เราอยากเจอคนที่นั่งข้างเราบนเครื่องบินอีกครั้ง เราจึงขอพื้นที่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรานะ
คือเราจะไปญี่ปุ่น แต่เราบินอ้อมต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ปักกิ่ง เราไปวันที่ 27ธันวาคม 2014 นั่งเครื่องของ air china เวลา 01:05
นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เรานั่งเครื่องคนเดียว ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น กลัวก็กลัว ยิ่งคิดว่าที่นั่งข้างๆจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายมันก็ยิ่งตื่นเต้น
ตอนเราถึงที่นั่งบนเครื่องเราก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อย ความจริงที่เราคิดน่ะ ขอให้คนที่นั่งข้างๆเราเป็นผู้หญิงเถอะเวลาจะนอนจะทำอะไรจะได้ไม่เกร็ง
ที่นั่งของเราน่ะ 34C มันอยู่ด้านนอกคนที่นั่งข้างๆเราก็ยังไม่มา เราก็ต้องคอยมองว่าเขานั่งข้างเรารึป่าวจะได้ลุกให้เข้าไปนั่น ตอนนั้นเราไปสะดุดสายตากับ
ผู้ชายคนนึง เขาดูดีมากในสายตาเรานะ ในใจเราก็คิด
"ผู้ชายคนนั้นจะนั่งข้างใครอ่า" พอเขาเดินมาเรื่อยๆเขาก็มาหยุดตรงที่นั่งเราน่ะ ใช่แล้ว เขานั่นแหละนั่งข้างเรา เรารู้สึกเขินมากเลยน่ะ นั่งใกล้คนหล่อๆ ปกติถ้าผู้ชายนั่งข้างเรา เราก็เกร็งแล้วนะนี่ยิ่งเป็นคนที่สะดุดตาเรานิ เราทำไรไม่ถูกเลย แต่เราก็ไม่ได้แสดงท่าทางเขินหรือนั่งจ้องนะ ตรงข้ามเรานั่งนิ่งไม่กล้าหันไปมองเขาด้วยซ้ำทั้งๆที่อยากจะมองเขา รู้สึกตัวแข็งทื่อหายใจแทบไม่ออก
ในระหว่างนั้นมันก็ตี1แล้ว คนบนเครื่องขึ้นมาก็เริ่มนอน คนข้างๆเราก็นอน ตอนแรกเขานอน เขาก็พิงหัวตรงหน้าต่าง แล้วเหมือนเขาเป็นคนหลับไม่สนิทจะตื่นทุกครั้งที่หัวลื่นจากตรงหน้าต่าง ช่วงที่เขานอนเรายังไม่ค่อยกล้ามองเขาเลย จะแอบมองเขาแต่ด้วยความที่เขาหลับไม่สนิทกลัวว่าในขณะที่แอบมองเขาแล้วเขาลืมตามาเจอ จะยิ่งทำตัวไม่ถูก ในใจอ่าอยากจะแอบถ่ายรูปแล้วเอาไปให้เพื่อนดูมากเลย แต่ก็ไม่กล้า เขานอนพิงหน้าต่างแล้วเหมือนมันไม่สบาย เวลาคนจะนอนน่ะ มันก็ต้องนอนให้ท่าลงตัวใช่ไหมถึงหลับสนิท
ทีนี้หัวเขาน่ะเริ่มถดลงมาเรื่อยๆจนถึงตรงไหล่เรา เราสัมผัสได้ถึงเส้นผมเขา แค่รู้ว่าหัวเขาอยู่ใกล้ๆไหล่เรา เรายิ่งตัวเกร็งเลย คือถ้าเราขยับหรือกระดุกกระดิกเขาก็จะตื่นเราก็ไม่อยากให้เขาตื่นอยากอยู่ท่านี้นานๆ ตื่นมารู้ตัวอีกทีเหน็บกินขา555
ตอนที่แอร์มาถามจะกินอะไร เราน่ะตื่นแล้วแต่เขาอ่า หลับตลอดทาง555555555 เราก็ยังไม่หายเกร็ง ช่วงที่แอร์มาถาม เราก็ฟังไม่รู้เรื่องว่าเขาพูดอะไร พี่ที่นั่งข้างหน้าเขาแปลให้ฟังว่า
