เดี๋ยวนี้จอดรับลูกกันยังงี้แล้วหรอ?

ซอยคอนแวนต์ สีลม
ที่เห็นนั่นไม่ใช่รถติด แต่เป็นจอดรับลูก โรงเรียนเลิก
ตะก่อนเห็นแถวเดียว เดี๋ยวนี้ฟิชชั่นเป็นสองแถวละ อีกหน่อยคงจอดมันทั้งถนนเลยสินะ
แล้วโรงเรียนทำไมไม่ให้รถเข้าไปจอดในโรงเรียนล่ะ?
เห็นแก่ตัวกันหมด ทั้งโรงเรียน ผู้ปกครอง

ปล. วันนี้วันจันทร์ ไม่มีแผงลอยฟุตปาธ ถ้ามีจะเละกว่านี้มาก เพราะจะมีรถพ่อค้าแม่ค้าจอดถาวร และคนต้องไปเดินบนถนนแทน

------
เพิ่มเติม 28/1
1/ เห็นมีหลายท่านบอกว่าเลนนอกนั่นวนรับลูก ไม่วนนะ จอดแช่นั่งจิ้มมือถือแทบทุกคัน
2/ ผู้ปกครองดีๆ ก็มี แต่ที่แย่เยอะกว่า บางคนจอดรถเสียตัง เห็นเดินจูงลูกมาที่รถ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น มีหลายตึกที่จอดได้นะแถวนี้ แต่เสียตังไง เลยไม่จอด
3/ ที่ต้องเปิดวันเวย์เพราะพวกท่านจอดแช่ไปสองแถวแล้วไง ถ้าท่านไม่จอดแช่มันก็วิ่งได้ปกติ ไม่ใช่ว่ามาบอกว่าเปิดวันเวย์รถเลยวิ่งได้สะดวก ต้องขอบพระคุณโรงเรียนที่ร่วมมือกับจราจรนะที่เปิดวันเวย์ให้ไม่งั้นติดหนักกว่านี้ อันนี้ตรรกะท่านแปลกๆ
4/ ถ้าท่านรีบรับรีบไป แต่มันยังติดอันนี้พอเข้าใจได้ แต่นี่ท่านจอดแช่สองแถว ติดเครื่อง นั่งจิ้มมือถือ ไม่สำนึกว่าใครจะเดือดร้อน อันนี้เกินไปไหม?
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
รร.เค้าเติมเงินแล้วเลยจอดได้ไม่มีปัญหา ความจริงจะปิดถนนทั้งเส้นก็ยังได้ แต่เค้ามีเมตตาเหลือไว้ให้ชาวบ้านตาดำๆได้ใช้สัญจรบ้าง ทนๆกันไปเผื่อลูกหลานคนเห็นแก่ตัวนะครับ
ความคิดเห็นที่ 14
อย่าไปว่าเค้านะ
เดี๋ยวเจอมุข "ไม่มีลูก ไม่รู้หรอก"
มีลูก สามารถทำอะไรก็ได้ เบียดเบียนใครก็ได้
แทรงคิวก็ได้ คือ ทำแย่ๆ อะไรได้หมด แค่มีลูก
ความคิดเห็นที่ 52
ขอแชร์อีกมุมนะครับ จากที่ได้ใช้ถนนเส้นนี้เป็นประจำ โดยใช้ในหลายๆเวลาไม่เฉพาะเวลา รร เลิก
ผมว่า จากในภาพ รถผู้ปกครองส่วนใหญ่น่าจะเป็นพวกเลนสองนี่แหละ พวกที่จอดริมฟุตบาทเนี่ย มันจอดตรงนั้นกันตั้งแต่เช้าเลย น่าจะเป็นเจ้าของร้านแถวนั้น หรือพนักงานออฟฟิษนะครับคิดว่า

จริงๆที่ผู้ปกครองทำให้เกิดก็คือ ทำให้รถไหลได้ช้า ซึ่งซอยนี้มันช้าอยู่แล้วเนื่องด้วยไฟแดงอีกด้านนึงซึ่งปล่อยรถน้อยมาก เพียงแค่ทาง รร พยายามหาทางให้ผู้ปกคองวนรถได้สะดวกหน่อย รถข้างหลังจะได้ไหลไปได้ แต่วนใน รร ก็ไม่ได้อีก แถวนั้นมีเงินก็ซื้อที่ดินไม่ได้ซะด้วยสิไม่มีใครขายหรอก
คงต้องให้ รร ขอความร่วมมือผู้ปกครองอย่าแช่รถนานเกินไป แต่ลูกยังไม่มาก็ขอให้วนรถกันหน่อยคงพอใช้ได้

แต่ถนนเส้นนั้นแคบอยู่แล้วมีไฟแดงอีกด้านหนึ่งซึ่งปล่อยน้อยมากอีกต่างหาก ดังนั้น เมื่อปริมาณรถเยอะขึ้น ก็ติดขึ้นเป็นธรรมดา ทุกคนมีสิทใช้ถนนเท่าๆกัน ถ้าเค้าไม่จอดแช่นานมากก็ถือว่าไม่ได้ทำผิดอะไร ในเมื่อผู้ที่บ่นรถติดก็ใช้รถส่วนตัวเหมือนกันในการไปทำงานหรือไปซื้อของ ของตัวเอง

