เจ้านายผมชื่อ "เหมียว" นี่เป็นเรื่องราวต่างๆที่ผมเคยบันทึกไว้ในเฟสบุ๊คเมื่อหลายปีก่อน
การพบกันครั้งแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่บ้านไม่นิยมเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากตัวคนเดียว ไม่มีเวลาดูแล
ปีที่แล้วโชคชะตาพาให้มาเจอแมวจรจัด ซึ่งเธอผอม ขี้กลัวและตกใจง่ายมากๆ
เลยอนุเคราะห์ด้วยการไปซื้อทาโร่ แกะซอง แล้วยื่นให้ พร้อมกับทำเสียงเหมียวๆเรียก เพื่อให้มันนึกว่าพวกเดียวกัน
แต่แมวมันไม่หลงกล...
มันไม่ยอมมากิน กลัวคน เลยต้องวางทิ้งไว้
กลับมาดูอีกที ...หมดซอง เออกินเก่งแฮะ
หายไปหลายวัน มาจ๊ะเอ๋กันอีกที มันสะดุ้งตกใจ
คงจำไม่ได้ ต่างคนต่างจ้องหน้ากัน...ใครขยับก่อนแพ้
ค่อยๆถอยออกมา เดินไปในครัว ไปหยิบคาราด้ารสปลาหมึกที่จะซื้อมากินเอง
เดินกลับมา ยืนรักษาระยะห่าง แกะซอง
แล้วไหลไปให้กินทีละลูกๆ
พร้อมๆกับเราก็กินเองด้วย ประมาณว่าไม่ต้องกลัว ไม่มียาพิษ นี่ไง..กินได้นะ
สุดท้ายก็ยอมกิน แถมดูท่าจะติดใจคาราด้ารสปลาหมึกด้วย กินเกลี้ยงเลย
หลังจากนั้น ทุกครั้งที่เจอ ก็จะให้กินนู่นนี่นั่น จนเริ่มสนิทกัน
แต่ก็ไม่ได้เลี้ยงไว้นะ กินเสร็จก็หายไป ไม่รู้ไปนอนที่ไหน หิวเมื่อไรก็จะมาร้องเหมียวๆขออะไรกินตลอด
ซักสามเดือนก่อน เธอท้อง(อีกแล้ว)
คิดในใจ ไม่นะ..ชั้นไม่ได้ใจดีถึงขนาดจะเลี้ยงทุกตัวหรอกนะ
เลยไปพูดกับเธอ ด้วยภาษาคน
"นังเหมียว แกไปคลอดที่อื่นนะ ชั้นไม่ให้คลอดที่บ้าน"
มันทำตาแบ๊วๆ เหมือนจะเข้าใจ
แล้วก็หายไป ไม่เห็นหน้าเป็นอาทิตย์
ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังงัยบ้าง T.T
วันหนึ่งได้ยินเสียงร้อง เมี้ยววววๆๆ หน้าบ้าน
ออกไปดู เธอกลับมา ท้องแฟบล่ะ
แปลว่าคลอดแล้ว
ดูท่าจะหิวมาก เลยหาอะไรให้กิน หลังๆมาซื้ออาหารแมวมาติดบ้านไว้ล่ะ
ขณะกำลังกิน ก็แกล้งพูดภาษาคน
"นังเหมียว ถ้าลูกโตแล้วก็พามาให้ดูหน่อยนะ"
เล่ามาซะยาว เพื่อจะโชว์รูปนี้ล่ะครับ
นังเหมียวพร้อมลูกๆ 4 ตัว
แต่เข้ากล้องแค่สาม อีกตัวตกใจกลัววิ่งไปหลบมุม
เหมือนแม่มันตอนแรกๆเรยยย
เริ่มเข้าบ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถึงจะเป็นแมวจรจัดยังไง วันนึงมันก็คงอยากมีบ้านอยู่ถาวร…
กิจวัตรประจำวันที่ต้องเจอกับนังเหมียวคือ ตอนเช้า เปิดประตูบ้านออกมา มันจะนอนอยู่ที่พรมเช็ดเท้า
พอเราเปิดล๊อก เสียงดัง”กริ๊ก” มันก็จะตื่นเหมือนได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก
แล้วก็ทำหน้ามึนๆ หาวยาวๆ หนึ่งครั้ง แล้วก็เดินตามต้อยๆลงมาข้างล่าง
โตยเข้าไปในครัว หยิบกระป๋องอาหารแมว เดินตามมาที่จานอาหาร
เทเสร็จปุ๊บ มันจะแทรกตัวลอดขาเรา ก้มหน้าเข้ามากิน
ตอนเย็น เมื่อได้ยินเสียงรถ จะรีบวิ่งมารอหน้ารั้ว
เปิดประตูรถมา จะเห็นท่าแมวอ้อน กลิ้งๆๆ หมุนตัว นอนหงายโชว์พุง
เราก็รู้หน้าที่ เกาพุงให้มันนิดนึง พอเป็นพิธี แล้วเดินไปหยิบอาหารแมวมาเทให้กิน
แล้วเราก็ขึ้นบ้าน ส่วนนังเหมียวมันจะไปเที่ยวไหนก็แล้วแต่มัน
มีวันนึง…ไม่รีบขึ้นบ้าน นั่งดูมันกินข้าว พร้อมๆกับเล่าเรื่องปวดหัวเกี่ยวกับงานที่เจอมาให้มันฟัง
เราพูดไป มันก็กินไป คนนึงพูดเหมือนกำลังมีคนตั้งใจฟัง อีกตัวนึงก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจอะไร
เป็นการฟีจเจอริ่งที่ลงตัวมาก…
กินเสร็จแล้ว แต่เรายังเล่าไม่จบ มันคงรู้ว่าต้องรอ เลยต่อด้วยการเลียขนทั้งตัว เลียอุ้งมือเอามาล้างหน้า
คนเล่าเริ่มโดนยุงกัด เลยบอกว่า “นังเหมียว ขึ้นบ้านก่อนนะ ขอบใจที่ฟัง บ๊ายบาย”
มันคงนึกว่าชวนขึ้นบ้าน เลยเดินตามขึ้นมา
พอเปิดประตูปุ๊บ มันยังไม่กล้าเข้ามา คงแปลกที่ และสงสัยกลัวเราจับกิน หันซ้ายหันขวา ดมขอบประตู
สุดท้ายก็เดินเข้ามา
แล้วเริ่มลงมือสำรวจบ้าน โดยเฉพาะตามซอกหลืบ มุดใต้โต๊ะ มองหาบางอย่างตามมุมกำแพง พร้อมร้องเหมียวๆ
อ๋อ..มันกำลังหาจิ้งจก 55555
หาอยู่นาน ไม่เจอซักที แน่สิ จะมีได้ยังไง เจ้าของบ้านจับกินหมด…มั่วล่ะ
นังเหมียวคงเหนื่อย เลยหาที่นอน มาถูกใจพรมหน้าโต๊ะหมู่บูชา
นอนไปนอนมา ก็กลายมาเป็นรูปข้างล่างนี้ล่ะครับ น่ารักที่สวดดดด
ปล. วันต่อๆมา แทบจะเดินตามเข้าบ้านตลอด ไม่ยอมกินให้อิ่ม เห็นเราเปิดประตูปุ๊บ จะรีบวิ่งมาเลย สงสัยมันคงอยากมีบ้านอยู่
ทั้งบ้านก็มีแค่ผมกับนังเหมียวนี่ล่ะ เราก็อยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆ นับรวมเวลาก็หลายปี ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก
สถานะปัจจุบันผมเป็นมนุษย์ตัวคนเดียว อาจมีบางช่วงเวลาที่ผมไม่ได้อยู่คนเดียวบ้าง
แต่ไม่ว่าจะยังไง นังเหมียวก็อยู่เป็นเพื่อนผมมาตลอด...แม้บางครั้งนังเหมียวจะหายไปจากบ้านหลายวัน
ผมจำได้ดี..วันที่ผมผิดหวังในความรัก แล้วมานั่งร้องไห้ปรับทุกข์ให้นังเหมียวฟัง
มันเดินมาใกล้ๆ พันแข้งพันขา แล้วนั่งเลียขน ฟังผมระบายความอัดอั้นให้มันฟัง
ลองนึกภาพตามครับ มนุษย์ผู้ชายตัวใหญ่ๆนั่งกอดเข่าร้องไห้โฮ ส่วนนังเหมียวนั่งเลียขนไปมา เลียเสร็จแล้วมันก็มองหน้าผม ทำตาโตๆแล้วร้องทักว่า "เมี๊ยว" ครั้งนึง
ขอบคุณนะเจ้านายเหมียว สำหรับคำปลอบใจ...ทาสซึ้งมากเลย
ทุกครั้งกลับมาบ้าน นังเหมียวจะมาคอยต้อนรับ แม้จะรู้ว่ามันมารอกินอาหารก็ตาม
จอดรถ ดับเครื่อง ลงรถมา สิ่งที่เห็นชินตาคือท่าแมวบิดขี้เกียจ แล้วกลิ้งไปกลิ้งมา
เคยแกล้งไม่ลงรถนะ ดูว่ามันจะทำอย่างไร
ปรากฎว่ามันก็นั่งรอ ไม่ทำอะไร
จนผมลงรถมานั่นล่ะ ถึงเริ่มทำ บิดขี้เกียจ กลิ้งไปมา
แล้วทาสก็ต้องไปเกาพุงบ้าง เกาคางให้บ้าง พอเป็นพิธี
ปิดท้ายด้วยการเสริฟอาหารให้เจ้านายรับประทาน
.
.
.
.
.
อาทิตย์ที่แล้วหนาวมากกกกกกกกก
นังเหมียวนอนขดตัว
ผมก็ให้มันเข้าไปนอนในห้องนอนชั้นล่าง ให้นอนบนเตียงเลย
แถมห่มผ้าให้อีกด้วย
รุ่งเช้า.. ไปดูในห้อง เห็นยังนอนอยู่ เรียกมากินข้าวก็ไม่ยอมมา
เลยเทอาหารไว้ในชาม แง้มประตูห้องนอนไว้ให้
แล้วก็ออกไปทำงาน
ตอนเย็น...ผมกลับมาบ้าน จอดรถ ดับเครื่อง ลงรถมา
แต่ไม่เห็นนังเหมียวมารอเหมือนทุกที
ไปดูในห้องนอน นังเมียวยังนอนอยู่
นึกในใจ อากาศหนาวทั้งวัน มันคงขี้เกียจลุก นอนอยู่บนเตียงสบายกว่า
ไปดูจานข้าว ข้าวไม่ลด น้ำก็ไม่ค่อยกิน
อะไรจะขี้เกียจขนาดนั้นนะ..นังเหมียว
เช้าวันถัดมา เข้าไปดูในห้องนอน เริ่มสังเกตอาการแปลกๆ
ขี้ตาแฉะ ไม่พูดไม่ร้อง ไม่ยอมกินอะไร เดาว่าคงไม่สบาย
คิดในใจ เด๋วมันก็คงหาย แมวมันรักษาตัวเองได้อยู่แล้ว ไม่งั้นเค้าจะเรียกแมวเก้าชีวิตได้ไง
สุดสัปดาห์มีภาระกิจต้องไปต่างจังหวัดตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ กลับอีกทีวันอาทิตย์
อากาศเริ่มหายหนาวล่ะ มีแดดออก
นังเหมียวยังนอนที่เดิม..
ก่อนไปก็เทอาหารใส่จาน เติมน้ำให้เต็ม แถมยกไปไว้ในห้องนอนให้เลย
ผมเดินไปบอกมัน "กินข้าวกินน้ำบ้างนะ จะได้หายไวๆ ชั้นไปแปบเดียว วันอาทิตย์ก็กลับล่ะ"
แต่ก็เริ่มกังวลใจ ดูอาการยังไม่ดีขึ้น...
กลับมาบ้านวันอาทิตย์
รีบเข้าไปดูในห้องนอน
นังเหมียวนอนอยู่บนเตียง ตัวเหม็นมาก ดูไม่มีแรง
แต่พอเห็นผมมันก็ร้องทัก "เมี๊ยวว" เสียงแผ่วๆ
ตาลืมไม่ขึ้นเพราะขี้ตาปิด ดูดีๆเหมือนเป็นหนอง มีคราบเลือดเกาะจมูกกับขอบตาด้วย
อาหารลดลงไปบ้าง แต่ไม่มาก
อาการแย่กว่าตอนก่อนไป
ผมตัดสินใจโทรหาโรงพยาบาลสัตว์
บ่ายวันอาทิตย์รถโรงพยาบาลมารับนังเหมียว
ตรวจเบื้องต้นที่บ้านไม่ใช่หัดแมว
หมอจับขนที่คอ แล้วบอกผมว่า น้องขาดน้ำมากๆ
ตากับจมูกมีหนองไหล น้ำลายยืด ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรต้องรอตรวจเลือด
คุณหมอพาไปแอดมิทที่โรงพยาบาล นอนให้น้ำเกลือ
ถึงมือหมอแล้ว...เฮ้อ โล่งใจ
ค่ำวันอาทิตย์ไปเยี่ยมนังเหมียวที่โรงพยาบาล
ถูกหมอจับให้น้ำเกลือล่ะ พันมือสีเขียวเลย
ครั้งแรกของนังเหมียวที่ต้องนอนอยู่ในกรงขัง
ผมทักมัน "นังเหมียวๆ เป็นไงบ้าง"
มีเสียงพยายามตอบ "เมี๊ยววว"
แปลว่าจำเสียงเราได้
ดูดีขึ้น ไม่ค่อยมีขี้ตาล่ะ หมอน่าจะเช็ดออกให้
แต่ยังไม่ค่อยร่าเริง
หมอว่าฉีดยาลดไข้ให้ เพราะตอนมาถึงน้องมีไข้สูงมาก
ไตปกติ แต่ผลเลือดมีเกล็ดเลือดต่ำมาก 130000
หมอให้ยารักษาตามอาการ เหมียวมีสิทธิ์เป็นได้ทั้ง ลูคีเมีย , เอดส์แมว
เช้าวันจันทร์(วันนี้) หมอโทรมาแจ้งอาการ
นังเหมียวหายใจไม่สะดวก มีก้อนบวมในโพรงจมูก เป็นเชื้อรา
หมอถามว่าจะให้ดมออกซิเจนมั้ย
ให้สิครับ เสียเงินแพงหน่อยไม่เป็นไร
ตอนบ่ายคุณหมอโทรแจ้งอีกว่าอาการแย่ลง
อุณหภูมิร่างกายต่ำมาก หายใจไม่สะดวกแม้จะให้ออกซิเจนแล้ว ต้องสอดท่อหายใจ
แต่ก็บอกว่าไม่สามารถสอดท่อได้ตลอดเวลานะ
ผมบอกหมอว่าขอให้สอดท่อเท่าที่ทำได้ แล้วตอนเย็นนี้จะเข้าไปเยี่ยม
ไม่ทันรองานเลิก...
15:40 คุณหมอแจ้งว่าน้องเสียแล้ว
ผมไปไม่ทันดูใจนังเหมียว
.
.
.
.
ผมแก่ล่ะ ไม่ได้ร้องไห้มานานเลย
แต่วันนี้มันอดไม่ได้จริงๆ
T_T
..คิดถึงแกนะ นังเหมียว....
