วันที่ 27 มกราคม 59 ที่ผ่านมา โอลิมปัส (ประเทศไทย) ก็เปิดตัว Olympus PEN-F กล่องรุ่นใหม่สุดในตระกูล PEN หลังจากนั้นในวันที่ 31 มกราคม โอลิมปัสก็จัด Test Drive ให้แก่ hardcore user ได้ลองจับลองเล่นกล้องก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมเนียมที่เป็นมาตลอดหลายปีของโอลิมปัสประเทศไทย ที่เมื่อเปิดตัวกล้องใหม่แล้ววันก่อนที่จะส่งกล้องไปให้สื่อได้เทสกันยาวๆ จะจัดสัมมนาโต๊ะกลมให้แก่ผู้ใช้ระดับ hardcore ได้ทดลองเล่นกันก่อน
ผมได้ไปทดลองใช้ลองเล่นโอลิมปัส เพน-เอฟ รุ่นนี้มาเหมือนกัน ก็เลยสรุปความคิดเห็นกันหน่อยว่าหลังจากได้เล่นแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง พร้อมรูปประกอบนิดหน่อย
รูปทั้งหมดถ่ายด้วยโหมด P ตั้งเป็นออโต้ให้หมด ยกกดอย่างเดียวไม่ได้ชดเชยแสง ได้ jpg ออกมาก็ย่อแล้วโพสเลย
Color Preset 3
สรุป PEN-F หลังจาก Test Drive
1. เล็ก เบา กระทัดรัดกว่าที่คิดหน่อยนึง สวยกว่าในรูป สีเงินสวยกว่าสีดำ ปุ่มแป้นต่างๆ วางอยู่ในที่ๆ ควรอยู่ ไม่มีอะไรผิดคาดอยู่ผิดที่ผิดทาง ทำให้ต้องฝืนมือในการใช้งาน เออร์โกโนมิคน่าจะลงตัวที่สุดแล้วในบรรดากล้องทรงนี้ วงแหวนหลัง เล็กไปนิดไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร แต่ถ้าใหญ่กว่านี้ได้ก็ดี
เป็นกล้องทรงแบนที่จับถนัดมาก เบ้ารับนิ้วโป้งช่วยให้จับกล้องได้ถนัดมากจริงๆ มีปาดเหลี่ยมบอดี้ที่ข้างเลนส์ฝั่งซ้าย และลบมุมฐานกล้องที่สันมือขวา ช่วยให้วางมือถนัดขึ้น
วงแหวนชดเชยแสงหนืดกำลังดีเคลื่อนยาก ผมชอบ แต่ ข้อเสียคือ Disable ไม่ได้ ล็อคไม่ได้ ย้ายไปใช้การชดเชยแสงด้วยวิธีอื่นไม่ได้ บังคับใช้แป้นนี้เท่านั้น ไม่สามารถ customize การชดเชยแสงได้เลย ผิดธรรมชาติกล้องโอลิมปัสมากๆ หวังว่าเฟิร์มแวร์ตัวจริงจะไม่ออกมาแบบนี้นะ ตำแหน่งแป้นชดเชยแสงค้ำโคนนิ้วชี้หน่อยถ้านิ้วสั้นแบบผม มือใหญ่คงไม่มีปัญหา
2. อะไรก็ดียกเว้นการวางตำแหน่งสวิชท์เปิดปิด ที่โอลิมปัสทำเรื่องนี้ได้เลวร้ายคงเส้นคงวาตลอดมา และแย่เป็นพิเศษในรุ่นนี้
เป็นปุ่มเปิดปิดที่สวย แต่เปิดปิดยากมาก ฝืด วางในตำแหน่งใช้งานยาก แถมปุ่มยังจับยากอีก ประสบการณ์การใช้งานของปุ่มนี้จัดว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของกล้องนี้แล้ว ปุ่มเปิดปิดที่ว่าแย่ๆ ของกล้องโอลิมปัสอื่นๆ กลายเป็นปุ่มที่ใช้งานสะดวกง่ายดายไปในทันทีเมื่อเทียบกับ PEN-F
