เป็นกระทู้แรกที่ตั้งใจเขียนมาจากใจ อันเนื่องมาจากติดละครเรื่องนี้อย่างมากจนอยากแบ่งปันสิ่งดี ๆ ที่ได้มาจากละครเรื่องนี้
ใน วัน ศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้ ว่าเป็นละครที่คุ้มค่าในการรับชม ที่นอกจากความบันเทิงแล้วยังได้มุมมองดีๆ จากละครที่อยากจะถ่ายทอดให้คนดูอย่างเราได้ตระหนัก และ ซึมซับกับละครเรื่องนี้
ซึ่งกระทู้นี้ขอรีวิว ข้อคิดดีที่ได้จากสัปดาห์นี้ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะได้มุมมองและข้อคิดกลับไปสมความตั้งใจ
ซึ่งใครที่ยังไม่ได้ บอกเลยว่า สปอยด์แน่นอน แต่ขอซ่อนสปอยด์นะ ท่านที่อยากอ่านมุมมองจะได้ไม่เสียอรรถรสในการดูย้อนหลัง
เริ่มด้วยฉากนี้ เป็นซีนที่จันกะพ้อ เริ่มสงสัยในตัวของศิโรตน์ที่อยากจะกลับบ้านกลับปัจจุบันของตัวเอง ว่าทำไมถึงมีท่าทีแปลก ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แยกตัวออกไปนอกค่าย และ ทำตัวน่าสงสัย จนคิดว่าเมืองใจนั้นเป็นไส้ศึก จนทำให้ชาวบ้านเห็นด้วย และจะจับตัวศิโรตน์ไว้ แต่ได้เมืองใจมาช่วยทัน และยืนยันว่าศิโรตน์ไม่ใช่ข้าศึกอย่างที่คิดด้วยการเดิมพันชีวิตของตัวเองนั้น ทำให้จันกะพ้อน้อยใจ ว่าการที่ตัวเองระแวงศิโรตน์จนใส่ร้ายป้ายสีนั้น ทำให้เกิดเรื่อง
จากซีนนี้ประทับใจในเรื่องของบทอย่างมาก ละครเก็บรายละเอียดได้ดีมาก ถ่ายทอดข้อคิดดีๆ มาเยอะจริงๆ ว่าการมาของศิโรตน์นั้นมันเหลือเชื่อเกินไป มันควรจะมีอะไรที่มากกว่านั้น โดยเฉพาะการพูดคุยสนทนาของตัวละครที่ว่า
“หนทางไปอโยธยา สำหรับเจ้ามันก็น่าจะง่ายเหมือนอ่านฝ่ามือ
แต่เจ้ากลับบอกว่าหลงไปบางกอก แล้วก็พาไอ้คนนุ่งห่มพูดจาประหลาดนี่กลับมา”
จากซีนนี้เห็นว่า ชาวบางระจันก็ไม่ได้ไว้ใจในตัวของเมืองใจ ทั้งๆที่เป็นคนในพื้นที่ดั้งเดิมอยู่แล้ว ทำให้เห็นถึงความรัก ความปลอดภัยของบ้านเมืองแผ่นดินเกิด มากกว่าความรักต่อเมืองใจ ซึ่งเป็นตัวหลักคนเดียวของชาวบ้าน ทำให้ได้ข้อสรุปจากฉากนี้ที่ว่า
รวมไปถึง ฉากซึ้งๆของคู่จิ้นข้ามชาติอย่าง ที่ยอมเดิมพันชีวิตของ เมืองใจ-ศิโรตม์ จนท่านศรีของเราต้องซึ้งถึงคุณค่าของเพื่อนจากอดีต และจะเป็นคนที่ช่วยกอบกู้แผ่นดินบางระจัน
“ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยมีเพื่อนที่แลกชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องฉันมาก่อนเลย...ขอบใจมากนะเมืองใจ”
