- - - - - เริ่มต้นกระทู้แรกของปี 2559 กับทริปเชียงใหม่ 5 วัน 4คืน - - - - -
กระทู้นี้อาจไม่ได้อธิบายการเดินทางอย่างละเอียด แต่จะขอรีวิวที่พัก 2 ที่ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับเพื่อนๆที่จะเดินทาง
ไปเที่ยว จ.เชียงใหม่ นะคะ
แผนการเดินทางท่องเที่ยว 5 วัน 4 คืน
วันที่หนึ่ง : ไปดูดอกนางพญาเสือโคร่งที่ "ขุนช่างเคี่ยน" , วัดพระธาตุดอยสุเทพ , พักในเมือง
วันที่สอง : ดอยอินทนนท์ , เดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน , Nimmohouse , พักในเมือง
วันที่สาม : หมู่บ้านแม่กำปอง , โครงการหลวงตีนตก , บ้านสายหมอก อ.เชียงดาว , นอนโฮมสเตย์บ้านสายหมอก
วันที่สี่ : ม่อนแจ่ม , พักบ้าน หว่าญ่า (ที่พักเปิดใหม่ เป็นเครือเดียวกับม่อนม้ง)
วันที่ห้า : แวะซื้อของฝาก เดินทางกลับ
-------------------------------
-ทริปนี้ เดินทางทั้งหมด 8 คน เราเดินทางท่องเที่ยวกันโดยเช่ารถตู้พร้อมคนขับ
ค่าเช่ารถตู้ วันละ 1800 บาท (เช่า 5 วัน) ค่าน้ำมันตลอดทั้งทริป 1400 บาท
หารแล้ว คนละ 1300 บาท
(สามารถหลังไมค์มาถามเบอร์คนขับได้นะคะ เจ้านี้ขับรถดี ปลอดภัย ชำนาญเส้นทางและไม่ใจร้อนด้วยคะ)
-ทางขึ้นขุนช่างเคี่ยน รถตู้ไม่สามารถขึ้นได้นะคะ รถส่วนตัว รถจักรยานยนต์สามารถขึ้นได้ แต่ทางแคบมาก รถสวนกันต้องคอยระวัง
คอยบีบแตรตลอดทาง ถ้าไม่ชินเส้นทางไม่แนะนำให้ขับหรือขี่รถขึ้นไปนะคะ
เราใช้บริการรถสองแถวขึ้นไปขุนช่างเคี่ยน ตอนแรกที่ไปถามราคา ถ้าคิดเป็นคน คิดค่าบริการเที่ยวละ 400 บาท
ไป-กลับ 800 บาท , ถ้าเหมา 2500 บาท
ต่อราคาพี่คนขับจนเหลือ 1800 บาทคะ
ที่พักที่แรกที่จะมารีวิว คือ "บ้านสายหมอก โฮมสเตย์ อ.เชียงดาว"
ที่นี่จะโทรติดต่อยากนิดหนึ่ง เนื่องจากข้างบนจะไม่ค่อยมีสัณญาณโทรศัพท์ และต้องจองห้องพักล่วงหน้าพอสมควร
ค่าที่พัก คนละ 500 บาท รวมค่าอาหารเย็นและอาหารเช้า (จขกท เข้าพักช่วงเดือนมกราคม)
ห้องพักมีที่นอน หมอน ผ้าห่ม มุ้ง ทุกห้องจะมองเห็นวิวดอยหลวงเชียงดาว
มีห้องน้ำอยู่ภายในห้องพัก ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้
น้ำเย็นมาก
ห้องพักจะมีไฟฟ้าหลังละ 1 ดวง(กลางคืนจะมีตะเกียงพลังงานแสงอาทิตย์ให้) ไม่มีปลั๊กไฟในห้อง สามารถชาร์จแบตโทรศัพท์ได้ที่ซุ้ม
หลังจากอ่านข้างบนแล้วอย่าเพิ่งตกใจกลัวไปนะคะ
อาจจะดูไม่สะดวกสบายเหมือนนอนรีสอร์ท
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือ ความคุ้มค่าที่เกิน 500 บาทแน่นอนคะ
"บ้านสายหมอก โฮมสเตย์" ตั้งอยู่ที่ บ้านนาเลาใหม่ อ.เชียงดาว อยู่บริเวณเดียวกับบ้านระเบียงดาว,บ้านวิวดอยหลวง,บ้านหมอกตะวัน
เดินทางออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ก่อนขึ้นไปถึงบ้านสายหมอก จะผ่านถ้ำเชียงดาว และ ด่านเก็บค่าธรรมเนียม
