ผมว่ามันเป็นเรื่องของความเชื่อ
ซึ่งพวกเค้าก็มีสิทธิในความเชื่อได้ ตามสิทธิแห่งรัฐธรรมนูญ
ตราบใดที่ไม่ได้ล่วงล้ำในสิทธิของผู้อื่น

ซึ่งความเชื่อถ้าอยู่ในกรอบดั้งเดิม อย่างการเลี้ยงกุมารทอง
แบบนั้นมันก็ไม่มีผลกระทบกับใคร มันก็ไม่มีปัญหาอะไร
ใครจะเชื่อก็เชื่อไป ใครจะเลี้ยงก็เลี้ยงไป สังคมก็คงไม่แอนตี้อะไรมาก

แต่เรื่องลูกเทพนี่มันกระทบกับคนอื่นเหมือนกันนะ
อย่างที่ผมเจอราวๆ เดือนพศจิกายนปีที่แล้ว พาหลานไปเรียนเทควันโด
ที่นั่งรอก็น้อย คุณเธอมนุษย์ป้านางนึงก็เอา ตุ๊กตาลูกเทพหญิงชายตัวเบ่อเร่อ มานั่งถึง 2 ที่นั่ง
ตอนนั้นมันยังไม่ดัง ผมไม่รู้ว่าเป็นลูกเทพ ก็เลยถามไปว่า
เอาตุ๊กตาวางบนพื้นได้มั้ยครับ ผมแก่แล้วปวดเข่าขอนั่งที่นั่งได้รึป่าว
คุณเธอก็แว๊ดๆ เลย นี่ไม่ใช่ตุ๊กตานะคะ อยากนั่งทำไมไม่มาคนแรกคะ มาแต่เช้าเลยสิ บลาๆๆๆ  
ผมเลยเดินไปยืนมุมห้องร่วมกับผู้ปกครองคนอื่นๆ
ผู้ปกครองคนหนึ่งหันมาคุยกับผม โดนมาเหมือนกันค่ะ ฮ่าๆๆ

ส่วนภรรยาผมนี่โดนตอนไปธนาคาร
หลังจากทำธุรกรรมเสร็จ กำลังเดินออกมา
ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งให้ถือตุ๊กตารอ (ยามธนาคารไม่ให้เอาเข้าไป)
แฟนผมก็แก่แล้ว ตุ๊กตาก็ตัวใหญ่หนัก ถือนานๆ ก็เมื่อย
ก็เลยนั่งลงรอบนพื้น แล้วเอาตุ๊กตาวางใว้ข้างๆ
พอเจ้าของตุ๊กตาลูกเทพออกมา ก็ด่าภรรยาผมใหญ่เลย
บอกว่าเอามาวางแบบนั้นได้อย่างไร ต้องเอาไปปลุกเสกใหม่นะนี่
เอามาวางบนพื้นแบบนี้ ใครจะรับผิดชอบ โดนด่าสารพัด ฮ่าๆ

ล่าสุดนี่ ไปกินบุฟเฟต์ ร้านดังที่รู้ๆ กัน
เจอคนพาตุ๊กตาลูกเทพ นี่ไปนั่งกินด้วย
คนที่ต่อคิวข้างนอกร้าน มองกันเพรียบ
ตอนจะกลับผมถามพนักงานว่า กับค่าหัวตุ๊กตาด้วยรึเปล่า?
พนักงานก็บอกว่า ไม่เก็บค่ะ เก็บเฉพาะกับคน
ผมก็ถามต่อว่า อย่างงี้ไม่เสียที่นั่งไปเปล่าๆ เหรอ คนก็รอคิวกันเยอะ
พนักงานก็บอกว่า ทุกคนคือลูกค้าค่ะ พยายามไม่ให้มีปัญหา แต่พักนี้มีมาเยอะเหลือเกิน

ไม่แน่ ต่อไปร้านบุฟเฟต์อาจจะเก็บเงินค่าหัวตุ๊กตาลูกเทพก็ได้นะ