3. จอเปิดกางยาก งัดไม่ค่อยขึ้น ผมว่ากล้องสไตล์นี้งัดขึ้นกดลงก็พอแล้ว ไม่ต้องกางหมุน 360 องศาก็ได้ ถ้าจะมีอะไรพังในกล้องนี้ ผมว่าบานพับจอนี่แหละอย่างแรก
4. ที่ดีน้อยลงมาหน่อยคือปุ่มฟังก์ชั่นหน้ากล้องที่ใช้เป็นปุ่มเช็คชัดลึก ไม่ควรปรับเป็นอย่างอื่นที่มีผลกับเซ็ตติ้งเลยเพราะเผลอไปโดนได้ง่ายมาก และมันไวมากๆ ผมทำปุ่มลั่นแทบทุกครั้งที่จับกล้อง
ใครที่ใช้เลนส์มือหมุนปุ่นนี้เหมาะกับการใช้เปิด peaking เพราะสะดวกดี และประหยัดปุ่มฟังก์ชั่นเอาไปทำอย่างอื่น
5. ลาก่อนสวิชท์ 2x2 ที่เคยมีอยู่ในกล้องรุ่นเก่า มันดีในทางทฤษฎี แต่เวลาใช้จริงมันซับซ้อน ชวนงง ต้องจำเยอะ และเพิ่มโอกาสผิดพลาดได้มาก ตอนนี้โอลิมปัสจับมาฟิวชั่นกับปุ่ม HDR, Tone Curve กลายเป็นสวิชท์ผลักซ้ายขวาอยู่ใต้แป้นโหมด ซึ่งมันทำงานได้เร็วกว่า ง่ายกว่า และผิดพลาดน้อยกว่าเดิมมาก และยังใช้ได้หลากหลายอีกด้วย
[img]
Color Preset 2
Color Preset 3 + Red 10 + Yellow 10
6. สมดุลย์การจับถือดีกว่า PEN รุ่นก่อนๆ น้ำหนักไม่เทลงทางซ้ายมากไป แต่ถ้าใส่เลนส์ซูมหนักๆ มันจะไม่ถนัด ถึงแม้จะใส่กริ๊ปก็ตาม ใส่กับเลนส์เดี่ยวจะเหมาะมาก
กริ๊ปก็เป็นสิ่งที่ดีแม้จะไม่งาม ในความคิดเห็นส่วนตัวผมว่ากริ๊ปขี้เหร่มากค่ะคุณขา แต่ใส่แล้วจับถนัดสุดๆ วางมือเป็นธรรมชาติมาก เทียบกับ OM-D ที่ใส่กริ๊ปแล้วไม่แพ้กันเลย ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนิ้วกลางชน Creative Dial หน้ากล้องด้วย
7. ถ้ามือเล็กแบบผม Creative Dial ด้านหน้าไม่บาดนิ้วครับ ผมใช้ครึ่งวันไม่สะดุดอะไรเลย แต่ถ้าคนมือใหญ่หรือมีท่าจับกล้องไม่เหมือนผมอาจจะต่างไป แต่ถ้าบาดนิ้วจริงๆ ก็แก้ได้ด้วยกริ๊ปเสริม
การหมุน Dial หน้า ต้องอาศัยความคุ้นหน่อยถ้าต้องการปรับแบบไม่มอง ผมใช้วิธีนับคลิ๊กเอา แต่มันก็มีแค่ 5 ตำแหน่ง จำไม่ยาก เสียแต่ต้องละมือจากกริ๊ปมาหมุนเท่านั้น
8. เซ็นเซอร์ใหม่ 20 ล้านพิกเซลให้ภาพดีกว่าเซ็นเซอร์อายุ 4 ขวบในรุ่นเดิมจนรู้สึกได้ ไดนามิคเรนจ์ฝั่งดีกว่าเดิมหน่อย ส่วนมืดลงลึกมากกว่ารุ่นเดิม น้อยส์ รายละเอียด ความคมชัดอะไรก็ดีกว่าเดิม แต่ตอนนี้ยังเป็นกล้องตัวไม่สมบูรณ์ เอาไว้ให้เวอร์ชั่นขายจริงออกแล้วค่อยมาว่ากันอีกที
9. ชุดชัตเตอร์ใหม่ ดีขึ้นยังไงมั่งไม่รู้ รู้แต่เสียงเพราะเชียว เสียงคลิ๊กๆ เพลินจริงๆ
Color Preset 1 ภาพ flat นิดหน่อย ไดนามิคเรนจ์ดีเชียว เก็บได้ตั้งแต่เมฆยันเงามืด
