The 3 Days : JEJU Island
제주도
สำหรับ The 3 Days : JEJU Island ถือเป็นพาร์ทนึงของ The Days การแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบของเรา The Days สำหรับเราไม่ได้เป็นคู่มือนำเที่ยวแต่มันคือที่เก็บ ความทรงจำ ความคิด ณ ตอนที่เราอยู่ ณ ที่แห่งๆนั้น การที่เราถ่ายภาพมันทำให้เราไม่ลืมสถานที่นั้นๆ แต่การที่เราถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาในตัวหนังสือมันทำให้เรามั่นใจว่า ความคิดต่างๆที่ออกมา ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา ต่างเวลา ต่างสถานที่ มันจะไม่เลือนลางหายไป
ปล.1 ภาพถ่ายส่วนใหญ่ที่ใช้แทบทั้งหมดมาจากกล้องฟิล์ม PENTAX MV1
ปล.2 ไปตามดูภาพนู่นนี้นี้นั้นได้ ที่ อินสตาแกรม @adajarrxx นะครัชชชช 555
ปล.3 หาภาพที่เหลือไม่เจอรู้สึกผิดมาก ขอจบการรายงานเพียงเท่านี้ เจอกันกระทู้หน้า กระทู้นี้กระทู้แรก ทำให้รู้ว่าพันทิพเล่นยากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก อันนี้ไอดีเพื่อน เพราะสมัครของตัวเองไม่ได้สักที ขี้เกรียจแล้ว55555
ปล.4 กระทู้หน้า ไปโซลแบบ Gangster กันนะ อันนยอง
อันยองงงค่าาาา ถ้าพูดถึงประเทศเกาหลีใต้แล้วนอกจาก กรุงโซลเมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้นั้นเราเชื่อว่า อีกหนึ่งเมืองใหญ่ที่ทุกคนก็อาจจะรู้จักกันนั้นก็คือ เกาะเชจูนั้นเอง เกาะเชจูเป็นเกาะใหญ่ที่สุดอยู่ทางใต้ของเกาหลี แม้จะเป็นเกาะใหญ่ที่สุดก็จริง แต่เชจูไม่ใช่เกาะที่ใหญ่มากนักดังนั้น 3วันก็สามารถเที่ยวในสถานที่สำคัญต่างๆได้อย่างเต็มอิ่มแล้ว แต่ถ้าใครอยากจะมาพัก แบบพักจริงๆท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบละก็ 5วันก็น่าจะกำลังดี ซึ่งโดยส่วนใหญ่วัยรุ่นเกาหลีที่มาเที่ยวเชจูกันก็ใช่เวลากันประมาณนี้เท่าที่ได้สอบถามสรรหาคำตอบมา (แต่นั้นแหละเนอะนี้ก็แค่คำแนะนำ ใครอยากอยู่นานกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ก็แล้วแต่นะคะ 555+)
การเดินทางบินตรงจากกรุงเทพไปเกาะเชจูนั้นมีเพียงสายการบินเดียวก็คือ EASTAR JET ค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วทั้งสายการบินแห่งชาติ KOREA AIR หรือ ASIANA AIRLINE แม้กระทั่ง JEJU AIRLINE นั้นก็จะต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ปูซานก่อน ทริปนี้เรานั่งเครื่องสายการบินตรงนะคะก็คือสายการบิน