เสียค่าเข้าคนละ 30 บาท
จากนั้นขับไปตามเส้นทางขึ้นเขา บางช่วงทางคดเคี้ยวพอสมควรนะคะ ขับไปเรื่อยๆให้สังเกตด้านซ้ายมือ จะมีป้ายบ้านระเบียงดาวติดเอาไว้
เลี้ยวเข้าทางเดียวกัน บ้านสายหมอกจะอยู่เกือบสุดท้ายคะ
ถ้ามองย้อนกลับไปตามถนนที่ขับเข้ามา ด้านซ้ายจะเป็นบ้านวิวดอยหลวง ด้านขวาจะเป็นบ้านระเบียงดาว
สามารถเดินชมวิวได้ทุกที่เลยนะคะ เจ้าของที่พักเค้าบอกว่าเป็นญาติกันทั้งหมด
เข้ามาแล้วเหมือนมาอยู่ในหมู่บ้าน
รถสามารถจอดบริเวณหน้าที่พักได้เลย มาถึงแล้วก็ติดต่อเจ้าของที่พักที่ซุ้มด้านหน้า
จากการพูดคุยกับเจ้าของที่พัก พี่เค้าบอกว่า ที่นี่จะสวยที่สุดตอนหน้าฝน ต้นไม้จะเขียว และหมอกเยอะ ตื่นมาก็เจอทะเลหมอกอยู่ที่หน้าห้องพัก
แต่หน้าหนาวก็จะได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ที่บ้านสายหมอกนี้ ไม่มีหมูกระทะนะคะ จะมีอาหารที่ทางโฮมสเตย์เตรียมไว้ให้
หลังจากพูดคุยเสร็จ เค้ายังชวนอีกว่าให้ลองกลับมาอีกครั้งหน้าในหน้าฝน
ตรงนี้จะเป็นจุดชมวิวส่วนกลาง เป็นลานไม้ไผ่โล่งๆ มองเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวเต็มๆเลยคะ
จขกท. จองห้องพักไว้ 2 ห้อง นอนห้องละ 4 คน ได้ห้องพักด้านหน้าสุดทั้ง 2 ห้อง วิวด้านหน้าห้องพักมองเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาว
แบบไม่มีอะไรมาบดบัง มีลานเล็กๆด้านหน้าห้องพัก ไว้นั่งกินข้าว ชมวิว ดูดาว
ภายในห้องพัก มีที่นอน ผ้าห่ม ครบตามจำนวนคน มีมุ้งไว้ให้กาง แต่ จขกท. ไม่ได้กางมุ้งนะคะ ไม่เจอยุงเลยซักตัวเดียว
ส่วนในห้องน้ำลืมถ่ายรูปคะ
ห้องอาบน้ำและห้องน้ำเป็นห้องเดียวกัน มีอ่างล้างหน้าพร้อมกระจก มีสายฉีดชำระ
มีถังพลาสติกสีน้ำเงินรองน้ำสำหรับไว้อาบ อยากบอกว่าน้ำเย็นมากๆ เย็นเหมือนน้ำที่แช่ช่องฟรีซไว้
ในห้องน้ำไม่มีไฟนะคะ แต่มีไฟ 1 ดวง ที่หน้าห้องพัก
เก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นก็เดินออกมาสำรวจบริเวณที่พักและบริเวณรอบนอกที่พัก
ด้านขวาของบ้านสายหมอกจะเป็น บ้านหมอกตะวัน ห้องพักแต่ละห้องจะหันหน้าไปทางดอยหลวงเชียงดาวเหมือนกัน
นอนกางเต้นท์ก็ได้นะคะ
ห้องพักด้านบน จะอยู่ติดกับห้องน้ำรวม
เดินออกจากที่พัก ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นบ้านหมอกตะวัน เลี้ยวขวาเดินขึ้นไปเรื่อยๆจะเป็ยบ้านระเบียงดาว
จุดชมวิวของบ้านหมอกตะวัน
ร้านขายของ
จากจุดชมวิวบ้านหมอกตะวัน จะมองเห็นบ้านสายหมอกทั้งหมด
หลังจากเดินสำรวจบริเวณๆรอบก็ได้เวลาอาหารเย็น เจ้าของที่พักถามว่า เราจะทานอาหารด้วยกัน ที่เดียวกันเลยไหม
เพื่อความสะดวกก็เลยเลือกทานพร้อมกันไปเลย
อาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่โคตรอร่อย วิวโคตรสวย และอากาศโคตรดี
เป็นกับข้าวธรรมาดาที่รสชาติไม่ธรรมดาเลย