Color Preset 3
10. Operational Consistency ดีมากๆ แต่ละเมนู แต่ละฟังก์ชั่น จะใช้ปุ่มสั่งงานแบบเดียวกันหมด เวลาใช้แล้วมันไม่ต้องใช้ความคิดเลย ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนในการสั่งการก็สามารถทำงานตามที่สามัญสำนึกคิดว่าต้องเป็นแบบนี้ได้เลย
อะไรอย่างอื่นที่ต้องการอธิบายก็จะบอกปุ่มที่ใช้ไว้บนจอ ความคงที่ก็อย่างเช่นทุกฟีเจอร์จะใช้ปุ่ม info เปิดออพชั่นเหมือนกันหมด และไม่ว่าจะกำลังปรับอะไรอยู่แค่ไหนพอกด OK ค้างจะรีเซ็ตค่าแสงสีเคิร์ฟที่ตั้งไว้ไปที่ดีฟอล์ท ฯลฯ
11. แบตก้อนหนึ่งเปิดตลอดเวลา ใช้จอหลังเกือบตลอด เดินถ่ายได้ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ก่อนจะหมด ถ่ายไปสักเกือบๆ 3 ร้อยรูปได้ ผมว่าทริปวันนึงใช้แบบประหยัดๆ แแบต 2 ก้อนน่าจะพอถ่ายได้ทั้งวัน สัก 7 ร้อยรูป ถ้า 3 ก้อนก็ใช้ทิ้งใช้ขว้างได้สบายๆ ทั้งวันแบบไม่ต้องกังวล
12. วงแหวน color control ด้านหน้า ตอนแรกผมคิดว่าแค่เป็นการย้ายการควบคุมสี กับโทนภาพออกมาไว้เป็นที่เป็นทางเฉยๆ ...แต่ไม่ใช่
Monochrome Preset 1
Color Preset 2 + Blue
[SR] Olympus PEN-F classic reborn
วันที่ 27 มกราคม 59 ที่ผ่านมา โอลิมปัส (ประเทศไทย) ก็เปิดตัว Olympus PEN-F กล่องรุ่นใหม่สุดในตระกูล PEN หลังจากนั้นในวันที่ 31 มกราคม โอลิมปัสก็จัด Test Drive ให้แก่ hardcore user ได้ลองจับลองเล่นกล้องก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามธรรมเนียมที่เป็นมาตลอดหลายปีของโอลิมปัสประเทศไทย ที่เมื่อเปิดตัวกล้องใหม่แล้ววันก่อนที่จะส่งกล้องไปให้สื่อได้เทสกันยาวๆ จะจัดสัมมนาโต๊ะกลมให้แก่ผู้ใช้ระดับ hardcore ได้ทดลองเล่นกันก่อน
ผมได้ไปทดลองใช้ลองเล่นโอลิมปัส เพน-เอฟ รุ่นนี้มาเหมือนกัน ก็เลยสรุปความคิดเห็นกันหน่อยว่าหลังจากได้เล่นแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง พร้อมรูปประกอบนิดหน่อย
รูปทั้งหมดถ่ายด้วยโหมด P ตั้งเป็นออโต้ให้หมด ยกกดอย่างเดียวไม่ได้ชดเชยแสง ได้ jpg ออกมาก็ย่อแล้วโพสเลย
Color Preset 3
สรุป PEN-F หลังจาก Test Drive
1. เล็ก เบา กระทัดรัดกว่าที่คิดหน่อยนึง สวยกว่าในรูป สีเงินสวยกว่าสีดำ ปุ่มแป้นต่างๆ วางอยู่ในที่ๆ ควรอยู่ ไม่มีอะไรผิดคาดอยู่ผิดที่ผิดทาง ทำให้ต้องฝืนมือในการใช้งาน เออร์โกโนมิคน่าจะลงตัวที่สุดแล้วในบรรดากล้องทรงนี้ วงแหวนหลัง เล็กไปนิดไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร แต่ถ้าใหญ่กว่านี้ได้ก็ดี