EASTER JET นั้นเองสายการบินนี้เป็นสายการบินโลวคอสของเกาหลีค่ะ ถ้าให้เทียบก็ประมาณนั่งแอร์เอเชีย ไฟลท์ส่วนใหญ่ออกช่วงเวลาประมาณ ตี2 ตี3 และจะไปถึงที่เชจูประมาณ 8โมงเช้าเวลาท้องถิ่นใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ ความประทับใจสำหรับสายการบินนี้ก็นะคะมันเป็นสายการบินโลวโคสเราไม่ได้หวังอะไรกับมันมากอยู่แล้วจงเดินทางถึงอย่างปลอดภัยเป็นพอ แต่อยากจะบอกแค่ว่า สจ๊วตขาไป จากกรุงเทพไปเชจู สูงยาวเข่าดี หูกาง จมูกโด่ง ดูจากแอพเพเรนส์ภายนอกแล้วตรงเสปค พิมพ์นิยมนายแบบ เกาหลีเป็นอย่างมากที่เดียว (น้องอยากจิลากสจ๊วตโอปป้าท่านนั้นไปแคสติ้งเดินแบบ seoul fashion week ที่จะเกิดขึ้นที่ DDPในสัปดาห์ถัดไปเลยทีเดียว 555 )
นี้ก็คือตัวอย่างสายการบินของสายการบินต่างๆค่ะเผื่อท่านใดสนใจ
ในส่วนใครที่เที่ยวที่โซลเป็นหลักแล้วอยากจะมาเที่ยวที่เกาะเชจูด้วยนั้น ก็มี 2 วิธีค่ะ คือนั่งเครื่องบินตรงจากโซล มาเกาะเชจูเลย โดยส่วนใหญ่แล้วการบินโดยสารภายในประเทศจะใช่สนามบินกิมโป ซะเป็นส่วนใหญ่ มีหลายไฟลท์หลายสายการบินพอตัว เหมือนกับเราบิน จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ หรือ ไปภูเก็ตเลย การบินใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงนึงค่ะ อีกเส้นทางนึงคือการนั่งเรือจากปูซานมาลงที่เกาะเชจู หากใครมาจากโซลอาจจะต้องนั่งรถไฟ KTX จากโซลมาปูซานแล้วมาต่อเรือที่ท่าเรือใหญ่ของปูซานข้ามมาเกาะเชจูค่ะ การเดินทางแบบนี้เหมาะกับคนที่มาเที่ยวยาวๆ หลายๆวันมากกว่า หรือไม่ก็เป็นทริปสองเมืองคือ ปูซาน-เชจู เพราะการนั่ง KTX จากโซลมาปูซานใช่เวลาหลาย ชม. บวกกับต้องนั่งเรือไปอีก อาจใช่เวลาเป็นวันเลยก็ได้ค่อนข้างเสียเวลาอยู่พอตัวค่ะ แต่ถ้าใครอยากเก็บบรรยากาศ นั่งรถไฟนั่งเรือมาเรื่อยก็ไม่ว่ากัน 555+ นตารางการออกเรือและท่าเรือต่างท่มีเรือไปเกาะเชจูเผื่อท่านใดสนใจตามภาพข้างล่เลยนะคะ สำหรับเราหากมีเวลาทริปหน้าก็อาจจะเป็นโซลปูซานเกาะเชจู ยังไงก็แล้วแต่มาตามรอดูกันนะคะ 555
ตามภาพนะคะ จะมีท่าเรือที่ไปเชจูทั้งหมด 6 ท่า
1.
ท่าเรือ Mokpo ที่Mokpo ไปยัง ท่าเรือ Jeju
2.
ท่าเรือ Usuyong ที่Haenam ไปยัง ท่าเรือ Jeju
3.
ท่าเรือWando ที่Wando ไปยัง ท่าเรือ jeju
4.
ท่าเรือNoryeok ที่Jangheung ไปยัง ท่าเรือ Seongsanpo
5.
ท่าเรือNokdong ที่Goheung ไปยัง ท่าเรือ jeju
6.
