สวัสดีท่านสมาชิก(และไม่เป็นสมาชิก)ทุกท่านนะคะ วันนี้ขอตั้งกระทู้เกี่ยวกับข้างบ้านที่สร้างความทุกข์ใจให้ครอบครัวเราเหลือเกิน ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 4 ปีก่อนนะคะ หลังแต่งงานเรากับแฟนตกลงกันว่าจะมาสร้างบ้านบนที่ดิน ที่พ่อกับแม่เรายกให้ โดยที่ดินผืนนี้จะอยู่ในซอย บ้านเราอยู่เกือบสุดซอย โดยมีที่ดินอีกสองแปลงสุดท้ายต่อจากที่ดินเราค่ะ เรากู้ธนาคารมาสร้าง 3 ล้าน บวกกับเงินเก็บของเราและพ่อแม่เอามารวมกัน สร้างบ้านสามหลังบนที่ดินเดียวกัน (500ตรว)
หนึ่งปีต่อมาเราตั้งท้องและคลอดน้องได้ประมาณสี่เดือน เพื่อนบ้านนรกก็ปรากฏตัวขึ้น เริ่มแรกก็เทพื้นหรือทำอะไรเราก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งเกิดเสียงที่มาเต็มมาก ทั้งตัดเหล็ก เจียรเหล็ก พ่นสี แรกๆก็คิดว่าเค้ากำลังก่อสร้างโกดังหรือโรงงานอะไรสักอย่าง เลี้ยงลูกน้อยเรื่อยมาจนลูกได้หกเดือนก็ชักจะทนไม่ไหว เสียง/กลิ่น มันมีตลอดตั้งแต่ 8.30น.-20.30น. เลยเปิดหน้าต่างสังเกตดู(ปกติจะปิดตลอดเพราะเสียงดัง)จึงได้รู้ว่านี่ล่ะค่ะไซส์งาน ขนเหล็กเข้า-ออกตลอด ทำกันกลางแจ้งเลย มีเต้นกางบังแดด 1 หลัง สร้างเพิงให้ลูกน้องเฝ้าของ 1 หลัง ที่ไม่เข้าใจคือ...แล้วทำไมต้องมาสร้างลานเจียรมาทางฝั่งบ้านเราด้วย ทั้งๆที่ ที่ทางไร่กว่าๆนี่ไปเจียรให้มันไกลบ้านคนไม่ได้เหรอ เจียรไปทางฝั่งที่ว่างอีกผืนก็ได้นี่
สามีเราเริ่มไม่อยากเข้าบ้านเลยค่ะ คือมันทรมานนะที่ต้องมาฟังเสียงอะไรแบบนั้น (ใครไม่เจอไม่รู้เนอะ)
ตัวเราเองเราก็เริ่มจากการเจรจากับเจ้าของแบบดีมาก ดีมากๆ พูดขอร้องเลยแหละ เขาก็ขอเวลาอีกสองเดือนจะสร้างโกดังทำงาน เราก็รอ ระหว่างรอเราก็พยายามผูกมิตรนะคะ เอาน้ำผลไม้ไปให้ (บ้านเราขายน้ำผลไม้ด้วย) ตรุษจีนก็แบ่งผลไม้ไปให้ แต่คุณคะ สี่เดือนผ่านไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ มีเพิ่มเติมคือเสียงเพลงสังสรรค์ด้วย เราสุดจะทน สงสารพ่อแม่ คนงานในบ้าน สามี และที่สำคัญสงสารลูกเล็ก เราจึงไปแจ้งกับทางเทศบาล ซึ่งทางเทศบาลก็ดูแลดีมาก รวดเร็ว มาพูดคุยแล้วก็จากไป แต่ฝั่งโน้นไม่หยุดค่ะ หนำซ้ำโทรมาต่อว่าเราด้วย โอเคเราทนต่อจนครบเจ็ดวัน เพราะถ้าหากเค้ายังทำการเจียรให้โทรแจ้งเทศบาลใหม่ (เทศบาลบอกกับเราแบบนี้ ว่าคุยให้แล้ว เขาจะหยุดและถ้าหากเขาทำต่อให้โทรไปแจ้ง เขาจะยื่นเรื่องไปลำดับต่อไป) แต่โทรไปอีกครั้งก็ไม่ติดเสียแล้ว(มาทราบภายหลังว่าเจ้าหน้าที่เปลี่ยนเบอร์) คราวนี้ต้องช่วยตัวเองแล้ว วันหนึ่งเราเห็นผู้ชายแก่ๆขับรถตู้เข้ามา เราคิดว่าเป็นพ่อเขาแน่ เราก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปคุย เขาก็บอกว่าลูกชายเขาเป็นคนดี (ดีพ่องงงง...เราคิด) อืม...โอเค กลับบ้านมานั่งกุมขมับแทบบ้า