เป็นกล้องทรงแบนที่จับถนัดมาก เบ้ารับนิ้วโป้งช่วยให้จับกล้องได้ถนัดมากจริงๆ มีปาดเหลี่ยมบอดี้ที่ข้างเลนส์ฝั่งซ้าย และลบมุมฐานกล้องที่สันมือขวา ช่วยให้วางมือถนัดขึ้น
วงแหวนชดเชยแสงหนืดกำลังดีเคลื่อนยาก ผมชอบ แต่ ข้อเสียคือ Disable ไม่ได้ ล็อคไม่ได้ ย้ายไปใช้การชดเชยแสงด้วยวิธีอื่นไม่ได้ บังคับใช้แป้นนี้เท่านั้น ไม่สามารถ customize การชดเชยแสงได้เลย ผิดธรรมชาติกล้องโอลิมปัสมากๆ หวังว่าเฟิร์มแวร์ตัวจริงจะไม่ออกมาแบบนี้นะ ตำแหน่งแป้นชดเชยแสงค้ำโคนนิ้วชี้หน่อยถ้านิ้วสั้นแบบผม มือใหญ่คงไม่มีปัญหา
2. อะไรก็ดียกเว้นการวางตำแหน่งสวิชท์เปิดปิด ที่โอลิมปัสทำเรื่องนี้ได้เลวร้ายคงเส้นคงวาตลอดมา และแย่เป็นพิเศษในรุ่นนี้
เป็นปุ่มเปิดปิดที่สวย แต่เปิดปิดยากมาก ฝืด วางในตำแหน่งใช้งานยาก แถมปุ่มยังจับยากอีก ประสบการณ์การใช้งานของปุ่มนี้จัดว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของกล้องนี้แล้ว ปุ่มเปิดปิดที่ว่าแย่ๆ ของกล้องโอลิมปัสอื่นๆ กลายเป็นปุ่มที่ใช้งานสะดวกง่ายดายไปในทันทีเมื่อเทียบกับ PEN-F
3. จอเปิดกางยาก งัดไม่ค่อยขึ้น ผมว่ากล้องสไตล์นี้งัดขึ้นกดลงก็พอแล้ว ไม่ต้องกางหมุน 360 องศาก็ได้ ถ้าจะมีอะไรพังในกล้องนี้ ผมว่าบานพับจอนี่แหละอย่างแรก
4. ที่ดีน้อยลงมาหน่อยคือปุ่มฟังก์ชั่นหน้ากล้องที่ใช้เป็นปุ่มเช็คชัดลึก ไม่ควรปรับเป็นอย่างอื่นที่มีผลกับเซ็ตติ้งเลยเพราะเผลอไปโดนได้ง่ายมาก และมันไวมากๆ ผมทำปุ่มลั่นแทบทุกครั้งที่จับกล้อง
ใครที่ใช้เลนส์มือหมุนปุ่นนี้เหมาะกับการใช้เปิด peaking เพราะสะดวกดี และประหยัดปุ่มฟังก์ชั่นเอาไปทำอย่างอื่น
5. ลาก่อนสวิชท์ 2x2 ที่เคยมีอยู่ในกล้องรุ่นเก่า มันดีในทางทฤษฎี แต่เวลาใช้จริงมันซับซ้อน ชวนงง ต้องจำเยอะ และเพิ่มโอกาสผิดพลาดได้มาก ตอนนี้โอลิมปัสจับมาฟิวชั่นกับปุ่ม HDR, Tone Curve กลายเป็นสวิชท์ผลักซ้ายขวาอยู่ใต้แป้นโหมด ซึ่งมันทำงานได้เร็วกว่า ง่ายกว่า และผิดพลาดน้อยกว่าเดิมมาก และยังใช้ได้หลากหลายอีกด้วย
[img]
Color Preset 2
Color Preset 3 + Red 10 + Yellow 10
6. สมดุลย์การจับถือดีกว่า PEN รุ่นก่อนๆ น้ำหนักไม่เทลงทางซ้ายมากไป แต่ถ้าใส่เลนส์ซูมหนักๆ มันจะไม่ถนัด ถึงแม้จะใส่กริ๊ปก็ตาม ใส่กับเลนส์เดี่ยวจะเหมาะมาก