มันทำให้เราเชื่อว่า การที่เราช่วยเหลือใครซักคน ใครคนนั้นก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเราในยามลำบากเสมอ
ส่วนทางด้านของ จันกะพ้อที่น้อยใจอยู่ จนสบถออกมาว่า
เป็นคำพูดที่แทงจี๊ดด เข้ามาเลย คือมันก็จริงนะ ว่าการที่เรามัวแต่มองปัญหาเล็กๆของตัวเอง
คิดว่าทำไมตัวเองต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ จนไม่ได้มองว่าคนอื่นนั้น ปัญหาของเขานั้นใหญ่กว่า
เขาเจอเรื่องที่แย่กว่า เขายังอยู่และอดทนที่จะสู้กับปัญหานั้นอยู่เลย โดยเฉพาะเรื่องของการทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อแผ่นดินเกิด มันสะท้อนให้เห็นถึง คนเห็นแก่ตัว ได้ดีจริงๆ เป็นซีนที่ดีมากๆ และเชื่อว่าหลายคนน้ำตาไหลกับจันกะพ้อฉากนี้เหมือนกัน บอกเลยว่า เลือดรักชาติพุ่งกระฉูด ๆ
โดยเฉพาะซีน มีดบาดจนเลือดไหลของศิโรตม์ กับ ไอ้ก้านที่โดนฟันดาบจะเป็นแผลฉกรรจน์นี้ ทำให้เห็นมุมมองที่ละครจะสื่อให้คนดูได้ชัดขึ้นมากจริง ๆ
ละครเรื่องนี้สอนคนดูได้ดี โดยเฉพาะเรื่องการอยู่ร่วมกัน ความรัก ความสามัคคี และ การเสียสละ
ซึ่งซีนที่เขียนมานี้เป็นเพียงแค่เบรกแรกของละครในวันศุกร์ที่อยากจะเขียน เพราะอยากให้ทีมงานและช่อง 7 รับรู้ว่า
คุณทำได้สำเร็จแล้ว กับละครที่ได้ทั้งความบันเทิงและสาระ รวมไปถึงความรู้ทางประวัติศาสตร์ สมุนไพร และการรักษาผู้ป่วยเบื้องต้น
ซึ่งจะไม่ขอเอ่ยถึง เนื่องจากไม่ได้อยู่คำจำกัดความของหัวกระทู้ แต่อยากบอกว่า ละครเรื่องนี้ได้อะไรมากมายจริง ๆ
'อตีตา' สุดยอดมากจริง ๆ เค้นอารมณ์ ถึงใจสมเป็นละครรักชาติ
ใน วัน ศุกร์เสาร์อาทิตย์นี้ ว่าเป็นละครที่คุ้มค่าในการรับชม ที่นอกจากความบันเทิงแล้วยังได้มุมมองดีๆ จากละครที่อยากจะถ่ายทอดให้คนดูอย่างเราได้ตระหนัก และ ซึมซับกับละครเรื่องนี้
ซึ่งกระทู้นี้ขอรีวิว ข้อคิดดีที่ได้จากสัปดาห์นี้ ซึ่งเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะได้มุมมองและข้อคิดกลับไปสมความตั้งใจ
ซึ่งใครที่ยังไม่ได้ บอกเลยว่า สปอยด์แน่นอน แต่ขอซ่อนสปอยด์นะ ท่านที่อยากอ่านมุมมองจะได้ไม่เสียอรรถรสในการดูย้อนหลัง
เริ่มด้วยฉากนี้ เป็นซีนที่จันกะพ้อ เริ่มสงสัยในตัวของศิโรตน์ที่อยากจะกลับบ้านกลับปัจจุบันของตัวเอง ว่าทำไมถึงมีท่าทีแปลก ๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากซีนนี้ประทับใจในเรื่องของบทอย่างมาก ละครเก็บรายละเอียดได้ดีมาก ถ่ายทอดข้อคิดดีๆ มาเยอะจริงๆ ว่าการมาของศิโรตน์นั้นมันเหลือเชื่อเกินไป มันควรจะมีอะไรที่มากกว่านั้น โดยเฉพาะการพูดคุยสนทนาของตัวละครที่ว่า