" มีข้าว กับ บะหมี่ " เราจึงเลือกข้าวเพราะเราไม่ชอบของมีเส้น 555555 ตอนนั้นเขาก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นมา
เราก็พูดกับเขาว่า " จะเอาอะไรข้าวกับบะหมี่ "
เขาก็บอก " noodles บะหมี่ " พอเขากินเสร็จเขาก็นอนต่อเลย 55555555 คงง่วงมากสินะ ช่วงที่แอร์มาเก็บถาดอาหารเราก็ยื่นถาดของเราและถาดของเขาให้แอร์ไป ทีนี้ก็เหลือลิ้นชักเล็กๆที่วางอาหาร ยังไม่ได้พับเข้าไป เราก็คิดว่าถ้ามันไม่พับเข้าไปพื้นที่ของเขาต้องแคบมากๆแน่เราเลยพับทั้งของเราและของเขาลงไปให้ เพราะเขาหลับตลอด
ช่วงลงเครื่องเรารีบเดินแยกออกไปก่อนที่เขาจะเอากระเป๋าอีก เพราะพี่คนที่นั่งข้างหน้าเราที่แปลคำพูดแอร์ให้เราฟังน่ะ บอกว่าต้องรีบไปเพราะคนจะเยอะ เราก็รีบเดินออกไป
ตอนที่เราเดินเราก็ไม่ได้สังเกตว่าเขาเดินมารึยัง แล้วเขาก็เดินขึ้นมาข้างๆเราและมองหน้า ในตอนนั้น เราสบตาเขา เราก็ตกใจและทำตัวไม่ถูกจึงรีบเดินไปอีกทาง
ในใจเราอยากจะถามเขามากเลยนะชื่ออะไร ไปไหน แค่รู้จักนิดเดียวได้พูดคุยกันนิดนึงก็ยังดี นี่ เราไม่กล้าถาม ทุกวันนี้เรายังวนคิดแต่เรื่องนี้ อยากจะเจอเขาอีกครั้ง เราเชื่อในพรหมลิขิตนะ และเชื่อว่าเราอาจจะได้เจอกันอีกครั้ง หากคนที่นั่งข้างเราบนเครื่องอ่านเรื่องนี้แล้ว เราอยากรู้จักนายนะ ทั้งหมดนี้มันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเรา
เพราะเที่ยวบินปลายปี2014ทำให้เจอคนนั้น ตั้งแต่นั้นมาเราก็รอคอยที่จะเจอเขาอีกครั้ง
คือเราจะไปญี่ปุ่น แต่เราบินอ้อมต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ปักกิ่ง เราไปวันที่ 27ธันวาคม 2014 นั่งเครื่องของ air china เวลา 01:05
นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เรานั่งเครื่องคนเดียว ตื่นเต้นก็ตื่นเต้น กลัวก็กลัว ยิ่งคิดว่าที่นั่งข้างๆจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายมันก็ยิ่งตื่นเต้น
ตอนเราถึงที่นั่งบนเครื่องเราก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อย ความจริงที่เราคิดน่ะ ขอให้คนที่นั่งข้างๆเราเป็นผู้หญิงเถอะเวลาจะนอนจะทำอะไรจะได้ไม่เกร็ง
ที่นั่งของเราน่ะ 34C มันอยู่ด้านนอกคนที่นั่งข้างๆเราก็ยังไม่มา เราก็ต้องคอยมองว่าเขานั่งข้างเรารึป่าวจะได้ลุกให้เข้าไปนั่น ตอนนั้นเราไปสะดุดสายตากับ
ผู้ชายคนนึง เขาดูดีมากในสายตาเรานะ ในใจเราก็คิด
"ผู้ชายคนนั้นจะนั่งข้างใครอ่า" พอเขาเดินมาเรื่อยๆเขาก็มาหยุดตรงที่นั่งเราน่ะ ใช่แล้ว เขานั่นแหละนั่งข้างเรา เรารู้สึกเขินมากเลยน่ะ นั่งใกล้คนหล่อๆ ปกติถ้าผู้ชายนั่งข้างเรา เราก็เกร็งแล้วนะนี่ยิ่งเป็นคนที่สะดุดตาเรานิ เราทำไรไม่ถูกเลย แต่เราก็ไม่ได้แสดงท่าทางเขินหรือนั่งจ้องนะ ตรงข้ามเรานั่งนิ่งไม่กล้าหันไปมองเขาด้วยซ้ำทั้งๆที่อยากจะมองเขา รู้สึกตัวแข็งทื่อหายใจแทบไม่ออก