ท่าเรือYeosu EXPO Cruise Terminal ที่Yeosu ไปยัง ท่าเรือ jeju
เราใช้เวลาที่เชจูทั้งหมด 3 วันเต็มในช่วงเดือนตุลาคมค่ะ กำลังย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศกำลังดีมากๆเลยเย็นสบายทั้งวันทั้งคืน สนามบินเชจูอยู่ใกล้ตัวเมืองมาก ถ้าเปรียบเทียบก็ประมาณ สนามบินเชียงใหม่กับตัวเมืองเชียงใหม่ การเดินทางเข้าตัวเมืองจะมี2แบบ คือแทกซี่และรสบัส หากมากัน 3-4คนเราแนะนำนั่งแทกซี่นะคะจะคุ้มกว่า รถแท็กซี่ที่เกาหลีไม่ได้แพงเหมือนญี่ปุ่นค่ะ การเดินทางในเชจูไม่มีเมโทรใต้ดินเหมือนที่โซล พอหารๆค่าแท็กซี่กันอาจออกมาถูกกว่าค่ารถบัสอีกค่ะสะดวกกว่าด้วย โอ้วลืมบอกไปว่าคำว่าตัวเมืองในที่นี้จะมีสองรูปแบบอาจจะงงกันเล็กๆนะค่ะ คือ Downtown และ City Hall สำหรับDowntownของเชจูนั้นจะให้อารมณ์ตัวเมืองในต่างจังหวัดค่ะ ไม่ได้มีตึกสูงใหญ่อะไรมากนัก แต่ก็มีสถานที่ชอปปิ้งที่เรียกว่า ตลาดดาวทาวเหมือนกับว่าเราไปชอปปิ้งที่เมียงดงที่โซลอะไรประมาณนั้นค่ะ สำหรับCity Hall เป็นเหมือนสถานที่ที่เต็มไปด้วยโรงแรมชั้นนำ ตึกสูงๆมากมาย ห้างสรรพสินค้า ดิวตี้ฟรีเต็มไปหมดในทริปนี้เราไม่ได้มาชอปปิ้งนะค่ะ555+ ขออนุญาตข้ามไปละกันนะ ในทริปนี้เราพักอยู่แถวๆ City Hall (ขออนุญาตไม่รีวิวที่พักนะคะ) เอาละค่ะถึงเชจูแล้วเข้าที่พักเรียบร้อยก็ไปเที่ยวกันเถอะครัชชชชช
สถานที่เราจะแนะนำไปในอันดับแรกนั้นคือร้านกาแฟ มาเกาหลีจะไม่ไปร้านกาแฟ เกร๋ๆสวยๆ ก็ยังไงอยู่นะคะ ด้วยเหตุผลที่คนเกาหลีชอบกินกาแฟมากกกค่ะ ดึกๆแล้วๆยังกินกาแฟอยู่เลย 5555 ร้านกาแฟแต่ละแห่งยังแข่งการจัดร้านให้สวยดูดีมีรสนิยมเหมาะแก่การไปนั่ง แฮงเอาท์ เมาท์มอยกับเพื่อน ถ่ายรูปเก็บบรยากาศ ก็ว่ากันไป สำหรับคาเฟ่แห่งนี้มีครบองค์ประกอบทุกอย่างเลยละ
Bomnal Café봄날카페 봄อ่านว่า บม แปลว่าฤดูใบไม้ผลิ 날อ่านว่า นัล แปลว่าวัน คาเฟ่บมนัลจึงแปลว่าได้ว่า คาเฟ่วันของฤดูใบไม้ผลิ หรือ คาเฟ่ที่สดใสดั่งวันในฤดูใบไม้ผลินั้นเอง (ในความรู้สึกของชาวเกาหลี ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูแห่งการเริ่มต้น เป็นฤดูของความสดใส แสงแดด ดอกไม้ต้นไม้ ที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากผ่านฤดูหนาวอันแห้งแล้งมายาวนานค่ะ) ซึ่งการรูปแบบการจัดร้าน วิวสวยๆของทะเลเชจู อากาศที่ดีของเชจู มันทำให้คาเฟ่ร้านนี้ตอบโจทย์ได้ตรงกับชื่อของมันเลยละคะ