ความมีน้ำใจของเจ้าของที่พัก คือ เค้าก็มีอาหารให้สำหรับลุงคนขับรถด้วยเหมือนกัน ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น
กับข้าวเหมือนคนเข้าพักทุกอย่าง
(กับข้าว ข้าว สามารถเติมได้ด้วยนะคะ เรียกว่า ทั้งอิ่มและอร่อยเลย)
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว กลางคืนก็มานั่งรับอากาศเย็นๆที่หน้าห้องพัก
นั่งคุย นั่งฟังเพลง ดูดาว ดูดอยหลวงเชียงดาว ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่
(ก่อนไปเพื่อน จขกท. ไปหาดูของดีเชียงดาว เค้าว่ามาเชียงดาวต้องลอง ดาวลอย 555555 เห็นเพื่อนบอกว่ากินไปซักพัก
ดาวลอยเต็มหัวเลย
)
บรรยากาศตอนกลางคืน
รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ดาว
ยิ่งดึกยิ่งเห็นดาว
ระเบียบของที่นี่คือ หลัง 4 ทุ่ม ไม่ให้ส่งเสียงดัง เฮฮา ปาร์ตี้ นะคะ เพราะจะรบกวนผู้เข้าพักคนอื่นและชาวบ้านแถวๆนั้น
ถึงด้านนอกจะอากาศหนาวเย็น แต่ในห้องพักก็อุ่น คืนนั้นนอนหลับสบาย
จนประมาณตี 4 กว่าๆ ไก่ทุกตัวก็พร้อมใจกันขัน ดังกว่านาฬิกาปลุกอีกคะ
เช้าตื่นมารอพระอาทิตย์ขึ้น
รับแสงแดดตอนเช้า
จากนั้นกาแฟ โอวัลตินก็ยกมาให้ถึงหน้าห้องพัก
ปิดมื้อเช้าด้วยข้าวต้มร้อนๆ
เป็นการนอนโฮมสเตย์ ที่ได้รับแต่ความประทับใจกลับมา คิดไม่ผิดเลย ที่ยอม "จ่าย 500 บาทเพื่อไปนอนกับ "เขา"
.....ถ้ามีโอกาส ไว้เจอกันหน้าฝน.....
[CR] (( บ้านสายหมอก - เชียงดาว )) จ่าย 500 บาทเพื่อไปนอนกับ "เขา"
กระทู้นี้อาจไม่ได้อธิบายการเดินทางอย่างละเอียด แต่จะขอรีวิวที่พัก 2 ที่ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับเพื่อนๆที่จะเดินทาง
ไปเที่ยว จ.เชียงใหม่ นะคะ
แผนการเดินทางท่องเที่ยว 5 วัน 4 คืน
วันที่หนึ่ง : ไปดูดอกนางพญาเสือโคร่งที่ "ขุนช่างเคี่ยน" , วัดพระธาตุดอยสุเทพ , พักในเมือง
วันที่สอง : ดอยอินทนนท์ , เดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน , Nimmohouse , พักในเมือง
วันที่สาม : หมู่บ้านแม่กำปอง , โครงการหลวงตีนตก , บ้านสายหมอก อ.เชียงดาว , นอนโฮมสเตย์บ้านสายหมอก
วันที่สี่ : ม่อนแจ่ม , พักบ้าน หว่าญ่า (ที่พักเปิดใหม่ เป็นเครือเดียวกับม่อนม้ง)
วันที่ห้า : แวะซื้อของฝาก เดินทางกลับ
-------------------------------
-ทริปนี้ เดินทางทั้งหมด 8 คน เราเดินทางท่องเที่ยวกันโดยเช่ารถตู้พร้อมคนขับ
ค่าเช่ารถตู้ วันละ 1800 บาท (เช่า 5 วัน) ค่าน้ำมันตลอดทั้งทริป 1400 บาท
หารแล้ว คนละ 1300 บาท
(สามารถหลังไมค์มาถามเบอร์คนขับได้นะคะ เจ้านี้ขับรถดี ปลอดภัย ชำนาญเส้นทางและไม่ใจร้อนด้วยคะ)
-ทางขึ้นขุนช่างเคี่ยน รถตู้ไม่สามารถขึ้นได้นะคะ รถส่วนตัว รถจักรยานยนต์สามารถขึ้นได้ แต่ทางแคบมาก รถสวนกันต้องคอยระวัง