ในระหว่างนั้นมันก็ตี1แล้ว คนบนเครื่องขึ้นมาก็เริ่มนอน คนข้างๆเราก็นอน ตอนแรกเขานอน เขาก็พิงหัวตรงหน้าต่าง แล้วเหมือนเขาเป็นคนหลับไม่สนิทจะตื่นทุกครั้งที่หัวลื่นจากตรงหน้าต่าง ช่วงที่เขานอนเรายังไม่ค่อยกล้ามองเขาเลย จะแอบมองเขาแต่ด้วยความที่เขาหลับไม่สนิทกลัวว่าในขณะที่แอบมองเขาแล้วเขาลืมตามาเจอ จะยิ่งทำตัวไม่ถูก ในใจอ่าอยากจะแอบถ่ายรูปแล้วเอาไปให้เพื่อนดูมากเลย แต่ก็ไม่กล้า เขานอนพิงหน้าต่างแล้วเหมือนมันไม่สบาย เวลาคนจะนอนน่ะ มันก็ต้องนอนให้ท่าลงตัวใช่ไหมถึงหลับสนิท
ทีนี้หัวเขาน่ะเริ่มถดลงมาเรื่อยๆจนถึงตรงไหล่เรา เราสัมผัสได้ถึงเส้นผมเขา แค่รู้ว่าหัวเขาอยู่ใกล้ๆไหล่เรา เรายิ่งตัวเกร็งเลย คือถ้าเราขยับหรือกระดุกกระดิกเขาก็จะตื่นเราก็ไม่อยากให้เขาตื่นอยากอยู่ท่านี้นานๆ ตื่นมารู้ตัวอีกทีเหน็บกินขา555
ตอนที่แอร์มาถามจะกินอะไร เราน่ะตื่นแล้วแต่เขาอ่า หลับตลอดทาง555555555 เราก็ยังไม่หายเกร็ง ช่วงที่แอร์มาถาม เราก็ฟังไม่รู้เรื่องว่าเขาพูดอะไร พี่ที่นั่งข้างหน้าเขาแปลให้ฟังว่า
" มีข้าว กับ บะหมี่ " เราจึงเลือกข้าวเพราะเราไม่ชอบของมีเส้น 555555 ตอนนั้นเขาก็สะลึมสะลือตื่นขึ้นมา
เราก็พูดกับเขาว่า " จะเอาอะไรข้าวกับบะหมี่ "
เขาก็บอก " noodles บะหมี่ " พอเขากินเสร็จเขาก็นอนต่อเลย 55555555 คงง่วงมากสินะ ช่วงที่แอร์มาเก็บถาดอาหารเราก็ยื่นถาดของเราและถาดของเขาให้แอร์ไป ทีนี้ก็เหลือลิ้นชักเล็กๆที่วางอาหาร ยังไม่ได้พับเข้าไป เราก็คิดว่าถ้ามันไม่พับเข้าไปพื้นที่ของเขาต้องแคบมากๆแน่เราเลยพับทั้งของเราและของเขาลงไปให้ เพราะเขาหลับตลอด
ช่วงลงเครื่องเรารีบเดินแยกออกไปก่อนที่เขาจะเอากระเป๋าอีก เพราะพี่คนที่นั่งข้างหน้าเราที่แปลคำพูดแอร์ให้เราฟังน่ะ บอกว่าต้องรีบไปเพราะคนจะเยอะ เราก็รีบเดินออกไป
ตอนที่เราเดินเราก็ไม่ได้สังเกตว่าเขาเดินมารึยัง แล้วเขาก็เดินขึ้นมาข้างๆเราและมองหน้า ในตอนนั้น เราสบตาเขา เราก็ตกใจและทำตัวไม่ถูกจึงรีบเดินไปอีกทาง
ในใจเราอยากจะถามเขามากเลยนะชื่ออะไร ไปไหน แค่รู้จักนิดเดียวได้พูดคุยกันนิดนึงก็ยังดี นี่ เราไม่กล้าถาม ทุกวันนี้เรายังวนคิดแต่เรื่องนี้ อยากจะเจอเขาอีกครั้ง เราเชื่อในพรหมลิขิตนะ และเชื่อว่าเราอาจจะได้เจอกันอีกครั้ง หากคนที่นั่งข้างเราบนเครื่องอ่านเรื่องนี้แล้ว เราอยากรู้จักนายนะ ทั้งหมดนี้มันคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเรา