ทำไมต้องแอฟริกาใต้ ?
ถ้าพูดถึงประเทศแอฟริกาใต้ แน่นอนว่าประเทศนี้อาจจะไม่ได้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของคนไทยโดยทั่วไป แล้วทำไมเราถึงเลือกไปที่นี่!!! จุดเริ่มต้นมาจาก…เรามีเพื่อนคนไทยซึ่งทำงานอยู่ในแอฟริกาใต้ เพื่อนชวนไปเที่ยวทุกปี “นี่พวกเธอเมื่อไหร่จะมาเที่ยวแอฟริกาใต้ หาโอกาสมาเที่ยวให้ได้นะตอนชั้นยังอยู่ที่นี่ แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีภูมิประเทศสวยงามมากนะเธอ โดยเฉพาะเมืองเคปทาวน์ มาแล้วจะชอบประเทศนี้จริงๆ” จนกระทั่งถึงปีสุดท้ายที่เพื่อนจะทำงานอยู่ที่โน่น เราเลยเริ่มหาข้อมูลอย่างจริงจังและตัดสินใจที่จะไป (ปล. เที่ยวแอฟริกาใต้ไม่ต้องขอวีซ่านะจ๊ะ) โดยทริปนี้ไปกัน 4 คน พวกเราจองตั๋วตั้งแต่เดือน ม.ค. 58 ได้ตั๋วโปรโมชั่นของ Etihad ไปกลับ กทม.-โจฮันเนสเบิร์ก ในราคา 29,990 บาท และตั๋วในประเทศของ Kulula ไปกลับ โจฮันเนสเบิร์ก-เคปทาวน์ ในราคา 7,600 บาท
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ?
เราเลือกเดินทางช่วงเดือนตุลาคม (23-31 ต.ค. 58) ซึ่งเดือนนี้เป็นเพียงเดือนเดียวที่จะได้เห็นเมืองเต็มไปด้วยดอกไม้สีม่วงตามริมถนนหนทาง ดอกไม้สีม่วงนี้ มีชื่อว่า ดอกจักกาแรนด้า (Jacaranda) อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงนี้ประมาณ 17c-19c สภาพอากาศเย็นสบาย ใส่เพียง light jacket คลุมก็เพียงพอ ตอนกลางวันมีแดดจ้า แสงแดดที่โน่นแรงอย่าบอกใคร อย่าได้ลืมแว่นกันแดดและทาครีมกันแดดเลยทีเดียว สำหรับเมืองริมชายฝั่งทะเลจะมีลมแรงกระตุ้นความหนาวเพิ่มเติมอีกด้วย สำหรับคนที่จะไปท่องเที่ยวในเดือนอื่นๆ ก็จะเจออากาศเย็นสบายไปจนถึงหนาวมากในฤดูหนาว เราถามเพื่อนว่าที่นี่ ร้อนสุดกี่องศา เพื่อนเราบอกว่า อุณหภูมิที่แอฟริกาใต้ไม่เคยเกิน 25c เลยนะ
แอฟริกาใต้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ?
ส่วนใหญ่คนจะนึกถึง การท่องป่าซาฟารี ชมชีวิตสัตว์ป่าตามธรรมชาติ (Wildlife) หรือที่เรียกกันติดปากว่า ตามหา BIG 5 (ประกอบด้วย แรด ควายป่า ช้างแอฟริกา สิงโต และเสือดาว) แต่นอกเหนือจากความสมบูรณ์ของป่าทุ่งหญ้าสะวันน่าและสัตว์ป่านานาชนิด แอฟริกาใต้ยังมีภูมิประเทศที่สวยงามทั้งในเขตเมืองและเขตชายฝั่งทะเล โดยพวกเราจัดโปรแกรมเที่ยวกัน ดังนี้
Day 1-3 เที่ยวเมืองพริทอเรียและโจฮันเนสเบิร์ก >> Union Building (ทำเนียบประธานาธิบดี), Rosebank Mall, Nelson Mandera Square, Lion Park, Cradle of Humankind (World Heritage Site), Pilanesburg Game Drive (Safari), Sun City
Day 4-7 เที่ยวเมืองเคปทาวน์ >> Table Mountain (1 ใน 7 มหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก) , Signal Hill, Lion Head, Groot Constantia (ไร่ไวน์ที่เก่าแก่สุดในแอฟริกาใต้), Hout Bay (เกาะแมวน้ำ), Boulders Beach (อาณาจักรเพนกวิน), Cape Point (ส่วนของแผ่นดินปลายสุดของทวีปแอฟริกา), Cape of Good Hope, Castle of Good Hope, Kirstenbosch Garden, Stellenbosch&Franschhoek (เมืองที่เต็มไปด้วยไร่ไวน์ทั้งเมือง), V&A Waterfront, Chapman’s Peak Drive (ถนนเลียบมหาสมุทรแอตแลนติกที่ติดอันดับหนึ่งในถนนที่สวยที่สุดในโลก)
เที่ยวอย่างไรดี ?
