ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 3/2/2016

กระทู้คำถาม



***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***


กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี  ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................


พลุ MC นู๋สร้างชาติ รับหน้าที่ค่ะพลุ




เพลงเปิดตัววววว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ







[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้





[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้







ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ


1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด

2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน

3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม


สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
โนเอล กัลลาเกอร์ มันชอบวง  The Beatles ครับ

ชอบถึงขนาดที่ว่า
มันเคยไปตาม "แซ็ค สตาร์กี้"
ที่เป็นลูกบังเกิดเกล้าของ "ริงโก้ สตาร์" มือกลองของ The Beatles มาตีกลองให้มันเลย

ดังนั้น
พอมันมาที่ Milan
แล้วมันรู้ว่า พอล แม็คคาร์ทนี่ย์ มือเบสวงเต่าทองมาเปิดโชว์ที่นี่
ไอ้โนเอลก็เลยเผ่นไปเยี่ยมเยียน "ท่านเซอร์พอล" ถึง back stage เลย



http://www.clashmusic.com/news/noel-gallagher-paul-mccartney-catch-up

ไอ้โนเอลบอกในตอนหลังว่า.....

"ท่านเซอร์แม่มยิ่งใหญ่shipหาย
เป็นพ่อทูลหัวเป็นสุภาพบุรุษโคตรๆ
ไอว่าไอก็แจ๋วพอตัว แต่พอเจอพี่พอลไอแม่มเหลือตัวเล็กนิดเดียว"

โอววววว....
นี่ขนาดไอ้โนเอลก็ปากใช่ย่อยนะครับ
แต่คนปากดีอย่างมันดันยอมสยบให้พี่พอล...5555555

จ่าขอแปะ dont look back in anger
ที่ไอ้โนเอลเล่นที่ BBC ในวัยหนุ่มใหญ่
และ เล่นออกมาได้สุขุมนุ่มลึกกว่าตอนที่มันหนุ่มๆซะอีก


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ





ขอบคุณ "น้องพรผู้น่ารัก"  ที่สละล็อคอินมาให้จ่าลุยต่อครับ



จ่าพิเชษฐ์
ความคิดเห็นที่ 5
สุขสันต์เย็นวันพุธ  ...  สวัสดีค่ะ  เพื่อนๆ  ห้องเพลง
ควันหลงจาก   กระทู้ดอกไม้  เมื่อวาน  ขอแนะนำ  ดอกไม้อีก  1  ชนิดค่ะ
อมยิ้ม36

ดอกพุดตาน



พุดตาน ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus mutabilis L. จัดอยู่ในวงศ์ชบา (MALVACEAE)

ต้นพุดตาน มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน ชาวจีนเชื่อว่าต้นพุดตานเป็นไม้มงคล เพราะดอกพุดตานสามารถ
เปลี่ยนสีได้ถึง 3 สีภายในวันเดียว เปรียบเสมือนของชีวิตคนที่เริ่มต้นเหมือนเด็กที่เป็นผ้าขาว แล้วค่อย ๆ
เจริญเติบโจพ้อมกับสีสันที่แต่งแต้มขึ้นมา เมื่ออายุมากขึ้นก็พร้อมที่จะเปลี่ยนสีเป็นสีเข้มจนกระทั่งได้ร่วงโรยลงไป
เชื่อว่าต้นพุดตานนี้ได้มีการนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยในช่วงสมัยรัตโนโกสินทร์ ซึ่งเป็นช่วงค้าขายกับชาวจีน
โดยจัดเป็นพรรณไม้พุ่ม ที่มีความสูงประมาณ 5 เมตร ต้นและกิ่งมีขนสีเทา ต้นพุดตานชอบอยู่กลางแจ้ง ชอบ
แสงแดดจัด ๆ ไม่ชอบที่มีน้ำขังหรือที่แฉะ เจริญเติบโตได้ดีในที่ดอน มีดินร่วนซุย ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่งและ
วิธีการปักชำ



ประโยชน์ของพุดตาน
1. ดอกพุดตานมีสารฟลาโวนอยด์ กลัยโคไซด์ (Flavonoid glycosides)
    ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีในร่างกายได้เป็นอย่างดี
2. ต้นพุดตานสามารถใช้ปลูกเป็นไม้ประดับได้ เนื่องจากมีดอกที่สวยงามมีทั้งดอกละและดอกซ้อน
    หรือใช้ปลูกบังกำแพง หรือในที่ที่มีทิวทัศน์ไม่สวยงาม หรือเหมาะสำหรับปลูกในสวนไทย
3. ผงบดละเอียดของเปลือกและรากใช้เป็นแป้งผัดหน้าของคนตั้งแต่เหนือจรดใต้แหลมมลายู
4. รากและล้ำต้นมีเนื้อไม้สีเหลืองแข็ง ลายละเอียด สามารถใช้ตกแต่งทำเป็นด้ามเครื่องมือเครื่องใช้
    ได้อย่างสวยงาม ส่วนก้านสามารถนำมาใช้ทำความสะอาดฟันได้