ผมเองยอมรับตัวเองเป็นผู้ ช มีแรงเหลือเฟือแท้ๆก็ยังขับรถส่วนตัวให้ใช้รถเมล์รถไฟฟ้าตอนนี้ผมก็ไม่เอา นับประสาอะไร กับพ่อแม่ที่เค้ามีลูกผู้ ญ ที่ดูบอบบางแบบนั้น จะให้ไปขึ้นรถเมล์ซึ่งทั้งร้อนทั้งอันตรายก็ไม่ใช่เรื่อง ฟุตบาทก็สุดแคบมีแต่แผงลอยบ้านเรา เค้าคงไม่สะดวกใจให้ลูกไปเดินแน่ๆ

ปล. จากมุมมองเล็กๆของผมคนนึงที่ตอนเด็กๆบ้านจน นั่งรถเมล์ไปเรียนตั้งแต่ประถม
ปล2. ผมยังไม่มีลูก ยังไม่แต่งงานครับ แค่พยายามทำความเข้าใจ
ความคิดเห็นที่ 99
ปัญหามันเกิดที่คนใช้รถ เห็นที่บ่นๆกันก็ใช้รถทั้งนั้น

ไม่เห็นมีซักความเห็นเลยที่จะเสนอว่า เออ งั้นชั้นไม่ใช้รถละกัน เห็นมีแต่ไล่ให้คนอื่นอย่ามาใช้รถตามชั้น

ถ้าคุณยังใช้รถ อย่าบ่นว่ารถติดเพราะคุณก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รถติด (แต่คนไม่เคารพกฎจราจรส่งผลมากที่สุด)

ผมชอบนโยบายอันหนึ่งมากคือซื้อรถต้องสำแดงที่จอด เห็นบ่นกันเกลียว !!!

อีกอันผมก็ชอบ ทำเหมือนสิงค์โปร เส้นไหนรถติดเก็บเงินค่าใช้ถนนด้วย RFID ก็เห็นบ่นกันอีก !!!

