[CR] เที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน 2 คืน โดย 2 คนที่ขับรถและขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนนะครับ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2559 ที่ผ่านมาผมกับแฟนได้ฤกษ์แบกกระเป๋าบินไปเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงที่มรสุมอากาศหนาวพัดมาประเทศไทยพอดิบพอดี ถือเป็นความโชคดีเพราะทริปนี้เราจองตั๋วกันตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ในใจก็ตุ๊มๆต่อมๆว่าบินตอนจะหลุดหน้าหนาวแล้ว...อากาศจะเป็นยังไงว๊า แต่พอเจอมรสุมลมหนาว เจออุณหภูมิแบบใส่เสื้อหนาวทั้งวันที่เชียงใหม่ก็ถือเป็นเรื่องที่โชคดีจริงๆ

       ด้วยความอ่อนประสบการณ์ต่อเชียงใหม่ของผม การวางแผนทริปนี้ก็เลยเป็นการเลือกสถานที่ที่อยากไปมาก่อน แล้วค่อยไปหารถแดงโบกเอาดาบหน้าครับ ก็พยายามดูข้อมูลว่าตรงไหนใกล้อะไร...จากตรงนี้ไปไหนได้ต่อ แล้วก็เลือกๆเอา และต้องบอกว่าพวกผมขับรถกันไม่เป็นครับ ขนาดมอเตอร์ไซค์นี่ขับไม่แข็ง ส่วนรถยนต์น่ะเหรอ...อย่าหวังเลย ไปไม่พ้นเสาโรงแรมหรอก (555+) เพราะฉะนั้น ทริปนี้เราจะโบกรถแดงกันล้วนๆ 3 วัน 2 คืน ซึ่งก็หวังว่าทริปนี้จะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับเพื่อนๆที่หาข้อมูลเที่ยวเชียงใหม่แบบไม่มีรถส่วนตัวนะคร้าบ


28 มกราคม 2559

08:20
ออกจากสนามบินดอนเมืองโดยสายการบิน Air Asia มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่



10:00
ถึงสนามบินเชียงใหม่ รอรับกระเป๋า เรียกแท๊กซี่จากสนามบินไปยังโรมแรม May Flower Grande – นิมมานซอย 9 เหมารวม 160 บาท เรียกจากพนักงานตรงประตูทางออกสนามบินได้เลย

10:30
เช็คอินเรียบร้อย เอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้อง วันนี้อากาศดี และยังมีหมอกอยู่เป็นระยะ คิดว่าน่าจะไปดอยก่อน ก็เดินจากโรงแรมไปยังปากซอยนิมมาน 9 และโบกรถแดงฝั่งตรงข้ามไปยังท่ารถขึ้นดอยสุเทพที่ใกล้ๆกับสวนสัตว์เชียงใหม่ ราคา 30 บาท

11:00 โดยประมาณ
ตกลงกับคุณลุงคนขับไว้ว่าจะไปแค่สองที่ จากท่ารถขึ้นไปที่พระตําหนักภูพิงค์ ลงมาที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ และกลับมาที่ท่ารถในราคา 140 บาท (ถ้าไปไกลกว่านี้กคือไปบ้านแม้วดอยปุยในราคา 180 บาท ซึ่งเราไม่อิน เลยไม่ไป) แต่ปรากฏว่าไปๆมาๆ ลุงแกส่งเราลงที่วัดพระธาตุดอยสุเทพในราคา 40 บาทแทน แอบไม่พอใจว่าทำไมไม่เหมือนที่ตกลงกันไว้ แต่ก็ขี้เกียจเถียง… ตอนแรกที่เราเข้าไปหมอกยังลงค่อนข้างหนา แต่ออกมาก็โล่งขึ้นแล้ว







11:50 โดยประมาณ
ขึ้นรถแดงจากพระธาตุดอยสุเทพไปยังพระตําหนักภูพิงค์ ราคา 40 บาท มีค่าเข้าชม 20 บาท ทางเจ้าหน้าที่ที่พระตําหนักภูพิงค์จะให้แผนที่สำหรับการเดินชมมา (แต่ก็ยังแอบหลงอยู่ดี ต้องถามเจ้าหน้าที่แถวๆนั้นเป็นระยะว่าตรงนี้คือที่ไหน 555+) สำหรับคนที่มีปัญหากับการเดินระยะราว 2 กิโล ทางพระตําหนักภูพิงค์มีบริการรถกอล์ฟพาชม (เสียเงิน) และยังมีเครื่องบรรยายตามสถานที่ให้เช่าอีกด้วย (เสียเงินเช่นกัน)



สำหรับพระตําหนักภูพิงค์นี้ผมชอบเป็นพิเศษ คือเป็นคนชอบต้นไม้ใบหญ้าอยู่แล้ว ถึงจะไม่รู้ว่ามันคือพันธุ์อะไร ดอกอะไร เห็นอะไรสวยๆก็ถ่ายรูปมาหมด ผสมกับอากาศหนาวชนิดใส่เสื้อกันหนาวเดินกลางแดด จึงเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่าๆที่เพลินมาก เดินจนลืมเมื่อย และสตรอเบอร์รี่ปั่นก็อร่อยมากกกก อร่อยจนลืมสตรอเบอร์รี่แฟรปเป้ตามห้าง อร่อยจนวันที่สองอยากจะโบกรถแดงขึ้นไปกินอีกรอบ... นี่ไมได้เวอร์ ต้องไปลองนะครับ แก้วเล็กๆ 50 บาทนั่นแหละ