คอยบีบแตรตลอดทาง ถ้าไม่ชินเส้นทางไม่แนะนำให้ขับหรือขี่รถขึ้นไปนะคะ
เราใช้บริการรถสองแถวขึ้นไปขุนช่างเคี่ยน ตอนแรกที่ไปถามราคา ถ้าคิดเป็นคน คิดค่าบริการเที่ยวละ 400 บาท
ไป-กลับ 800 บาท , ถ้าเหมา 2500 บาท ต่อราคาพี่คนขับจนเหลือ 1800 บาทคะ
ที่พักที่แรกที่จะมารีวิว คือ "บ้านสายหมอก โฮมสเตย์ อ.เชียงดาว"
ที่นี่จะโทรติดต่อยากนิดหนึ่ง เนื่องจากข้างบนจะไม่ค่อยมีสัณญาณโทรศัพท์ และต้องจองห้องพักล่วงหน้าพอสมควร
ค่าที่พัก คนละ 500 บาท รวมค่าอาหารเย็นและอาหารเช้า (จขกท เข้าพักช่วงเดือนมกราคม)
ห้องพักมีที่นอน หมอน ผ้าห่ม มุ้ง ทุกห้องจะมองเห็นวิวดอยหลวงเชียงดาว
มีห้องน้ำอยู่ภายในห้องพัก ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้ น้ำเย็นมาก
ห้องพักจะมีไฟฟ้าหลังละ 1 ดวง(กลางคืนจะมีตะเกียงพลังงานแสงอาทิตย์ให้) ไม่มีปลั๊กไฟในห้อง สามารถชาร์จแบตโทรศัพท์ได้ที่ซุ้ม
หลังจากอ่านข้างบนแล้วอย่าเพิ่งตกใจกลัวไปนะคะ อาจจะดูไม่สะดวกสบายเหมือนนอนรีสอร์ท
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา คือ ความคุ้มค่าที่เกิน 500 บาทแน่นอนคะ
"บ้านสายหมอก โฮมสเตย์" ตั้งอยู่ที่ บ้านนาเลาใหม่ อ.เชียงดาว อยู่บริเวณเดียวกับบ้านระเบียงดาว,บ้านวิวดอยหลวง,บ้านหมอกตะวัน
เดินทางออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ก่อนขึ้นไปถึงบ้านสายหมอก จะผ่านถ้ำเชียงดาว และ ด่านเก็บค่าธรรมเนียม
เสียค่าเข้าคนละ 30 บาท
จากนั้นขับไปตามเส้นทางขึ้นเขา บางช่วงทางคดเคี้ยวพอสมควรนะคะ ขับไปเรื่อยๆให้สังเกตด้านซ้ายมือ จะมีป้ายบ้านระเบียงดาวติดเอาไว้
เลี้ยวเข้าทางเดียวกัน บ้านสายหมอกจะอยู่เกือบสุดท้ายคะ
ถ้ามองย้อนกลับไปตามถนนที่ขับเข้ามา ด้านซ้ายจะเป็นบ้านวิวดอยหลวง ด้านขวาจะเป็นบ้านระเบียงดาว
สามารถเดินชมวิวได้ทุกที่เลยนะคะ เจ้าของที่พักเค้าบอกว่าเป็นญาติกันทั้งหมด
เข้ามาแล้วเหมือนมาอยู่ในหมู่บ้าน
รถสามารถจอดบริเวณหน้าที่พักได้เลย มาถึงแล้วก็ติดต่อเจ้าของที่พักที่ซุ้มด้านหน้า
จากการพูดคุยกับเจ้าของที่พัก พี่เค้าบอกว่า ที่นี่จะสวยที่สุดตอนหน้าฝน ต้นไม้จะเขียว และหมอกเยอะ ตื่นมาก็เจอทะเลหมอกอยู่ที่หน้าห้องพัก
แต่หน้าหนาวก็จะได้บรรยากาศไปอีกแบบ
ที่บ้านสายหมอกนี้ ไม่มีหมูกระทะนะคะ จะมีอาหารที่ทางโฮมสเตย์เตรียมไว้ให้
หลังจากพูดคุยเสร็จ เค้ายังชวนอีกว่าให้ลองกลับมาอีกครั้งหน้าในหน้าฝน
ตรงนี้จะเป็นจุดชมวิวส่วนกลาง เป็นลานไม้ไผ่โล่งๆ มองเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวเต็มๆเลยคะ
จขกท. จองห้องพักไว้ 2 ห้อง นอนห้องละ 4 คน ได้ห้องพักด้านหน้าสุดทั้ง 2 ห้อง วิวด้านหน้าห้องพักมองเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาว
แบบไม่มีอะไรมาบดบัง มีลานเล็กๆด้านหน้าห้องพัก ไว้นั่งกินข้าว ชมวิว ดูดาว