“หนทางไปอโยธยา สำหรับเจ้ามันก็น่าจะง่ายเหมือนอ่านฝ่ามือ
แต่เจ้ากลับบอกว่าหลงไปบางกอก แล้วก็พาไอ้คนนุ่งห่มพูดจาประหลาดนี่กลับมา”
จากซีนนี้เห็นว่า ชาวบางระจันก็ไม่ได้ไว้ใจในตัวของเมืองใจ ทั้งๆที่เป็นคนในพื้นที่ดั้งเดิมอยู่แล้ว ทำให้เห็นถึงความรัก ความปลอดภัยของบ้านเมืองแผ่นดินเกิด มากกว่าความรักต่อเมืองใจ ซึ่งเป็นตัวหลักคนเดียวของชาวบ้าน ทำให้ได้ข้อสรุปจากฉากนี้ที่ว่า
“ อย่าเพิ่งตัดสินใครหรืออะไร จนกว่าจะได้พิสูจน์และฟังเหตุผลของเขาก่อน ”
รวมไปถึง ฉากซึ้งๆของคู่จิ้นข้ามชาติอย่าง ที่ยอมเดิมพันชีวิตของ เมืองใจ-ศิโรตม์ จนท่านศรีของเราต้องซึ้งถึงคุณค่าของเพื่อนจากอดีต และจะเป็นคนที่ช่วยกอบกู้แผ่นดินบางระจัน
มันทำให้เราเชื่อว่า การที่เราช่วยเหลือใครซักคน ใครคนนั้นก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเราในยามลำบากเสมอ
ส่วนทางด้านของ จันกะพ้อที่น้อยใจอยู่ จนสบถออกมาว่า
แต่ไอ้คนบางกอกมัวแต่คิดเรื่องกลับบ้านของตัวเอง หาคิดถึงเรื่องบ้านเมืองไม่”
เป็นคำพูดที่แทงจี๊ดด เข้ามาเลย คือมันก็จริงนะ ว่าการที่เรามัวแต่มองปัญหาเล็กๆของตัวเอง
คิดว่าทำไมตัวเองต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ จนไม่ได้มองว่าคนอื่นนั้น ปัญหาของเขานั้นใหญ่กว่า
เขาเจอเรื่องที่แย่กว่า เขายังอยู่และอดทนที่จะสู้กับปัญหานั้นอยู่เลย โดยเฉพาะเรื่องของการทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อแผ่นดินเกิด มันสะท้อนให้เห็นถึง คนเห็นแก่ตัว ได้ดีจริงๆ เป็นซีนที่ดีมากๆ และเชื่อว่าหลายคนน้ำตาไหลกับจันกะพ้อฉากนี้เหมือนกัน บอกเลยว่า เลือดรักชาติพุ่งกระฉูด ๆ
โดยเฉพาะซีน มีดบาดจนเลือดไหลของศิโรตม์ กับ ไอ้ก้านที่โดนฟันดาบจะเป็นแผลฉกรรจน์นี้ ทำให้เห็นมุมมองที่ละครจะสื่อให้คนดูได้ชัดขึ้นมากจริง ๆ
ละครเรื่องนี้สอนคนดูได้ดี โดยเฉพาะเรื่องการอยู่ร่วมกัน ความรัก ความสามัคคี และ การเสียสละ
ซึ่งซีนที่เขียนมานี้เป็นเพียงแค่เบรกแรกของละครในวันศุกร์ที่อยากจะเขียน เพราะอยากให้ทีมงานและช่อง 7 รับรู้ว่า
คุณทำได้สำเร็จแล้ว กับละครที่ได้ทั้งความบันเทิงและสาระ รวมไปถึงความรู้ทางประวัติศาสตร์ สมุนไพร และการรักษาผู้ป่วยเบื้องต้น
ซึ่งจะไม่ขอเอ่ยถึง เนื่องจากไม่ได้อยู่คำจำกัดความของหัวกระทู้ แต่อยากบอกว่า ละครเรื่องนี้ได้อะไรมากมายจริง ๆ