15:10
จากหน้าพระตําหนักภูพิงค์ เรามาเจอคุณลุงเคยเคยทิ้งไว้ตรงกลางทาง คุณลุงเหมือนจะจำได้ เลยเดินมาบอกว่าจะคิดราคาให้ 60 บาท ก็เหมือนรวมๆแล้วเราได้ขึ้น-ลง ในราคา 140 บาทตามที่ตกลงไว้ตอนขาขึ้นนั่นแหละ...ก็โอเค และจากนั้นก็นั่งรถแดงใกล้ๆกันกลับมาที่นิมมาน แต่คราวนี้ลงที่ซอย 7 แวะกินอาหารที่ร้านข้าวซอยนิมมาน ค่าเสียหายรวมสองคน 310 บาท ข้าวซอยปลาหมึกอร่อยมาก น้ำข้าวซอยเข้มข้มสุดๆ หมูหวานก็ไม่กระด้าง หมูยอทอดอร่อยลื๊มมมม ใครพักนิมมานอยากให้ไปลองดู อร่อยและไม่แพง ^^V





16:30 โดยประมาณ
กลับเข้าโรงแรม พักผ่อนตามอัธยาศัย (อัธยาศัยคือใคร ทำไมต้องทำตามมัน: แฟนผมกล่าวไว้) เนื่องจากเราตื่นกันตั้งแต่ตีห้าเพื่อเตรียมตัวมาสนามบินให้ทัน แถมยังเดินทางไม่หยุดตั้งแต่สายๆ ก็เลยหลับประดุจซ้อมตาย แพลนเดิมคือไปเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นอันล่ม เนื่องจากตื่นมาอีกทีสองทุ่มกว่าๆ...

20:40
เดินถนนนิมมาน แวะกินไก่ทอดใบมะกรูดชื่อดัง หมดไปรวม 55 บาท อกหนึ่ง ไส้กรอกสอง ข้าวเหนียวหนึ่ง อิ่มกำลังดี เดินกลับที่พัก แวะชมสิ่งที่น่าสนใจตามทาง เป็นอันจบวันแรก


29 มกราคม 2559

7:30
ตื่นแล้วก็ไปทานอาหารเช้าของโรงแรม ไม่ค่อยหลากหลาย รสชาติกลางๆ แต่ก็เก็บตังค์กินมื้อเช้าไปนั่ง Slow life ที่ร้านกาแฟได้



9:00
ออกจากโรงแรม ว่าจะไปหาร้านกาแฟยามเช้าชิลๆนั่ง Slow life แต่อนิจจา... ร้านกาแฟส่วนใหญ่เปิด 10:00 พวกผมก็เดินกันไปที่ ristr8to ตรงแถวนิมมานซอย 5 ปรากฏว่าร้านเต็มไปอี๊กกกกกกกก ตัดสินใจย้านไปชิลกันที่ Dolcetto นิมมานซอย 4 แทน และก็ไม่ผิดหวังกับบรรยากาศและรสชาติ ชาเขียวเย็น 70 บาท ลิ้นจี่โซดา 75 บาท นั่งเล่น Seven Knight พร้อมชิลกับบรรยากาศตอนเช้าอยู่เกือบชั่วโมงได้



10:00
เห็นรถแดงจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม เลยเดินไปตกลงราคา ในใจคิดว่าเมื่อวานเราไปแถวนั้น 30 บาท วันนี้ก็คงไม่ต่างกัน แต่ปรากฏว่าโดนเรียกคนละ 40 บาท ผมกับแฟนก็มองหน้าถามความเห็นกัน สรุปว่าไปก็ได้ ก็มานั่งเดากันว่าถ้าเรียกจากคันที่จอดรอยังไงก็จะเป็นราคาเหมา เราควรหาโบกเอาจะถูกกว่า... (จริงหรือเท็จบอกด้วยจ้า)

10:20 โดยประมาณ
เข้าชมสวนสัตว์เชียงใหม่ เลือกแพคเกจค่าเข้า + ดูหมีแพนด้า ราคา 140 บาท ไม่เข้าอควอเรียมเพราะได้ข่าวว่าไม่ค่อยโอเค เดินกันเพลินมาก วันนี้อากาศไม่ค่อยหนาวเท่าวันแรกก็เลยแต่งตัวกันธรรมดาๆ ซึ่งถือว่าคิดถูก เพราะพอเริ่มเที่ยง เริ่มเดินกันไป 2-3 ชั่วโมงก็เริ่มมีเหงื่อออกเบาๆเหมือนกัน
สุดท้ายก็เดินกันจนรอบสวนสัตว์จริงๆ ขาแทบลาก ค่าอาหารสัตว์ในนี้จะแล้วแต่จุด บางที่ก็ 20 บาท บางที่ก็ 10 บาท เราไปกันวันศุกร์ก็ถือว่าคนไม่เยอะมาก เดินสบายๆ ค่อนข้างเงียบ จะมีเอะอะบ้างก็ตอนเจอเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา ตอนใกล้เที่ยงเสียค่ามาม่าคนถ้วย 20 บาท เพราะแอบหิว (555+) เดินกันจนเกือบๆบ่ายสองก็กลับ