เจียรกันเข้าไป ตัดเหล็กกันเข้าไป พ่นสีกันเข้าไป เราพยายามทำใจให้สงบ ไม่คิด แต่จะทำได้เหรอ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร คุณจะได้ยินเสียงการเสียดสีของใบมีดตัดเหล็ก กลิ่นเหล็ก/สีคละคลุ้ง จะป้อนนมลูก จะคุยโทรศัพท์ พยายามกล่อมลูกนอน ไม่ว่าจะทำอะไรคุณจะได้ยินเสียงนั้นค่ะ ทุกๆมุมของบ้านที่เดินไป เสียงก็จะอยู่ หน้าต่างหรืออะไรไม่เคยได้เปิด ทางโน้นก็แสนจะร่าเริงตะโกนบอกเราว่าเหม็นตรงไหน คือที่
ตั้งเยอะ ดันมาพ่นสีตรงกำแพงบ้านเรา ติดกะครัวเราพอดี คือถ้าไม่เหม็นทำไมไม่ไปพ่นตรงเพิงพักที่คุณสร้างให้คนงานคุณอยู่ล่ะคะ
เราสุดจะทน เต้นเร่าๆไปศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ไปถึง เจ้าหน้าที่บอกว่าทำไมไม่แจ้งเขตอำเภอก่อน คือเคยแจ้งแล้วป่ะ? เราก็นั่งรอเลย ขอร้องเจ้าหน้าที่ว่างั้นช่วยโทรบอกเทศบาลให้หน่อยค่ะ เขาก็ทำแหละ(เต็มใจป่าวไม่รู้) ปรารฏว่าเทศบาลก็มาจ้า จริงๆเทศบาลช่วยเหลือเราดีมากนะคะ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าต้องเป็นไปตามกระบวนการ คือ รอเจ็ดวัน ทางโน้นก็หยุดไปเจ็ดวัน เรื่องตก พี่ท่านก็เจียรกันต่อ วนเวียนแบบนี้ 4 รอบ ถ้าแจ้งรอบที่ 5 ก็คงเป็นแบบเดิม
จนตอนนี้ลูกเราจะสามขวบล่ะ ท้อมาก ลานโล่งก็เหมือนเดิม ไม่มีแม้เสาเข็มสร้างโรงงาน โทรไปคุยกะเจ้าของก็ด่าเราอีก..”ว่าจะอะไรนักหนา บ้านคุณขยะเหม็นผมยังไม่ว่าเลย” คือเขาว่าบ้านเราขยะเหม็นน่ะค่ะ งงมากไม่มีอะไรจะว่าบ้านเราแล้วเหรอวะคะ? ตอนนี้เราเริ่มคิดว่าจะฟ้องละ ปรึกษาทนายบ้างแล้วแล้วแม่เราเบรกไว้ตลอด ปลอบใจกัน ร้องไห้กันเอง พยายามทนทำใจให้ชิน แต่เราไม่ชอบความไม่ยุติธรรมเลย ทำไมไม่เห็นใจกันบ้าน เราไปทำอะไรให้คุณเหรอ
สามีเราที่ลงทุนทำธุรกิจที่ไทย(สามีเป็นชาวต่างชาติ)ก็ต้องหยุดเซ้งทิ้ง และกลับไปทำงานที่ประเทศตนเพราะอยากพาเรากับลูกหนีจากเพื่อนบ้านนรกนี่ล่ะค่ะ บางวันเรานั่งๆอยู่เราอยากหยิบปืนไปยิงมัน แม่เราก็ห้ามตลอด เราใกล้เป็นโรคประสาทเต็มทน มันจะรู้ไหมว่าลูกไม่ได้เจอพ่อทุกวันแบบครอบครัวอื่นเป็นเพราะมัน เราอยากฟ้องมากๆแต่พ่อแม่เราไปดูหมอดูมา เขาบอกว่าเราดวงไม่ดีมากๆ อาจเสียชีวิต ท่านเลยขอไว้ เราก็ยอมค่ะ เพราะยังอยากอยู่กับลูก (ของแบบนี้ไม่เชื่อก็ไม่อยากลบหลู่เนอะ)
บ้านที่สร้างให้น้องชาย น้องชายก็อยู่ไม่ได้ค่ะ ย้ายออกไปอยู่หอ
เราเคยตั้งกระทู้นะคะ พยายามถามถึงวิธีทำใจ เพื่อนๆก็จะบอกให้ย้าย แต่บ้านเราสร้างหมดเกือบสิบล้าน เราก็พยายามขาย แต่มันไม่มีคนซื้อค่ะ เพราะบ้านเราสร้างอยู่เองเลยตอบโจทย์คนจะซื้อยาก ขนาดยอมขายขาดทุนก็ขายไม่ได้ค่ะ ตอนนี้ก็วางแผนจะไปอยู่กับสามีเร็วๆนี้ แต่นึกถึงพ่อแม่ที่ต้องอู่ต่อก็เหมือนเราตัดช่องน้อยแต่พอตัว หดหู่ไปหมดค่ะตอนนี้ ส่วนใครมีข้อแนะนำก็ช่วยหน่อยเถอะนะคะ คิดซะว่าสงสารเถอะค่ะ
สุดท้ายนี้ เราขอเป็นกำลังใจให้ท่านที่มีเพื่อนบ้านที่ไม่ดีนะคะ ถ้าท่านทุกข์เพราะข้างบ้านจอดรถล้ำเส้นก็ขอให้นึกถึงเราที่แย่กว่า ส่วนใครที่มีเพื่อนบ้านดีๆเราขออวยชัยให้เพื่อนบ้านที่ดีของคุณเจริญๆนะคะ
เพิ่มเติมนะคะ***
เราไม่เคยขอให้ทางเขาหยุดทำงานนะคะ เราขอให้สร้างโกดัง/โรงงานให้ถูกต้อง ให้เก็บเสียงบ้าง ตอนนี้ที่เขาทำเป็นลานโล่งเลยค่ะ ทำใกล้กับกำแพงบ้านเรามากๆ เหมือนกวนติงเนอะ ที่ 500 ตรว. ที่ทำงานมาทำใกล้กำแพงบ้านเรา อุปกรณ์เต็ม ฉี่ใส่กำแพง ฝนตกนี่กลิ่นหึ่งมาก แค่ทำให้มันถูกต้อง เก็บเสียงของคุณ แต่น้าเราเคยบอกว่าเขาไม่ทำหรอก เพราะถ้าทำเขาเองจะตาย เพราะมันอัดอั้นในนั้น (อันนี้เราก็ไม่รู้เนอะว่ายังไงกันแน่) บางทีเราก็สงสัยนะว่าทางเทศบาลออกใบเรียกเก็บภาษีบ้านเราตรงกำหนดเป๊ะๆ มาวัดบ้านตลอดกลัวว่าต่อเติมแล้วไม่เสียภาษี แต่ทางโน้นยื่นเรื่องก่อสร้างจนเลยเวลาแต่ก็ไม่สร้างก็ไม่เห็นมีใครมาจัดการเลย ....
ขอบคุณสำหรับพื้นที่ระบาย
มีเพื่อนบ้านนรก ท้อใจมากค่ะ
หนึ่งปีต่อมาเราตั้งท้องและคลอดน้องได้ประมาณสี่เดือน เพื่อนบ้านนรกก็ปรากฏตัวขึ้น เริ่มแรกก็เทพื้นหรือทำอะไรเราก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งเกิดเสียงที่มาเต็มมาก ทั้งตัดเหล็ก เจียรเหล็ก พ่นสี แรกๆก็คิดว่าเค้ากำลังก่อสร้างโกดังหรือโรงงานอะไรสักอย่าง เลี้ยงลูกน้อยเรื่อยมาจนลูกได้หกเดือนก็ชักจะทนไม่ไหว เสียง/กลิ่น มันมีตลอดตั้งแต่ 8.30น.-20.30น. เลยเปิดหน้าต่างสังเกตดู(ปกติจะปิดตลอดเพราะเสียงดัง)จึงได้รู้ว่านี่ล่ะค่ะไซส์งาน ขนเหล็กเข้า-ออกตลอด ทำกันกลางแจ้งเลย มีเต้นกางบังแดด 1 หลัง สร้างเพิงให้ลูกน้องเฝ้าของ 1 หลัง ที่ไม่เข้าใจคือ...แล้วทำไมต้องมาสร้างลานเจียรมาทางฝั่งบ้านเราด้วย ทั้งๆที่ ที่ทางไร่กว่าๆนี่ไปเจียรให้มันไกลบ้านคนไม่ได้เหรอ เจียรไปทางฝั่งที่ว่างอีกผืนก็ได้นี่
สามีเราเริ่มไม่อยากเข้าบ้านเลยค่ะ คือมันทรมานนะที่ต้องมาฟังเสียงอะไรแบบนั้น (ใครไม่เจอไม่รู้เนอะ)
