปริตโลกไหนมันกินของเเบบนี้กัน มีเเต่อิคนซอยนี้แหละที่กิน
หืมคนซอยนี้เหรอ..
เราคิดออกเเล้ว หรือว่านี่มันจะเกี่ยวข้องกับโรงงานกาวตราหมาฉลากดำ ปริศนาการเดินทางของเราทั้งหมดอาจกระจ่างได้
เราวิ่งต่อไปอีกจนสุดซอย หยิบมือถือขึ้นมายัดแบตลงเครื่อง เปิดกูเกิ้ลเเมพ
"หา นี่เราทำอะไรลงไปเนี่ย"
ท้ายซอยอ่อนระทวย 73/1117754 กับ สน.ยานยาวย้วย ที่เราไปเเจ้งความมันห่างกันเเค่กิโลเมตรเดียวเองจ้า
มิน่าล่ะ ตำรวจมันถึงได้มึนนัก กินชานมผสมส้มตำปูปลาร้าได้ลงคอ ที่เเท้กลิ่นกาวจากโรงงานมันลอยไปถึง สน.นี่เอง
พอเรากดซูมออกเราก็อดอมยิ้มให้ตัวเองไม่ได้
นี่เราเดินทางผ่านซอยอ่อนระทวย 73 ออกทางลาว เวียดนาม จีน พม่า อันดามัน มาขึ้นฝั่งที่ทางตะวันตกของไทย
เราทำไปได้ไงเนี่ย 55 บางทีเราเองก็มุมโก๊ะ น่ารัก ๆ เป็นกะเขาเหมือนกันนะ อิอิ
เราเดินตัดถนนลูกรังเล็ก ๆ ไปถึงสน. ยื่นชานมผสมส้มตำปูปลาร้าให้ตำรวจ ตำรวจบอกขอบคุณที่ยังไม่ลืมกัน
เราก็ถามต่อเรื่องคดี เราอยากให้คนที่ขับรถพ่วงป่ามป๊ามแฟนเราจนตาย รับผิดทางอาญา
ตำรวจบอกว่า มันไม่ใช่ความผิดทางอาญา เเฟนเรามันขี่มอเตอร์ไซค์ ยกล้อไต่ระดับผ่านหลังคารถเก๋งขึ้นไปบนตู้คอนเทนเนอร์
เเล้วขี่ลงมาทางหน้ารถบรรทุก คนขับรถเห็นอย่างนั้นเลยเหยียบเบรกเเล้วหักหลบเข้าข้างทาง
เเต่เพราะจังหวะนั้นตกใจแฟนเรา เลยไม่ทันดูว่าข้างทางมีรถบรรทุกจอดอยู่ รถเลยพุ่งไปชนท้ายรถบรรทุกอีกคัน
โดยมีแฟนเราเป็นถุงลมนิรภัยให้ คนขับมารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยเเล้ว
โห อะไรอ่ะ นี่เราลงทุนข้ามโลกไปซื้อชานมผสมส้มตำปูปลาร้ามานะนี่ นี่เราทำไปเพื่ออะไรอ่ะ
คือจังหวะนั้นเราเซ็งมากค่ะ มันไม่ใช่อ่ะ เรารับไม่ได้
เราเดินทางกลับบ้านเลย ไปถึงนอนเลย ไม่อาบมันเเละน้ำเนิ้มเหนื่อยเหลือเกิน อีตุ่มใสนี่ก็คันยิบเลย เง้ออ
เราตื่นอีกทีก็เที่ยงของอีกวัน อาบน้ำเเต่งตัวกะออกไปหาอะไรกิน ปรากฏว่าเดินไปเจอเเม่แฟนค่ะ
เเม่แฟนเราบ่นใหญ่เลยว่าไปไหนมาพึ่งโผล่ งานศพก็ไม่ไป ลูกเขายังรอเราอยู่เลย
ทุกคนรอเราจนบ่ายนี้จะเอาไปเผาเเล้วเพราะคิดว่าเราคงไม่ไป
เรากินข้าวเสร็จก็รีบตามไปงาน มีคนนั่งหน้าสลอนร้องห่มร้องไห้กันเต็ม เราก็งงว่า เห้ย คนตายไปตั้ง 2 ปีเเล้วนะ ทำไมดราม่ากันจัง
ศพเเฟนเราถูกเอาขึ้นเมรุเเล้ว เปิดฝาเตรียมเทน้ำมะพร้าว เเม่แฟนเราก็มาสะกิดเราบอกว่า ให้ไปดูหน้ากันหน่อย เเฟนเรารอเราอยู่