ประเทศแอฟริกาใต้เป็นประเทศที่ติดอันดับเมืองอาชญากรรมสูงแห่งหนึ่งของโลก พอพวกเราบอกใครๆ ว่าจะไปเที่ยวที่นี่ ก็มีแต่คนเตือนการโดนจี้ปล้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเราถึงกับจิตตกและล้มเลิกความตั้งใจในการไปเที่ยวครั้งนี้ ส่วนหนึ่งคือเพื่อนคนไทยที่โน่น ก็คอยให้คำแนะนำตลอดถึงการเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย ดังนั้น พวกเราจึงเลือกวิธีการเที่ยวโดย การเช่ารถพร้อมคนขับ ค่าเช่ารถอยู่ที่ 350 USD ต่อวัน เท่ากับประมาณ 12,250 บาทต่อวัน (อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น 1 USD=35 บาท) ซึ่งราคานี้รวมค่าน้ำมันแล้ว เราเลือกเช่ารถเที่ยวที่เคปทาวน์ ทั้งหมด 4 วัน ส่วนพริทอเรียและโจฮันเนสเบิร์กใช้รถเพื่อนและพักบ้านเพื่อนจึงประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ส่วนหนึ่ง
สำหรับคนที่สนใจ Backpack ก็สามารถทำได้ เพียงแต่อย่าเลือกพักและไปเดินเล่นยามค่ำคืนแถว downtown รวมถึงไม่พกของมีค่าติดตัวและอย่าเล่นมือถือขณะเดินบนท้องถนน แต่ถ้าใครคิดมากับทัวร์ก็สบายใจได้
เนื่องจากแอฟริกาใต้ระบบรถไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุม รถเมล์มีแต่คนดำนั่งสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายมาก รถแท็กซี่มีน้อยมากในเมือง นอกเมืองไม่ต้องพูดถึงไม่มีให้เห็นเลย ยกเว้นก็แต่เมืองท่องเที่ยวอย่างเคปทาวน์ พอมีบริการรถแท็กซี่ให้เห็นอยู่บ้าง ประกอบกับสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งอยู่ไกลกัน
ในความคิดเห็นเรา หากจะเที่ยวแอฟริกาใต้ด้วยตนเอง การเช่ารถเป็นวิธีที่ดีที่สุด จะเช่าขับเองก็ได้เพราะพวงมาลัยอยู่ด้านขวาเหมือนบ้านเรา หรือจะเช่าพร้อมคนขับแบบเรา
เที่ยวเองใช้งบเท่าไหร่ ?
ทริปนี้ 9 วัน 8 คืน ค่าใช้จ่ายประมาณ 65,000 บาท (ค่าตั๋วเครื่องบิน+ค่าที่พักเคปทาวน์+ค่าเช่ารถรวมทิป+ค่าอาหาร+ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว) ไม่รวมช้อปปิ้งและซื้อของฝาก ค่าครองชีพที่โน่นไม่ค่อยแพง อาหารการกินอยู่ในระดับที่รับได้ใช้จ่ายแบบไม่ต้องคิดมากมายอะไร เมื่อเทียบกับปริมาณและคุณภาพอาหารที่ได้รับ ร้านอาหารดีๆ เฉลี่ยต่อมื้อ 200-600 บาท แต่หากซื้ออาหารสำเร็จรูปในซุปเปอร์มาร์เก็ตทานก็จะถูกกว่านี้ ซึ่งพวกเราเลือกทานอย่างหลังซะส่วนมาก หากใครเป็นคนชอบแต่งบ้าน เราขอเตือนว่า...สินค้าประเภท Art & Craft อาจจะทำให้ค่าช้อปปิ้งของคุณบานปลาย รวมไปถึงของที่ระลึกของที่นี่ราคาโหดอยู่ คิดจะซื้อไปฝากใครต้องเลือกให้เฉพาะคนที่สนิทจริงๆ มิฉะนั้นค่าของฝากของคุณก็อาจบานปลายได้เช่นกัน
พูดถึงแอฟริกาใต้ ก่อนไป VS หลังไป...