ตัวเราเองเราก็เริ่มจากการเจรจากับเจ้าของแบบดีมาก ดีมากๆ พูดขอร้องเลยแหละ เขาก็ขอเวลาอีกสองเดือนจะสร้างโกดังทำงาน เราก็รอ ระหว่างรอเราก็พยายามผูกมิตรนะคะ เอาน้ำผลไม้ไปให้ (บ้านเราขายน้ำผลไม้ด้วย) ตรุษจีนก็แบ่งผลไม้ไปให้ แต่คุณคะ สี่เดือนผ่านไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ มีเพิ่มเติมคือเสียงเพลงสังสรรค์ด้วย เราสุดจะทน สงสารพ่อแม่ คนงานในบ้าน สามี และที่สำคัญสงสารลูกเล็ก เราจึงไปแจ้งกับทางเทศบาล ซึ่งทางเทศบาลก็ดูแลดีมาก รวดเร็ว มาพูดคุยแล้วก็จากไป แต่ฝั่งโน้นไม่หยุดค่ะ หนำซ้ำโทรมาต่อว่าเราด้วย โอเคเราทนต่อจนครบเจ็ดวัน เพราะถ้าหากเค้ายังทำการเจียรให้โทรแจ้งเทศบาลใหม่ (เทศบาลบอกกับเราแบบนี้ ว่าคุยให้แล้ว เขาจะหยุดและถ้าหากเขาทำต่อให้โทรไปแจ้ง เขาจะยื่นเรื่องไปลำดับต่อไป) แต่โทรไปอีกครั้งก็ไม่ติดเสียแล้ว(มาทราบภายหลังว่าเจ้าหน้าที่เปลี่ยนเบอร์) คราวนี้ต้องช่วยตัวเองแล้ว วันหนึ่งเราเห็นผู้ชายแก่ๆขับรถตู้เข้ามา เราคิดว่าเป็นพ่อเขาแน่ เราก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปคุย เขาก็บอกว่าลูกชายเขาเป็นคนดี (ดีพ่องงงง...เราคิด) อืม...โอเค กลับบ้านมานั่งกุมขมับแทบบ้า
เจียรกันเข้าไป ตัดเหล็กกันเข้าไป พ่นสีกันเข้าไป เราพยายามทำใจให้สงบ ไม่คิด แต่จะทำได้เหรอ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร คุณจะได้ยินเสียงการเสียดสีของใบมีดตัดเหล็ก กลิ่นเหล็ก/สีคละคลุ้ง จะป้อนนมลูก จะคุยโทรศัพท์ พยายามกล่อมลูกนอน ไม่ว่าจะทำอะไรคุณจะได้ยินเสียงนั้นค่ะ ทุกๆมุมของบ้านที่เดินไป เสียงก็จะอยู่ หน้าต่างหรืออะไรไม่เคยได้เปิด ทางโน้นก็แสนจะร่าเริงตะโกนบอกเราว่าเหม็นตรงไหน คือที่ตั้งเยอะ ดันมาพ่นสีตรงกำแพงบ้านเรา ติดกะครัวเราพอดี คือถ้าไม่เหม็นทำไมไม่ไปพ่นตรงเพิงพักที่คุณสร้างให้คนงานคุณอยู่ล่ะคะ
เราสุดจะทน เต้นเร่าๆไปศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ไปถึง เจ้าหน้าที่บอกว่าทำไมไม่แจ้งเขตอำเภอก่อน คือเคยแจ้งแล้วป่ะ? เราก็นั่งรอเลย ขอร้องเจ้าหน้าที่ว่างั้นช่วยโทรบอกเทศบาลให้หน่อยค่ะ เขาก็ทำแหละ(เต็มใจป่าวไม่รู้) ปรารฏว่าเทศบาลก็มาจ้า จริงๆเทศบาลช่วยเหลือเราดีมากนะคะ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าต้องเป็นไปตามกระบวนการ คือ รอเจ็ดวัน ทางโน้นก็หยุดไปเจ็ดวัน เรื่องตก พี่ท่านก็เจียรกันต่อ วนเวียนแบบนี้ 4 รอบ ถ้าแจ้งรอบที่ 5 ก็คงเป็นแบบเดิม
