โรคเริมที่ปาก Herpes labialis
เป็นการติดเชื้อไวรัส herpes ที่ริมฝีปาก โดยจะมีตุ่มใสที่ริมฝีปาก เหงือก จะมีอาการปวด
เริมที่ปาก herpes labialis
เป็นการติดเชื้อเริมที่ริมฝีปากเกิดจากเชื้อ herpes โดยมีลักษณะเป็นตุ่มใสๆเล็ก บริเวณริมฝีปาก ปาก เหงือกและมีอาการปวด
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อ herpes simplex type 1 ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อครั้งแรก อาจจะไม่มีอาการหรือเกิดตุ่มใส เชื้อนั้นจะไปยังปมประสาท และอยู่โดยไม่มีการแบ่งตัว จนมีภาวะแวดล้อมเหมาะสมเชื้อจะแบ่งตัว และทำให้เกิดตุ่มใสที่ปากลักษณะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำใส แสบและคันเล็กน้อย ตุ่มน้ำใสนี้จะแตกออกง่ายแล้วตกสะเก็ด หายไปในเวลาประมาณ 7-8 วัน ก่อนจะเกิดตุ่มน้ำใส อาจมีอาการตึงๆ ร้อนวูบวาบบริเวณริมฝีปากนำมาก่อนได้ในผู้ป่วย บางรายอาการครั้งแรกจะรุนแรง มีแผลตุ่มน้ำจำนวนมาก มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตได้ หลังจากอาการหายแล้ว เชื้อไวรัสจะหลบซ่อนภายในปมประสาท ต่อมาเมื่อร่างกายอ่อนแอลง มีอารมณ์เครียด ถูกแสงแดด ฯลฯ เชื้อไวรัสนี้จะออกจากปมประสาทมายังบริเวณที่เคยมีอาการติดเชื้อครั้งแรก ทำให้โรคเป็นๆ หายๆ อยู่บ่อยๆ โดยทั่วไปการติดเชื้อเริมมักจะไม่รุนแรง แต่ในคนที่มีภูต้านทานต่ำกว่าปกติ เช่น คนที่กำลังได้รับยารักษาโรคมะเร็งหรือกำลังได้รับการฉายรังสี เป็นต้น อาการที่เป็นอาจรุนแรงได้
การติดต่อ
การติดต่อเชื้อนี้จะติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงเช่นการจูบ หรือการใช้ของร่วมกัน เช่น การใช้ใบมีดโกน การใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน หลังจากได้รับเชื้อ 7-10 วันจะเริ่มเกิดอาการแสบร้อนและตามด้วยตุ่มใสเล็กๆ ตุ่มใสนี้จะอยู่เป็นเวลา 7-10 วันแล้วจึงเริ่มหาย
อาการ
o เริ่มด้วยอาการปวดแสบปวดร้อน คันๆบริเวณปากก่อนเกิดผื่น 2 วัน
o ต่อมาเกิดตุ่มใสที่ปากหรือริมฝีปาก ตุ่มอาจจะรวมกันเป็นแผลใหญ่
o อาจจะมีไข้ต่ำๆ
การวินิจฉัย
o จากลักษณะเฉพาะของผื่น
o จากการเพาะเชื้อ
o จาการตรวจ Tznack test
การรักษา
o เมื่อเกิดอาการครั้งแรกในระยะตุ่มน้ำใส ควรรับไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยถูกต้องแน่นอน ซึ่งอาจได้รับยาที่ช่วยให้อาการระยะเฉียบพลันดีขึ้น
o รักษาความสะอาดของร่างกายรวมทั้งล้างมือให้สะอาดทันทีหลังจับต้องแผล เพราะอาจจะนำเชื้อไปสู่ส่วนอื่นของร่างกายได้
o หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น เช่น การจูบ ใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกันโดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆ หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำเพาะมีโอกาสติดเชื้อง่าย
o ผู้ที่ไม่ได้รับการรักษาอาจจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
o ให้ทำความสะอาดผื่นด้วยสบู่ฆ่าเชื้อ
o การรับประทานยาฆ่าเชื้ออาจจะทำให้หายเร็วขึ้น
โรคแทรกซ้อน
o ตาบอดได้หากเชื้อนี้เกิดที่ตา
o เชื้อนี้แพร่ไปติดเนื้อเยื่อข้างเคียง
o มีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผื่น
o มีการกลับเป็นซ้ำของผื่น
o ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องการติดเชื้อนี้อาจจะทำให้เสียชีวิต
การป้องกัน
o ระวังการสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นเริมและยังมีผื่นในระยะติดต่อ
o อย่าใช้ของร่วมกัน
o หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก HealthFood
Report : LIV APCO