14:00
เดินออกมาหน้าสวนสัตว์ เรียกรถแดงจากฝั่งตรงข้ามคิวรถแดงขึ้นดอยสุดเทพที่เดิมที่เคยขึ้นไปเมื่อวาน แต่คราวนี้เรียกไปลงนิมมานซอย 5 เสียกันคนละ 20 บาทเท่านั้น... สุดท้ายสองคนมาโดนปล่อยลงที่นิมมานซอย 1 ได้ไงก็ไม่รู้ นี่ไม่รู้เรามึนหรือลุงคนขับมึน แต่ก็เดินมึนๆมาที่นิมมานซอย 5 มากินข้าวที่ไก่ย่างเชิงดอย







ไก่ย่างอร่อยม๊ากกกกกกกกกกก หนังกรอบเนื้อนุ่ม 70 บาท ส้มตำไข่เค็ม 50 บาท นอกจากนั้นก็มีกระดูกอ่อนต้มมะขาม ลาบหมู สาคูแคนตาลูป น้ำเปล่า น้ำแข็งฟรี มื้อนี้รวม 300 บาท ถูก อร่อย ไม่ควรพลาด… กินเสร็จก็เดินกลับโรงแรม พักผ่อน

16:30
เดินจากโรงแรมเรียกรถแดงไปไนท์ซาฟารี โทรถามคิวรถโดยสารฟรีแต่ปรากฏว่าคิวเต็มไปแล้ว จะโบกรถแดง... ลองถามๆดูก็มีแต่ค่ารถคนละ 200-300 ยังไม่รวมค่าเข้าอีกคนละ 300 ...ซึ่งเนื่องจากเราพึ่งกลับจากสวนสัตว์เชียงใหม่มาเมื่อบ่ายๆ ความอยากในการชมสัตว์จึงลดลงไปบ้าง ประกอบกับค่าเดินทางและค่าเข้าแสนแพง เราจึงตัดสินใจเบนหัวเรือ เดินมุ่งหน้าสู่ห้างเมญ่าแทน (ใกล้ๆ เดินได้สบาย)



18:00
กลับจากเมญ่า เดินชิลมาเรื่อยๆเพราะอากาศค่อนข้างดี แวะกินก๋วยเตี๋ยวเรือฮาเลย์ที่หน้าปากซอยนิมมาน 5 หมดกันไปสองคน 182 บาท รสชาติกลางๆ หมูอร่อย หมูตุ๋นอร่อย ลูกชิ้นโอเค แต่รสชาติน้ำไม่ค่อยเข้มข้น

18:30
ข้ามฝั่งมากิน Gu ชาชัก ของคาวเราอาจจะเฉยๆ แต่ของหวานนี้ขอสู้ตาย โรตีชีสและโรตีชีสหวานอร่อยดี น้ำส้มคั้นโอเค ชาชักเข้มจนกินไปกลัวไปว่าจะตาค้างไหม สองคนหมดไป 178 บาท จากนั้นก็แบกไขมันและคอเรสเตอรอลเดินกลับที่พัก



21:00
ได้เวลาของหวานก่อนนอน (มีด้วยเรอะ?) เดินออกมาเจอรถเข็นผัดไทยสไตล์หนวด ดูน่ากิ๊นน่ากิน สั่งผัดไทยปลาหมึกใส่กล่องไว้ก่อน เพราะคิวเยอะมาก... เดินไปเซเว่น แวะซื้อชีสเค้กแมคคาเดเมียที่ Cheese & Cake นิมมานซอย 5 ชิ้นละ 80 บาท กลับมารับผัดไทยในราคา 50 บาท



ถึงที่พัก เริ่มจัดการของคาว ผัดไทยเค็มนำไปหน่อย รสชาติจัดจ้าน โดยรวมก็ถือว่าใช้ได้กับราคาในเมืองท่องเที่ยว 50 บาท ทางด้านชีสเค้ก ถ้าคนชอบชีสเค้กแน่นๆ หนักๆ ไม่ชอบแน่นอน นี่เนื่อจะออกไปทางร่วน วิปครีมที่โปะหน้าและถั่วแมคคาเดเมียก็อยู่ในระดับมาตรฐาน และเนื่องด้วยผมและแฟนไม่ชอบชีสเค้กหนักๆเลี่ยนๆ เค้กก้อนนี้จึงผ่านฉลุย เป็นรสชาติที่ชอบพอดี



กินเสร็จก็เข้านอน... ผู้ที่เป็นกรดไหลย้อนและรักสุขภาพไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง เพราะอาจจะกรีดร้องในพฤติกรรมเยี่ยงนี้ได้
ชื่อสินค้า:   ท่องเที่ยวเชียงใหม่
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่