ภาพที่พวกเราคิดไว้กับภาพที่เราไปเห็นมันแตกต่างซะจริง ก่อนไป...นึกถึงบ้านเมืองโทรมๆ สกปรก ป่าเยอะๆ คนดำพลุกพล่าน เมื่อไปถึง...เชื่อป่าวว่า แค่ระหว่างทางนั่งรถจากสนามบินเข้าเมือง ขับเพียงไม่กี่กิโลเมตร ทำให้พวกเราพูดกันในรถได้เลยว่า ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้เลยจริงๆ ภาพที่เห็น คือ ถนนหาทางที่ดี ค่อนข้างสะอาด ระบบทางด่วน Easy Pass ที่อีซี่ๆ ดีกว่าบ้านเรามาก วิวระหว่างทางที่เป็นทิวเขาสลับทับซ้อนกันไปมา สวยงามมาก ทำให้ถนนไม่ใช่ถนนเรียบๆ ตรงเข้าเมือง มีคดเคี้ยวและสูงต่ำตามเส้นทางภูเขา พอเข้ามาในเมือง ตึกอาคารบ้านเรือน ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ตเหมือนประเทศฝั่งยุโรป คนดำพบเจอบ้างแต่ไม่ได้เยอะขนาดเรียกได้ว่าพลุกพล่าน เพราะเค้าจะอยู่ในที่ของเค้า คือ สลัม อยู่เป็นย่านๆ ไป ยิ่งที่เคปทาวน์เจอคนดำน้อยมาก หากให้สรุปถึงประเทศแอฟริกาใต้ คือเหมือนประเทศในแถบยุโรปที่มีคนดำอยู่นั่นเอง
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ...
1.การใช้กล้องถ่ายรูปในแอฟริกาใต้ ควรระวังการถ่ายภาพที่ไม่ใช่วิวทิวทัศน์ เพราะอาจจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเดินมาบอกให้คุณลบภาพที่ถ่ายไป แนะนำให้ถามก่อนถ่ายรูป ว่าถ่ายได้หรือไม่?
2.เวลาเดินในตลาดของฝาก หากไม่ได้สนใจที่จะซื้อสินค้าในร้านนั้น อย่าได้เข้าไปถามจุกจิก เพราะคุณจะปลีกตัวออกมาจากร้านได้ยากมาก เมื่อออกมาได้ก็อาจจะโดนด่า ซึ่งเราก็ฟังไม่ออกหรอก555
3.ระมัดระวังในการหยิบกระเป๋าเงินจ่ายค่าสินค้าหรือบริการ อย่าหยิบเงินออกมาเป็นฟ่อน ล่อตาล่อใจมิจฉาชีพ เดี๋ยวจะโดนจี้ปล้นเอาได้ รวมถึงอย่าเดินเล่นมือถือในที่สาธารณะเพราะอาจจะโดนฉกไปได้
4.หลีกเลี่ยงการสั่งอาหารประเภท เนื้อหมู เพราะเนื้อหมูที่แอฟริกาใต้ไม่อร่อยเลย เนื้อแข็งๆ เหนียวๆ แต่ถ้าใครเป็นคอทานเนื้อ รับรองไม่ผิดหวัง (พวกเราเป็นแก๊งค์ไม่ทานเนื้อ เลยทานได้แค่ไก่กับซีฟู้ด)
5.คอไวน์จะเป็นปลื้ม ราคาไวน์ที่แอฟริกาใต้ถูกมาก พอๆกับราคาน้ำเปล่าขวดใหญ่ คุณสามารถจะทานไวน์ต่างน้ำได้เลย ถ้าไม่กลัวเมา...จนไม่ได้เที่ยว
6.ไม่แนะนำให้ซื้อ local tour เพราะราคาแพงมาก ยิ่งไปเที่ยวหลายวันงบคุณอาจจะขึ้นจาก 5 หลัก ไปเป็น 6 หลัก แต่ถ้าคุณรับได้กับงบที่สูงขึ้นก็จัดไปค่ะ
7.แอฟริกาใต้ปลอดอีโบล่า และไม่ต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้เหลือง สบายใจได้จ้า
[CR] เที่ยวแอฟริกาใต้ ดินแดน 2 มหาสมุทร ด้วยงบ 65,000 บาท
ทำไมต้องแอฟริกาใต้ ?