สุดท้ายก็มาบ่นกันไปกันมา เฮ้อ...
ความคิดเห็นที่ 88
ในฐานะที่เป็นนักเรียนโรงเรียนนี้นะคะ
1.โรงเรียนได้มีการประกาศหน้าเสาธง"หลายครั้ง"เเล้ว ให้นร.ไปบอกผู้ปกครองว่าเวลาส่งลูกไม่จำเป็นต้องรอจอดหน้าโรงเรียนเท่านั้น เมื่อเข้าเขตโรงเรียน(ตั้งเเต่รั้วโรงเรียนไปถึง) ก็สามารถให้เด็กลงได้ทันที เพราะมีครูเวรเเละตำรวจดูเเลความปลอดภัย
2.ตอนเช้าไม่สามารถให้ผู้ปกครองจอดในรร.ได้ เพราะต้องใช้ลานในการเข้าเเถวของนร. ถ้าให้ผู้ปกครองเข้าไปจอดภายในโรงเรียน รับประกันได้ว่าตอน8โมงเช้าจะมีรถผู้ปกครองบางส่วนที่ยังไม่ออกจากโรงเรียนเเละทำให้นร.ไม่มีที่เข้าเเถว
3.ตอนเย็นก็จอดไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเป็นพื้นที่สำหรับรถโรงเรียนซึ่งมาจอดกันเด็มพื้นที่ เเต่มีเลนให้ผู้ปกครองมาวนรถรับส่ง สมัยก่อนเคยมีผู้ปกครองขอจอด พอจอดหนึ่งท่าน ท่านอื่นก็ทำบ้าง จอดซ้อนคันกัน ทำให้รถออกไม่ได้ ผู้ปกครองก็ว่ากันไปว่ากันมา สุดท้ายก็ว่าโรงเรียน โรงเรียนเลยไม่สามารถให้จอดได้ นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งเช่นกัน
4.หลายท่านบอกว่าให้ฝึกความรับผิดชอบ อย่างไปโรงเรียนเอง หรือถ้าเวลากลับ ถึงเวลานัดเเล้วไม่มา ก็ให้กลับเองเลย ข้อนนี้พูดเลยว่า โรงเรียนกับบ้านไม่ได้ใกล้ๆกันหรอกนะคะ อย่างตัวเราตอนเช้ามารถส่วนตัว เพราะคุณพ่อจะมาส่งเเล้วขับรถไปทำงานต่อเลยเนื่องจากเป็นเส้นทางเดียวกัน เเต่เวลากลับ เรากลับเองตั้งเเต่ป.6 เรากลับรถไฟฟ้า 13 สถานี บางคนก็ไกลกว่า ยิ่งวันสุดท้ายก่อนสอบ หนังสือทุกวิชาต้องเอากลับบ้านซึ้งก็ประมาณ18วิชา ทั้งหนังสือเเละสมุดรวมกันก็ประมาณ36เล่ม เล็กบ้างใหญ่บ้างคละกัน เด็กโตสามารถที่จะทำเเบบนั้นได้ เเต่เด็กเล็กอย่างประถมที่มีร่างกายต่างกันคงทำไม่ไหว
5.กระเป๋าเด็กประถมหนักกว่าเด็กมัธยม "มาก" เราอยู่ม.3 ทำหน้าที่ถือกระเป๋าให้น้องๆตอนเช้า เป็นการบำเพ็ญประโยชน์เเละเราพบว่า เด็กๆถือกระเป๋าหนักมากเมื่อเทียบกับขนาดตัว เเละเด็กๆมักใช้กระเป๋าสะพาย เพราะฉะนั้น หวังว่าคงไม่มีใครอยากเห็นอนาคตของชาติเดินหลังค่อมทั้งประเทศนะคะ
6.คนรวยทำอะไรก็ไม่ผิด ค่ะ รวยมากกกกก... ไม่ใช่ทุกคนในโรงเรียนนะคะที่จะมีเงินเยอะฟุ่มเฟือย ช่วยอย่าตัดสินจากเพียงเเค่รูปลักษณ์ของโรงเรียนด้วยค่ะ
7.เด็กๆจะซึมซับความเห็นเเก่ตัวของผู้ปกครอง สังคมจะไร้ระเบียบ.....เรามั่นใจหนึ่งอย่าง ว่ากฏระเบียบประมาณ105ข้อของโรงเรียน เข้มงวดไม่น้อยกว่าโรงเรียนรัฐบาลเเน่นอน ถ้าเด็กจะนิสัยเสียอย่างไร ก็จะเป็นเพราะ สื่อ สังคมออนไลน์ โทรทัศน์ ค่ะ
8.โรงเรียนเห็นเเก่ตัวมากๆ เอาเเต่ความสบาย...ความจริงก็คือ โรงเรียนเป็นโรงเรียนที่บริจาคเยอะมากกกก งานโรงเรียนก็เงินห้อง เเต่รายได้นำไปบริจาค ขอรับบริจาคตุ๊กตาของนร. ขอรับบริจาคเงินเพื่อไปซื้อของเยื่อมบ้านพักคนชรา โรงพยาบาลทหาร อะไรไม่รู้เยอะเเยะ
9.เด็กต่างจังหวัดเดินไกลกว่า ลำบากกว่า สมัยก่อนคนอื่นก็ทำได้ ทำไมตอนนี้ทำไม่ได้ล่ะ ไม่ปฏิเสธค่ะ ก่อนอื่นเลย ในต่างจังหวัด ลำบากกว่า เเน่นอนอยู่เเล้ว เเต่ถ้าจะอ้างข้อนี้ คงว่าเเค่โรงเรียนนี้โรงเรียนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ อย่างไรก็ตาม ทั้งถนนหนทาง เเละความถี่ที่น้อยมากของโรงเรียนในต่างจังหวัดนั้น เป็นเรื่องที่ภาครัฐควรเข้ามาดูเเลทั้งเรื่องถนน หรือจะเป็นการสร้างโรงเรียนรัฐบาลเพิ่มก็ตาม อีกเรื่องหนึ่งที่ว่าสมัยก่อนมาโรงเรียนเองได้ ผู้ปกครองสมัยนี้ ก็สมัยเดียวกันนั่นเเหละค่ะ คิดว่าคงไม่อยากให้ลูกตัวเองลำบากเหมือนตัวเอง
10.ทุกอย่างมีข้อดีเเล้วก็ต้องมีข้อเสีย โรงเรียนเราก็เช่นกัน ทั้งเรื่องการจัดการถนนที่ไม่ดีพอจนเกิดเรื่องคนมาตั้งกระทู้บ่อยๆ หรืออะไรก็ตาม

เราคงไม่อ้างว่าไม่มีลูกไม่เข้าใจ เพราะเราไม่มีลูก เราคงไม่อ้างว่า ลองมาเป็นเด็กโรงเรียนนี้สิเเล้วจะรู้ เพราะบางท่านก็เป็นผู้ชาย เเต่ก็ขอให้ทราบว่าโรงเรียนเองก็พยายามจัดการเรื่องนี้เเล้ว ทั้งนี้คงต้องขอความร่วมมือกับผู้ปกครองด้วยเช่นกัน

สำหรับเราเเล้ว เมื่อทุกฝ่ายร่วมมือกันปัญหาใหญ่ก็จะกลายเป็นปัญหาเล็กได้ค่ะ ปัญหาเริ่มจากคน ก็ต้องเเก้ที่คน เเม้ว่าสถาบันจะออกนโยบายเเก้ หรือภาครัฐจะเข้ามาดูเเลเเต่ถ้าคนไม่ร่วมมือก็ไม่มีประโยชน์ค่ะ

ถ้าใครมีข้อเเย้ง คำติชม ความเห็นหรือวิธีเเก้ปัญหาก็ลองเสนอกันมาค่ะ เผื่อทางโรงเรียนจะได้นำไปใช้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่