กริ๊ปก็เป็นสิ่งที่ดีแม้จะไม่งาม ในความคิดเห็นส่วนตัวผมว่ากริ๊ปขี้เหร่มากค่ะคุณขา แต่ใส่แล้วจับถนัดสุดๆ วางมือเป็นธรรมชาติมาก เทียบกับ OM-D ที่ใส่กริ๊ปแล้วไม่แพ้กันเลย ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนิ้วกลางชน Creative Dial หน้ากล้องด้วย
7. ถ้ามือเล็กแบบผม Creative Dial ด้านหน้าไม่บาดนิ้วครับ ผมใช้ครึ่งวันไม่สะดุดอะไรเลย แต่ถ้าคนมือใหญ่หรือมีท่าจับกล้องไม่เหมือนผมอาจจะต่างไป แต่ถ้าบาดนิ้วจริงๆ ก็แก้ได้ด้วยกริ๊ปเสริม
การหมุน Dial หน้า ต้องอาศัยความคุ้นหน่อยถ้าต้องการปรับแบบไม่มอง ผมใช้วิธีนับคลิ๊กเอา แต่มันก็มีแค่ 5 ตำแหน่ง จำไม่ยาก เสียแต่ต้องละมือจากกริ๊ปมาหมุนเท่านั้น
8. เซ็นเซอร์ใหม่ 20 ล้านพิกเซลให้ภาพดีกว่าเซ็นเซอร์อายุ 4 ขวบในรุ่นเดิมจนรู้สึกได้ ไดนามิคเรนจ์ฝั่งดีกว่าเดิมหน่อย ส่วนมืดลงลึกมากกว่ารุ่นเดิม น้อยส์ รายละเอียด ความคมชัดอะไรก็ดีกว่าเดิม แต่ตอนนี้ยังเป็นกล้องตัวไม่สมบูรณ์ เอาไว้ให้เวอร์ชั่นขายจริงออกแล้วค่อยมาว่ากันอีกที
9. ชุดชัตเตอร์ใหม่ ดีขึ้นยังไงมั่งไม่รู้ รู้แต่เสียงเพราะเชียว เสียงคลิ๊กๆ เพลินจริงๆ
Color Preset 1 ภาพ flat นิดหน่อย ไดนามิคเรนจ์ดีเชียว เก็บได้ตั้งแต่เมฆยันเงามืด
Color Preset 3
10. Operational Consistency ดีมากๆ แต่ละเมนู แต่ละฟังก์ชั่น จะใช้ปุ่มสั่งงานแบบเดียวกันหมด เวลาใช้แล้วมันไม่ต้องใช้ความคิดเลย ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนในการสั่งการก็สามารถทำงานตามที่สามัญสำนึกคิดว่าต้องเป็นแบบนี้ได้เลย
อะไรอย่างอื่นที่ต้องการอธิบายก็จะบอกปุ่มที่ใช้ไว้บนจอ ความคงที่ก็อย่างเช่นทุกฟีเจอร์จะใช้ปุ่ม info เปิดออพชั่นเหมือนกันหมด และไม่ว่าจะกำลังปรับอะไรอยู่แค่ไหนพอกด OK ค้างจะรีเซ็ตค่าแสงสีเคิร์ฟที่ตั้งไว้ไปที่ดีฟอล์ท ฯลฯ
11. แบตก้อนหนึ่งเปิดตลอดเวลา ใช้จอหลังเกือบตลอด เดินถ่ายได้ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ก่อนจะหมด ถ่ายไปสักเกือบๆ 3 ร้อยรูปได้ ผมว่าทริปวันนึงใช้แบบประหยัดๆ แแบต 2 ก้อนน่าจะพอถ่ายได้ทั้งวัน สัก 7 ร้อยรูป ถ้า 3 ก้อนก็ใช้ทิ้งใช้ขว้างได้สบายๆ ทั้งวันแบบไม่ต้องกังวล
12. วงแหวน color control ด้านหน้า ตอนแรกผมคิดว่าแค่เป็นการย้ายการควบคุมสี กับโทนภาพออกมาไว้เป็นที่เป็นทางเฉยๆ ...แต่ไม่ใช่
Monochrome Preset 1
Color Preset 2 + Blue