ถ้าพูดถึงประเทศแอฟริกาใต้ แน่นอนว่าประเทศนี้อาจจะไม่ได้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของคนไทยโดยทั่วไป แล้วทำไมเราถึงเลือกไปที่นี่!!! จุดเริ่มต้นมาจาก…เรามีเพื่อนคนไทยซึ่งทำงานอยู่ในแอฟริกาใต้ เพื่อนชวนไปเที่ยวทุกปี “นี่พวกเธอเมื่อไหร่จะมาเที่ยวแอฟริกาใต้ หาโอกาสมาเที่ยวให้ได้นะตอนชั้นยังอยู่ที่นี่ แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีภูมิประเทศสวยงามมากนะเธอ โดยเฉพาะเมืองเคปทาวน์ มาแล้วจะชอบประเทศนี้จริงๆ” จนกระทั่งถึงปีสุดท้ายที่เพื่อนจะทำงานอยู่ที่โน่น เราเลยเริ่มหาข้อมูลอย่างจริงจังและตัดสินใจที่จะไป (ปล. เที่ยวแอฟริกาใต้ไม่ต้องขอวีซ่านะจ๊ะ) โดยทริปนี้ไปกัน 4 คน พวกเราจองตั๋วตั้งแต่เดือน ม.ค. 58 ได้ตั๋วโปรโมชั่นของ Etihad ไปกลับ กทม.-โจฮันเนสเบิร์ก ในราคา 29,990 บาท และตั๋วในประเทศของ Kulula ไปกลับ โจฮันเนสเบิร์ก-เคปทาวน์ ในราคา 7,600 บาท
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ?
เราเลือกเดินทางช่วงเดือนตุลาคม (23-31 ต.ค. 58) ซึ่งเดือนนี้เป็นเพียงเดือนเดียวที่จะได้เห็นเมืองเต็มไปด้วยดอกไม้สีม่วงตามริมถนนหนทาง ดอกไม้สีม่วงนี้ มีชื่อว่า ดอกจักกาแรนด้า (Jacaranda) อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงนี้ประมาณ 17c-19c สภาพอากาศเย็นสบาย ใส่เพียง light jacket คลุมก็เพียงพอ ตอนกลางวันมีแดดจ้า แสงแดดที่โน่นแรงอย่าบอกใคร อย่าได้ลืมแว่นกันแดดและทาครีมกันแดดเลยทีเดียว สำหรับเมืองริมชายฝั่งทะเลจะมีลมแรงกระตุ้นความหนาวเพิ่มเติมอีกด้วย สำหรับคนที่จะไปท่องเที่ยวในเดือนอื่นๆ ก็จะเจออากาศเย็นสบายไปจนถึงหนาวมากในฤดูหนาว เราถามเพื่อนว่าที่นี่ ร้อนสุดกี่องศา เพื่อนเราบอกว่า อุณหภูมิที่แอฟริกาใต้ไม่เคยเกิน 25c เลยนะ
แอฟริกาใต้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ?
ส่วนใหญ่คนจะนึกถึง การท่องป่าซาฟารี ชมชีวิตสัตว์ป่าตามธรรมชาติ (Wildlife) หรือที่เรียกกันติดปากว่า ตามหา BIG 5 (ประกอบด้วย แรด ควายป่า ช้างแอฟริกา สิงโต และเสือดาว) แต่นอกเหนือจากความสมบูรณ์ของป่าทุ่งหญ้าสะวันน่าและสัตว์ป่านานาชนิด แอฟริกาใต้ยังมีภูมิประเทศที่สวยงามทั้งในเขตเมืองและเขตชายฝั่งทะเล โดยพวกเราจัดโปรแกรมเที่ยวกัน ดังนี้
Day 1-3 เที่ยวเมืองพริทอเรียและโจฮันเนสเบิร์ก >> Union Building (ทำเนียบประธานาธิบดี), Rosebank Mall, Nelson Mandera Square, Lion Park, Cradle of Humankind (World Heritage Site), Pilanesburg Game Drive (Safari), Sun City
Day 4-7 เที่ยวเมืองเคปทาวน์ >> Table Mountain (1 ใน 7 มหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก) , Signal Hill, Lion Head, Groot Constantia (ไร่ไวน์ที่เก่าแก่สุดในแอฟริกาใต้), Hout Bay (เกาะแมวน้ำ), Boulders Beach (อาณาจักรเพนกวิน), Cape Point (ส่วนของแผ่นดินปลายสุดของทวีปแอฟริกา), Cape of Good Hope, Castle of Good Hope, Kirstenbosch Garden, Stellenbosch&Franschhoek (เมืองที่เต็มไปด้วยไร่ไวน์ทั้งเมือง), V&A Waterfront, Chapman’s Peak Drive (ถนนเลียบมหาสมุทรแอตแลนติกที่ติดอันดับหนึ่งในถนนที่สวยที่สุดในโลก)
เที่ยวอย่างไรดี ?