ภายในห้องพัก มีที่นอน ผ้าห่ม ครบตามจำนวนคน มีมุ้งไว้ให้กาง แต่ จขกท. ไม่ได้กางมุ้งนะคะ ไม่เจอยุงเลยซักตัวเดียว
ส่วนในห้องน้ำลืมถ่ายรูปคะ ห้องอาบน้ำและห้องน้ำเป็นห้องเดียวกัน มีอ่างล้างหน้าพร้อมกระจก มีสายฉีดชำระ
มีถังพลาสติกสีน้ำเงินรองน้ำสำหรับไว้อาบ อยากบอกว่าน้ำเย็นมากๆ เย็นเหมือนน้ำที่แช่ช่องฟรีซไว้
ในห้องน้ำไม่มีไฟนะคะ แต่มีไฟ 1 ดวง ที่หน้าห้องพัก
เก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นก็เดินออกมาสำรวจบริเวณที่พักและบริเวณรอบนอกที่พัก
ด้านขวาของบ้านสายหมอกจะเป็น บ้านหมอกตะวัน ห้องพักแต่ละห้องจะหันหน้าไปทางดอยหลวงเชียงดาวเหมือนกัน
นอนกางเต้นท์ก็ได้นะคะ
ห้องพักด้านบน จะอยู่ติดกับห้องน้ำรวม
เดินออกจากที่พัก ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นบ้านหมอกตะวัน เลี้ยวขวาเดินขึ้นไปเรื่อยๆจะเป็ยบ้านระเบียงดาว
จุดชมวิวของบ้านหมอกตะวัน
ร้านขายของ
จากจุดชมวิวบ้านหมอกตะวัน จะมองเห็นบ้านสายหมอกทั้งหมด
หลังจากเดินสำรวจบริเวณๆรอบก็ได้เวลาอาหารเย็น เจ้าของที่พักถามว่า เราจะทานอาหารด้วยกัน ที่เดียวกันเลยไหม
เพื่อความสะดวกก็เลยเลือกทานพร้อมกันไปเลย
อาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่โคตรอร่อย วิวโคตรสวย และอากาศโคตรดี
เป็นกับข้าวธรรมาดาที่รสชาติไม่ธรรมดาเลย
ความมีน้ำใจของเจ้าของที่พัก คือ เค้าก็มีอาหารให้สำหรับลุงคนขับรถด้วยเหมือนกัน ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น
กับข้าวเหมือนคนเข้าพักทุกอย่าง
(กับข้าว ข้าว สามารถเติมได้ด้วยนะคะ เรียกว่า ทั้งอิ่มและอร่อยเลย)
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว กลางคืนก็มานั่งรับอากาศเย็นๆที่หน้าห้องพัก
นั่งคุย นั่งฟังเพลง ดูดาว ดูดอยหลวงเชียงดาว ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่
(ก่อนไปเพื่อน จขกท. ไปหาดูของดีเชียงดาว เค้าว่ามาเชียงดาวต้องลอง ดาวลอย 555555 เห็นเพื่อนบอกว่ากินไปซักพัก
ดาวลอยเต็มหัวเลย )
บรรยากาศตอนกลางคืน
รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ดาว
ยิ่งดึกยิ่งเห็นดาว
ระเบียบของที่นี่คือ หลัง 4 ทุ่ม ไม่ให้ส่งเสียงดัง เฮฮา ปาร์ตี้ นะคะ เพราะจะรบกวนผู้เข้าพักคนอื่นและชาวบ้านแถวๆนั้น
ถึงด้านนอกจะอากาศหนาวเย็น แต่ในห้องพักก็อุ่น คืนนั้นนอนหลับสบาย
จนประมาณตี 4 กว่าๆ ไก่ทุกตัวก็พร้อมใจกันขัน ดังกว่านาฬิกาปลุกอีกคะ
เช้าตื่นมารอพระอาทิตย์ขึ้น
รับแสงแดดตอนเช้า
จากนั้นกาแฟ โอวัลตินก็ยกมาให้ถึงหน้าห้องพัก
ปิดมื้อเช้าด้วยข้าวต้มร้อนๆ
เป็นการนอนโฮมสเตย์ ที่ได้รับแต่ความประทับใจกลับมา คิดไม่ผิดเลย ที่ยอม "จ่าย 500 บาทเพื่อไปนอนกับ "เขา"
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น