อยากบอกเจ้านายว่า....ผมคิดถึงเจ้านายมากๆครับ
การพบกันครั้งแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เริ่มเข้าบ้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทั้งบ้านก็มีแค่ผมกับนังเหมียวนี่ล่ะ เราก็อยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆ นับรวมเวลาก็หลายปี ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก
สถานะปัจจุบันผมเป็นมนุษย์ตัวคนเดียว อาจมีบางช่วงเวลาที่ผมไม่ได้อยู่คนเดียวบ้าง
แต่ไม่ว่าจะยังไง นังเหมียวก็อยู่เป็นเพื่อนผมมาตลอด...แม้บางครั้งนังเหมียวจะหายไปจากบ้านหลายวัน
ผมจำได้ดี..วันที่ผมผิดหวังในความรัก แล้วมานั่งร้องไห้ปรับทุกข์ให้นังเหมียวฟัง
มันเดินมาใกล้ๆ พันแข้งพันขา แล้วนั่งเลียขน ฟังผมระบายความอัดอั้นให้มันฟัง
ลองนึกภาพตามครับ มนุษย์ผู้ชายตัวใหญ่ๆนั่งกอดเข่าร้องไห้โฮ ส่วนนังเหมียวนั่งเลียขนไปมา เลียเสร็จแล้วมันก็มองหน้าผม ทำตาโตๆแล้วร้องทักว่า "เมี๊ยว" ครั้งนึง
ขอบคุณนะเจ้านายเหมียว สำหรับคำปลอบใจ...ทาสซึ้งมากเลย
ทุกครั้งกลับมาบ้าน นังเหมียวจะมาคอยต้อนรับ แม้จะรู้ว่ามันมารอกินอาหารก็ตาม
จอดรถ ดับเครื่อง ลงรถมา สิ่งที่เห็นชินตาคือท่าแมวบิดขี้เกียจ แล้วกลิ้งไปกลิ้งมา
เคยแกล้งไม่ลงรถนะ ดูว่ามันจะทำอย่างไร
ปรากฎว่ามันก็นั่งรอ ไม่ทำอะไร
จนผมลงรถมานั่นล่ะ ถึงเริ่มทำ บิดขี้เกียจ กลิ้งไปมา
แล้วทาสก็ต้องไปเกาพุงบ้าง เกาคางให้บ้าง พอเป็นพิธี
ปิดท้ายด้วยการเสริฟอาหารให้เจ้านายรับประทาน
.
.
.
.
.
อาทิตย์ที่แล้วหนาวมากกกกกกกกก
นังเหมียวนอนขดตัว
ผมก็ให้มันเข้าไปนอนในห้องนอนชั้นล่าง ให้นอนบนเตียงเลย
แถมห่มผ้าให้อีกด้วย
รุ่งเช้า.. ไปดูในห้อง เห็นยังนอนอยู่ เรียกมากินข้าวก็ไม่ยอมมา
เลยเทอาหารไว้ในชาม แง้มประตูห้องนอนไว้ให้
แล้วก็ออกไปทำงาน
ตอนเย็น...ผมกลับมาบ้าน จอดรถ ดับเครื่อง ลงรถมา
แต่ไม่เห็นนังเหมียวมารอเหมือนทุกที
ไปดูในห้องนอน นังเมียวยังนอนอยู่
นึกในใจ อากาศหนาวทั้งวัน มันคงขี้เกียจลุก นอนอยู่บนเตียงสบายกว่า
ไปดูจานข้าว ข้าวไม่ลด น้ำก็ไม่ค่อยกิน
อะไรจะขี้เกียจขนาดนั้นนะ..นังเหมียว
เช้าวันถัดมา เข้าไปดูในห้องนอน เริ่มสังเกตอาการแปลกๆ
ขี้ตาแฉะ ไม่พูดไม่ร้อง ไม่ยอมกินอะไร เดาว่าคงไม่สบาย
คิดในใจ เด๋วมันก็คงหาย แมวมันรักษาตัวเองได้อยู่แล้ว ไม่งั้นเค้าจะเรียกแมวเก้าชีวิตได้ไง
สุดสัปดาห์มีภาระกิจต้องไปต่างจังหวัดตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ กลับอีกทีวันอาทิตย์
อากาศเริ่มหายหนาวล่ะ มีแดดออก
นังเหมียวยังนอนที่เดิม..