ร้านคาเฟ่ร้านนี้ ได้ใช่เป็นฉากหลักในซีรีย์เรื่อง Warm and Cozy หรือชื่อภาษาเกาหลีคือ맨도롱또똣 อ่านว่า เมนดารงต๊ดต๊ด ที่ คังโซราและ ยูยอนซอกเล่นเป็นซีรีย์ที่น่ารักมีแต่รอยยิ้มทั้งเรื่องเลยละค่ะ แม้เรตติ้งจะไม่สูงมากนักแต่เป็นซีรีย์เรื่องนึงที่ดูแล้วยิ้มตั้งแต่เริ่มเรื่องยันจบเลยทีเดียวและที่สำคัญดูแล้วทำให้อยากมาเที่ยวเกาะเชจู ความสามารถของครีเอทีฟเกาหลีเลยละคะที่มักทำให้สื่อ เอนเตอร์เทนเมนละครต่างๆเป็น ตัวโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยว 555 แล้วพวกเค้าก็ทำได้ดีซะด้วย ไทอินได้อย่างเหมาะเจาะสวยงาม (โอ้วนี้เราก็ตกเป็นทาสการตลาดของเค้านะเนี่ย 5555) ตอนที่มาถึงร้านนี้ ความรู้สึกแรก มัน เมนดารงต๊ดต๊ดจริงๆเลยคะ แมนดารงต๊ดต๊ด เป็นภาษาเชจูแปลว่าอบอุ่นหัวใจ ทั้งข้างนอกร้าน ข้างในตัวร้าน รวมถึงบริเวณตัวร้านทั้งหมดมีมุมน่ารักๆให้เราได้ถ่ายรูปเล่นเต็มไปหมดเลยคะ เนื่องจากเป็นร้านกาแฟ เราจึงจำเป็นที่จะต้องสั่งกาแฟค่ะ บาริสต้าพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดีนัก แต่การบริการน่าประทับใจมากกกกค่ะ
ข้างในร้านน่ารักมาก
บาริสต้าบริการดีมากกก
เมนูที่เราสั่งนั้นเป็น อเมริกาโน่เย็น 1 แก้ว และ ลาเต้มันหวานค่ะ หรือ ที่เรียกว่า คาคูมันลาเต้ รสชาตินั้นก็มาตราฐานกาแฟทั่วไปค่ะ ส่วนคาคูมันลาเต้เราว่าอร่อยคะ ผ่านนนน จากภาพจะเห็นนะคะ ว่าตัวร้านกาแฟนี้ติดกับทะเลเลย อยากจะย้ำอีกครั้งว่าบรรยากาศดีมากจริงๆ ที่นั่งมีทั้ง อินดอร์และ เอาท์ดอร์ค่ะ เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่พูดเลยว่าต้องกลับมา เสพบรรยากาศอีกครั้งแน่ๆคะ โดยทั่วไปจะมีครอบครัว คู่รัก ข้าวใหม่ปลามัน คู่เพื่อนซี้ (หรือแม้กระทั่งคู่พี่น้องอย่างเรา 555)มานั่งแฮงเอาท์นั่งพักกันค่อนข้างเยอะเลย
อย่างที่ได้บอกไปว่าภายนอกร้านยังมีมุมสวยๆ น่ารักๆ ให้ถ่ายรูป เยอะมากเลยค่ะ ตอนที่เราไปอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวมาก ความรู้สึกเหมือนหน้าหนาวที่กรุงเทพเลย 555 ทะเลเชจูไม่เหมาะกับการเล่นทะเลค่ะ แต่เหมาะกับการมาพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์เสียมากกว่า ใกล้ๆคาเฟ่บมนัล มีบ้านพักตากอากาศ หลายหลัง ที่ต้องพูดว่าเป็นวิลล่าสุดหรูอยู่ใกล้ๆกันเลย ที่ดินบริเวณคาเฟ่บมนัลและรอบๆ ถือเป็นที่ดินที่มีราคาสูงมากกก มากที่สุดในเกาะเชจูเลยก็ได้ จึงรับประกันได้เลยว่า วิว และ บรรยากาศที่ทุกคนจะได้รับมันดีสมราคาแน่นอนคะ
บรรยากาศนอกในส่วนฝั่งข้างหลังร้านค่ะ ฉากนี้ใช้เป็นฉากแต่งงานของพี่ชายพระเอกในเรื่อง Warm and Cozy ด้วย (ไปดูเถอะค่ะเรื่องน่ารัก ยูยอนซอก น่ารักมากกกกกก 5555 ปล.ชิลบง แห่งอึงดัพ1994 ที่น่ารักแบบบบบมากกกกก)