โรคเริมที่ปาก Herpes labialis
เป็นการติดเชื้อไวรัส herpes ที่ริมฝีปาก โดยจะมีตุ่มใสที่ริมฝีปาก เหงือก จะมีอาการปวด
เริมที่ปาก herpes labialis
เป็นการติดเชื้อเริมที่ริมฝีปากเกิดจากเชื้อ herpes โดยมีลักษณะเป็นตุ่มใสๆเล็ก บริเวณริมฝีปาก ปาก เหงือกและมีอาการปวด
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อ herpes simplex type 1 ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อครั้งแรก อาจจะไม่มีอาการหรือเกิดตุ่มใส เชื้อนั้นจะไปยังปมประสาท และอยู่โดยไม่มีการแบ่งตัว จนมีภาวะแวดล้อมเหมาะสมเชื้อจะแบ่งตัว และทำให้เกิดตุ่มใสที่ปากลักษณะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำใส แสบและคันเล็กน้อย ตุ่มน้ำใสนี้จะแตกออกง่ายแล้วตกสะเก็ด หายไปในเวลาประมาณ 7-8 วัน ก่อนจะเกิดตุ่มน้ำใส อาจมีอาการตึงๆ ร้อนวูบวาบบริเวณริมฝีปากนำมาก่อนได้ในผู้ป่วย บางรายอาการครั้งแรกจะรุนแรง มีแผลตุ่มน้ำจำนวนมาก มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตได้ หลังจากอาการหายแล้ว เชื้อไวรัสจะหลบซ่อนภายในปมประสาท ต่อมาเมื่อร่างกายอ่อนแอลง มีอารมณ์เครียด ถูกแสงแดด ฯลฯ เชื้อไวรัสนี้จะออกจากปมประสาทมายังบริเวณที่เคยมีอาการติดเชื้อครั้งแรก ทำให้โรคเป็นๆ หายๆ อยู่บ่อยๆ โดยทั่วไปการติดเชื้อเริมมักจะไม่รุนแรง แต่ในคนที่มีภูต้านทานต่ำกว่าปกติ เช่น คนที่กำลังได้รับยารักษาโรคมะเร็งหรือกำลังได้รับการฉายรังสี เป็นต้น อาการที่เป็นอาจรุนแรงได้
การติดต่อ
การติดต่อเชื้อนี้จะติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงเช่นการจูบ หรือการใช้ของร่วมกัน เช่น การใช้ใบมีดโกน การใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน หลังจากได้รับเชื้อ 7-10 วันจะเริ่มเกิดอาการแสบร้อนและตามด้วยตุ่มใสเล็กๆ ตุ่มใสนี้จะอยู่เป็นเวลา 7-10 วันแล้วจึงเริ่มหาย
อาการ
o เริ่มด้วยอาการปวดแสบปวดร้อน คันๆบริเวณปากก่อนเกิดผื่น 2 วัน
o ต่อมาเกิดตุ่มใสที่ปากหรือริมฝีปาก ตุ่มอาจจะรวมกันเป็นแผลใหญ่
o อาจจะมีไข้ต่ำๆ
การวินิจฉัย
o จากลักษณะเฉพาะของผื่น
o จากการเพาะเชื้อ
o จาการตรวจ Tznack test
การรักษา
o เมื่อเกิดอาการครั้งแรกในระยะตุ่มน้ำใส ควรรับไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยถูกต้องแน่นอน ซึ่งอาจได้รับยาที่ช่วยให้อาการระยะเฉียบพลันดีขึ้น
o รักษาความสะอาดของร่างกายรวมทั้งล้างมือให้สะอาดทันทีหลังจับต้องแผล เพราะอาจจะนำเชื้อไปสู่ส่วนอื่นของร่างกายได้
o หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น เช่น การจูบ ใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกันโดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆ หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำเพาะมีโอกาสติดเชื้อง่าย
o ผู้ที่ไม่ได้รับการรักษาอาจจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
o ให้ทำความสะอาดผื่นด้วยสบู่ฆ่าเชื้อ
o การรับประทานยาฆ่าเชื้ออาจจะทำให้หายเร็วขึ้น
โรคแทรกซ้อน
o ตาบอดได้หากเชื้อนี้เกิดที่ตา
o เชื้อนี้แพร่ไปติดเนื้อเยื่อข้างเคียง
o มีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผื่น
o มีการกลับเป็นซ้ำของผื่น
o ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องการติดเชื้อนี้อาจจะทำให้เสียชีวิต
การป้องกัน
o ระวังการสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นเริมและยังมีผื่นในระยะติดต่อ
o อย่าใช้ของร่วมกัน
o หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก HealthFood
Report : LIV APCO