ก่อนไปก็เทอาหารใส่จาน เติมน้ำให้เต็ม แถมยกไปไว้ในห้องนอนให้เลย
ผมเดินไปบอกมัน "กินข้าวกินน้ำบ้างนะ จะได้หายไวๆ ชั้นไปแปบเดียว วันอาทิตย์ก็กลับล่ะ"
แต่ก็เริ่มกังวลใจ ดูอาการยังไม่ดีขึ้น...
กลับมาบ้านวันอาทิตย์
รีบเข้าไปดูในห้องนอน
นังเหมียวนอนอยู่บนเตียง ตัวเหม็นมาก ดูไม่มีแรง
แต่พอเห็นผมมันก็ร้องทัก "เมี๊ยวว" เสียงแผ่วๆ
ตาลืมไม่ขึ้นเพราะขี้ตาปิด ดูดีๆเหมือนเป็นหนอง มีคราบเลือดเกาะจมูกกับขอบตาด้วย
อาหารลดลงไปบ้าง แต่ไม่มาก
อาการแย่กว่าตอนก่อนไป
ผมตัดสินใจโทรหาโรงพยาบาลสัตว์
บ่ายวันอาทิตย์รถโรงพยาบาลมารับนังเหมียว
ตรวจเบื้องต้นที่บ้านไม่ใช่หัดแมว
หมอจับขนที่คอ แล้วบอกผมว่า น้องขาดน้ำมากๆ
ตากับจมูกมีหนองไหล น้ำลายยืด ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรต้องรอตรวจเลือด
คุณหมอพาไปแอดมิทที่โรงพยาบาล นอนให้น้ำเกลือ
ถึงมือหมอแล้ว...เฮ้อ โล่งใจ
ค่ำวันอาทิตย์ไปเยี่ยมนังเหมียวที่โรงพยาบาล
ถูกหมอจับให้น้ำเกลือล่ะ พันมือสีเขียวเลย
ครั้งแรกของนังเหมียวที่ต้องนอนอยู่ในกรงขัง
ผมทักมัน "นังเหมียวๆ เป็นไงบ้าง"
มีเสียงพยายามตอบ "เมี๊ยววว"
แปลว่าจำเสียงเราได้
ดูดีขึ้น ไม่ค่อยมีขี้ตาล่ะ หมอน่าจะเช็ดออกให้
แต่ยังไม่ค่อยร่าเริง
หมอว่าฉีดยาลดไข้ให้ เพราะตอนมาถึงน้องมีไข้สูงมาก
ไตปกติ แต่ผลเลือดมีเกล็ดเลือดต่ำมาก 130000
หมอให้ยารักษาตามอาการ เหมียวมีสิทธิ์เป็นได้ทั้ง ลูคีเมีย , เอดส์แมว
เช้าวันจันทร์(วันนี้) หมอโทรมาแจ้งอาการ
นังเหมียวหายใจไม่สะดวก มีก้อนบวมในโพรงจมูก เป็นเชื้อรา
หมอถามว่าจะให้ดมออกซิเจนมั้ย
ให้สิครับ เสียเงินแพงหน่อยไม่เป็นไร
ตอนบ่ายคุณหมอโทรแจ้งอีกว่าอาการแย่ลง
อุณหภูมิร่างกายต่ำมาก หายใจไม่สะดวกแม้จะให้ออกซิเจนแล้ว ต้องสอดท่อหายใจ
แต่ก็บอกว่าไม่สามารถสอดท่อได้ตลอดเวลานะ
ผมบอกหมอว่าขอให้สอดท่อเท่าที่ทำได้ แล้วตอนเย็นนี้จะเข้าไปเยี่ยม
ไม่ทันรองานเลิก...
15:40 คุณหมอแจ้งว่าน้องเสียแล้ว
ผมไปไม่ทันดูใจนังเหมียว
.
.
.
.
ผมแก่ล่ะ ไม่ได้ร้องไห้มานานเลย
แต่วันนี้มันอดไม่ได้จริงๆ
T_T
..คิดถึงแกนะ นังเหมียว....