รอบๆร้านค่ะ น่ารักมากๆ
วิวข้างหน้าร้านค่ะ
ที่เจจูไม่ค่อยมีชายหาดค่ะ ด้วยสภาพภูมิประเทศแต่ข้างหน้ามีชายหาดเล็กลงไปเตะๆน้ำเล่นได้ บรรยากาศดีมากๆสวยมากจริงๆ
[CR] The Day : 3 Days @Jeju Island
The 3 Days : JEJU Island
제주도
สำหรับ The 3 Days : JEJU Island ถือเป็นพาร์ทนึงของ The Days การแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบของเรา The Days สำหรับเราไม่ได้เป็นคู่มือนำเที่ยวแต่มันคือที่เก็บ ความทรงจำ ความคิด ณ ตอนที่เราอยู่ ณ ที่แห่งๆนั้น การที่เราถ่ายภาพมันทำให้เราไม่ลืมสถานที่นั้นๆ แต่การที่เราถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาในตัวหนังสือมันทำให้เรามั่นใจว่า ความคิดต่างๆที่ออกมา ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา ต่างเวลา ต่างสถานที่ มันจะไม่เลือนลางหายไป
ปล.1 ภาพถ่ายส่วนใหญ่ที่ใช้แทบทั้งหมดมาจากกล้องฟิล์ม PENTAX MV1
ปล.2 ไปตามดูภาพนู่นนี้นี้นั้นได้ ที่ อินสตาแกรม @adajarrxx นะครัชชชช 555
ปล.3 หาภาพที่เหลือไม่เจอรู้สึกผิดมาก ขอจบการรายงานเพียงเท่านี้ เจอกันกระทู้หน้า กระทู้นี้กระทู้แรก ทำให้รู้ว่าพันทิพเล่นยากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก อันนี้ไอดีเพื่อน เพราะสมัครของตัวเองไม่ได้สักที ขี้เกรียจแล้ว55555
ปล.4 กระทู้หน้า ไปโซลแบบ Gangster กันนะ อันนยอง
อันยองงงค่าาาา ถ้าพูดถึงประเทศเกาหลีใต้แล้วนอกจาก กรุงโซลเมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้นั้นเราเชื่อว่า อีกหนึ่งเมืองใหญ่ที่ทุกคนก็อาจจะรู้จักกันนั้นก็คือ เกาะเชจูนั้นเอง เกาะเชจูเป็นเกาะใหญ่ที่สุดอยู่ทางใต้ของเกาหลี แม้จะเป็นเกาะใหญ่ที่สุดก็จริง แต่เชจูไม่ใช่เกาะที่ใหญ่มากนักดังนั้น 3วันก็สามารถเที่ยวในสถานที่สำคัญต่างๆได้อย่างเต็มอิ่มแล้ว แต่ถ้าใครอยากจะมาพัก แบบพักจริงๆท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบละก็ 5วันก็น่าจะกำลังดี ซึ่งโดยส่วนใหญ่วัยรุ่นเกาหลีที่มาเที่ยวเชจูกันก็ใช่เวลากันประมาณนี้เท่าที่ได้สอบถามสรรหาคำตอบมา (แต่นั้นแหละเนอะนี้ก็แค่คำแนะนำ ใครอยากอยู่นานกว่านี้หรือน้อยกว่านี้ก็แล้วแต่นะคะ 555+)