การเปลี่ยนสีของดอกพุดตาน

http://frynn.com/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%99/

ฟังเพลงดอกพุดตานกันได้แล้วค่ะ อมยิ้ม21

ดอกพุดตาน - พรศุลี วิชเวช
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
https://www.youtube.com/watch?v=S7XFop5aODg

คำร้อง ชอุ่ม ปัญจพรรค์
ทำนอง สมพงษ์ ทิพยกลิน
ต้นฉบับขับร้องโดย พูลศรี เจริญพงษ์
----------------------------------------­-----------
ดอกพุดตานยามเช้าบานไสว
มองแล้วเพลินดูขาวชวนเฃิญชมชื่นใจ
ครั้นตะวันพ้นขอบฟ้าพลันสีแปรไป
กลีบขาวกลายเปลี่ยนเป็นชมพูรู้กลับกลาย

ชวนใจชมนิยมไม่ห่างไม่จางจืดใจ
พันธุ์ไม้อื่นใดจะหาใดไหนเทียมทันพุดตานสว­รรค์
สายัณห์เย็นสีกลายกลับเป็นสีแดงพลัน
ดอกพุดตานเจ้างามตระการแสนรื่นรมย์

บ้านใครปลูกดอกพุดตานบ้าง ? พี่สาวจำได้ว่าที่บ้านก็เคยปลูกเหมือนกัน
สมัยที่บ้านมีที่กว้างๆ แต่บ้านที่อยู่วันนี้   เหลือที่แค่นิดเดียว  ไม่รู้ต้นพุดตาน
หายไปตอนไหน  จำไม่ได้แล้ว
อมยิ้ม04

สาวแว่น
ความคิดเห็นที่ 12
แจมด้วยเพลงรักแล้วรอหน่อย ของฟอร์เอเวอร์ ครับ

" รักแล้วรอหน่อย - ฟอร์เอฟเวอร์ "

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ.
.
เอาภาพคนไทยไปรอรถใต้ดินต่างเมืองมาฝากละกัน
รักจะเที่ยวก็ต้องรอเหมือนกันครับ
.

ความคิดเห็นที่ 52
เล่าเรื่องถนนข้าวสารให้ฟัง

ผมมีความหลังกับถนนข้าวสารมากมาย     ผมรู้จักถนนข้าวสารตั้งแต่ยังเป็นตรอกเล็กๆ โนเนมก่อนจะมีเกสต์เฮ้าส์และแหล่งบันเทิงผุดขึ้นมากมายในตอนนี้    สมัยเรียนบาลีที่วัดชนะฯ ผมจะเข้าตรอกข้าวสารทุกวันหลับตานึกภาพออกเลย   ปี27 เกสต์เฮ้าเริ่มผลุดขึ้นสี่ห้าเจ้า  คนในละแวกซอยรามบุตรี  ซอยตานี  และชุมชนหลังกรมประชาสัมพันธ์และกองสลากฯ เริ่มตื่นเต้นเห็นฝรั่ง    จากนั้นไม่นานมีฝรั่งระดับโรงเรียนโอเรียลเต็ลมาลองพักที่ถนนข้าวสารดูแล้วคอมเมนต์ว่าได้ความรู้สึกที่ดีมาก (เกสต์เฮ้าสมัยนั้นคืนละ 60-120 บาท ในขณะที่โรงแรมโอเรียลเต็ลหลักหมื่นขึ้น)  ถนนข้าวสารเริ่มดังเป็นพลุแตก    ผม(เป็นเณร)ต้องระเหเร่ร่อนออกจากกรุงเทพฯ กลับบ้านนอก(เจ้าอาวาสไล่ออก  เพราะผมและเพื่อนเณรอีกรูปโดนจับได้ว่าเขียจดหมายแจ้งพฤติกรรมเจ้าอาวาสที่มีทั้งเมียและลูกไปที่กรมศาสนาและเจ้าคณะเขต)  พร้อมถูกเขียนกำกับลงในใบสุทธิ(บัตรประชาชนสำหรับพระเณร)ว่าโดนไล่ออกจากวัด   อยู่บ้านนอกหลายปีจึงสึกออกมา