จนตอนนี้ลูกเราจะสามขวบล่ะ ท้อมาก ลานโล่งก็เหมือนเดิม ไม่มีแม้เสาเข็มสร้างโรงงาน โทรไปคุยกะเจ้าของก็ด่าเราอีก..”ว่าจะอะไรนักหนา บ้านคุณขยะเหม็นผมยังไม่ว่าเลย” คือเขาว่าบ้านเราขยะเหม็นน่ะค่ะ งงมากไม่มีอะไรจะว่าบ้านเราแล้วเหรอวะคะ? ตอนนี้เราเริ่มคิดว่าจะฟ้องละ ปรึกษาทนายบ้างแล้วแล้วแม่เราเบรกไว้ตลอด ปลอบใจกัน ร้องไห้กันเอง พยายามทนทำใจให้ชิน แต่เราไม่ชอบความไม่ยุติธรรมเลย ทำไมไม่เห็นใจกันบ้าน เราไปทำอะไรให้คุณเหรอ
สามีเราที่ลงทุนทำธุรกิจที่ไทย(สามีเป็นชาวต่างชาติ)ก็ต้องหยุดเซ้งทิ้ง และกลับไปทำงานที่ประเทศตนเพราะอยากพาเรากับลูกหนีจากเพื่อนบ้านนรกนี่ล่ะค่ะ บางวันเรานั่งๆอยู่เราอยากหยิบปืนไปยิงมัน แม่เราก็ห้ามตลอด เราใกล้เป็นโรคประสาทเต็มทน มันจะรู้ไหมว่าลูกไม่ได้เจอพ่อทุกวันแบบครอบครัวอื่นเป็นเพราะมัน เราอยากฟ้องมากๆแต่พ่อแม่เราไปดูหมอดูมา เขาบอกว่าเราดวงไม่ดีมากๆ อาจเสียชีวิต ท่านเลยขอไว้ เราก็ยอมค่ะ เพราะยังอยากอยู่กับลูก (ของแบบนี้ไม่เชื่อก็ไม่อยากลบหลู่เนอะ)
บ้านที่สร้างให้น้องชาย น้องชายก็อยู่ไม่ได้ค่ะ ย้ายออกไปอยู่หอ
เราเคยตั้งกระทู้นะคะ พยายามถามถึงวิธีทำใจ เพื่อนๆก็จะบอกให้ย้าย แต่บ้านเราสร้างหมดเกือบสิบล้าน เราก็พยายามขาย แต่มันไม่มีคนซื้อค่ะ เพราะบ้านเราสร้างอยู่เองเลยตอบโจทย์คนจะซื้อยาก ขนาดยอมขายขาดทุนก็ขายไม่ได้ค่ะ ตอนนี้ก็วางแผนจะไปอยู่กับสามีเร็วๆนี้ แต่นึกถึงพ่อแม่ที่ต้องอู่ต่อก็เหมือนเราตัดช่องน้อยแต่พอตัว หดหู่ไปหมดค่ะตอนนี้ ส่วนใครมีข้อแนะนำก็ช่วยหน่อยเถอะนะคะ คิดซะว่าสงสารเถอะค่ะ
สุดท้ายนี้ เราขอเป็นกำลังใจให้ท่านที่มีเพื่อนบ้านที่ไม่ดีนะคะ ถ้าท่านทุกข์เพราะข้างบ้านจอดรถล้ำเส้นก็ขอให้นึกถึงเราที่แย่กว่า ส่วนใครที่มีเพื่อนบ้านดีๆเราขออวยชัยให้เพื่อนบ้านที่ดีของคุณเจริญๆนะคะ
เพิ่มเติมนะคะ***
เราไม่เคยขอให้ทางเขาหยุดทำงานนะคะ เราขอให้สร้างโกดัง/โรงงานให้ถูกต้อง ให้เก็บเสียงบ้าง ตอนนี้ที่เขาทำเป็นลานโล่งเลยค่ะ ทำใกล้กับกำแพงบ้านเรามากๆ เหมือนกวนติงเนอะ ที่ 500 ตรว. ที่ทำงานมาทำใกล้กำแพงบ้านเรา อุปกรณ์เต็ม ฉี่ใส่กำแพง ฝนตกนี่กลิ่นหึ่งมาก แค่ทำให้มันถูกต้อง เก็บเสียงของคุณ แต่น้าเราเคยบอกว่าเขาไม่ทำหรอก เพราะถ้าทำเขาเองจะตาย เพราะมันอัดอั้นในนั้น (อันนี้เราก็ไม่รู้เนอะว่ายังไงกันแน่) บางทีเราก็สงสัยนะว่าทางเทศบาลออกใบเรียกเก็บภาษีบ้านเราตรงกำหนดเป๊ะๆ มาวัดบ้านตลอดกลัวว่าต่อเติมแล้วไม่เสียภาษี แต่ทางโน้นยื่นเรื่องก่อสร้างจนเลยเวลาแต่ก็ไม่สร้างก็ไม่เห็นมีใครมาจัดการเลย ....
ขอบคุณสำหรับพื้นที่ระบาย