การเดินทางบินตรงจากกรุงเทพไปเกาะเชจูนั้นมีเพียงสายการบินเดียวก็คือ EASTAR JET ค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วทั้งสายการบินแห่งชาติ KOREA AIR หรือ ASIANA AIRLINE แม้กระทั่ง JEJU AIRLINE นั้นก็จะต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ปูซานก่อน ทริปนี้เรานั่งเครื่องสายการบินตรงนะคะก็คือสายการบิน EASTER JET นั้นเองสายการบินนี้เป็นสายการบินโลวคอสของเกาหลีค่ะ ถ้าให้เทียบก็ประมาณนั่งแอร์เอเชีย ไฟลท์ส่วนใหญ่ออกช่วงเวลาประมาณ ตี2 ตี3 และจะไปถึงที่เชจูประมาณ 8โมงเช้าเวลาท้องถิ่นใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ ความประทับใจสำหรับสายการบินนี้ก็นะคะมันเป็นสายการบินโลวโคสเราไม่ได้หวังอะไรกับมันมากอยู่แล้วจงเดินทางถึงอย่างปลอดภัยเป็นพอ แต่อยากจะบอกแค่ว่า สจ๊วตขาไป จากกรุงเทพไปเชจู สูงยาวเข่าดี หูกาง จมูกโด่ง ดูจากแอพเพเรนส์ภายนอกแล้วตรงเสปค พิมพ์นิยมนายแบบ เกาหลีเป็นอย่างมากที่เดียว (น้องอยากจิลากสจ๊วตโอปป้าท่านนั้นไปแคสติ้งเดินแบบ seoul fashion week ที่จะเกิดขึ้นที่ DDPในสัปดาห์ถัดไปเลยทีเดียว 555 )
นี้ก็คือตัวอย่างสายการบินของสายการบินต่างๆค่ะเผื่อท่านใดสนใจ
ในส่วนใครที่เที่ยวที่โซลเป็นหลักแล้วอยากจะมาเที่ยวที่เกาะเชจูด้วยนั้น ก็มี 2 วิธีค่ะ คือนั่งเครื่องบินตรงจากโซล มาเกาะเชจูเลย โดยส่วนใหญ่แล้วการบินโดยสารภายในประเทศจะใช่สนามบินกิมโป ซะเป็นส่วนใหญ่ มีหลายไฟลท์หลายสายการบินพอตัว เหมือนกับเราบิน จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ หรือ ไปภูเก็ตเลย การบินใช้เวลาประมาณ ชั่วโมงนึงค่ะ อีกเส้นทางนึงคือการนั่งเรือจากปูซานมาลงที่เกาะเชจู หากใครมาจากโซลอาจจะต้องนั่งรถไฟ KTX จากโซลมาปูซานแล้วมาต่อเรือที่ท่าเรือใหญ่ของปูซานข้ามมาเกาะเชจูค่ะ การเดินทางแบบนี้เหมาะกับคนที่มาเที่ยวยาวๆ หลายๆวันมากกว่า หรือไม่ก็เป็นทริปสองเมืองคือ ปูซาน-เชจู เพราะการนั่ง KTX จากโซลมาปูซานใช่เวลาหลาย ชม. บวกกับต้องนั่งเรือไปอีก อาจใช่เวลาเป็นวันเลยก็ได้ค่อนข้างเสียเวลาอยู่พอตัวค่ะ แต่ถ้าใครอยากเก็บบรรยากาศ นั่งรถไฟนั่งเรือมาเรื่อยก็ไม่ว่ากัน 555+ นตารางการออกเรือและท่าเรือต่างท่มีเรือไปเกาะเชจูเผื่อท่านใดสนใจตามภาพข้างล่เลยนะคะ สำหรับเราหากมีเวลาทริปหน้าก็อาจจะเป็นโซลปูซานเกาะเชจู ยังไงก็แล้วแต่มาตามรอดูกันนะคะ 555
ตามภาพนะคะ จะมีท่าเรือที่ไปเชจูทั้งหมด 6 ท่า
1.
ท่าเรือ Mokpo ที่Mokpo ไปยัง ท่าเรือ Jeju
2.
ท่าเรือ Usuyong ที่Haenam ไปยัง ท่าเรือ Jeju
3.
ท่าเรือWando ที่Wando ไปยัง ท่าเรือ jeju
4.
ท่าเรือNoryeok ที่Jangheung ไปยัง ท่าเรือ Seongsanpo
5.
ท่าเรือNokdong ที่Goheung ไปยัง ท่าเรือ jeju
6.