ประเทศแอฟริกาใต้เป็นประเทศที่ติดอันดับเมืองอาชญากรรมสูงแห่งหนึ่งของโลก พอพวกเราบอกใครๆ ว่าจะไปเที่ยวที่นี่ ก็มีแต่คนเตือนการโดนจี้ปล้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเราถึงกับจิตตกและล้มเลิกความตั้งใจในการไปเที่ยวครั้งนี้ ส่วนหนึ่งคือเพื่อนคนไทยที่โน่น ก็คอยให้คำแนะนำตลอดถึงการเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย ดังนั้น พวกเราจึงเลือกวิธีการเที่ยวโดย การเช่ารถพร้อมคนขับ ค่าเช่ารถอยู่ที่ 350 USD ต่อวัน เท่ากับประมาณ 12,250 บาทต่อวัน (อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น 1 USD=35 บาท) ซึ่งราคานี้รวมค่าน้ำมันแล้ว เราเลือกเช่ารถเที่ยวที่เคปทาวน์ ทั้งหมด 4 วัน ส่วนพริทอเรียและโจฮันเนสเบิร์กใช้รถเพื่อนและพักบ้านเพื่อนจึงประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ส่วนหนึ่ง
สำหรับคนที่สนใจ Backpack ก็สามารถทำได้ เพียงแต่อย่าเลือกพักและไปเดินเล่นยามค่ำคืนแถว downtown รวมถึงไม่พกของมีค่าติดตัวและอย่าเล่นมือถือขณะเดินบนท้องถนน แต่ถ้าใครคิดมากับทัวร์ก็สบายใจได้
เนื่องจากแอฟริกาใต้ระบบรถไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุม รถเมล์มีแต่คนดำนั่งสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายมาก รถแท็กซี่มีน้อยมากในเมือง นอกเมืองไม่ต้องพูดถึงไม่มีให้เห็นเลย ยกเว้นก็แต่เมืองท่องเที่ยวอย่างเคปทาวน์ พอมีบริการรถแท็กซี่ให้เห็นอยู่บ้าง ประกอบกับสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งอยู่ไกลกัน
ในความคิดเห็นเรา หากจะเที่ยวแอฟริกาใต้ด้วยตนเอง การเช่ารถเป็นวิธีที่ดีที่สุด จะเช่าขับเองก็ได้เพราะพวงมาลัยอยู่ด้านขวาเหมือนบ้านเรา หรือจะเช่าพร้อมคนขับแบบเรา
เที่ยวเองใช้งบเท่าไหร่ ?
ทริปนี้ 9 วัน 8 คืน ค่าใช้จ่ายประมาณ 65,000 บาท (ค่าตั๋วเครื่องบิน+ค่าที่พักเคปทาวน์+ค่าเช่ารถรวมทิป+ค่าอาหาร+ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว) ไม่รวมช้อปปิ้งและซื้อของฝาก ค่าครองชีพที่โน่นไม่ค่อยแพง อาหารการกินอยู่ในระดับที่รับได้ใช้จ่ายแบบไม่ต้องคิดมากมายอะไร เมื่อเทียบกับปริมาณและคุณภาพอาหารที่ได้รับ ร้านอาหารดีๆ เฉลี่ยต่อมื้อ 200-600 บาท แต่หากซื้ออาหารสำเร็จรูปในซุปเปอร์มาร์เก็ตทานก็จะถูกกว่านี้ ซึ่งพวกเราเลือกทานอย่างหลังซะส่วนมาก หากใครเป็นคนชอบแต่งบ้าน เราขอเตือนว่า...สินค้าประเภท Art & Craft อาจจะทำให้ค่าช้อปปิ้งของคุณบานปลาย รวมไปถึงของที่ระลึกของที่นี่ราคาโหดอยู่ คิดจะซื้อไปฝากใครต้องเลือกให้เฉพาะคนที่สนิทจริงๆ มิฉะนั้นค่าของฝากของคุณก็อาจบานปลายได้เช่นกัน
พูดถึงแอฟริกาใต้ ก่อนไป VS หลังไป...