เราอ่ะไม่อยากไปหรอก เชื่อป่ะ นี่เราลงทุนไปมากเเล้วกับแฟนคนนี้ ตอนนี้ยังต้องไปดูศพเก่าค้างสองปีอีก
สองปีเเล้วป่านนี้เกิดเป็นอะไรเเล้วไม่รู้ เง้ออ..ทำไงได้ไปก็ไป
เราขึ้นเมรุไป ถือดอกไม้ไปวาง เแกล้งทำมองไปงั้นแหละ คนมีคำว่ารักมักต้องเจอคำว่ารอ เราว่ามันก็โรเเมนติกดีเหมือนกันนะ
ปรากฏว่า แฟนเรามันลืมตาค่ะ เอื้อมมือมาจับเเขนเรา
"เห็บ หมัดรอเห็บมาตั้งนานเเล้วนะ ไปไหนมา"
เรานี่ตัวเกร็งเลย ปัดโธ้ อะไรวะนี่ นี่มืงรอจริง ๆ ใช่มั้ยเนี่ย อั้นไว้ไม่ยอมตายจริง เเล้วอิพวกญาตินี่มัวนั่งร้องไห้ทำซิ้มอะไร
ทำไมไม่พามันไปโรงพยาบาล หมอชันสูตรว่าตายเเล้วก็ว่าตายเลยเนาะ
"เห็บอย่าเสียใจไปนะ หมัดไม่อยู่บนโลกเเล้ว" มันพูดเเล้วชี้มือขึ้นฟ้า
"เห็บดูนั้นสิ" เราหันมองตามที่มือมันชี้ อะไรล่ะมีเเต่เพดานลายดาวของเมรุ เราไม่พูดค่ะ เจออย่างนี้ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรกับมันดี
"ถึงเเม้หมัดจะไม่อยู่เเล้ว เเต่หมัดจะเป็นดาวที่เฝ้ามองเห็บทุกวันยามจันทร์เเรม เหมือนอย่างคืนนี้"
"จะออกไปเตะขอบฟ้า เเต่เหมือนว่าโชคชะตาไม่ทำใจ" นี่มันหลอนอะไรอีกวะเนี่ย เรางงมากค่ะ พักนี้เจอเเต่คนแปลก ๆ
เราไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้มันแปลกหรือว่าเราเองที่แปลก
ระหว่างเรากำลังทำหน้างงอยู่ ตาเราก็เหลือบไปดูตรงมุมรอยต่อของไม้แผ่นทำโลงศพ
อ๋อมิน่าล่ะ มันมึนก็เพราะอย่างงี้นี่เอง กาวตราหมาฉลากดำ เขาใช้กาวตราหมาฉลากดำทาอุดไม้ตรงมุมขอบของโลงค่ะ
แฟนเรามันนอนในโลง ดมกาวมาตลอดสองปีเต็ม อืม โอเค เก็ตเเละ
"เห็บ หมัดมีอะไรจะบอก" มันหันมามองตาเราทำตาละห้อย
"อะไรล่ะหมัด รีบ ๆ บอกเหอะ" เรายอมพูดกับมันเเล้วค่ะ จะได้จบเรื่อง
"หมัดเป็นเริมกลัวเห็บรังเกียจ เลยหลอกเห็บเรื่อยมา ขอโทษนะ" โอ้โห นี่เราว่าเเล้วไอ้ตุ่มใส ๆ ในที่ลับมันมาจากไหน
ที่เเท้มืงนี่เองสาเหตุ แทบช็อคค่ะ บอกตรง ๆ ว่าถ้ามันไม่ได้ตายเราก็คงจะไม่รู้เลยว่าเราเป็นเริม ดีนะมันไม่บอกว่าเป็นเอดส์
เราปลงเลยค่ะ กระโดดถีบโลงไถลเข้าไปในเตาเผา ปิดเตาจุดไฟเลยค่ะ
พอค่ะ คนเราความจริงใจมันลดน้อยลงไปไหนเวลาเจอกับความรัก เมื่อความรักทำให้คนอยากตักตวงช่วงชิมความหวานของมัน
คนเราจึงยอมโกหก รักแท้มีจริงใช่มั้ย ขนาดคนที่นอนอยู่ข้างเรา ยังไม่รู้เลยว่ามันเป็นเริม จนความจริงมาเผยเอาตอนท้าย