ท่าเรือYeosu EXPO Cruise Terminal ที่Yeosu ไปยัง ท่าเรือ jeju
เราใช้เวลาที่เชจูทั้งหมด 3 วันเต็มในช่วงเดือนตุลาคมค่ะ กำลังย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศกำลังดีมากๆเลยเย็นสบายทั้งวันทั้งคืน สนามบินเชจูอยู่ใกล้ตัวเมืองมาก ถ้าเปรียบเทียบก็ประมาณ สนามบินเชียงใหม่กับตัวเมืองเชียงใหม่ การเดินทางเข้าตัวเมืองจะมี2แบบ คือแทกซี่และรสบัส หากมากัน 3-4คนเราแนะนำนั่งแทกซี่นะคะจะคุ้มกว่า รถแท็กซี่ที่เกาหลีไม่ได้แพงเหมือนญี่ปุ่นค่ะ การเดินทางในเชจูไม่มีเมโทรใต้ดินเหมือนที่โซล พอหารๆค่าแท็กซี่กันอาจออกมาถูกกว่าค่ารถบัสอีกค่ะสะดวกกว่าด้วย โอ้วลืมบอกไปว่าคำว่าตัวเมืองในที่นี้จะมีสองรูปแบบอาจจะงงกันเล็กๆนะค่ะ คือ Downtown และ City Hall สำหรับDowntownของเชจูนั้นจะให้อารมณ์ตัวเมืองในต่างจังหวัดค่ะ ไม่ได้มีตึกสูงใหญ่อะไรมากนัก แต่ก็มีสถานที่ชอปปิ้งที่เรียกว่า ตลาดดาวทาวเหมือนกับว่าเราไปชอปปิ้งที่เมียงดงที่โซลอะไรประมาณนั้นค่ะ สำหรับCity Hall เป็นเหมือนสถานที่ที่เต็มไปด้วยโรงแรมชั้นนำ ตึกสูงๆมากมาย ห้างสรรพสินค้า ดิวตี้ฟรีเต็มไปหมดในทริปนี้เราไม่ได้มาชอปปิ้งนะค่ะ555+ ขออนุญาตข้ามไปละกันนะ ในทริปนี้เราพักอยู่แถวๆ City Hall (ขออนุญาตไม่รีวิวที่พักนะคะ) เอาละค่ะถึงเชจูแล้วเข้าที่พักเรียบร้อยก็ไปเที่ยวกันเถอะครัชชชชช
สถานที่เราจะแนะนำไปในอันดับแรกนั้นคือร้านกาแฟ มาเกาหลีจะไม่ไปร้านกาแฟ เกร๋ๆสวยๆ ก็ยังไงอยู่นะคะ ด้วยเหตุผลที่คนเกาหลีชอบกินกาแฟมากกกค่ะ ดึกๆแล้วๆยังกินกาแฟอยู่เลย 5555 ร้านกาแฟแต่ละแห่งยังแข่งการจัดร้านให้สวยดูดีมีรสนิยมเหมาะแก่การไปนั่ง แฮงเอาท์ เมาท์มอยกับเพื่อน ถ่ายรูปเก็บบรยากาศ ก็ว่ากันไป สำหรับคาเฟ่แห่งนี้มีครบองค์ประกอบทุกอย่างเลยละ
Bomnal Café봄날카페 봄อ่านว่า บม แปลว่าฤดูใบไม้ผลิ 날อ่านว่า นัล แปลว่าวัน คาเฟ่บมนัลจึงแปลว่าได้ว่า คาเฟ่วันของฤดูใบไม้ผลิ หรือ คาเฟ่ที่สดใสดั่งวันในฤดูใบไม้ผลินั้นเอง (ในความรู้สึกของชาวเกาหลี ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูแห่งการเริ่มต้น เป็นฤดูของความสดใส แสงแดด ดอกไม้ต้นไม้ ที่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากผ่านฤดูหนาวอันแห้งแล้งมายาวนานค่ะ) ซึ่งการรูปแบบการจัดร้าน วิวสวยๆของทะเลเชจู อากาศที่ดีของเชจู มันทำให้คาเฟ่ร้านนี้ตอบโจทย์ได้ตรงกับชื่อของมันเลยละคะ