ด้วยความที่อยากเรียนรู้ภาษาอังกฤษ  กลับมากรุงเทพฯ อีกครั้งเป็นลูกศิษย์วัดแถวๆ อนุเสาวรีย์ประชาฯ  ผมจะตระเวณไปขอฝึกพูดภาษาอังกฤษกับฝรั่งตามสถานที่ต่างๆ เช่น ภูเขาทอง  วัดสระเกศ  วัดโพธิ์  พิพิธภัณฑ์ฯ  หรือไปไกลถึงพระปฐมเจดีย์ก็มี.....เป็นภาษาอังกฤษที่อ่านเองฝึกเอง ท่องเอง..บางวันได้พูดแค่ประโยคเดียว Hell, how are you?   พูดได้ไม่กี่ประโยคหรอก   บางทีถามเขาไป  เขาตอบมาเราก็ไม่รู้เรื่อง  ผงกหัวหงึกๆ ไปแค่น้นเอง   ตอนนั้นพูดอย่างเดียว...(แต่ไม่ฟัง55555)  

ทุกๆ เย็นผมจะไปเตร่ที่ถนนข้าวสาร    ขอคุยกับฝรั่งโต๊ะนู้นบ้างโต๊ะนี้บ้างตามร้านอาหารหรือเกสต์เฮ้าส์  ที่ยอมให้คุยก็มี   ที่ปฏิเสธก็มี  ที่ด่าให้ก็มี   หลับตานึกภาพ "ขอทาน" ที่เดินไปขอตังค์ตามโต๊ะนู้นโต๊ะนี้เอานะครับ     ผมก็ไม่ต่างจาก "ขอทาน" อะไร  เดินไปขอพูดภาษาอังกฤษกับฝรั่งโต๊ะนู้นโต๊ะนี้   เจ้าของร้านอาหารเขารำคาญและกลัวจะไปรบกวนแขกเขา  เขาก็ไล่ตะเพิดออกจากร้านทุกวัน ....คราวหลังผมรู้แจว...ก็ไปนั่งซื้อแป๊ปซี่ดื่ม หรือข้าวผัดสักจานนั่งรอเลย   แต่เจ้าของร้านเขารู้แจวเขาก็ไม่ให้เข้า    ถนนข้าวสารเป็นโรงเรียนภาษาให้ผมเลยล่ะ.....คนในย่านถนนข้าวสารรู้จักผมเกือบทุกร้านว่าชอบไปรบกวนจู้จี้จุกจิกกวนใจแขกเขา     น้องที่เสริฟอาหารอยู่ที่ร้านเป็นคนอีสานเหมือนกันสงสารเลยบอกว่า  น้องมาเป็นพนักงานเสริฟเหมือนพี่สิ   ได้คุยทุกวันเลย.....ได้การ!   ผมเลยสมัครเป็นพนักงานเสริฟที่เกสต์เฮ้าส์ในถนนข้าวสารเลย   ได้เงินเดือน700 บาท  อยู่กินนอนที่นั่น   ได้พูดภาษาอังกฤษทั้งวัน  (ตอนนั้นผมเรียนรามฯ ไปด้วย)    อยู่ครึ่งปีกว่าก็รู้สึกว่า....ได้พูดแต่ประโยคเดิมๆ ทุกวัน....ภาษาคงไม่กระเตื้องขึ้น  เลยลาออก....แต่ก็ยังเตร่อยู่ที่ถนนข้าวสารเหมือนเดิม   เรียกว่าโลกทั้งใบคือถนนข้าวสาร  เดินทะลุซอยไหนออกทางไหนรู้หมด

สามปีที่แล้วผมกลับไปย้อนอดีตที่ถนนแห่งนี้...อึ้งน้ำตาไหลเลย    ถนนแห่งนี้สมัยห่มผ้าเหลืองเป็นเณรน้อย  ผมเคยเดินผ่านทุกวัน    สมัยลงมาใช้ชีวิตในกรุงเทพเยี่ยงฆราวาส  เคยโดนเจ้าของร้านอาหารตะเพิดไล่ยังกะpig ยังกะdog เพราะอยากรู้ภาษาอังกฤษ



สิบกว่าปีมาแล้วผมเคยเขียนให้กำลังใจน้องๆ นักศึกษาที่เคยท้อถอยในการเรียนภาษาอังกฤษในห้องไกลบ้านชื่อว่า "ข้าวก้นบาตร กับภาษาอังกฤษ"  เป็นประสบการณ์ที่ผมต้องแอบเรียนภาษาอังกฤษ(สมัยบวชเรียน)  ถ้ามีเวลาก็แวะไปอ่านดู นะครับ  http://topicstock.ppantip.com/klaibann/topicstock/H2780896/H2780896.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่