ภาพที่พวกเราคิดไว้กับภาพที่เราไปเห็นมันแตกต่างซะจริง ก่อนไป...นึกถึงบ้านเมืองโทรมๆ สกปรก ป่าเยอะๆ คนดำพลุกพล่าน เมื่อไปถึง...เชื่อป่าวว่า แค่ระหว่างทางนั่งรถจากสนามบินเข้าเมือง ขับเพียงไม่กี่กิโลเมตร ทำให้พวกเราพูดกันในรถได้เลยว่า ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้เลยจริงๆ ภาพที่เห็น คือ ถนนหาทางที่ดี ค่อนข้างสะอาด ระบบทางด่วน Easy Pass ที่อีซี่ๆ ดีกว่าบ้านเรามาก วิวระหว่างทางที่เป็นทิวเขาสลับทับซ้อนกันไปมา สวยงามมาก ทำให้ถนนไม่ใช่ถนนเรียบๆ ตรงเข้าเมือง มีคดเคี้ยวและสูงต่ำตามเส้นทางภูเขา พอเข้ามาในเมือง ตึกอาคารบ้านเรือน ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ตเหมือนประเทศฝั่งยุโรป คนดำพบเจอบ้างแต่ไม่ได้เยอะขนาดเรียกได้ว่าพลุกพล่าน เพราะเค้าจะอยู่ในที่ของเค้า คือ สลัม อยู่เป็นย่านๆ ไป ยิ่งที่เคปทาวน์เจอคนดำน้อยมาก หากให้สรุปถึงประเทศแอฟริกาใต้ คือเหมือนประเทศในแถบยุโรปที่มีคนดำอยู่นั่นเอง
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ...
1.การใช้กล้องถ่ายรูปในแอฟริกาใต้ ควรระวังการถ่ายภาพที่ไม่ใช่วิวทิวทัศน์ เพราะอาจจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเดินมาบอกให้คุณลบภาพที่ถ่ายไป แนะนำให้ถามก่อนถ่ายรูป ว่าถ่ายได้หรือไม่?
2.เวลาเดินในตลาดของฝาก หากไม่ได้สนใจที่จะซื้อสินค้าในร้านนั้น อย่าได้เข้าไปถามจุกจิก เพราะคุณจะปลีกตัวออกมาจากร้านได้ยากมาก เมื่อออกมาได้ก็อาจจะโดนด่า ซึ่งเราก็ฟังไม่ออกหรอก555
3.ระมัดระวังในการหยิบกระเป๋าเงินจ่ายค่าสินค้าหรือบริการ อย่าหยิบเงินออกมาเป็นฟ่อน ล่อตาล่อใจมิจฉาชีพ เดี๋ยวจะโดนจี้ปล้นเอาได้ รวมถึงอย่าเดินเล่นมือถือในที่สาธารณะเพราะอาจจะโดนฉกไปได้
4.หลีกเลี่ยงการสั่งอาหารประเภท เนื้อหมู เพราะเนื้อหมูที่แอฟริกาใต้ไม่อร่อยเลย เนื้อแข็งๆ เหนียวๆ แต่ถ้าใครเป็นคอทานเนื้อ รับรองไม่ผิดหวัง (พวกเราเป็นแก๊งค์ไม่ทานเนื้อ เลยทานได้แค่ไก่กับซีฟู้ด)
5.คอไวน์จะเป็นปลื้ม ราคาไวน์ที่แอฟริกาใต้ถูกมาก พอๆกับราคาน้ำเปล่าขวดใหญ่ คุณสามารถจะทานไวน์ต่างน้ำได้เลย ถ้าไม่กลัวเมา...จนไม่ได้เที่ยว
6.ไม่แนะนำให้ซื้อ local tour เพราะราคาแพงมาก ยิ่งไปเที่ยวหลายวันงบคุณอาจจะขึ้นจาก 5 หลัก ไปเป็น 6 หลัก แต่ถ้าคุณรับได้กับงบที่สูงขึ้นก็จัดไปค่ะ
7.แอฟริกาใต้ปลอดอีโบล่า และไม่ต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้เหลือง สบายใจได้จ้า