ร้านคาเฟ่ร้านนี้ ได้ใช่เป็นฉากหลักในซีรีย์เรื่อง Warm and Cozy หรือชื่อภาษาเกาหลีคือ맨도롱또똣 อ่านว่า เมนดารงต๊ดต๊ด ที่ คังโซราและ ยูยอนซอกเล่นเป็นซีรีย์ที่น่ารักมีแต่รอยยิ้มทั้งเรื่องเลยละค่ะ แม้เรตติ้งจะไม่สูงมากนักแต่เป็นซีรีย์เรื่องนึงที่ดูแล้วยิ้มตั้งแต่เริ่มเรื่องยันจบเลยทีเดียวและที่สำคัญดูแล้วทำให้อยากมาเที่ยวเกาะเชจู ความสามารถของครีเอทีฟเกาหลีเลยละคะที่มักทำให้สื่อ เอนเตอร์เทนเมนละครต่างๆเป็น ตัวโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยว 555 แล้วพวกเค้าก็ทำได้ดีซะด้วย ไทอินได้อย่างเหมาะเจาะสวยงาม (โอ้วนี้เราก็ตกเป็นทาสการตลาดของเค้านะเนี่ย 5555) ตอนที่มาถึงร้านนี้ ความรู้สึกแรก มัน เมนดารงต๊ดต๊ดจริงๆเลยคะ แมนดารงต๊ดต๊ด เป็นภาษาเชจูแปลว่าอบอุ่นหัวใจ ทั้งข้างนอกร้าน ข้างในตัวร้าน รวมถึงบริเวณตัวร้านทั้งหมดมีมุมน่ารักๆให้เราได้ถ่ายรูปเล่นเต็มไปหมดเลยคะ เนื่องจากเป็นร้านกาแฟ เราจึงจำเป็นที่จะต้องสั่งกาแฟค่ะ บาริสต้าพูดภาษาอังกฤษได้ไม่ดีนัก แต่การบริการน่าประทับใจมากกกกค่ะ
ข้างในร้านน่ารักมาก
บาริสต้าบริการดีมากกก
เมนูที่เราสั่งนั้นเป็น อเมริกาโน่เย็น 1 แก้ว และ ลาเต้มันหวานค่ะ หรือ ที่เรียกว่า คาคูมันลาเต้ รสชาตินั้นก็มาตราฐานกาแฟทั่วไปค่ะ ส่วนคาคูมันลาเต้เราว่าอร่อยคะ ผ่านนนน จากภาพจะเห็นนะคะ ว่าตัวร้านกาแฟนี้ติดกับทะเลเลย อยากจะย้ำอีกครั้งว่าบรรยากาศดีมากจริงๆ ที่นั่งมีทั้ง อินดอร์และ เอาท์ดอร์ค่ะ เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่พูดเลยว่าต้องกลับมา เสพบรรยากาศอีกครั้งแน่ๆคะ โดยทั่วไปจะมีครอบครัว คู่รัก ข้าวใหม่ปลามัน คู่เพื่อนซี้ (หรือแม้กระทั่งคู่พี่น้องอย่างเรา 555)มานั่งแฮงเอาท์นั่งพักกันค่อนข้างเยอะเลย
อย่างที่ได้บอกไปว่าภายนอกร้านยังมีมุมสวยๆ น่ารักๆ ให้ถ่ายรูป เยอะมากเลยค่ะ ตอนที่เราไปอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวมาก ความรู้สึกเหมือนหน้าหนาวที่กรุงเทพเลย 555 ทะเลเชจูไม่เหมาะกับการเล่นทะเลค่ะ แต่เหมาะกับการมาพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์เสียมากกว่า ใกล้ๆคาเฟ่บมนัล มีบ้านพักตากอากาศ หลายหลัง ที่ต้องพูดว่าเป็นวิลล่าสุดหรูอยู่ใกล้ๆกันเลย ที่ดินบริเวณคาเฟ่บมนัลและรอบๆ ถือเป็นที่ดินที่มีราคาสูงมากกก มากที่สุดในเกาะเชจูเลยก็ได้ จึงรับประกันได้เลยว่า วิว และ บรรยากาศที่ทุกคนจะได้รับมันดีสมราคาแน่นอนคะ
บรรยากาศนอกในส่วนฝั่งข้างหลังร้านค่ะ ฉากนี้ใช้เป็นฉากแต่งงานของพี่ชายพระเอกในเรื่อง Warm and Cozy ด้วย (ไปดูเถอะค่ะเรื่องน่ารัก ยูยอนซอก น่ารักมากกกกกก 5555 ปล.ชิลบง แห่งอึงดัพ1994 ที่น่ารักแบบบบบมากกกกก)
รอบๆร้านค่ะ น่ารักมากๆ
วิวข้างหน้าร้านค่ะ
ที่เจจูไม่ค่อยมีชายหาดค่ะ ด้วยสภาพภูมิประเทศแต่ข้างหน้ามีชายหาดเล็กลงไปเตะๆน้ำเล่นได้ บรรยากาศดีมากๆสวยมากจริงๆ