Spoill มากนะทั้ง Forrest Gump และ Reply 1988 ก่อนอ่านควรศึกษาตัวเองว่าต้องการไหม...อิอิ
เนื่องด้วยความสงสัยเป็นที่ตั้งทำไมตอนที่ 18 ทุกคนถึงต้องไปดู Forrest Gump ดังนั้นเมื่อเราจะหักดิบจากถุงกาว เราจึงได้กลับไปทิ้งทวนหาดู Forrest Gump อีกรอบ การดูฟอเรส กัมป์หลังจากดูรีพลาย 1988 มาอย่างเมามาย มันเป็นแบบนี้นี่เอง ดูจบแล้วให้ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายเป็นที่สุดค่ะ กระทู้นี้ตั้งมาเพื่อบอกกล่าวในสิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นมา และแชร์อีกมุมหนึ่งในสิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้เป็นและต้องการนำเสนอหรือเปล่า หรือเราเมากาวไปเอง ฮึ...อิอิ
ประเด็นที่เรามองเห็นก็คือเรื่องของสองตัวละครหลักสองตัว "แท็ก" กับ "จองฮวัน" ที่เราเข้าใจเองว่า สองตัวละครนี้น่าจะมีจุดกำเนิดเป็นแรงบันดาลใจมาจากที่เดียวกันนั่นคือ ฟอเรส กัมป์ เด็กไอคิวต่ำที่มีเพื่อนรักตัวติดกันมาตั้งเด็กคือเจนนี่ กับ พลทหารฟอเรส กัมป์ที่มีเพื่อนรักร่วมสมรภูมิเวียดนาม คือบับบาและมีผู้บังคับบัญชาคือผู้พันแดน
เราเห็นพลทหารฟอเรสกัมป์ในตัวจองฮวัน ตอนที่เค้าชกหน้ารุ่นพี่แทนซอนอู ตอนที่เค้าสละรองเท้าเพื่อยงยง ตอนที่ต้องทนนั่งดูฟอเรสกัมป์เป็นเพื่อนยงยงตั้งครึ่งเรื่องก่อนจะวิ่งไปตามหัวใจตัวเอง ตอนที่เค้าใช้ชีวิตทำตามความฝันของพี่จองบง และตอนสุดท้ายที่เค้ากำลังรีบกลับชาชอนแต่เห็นซอนอูนั่งกินเหล้าหน้าเครียดอยู่คนเดียวทั้งที่เวลาไม่มีแล้ว แต่เค้ายังตรงดิ่งเข้ามาหาและนั่งกินเหล้าเป็นเพื่อน วิถีของจองฮวันคือวิถีของขนนกเค้าใช้ชีวิตไปตามลิขิตฟ้าแล้วแต่ลมจะพัดเค้าไปทางไหนเค้าก็ทางนั้น ถึงแม้บางครั้งเป้าหมายสำคัญอาจจะหลุดลอยไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับคืนมาระหว่างทางอาจจะคุ้มค่ามากกว่ากันก็ได้ เหมือนฟอเรสที่ตอนแรกเค้าตั้งใจจะวิ่งกลับไปช่วยบับบา แต่ระหว่างทางเค้าเจอเพื่อนทหารคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บเค้าจึงช่วยแบกคนเหล่านั้นหลบภัยก่อน ก่อนจะไปตามหาบับบาและช่วยเป็นคนสุดท้ายซึ่งก็ไม่ทัน แต่ไม่ได้หมายความว่าบับบาจะไม่สำคัญกับเค้าเพราะชีวิตหลังจากปลดประจำการฟอเรสใช้ชีวิตตามความฝันของบับบา และสิ่งที่เค้าได้รับกลับมา คือผู้พันแดนที่เค้าช่วยชีวิตไว้ ผู้ซึ่งเป็นเสมือนพี่ชาย และครอบครัวผู้ที่มาดูแลกิจการต่างๆ ให้เค้าในท้ายที่สุด จองฮวันพลาดเป้าหมายสำคัญในชีวิตรักคือด็อกซอน แต่สิ่งที่จองฮวันได้รับกลับคืนมาคือครอบครัวที่อบอุ่นและแน่นแฟ้นกว่าเดิม เค้าสามารถแสดงออกถึงความรักต่อครอบครัวด้วยการจัดงานแต่งงานให้พ่อกับแม่ย้อนหลัง การที่ลูกชายจูงมือแม่ข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตของลูกผู้หญิงคนนึง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราว่าบางทีมันมีค่ากว่าความรักแบบหนุ่มสาวเสียอีกนะ
สำหรับแท็กเราเห็นฟอเรสกัมป์ในตัวเค้า ตอนที่ท่าทาง เอ๋อๆ งั่งๆ ทำอะไรไม่ได้เรื่องซักอย่าง แม้กระทั่งผูกเชือกรองเท้ายังไม่เป็น แต่ภายใต้บุคลิกแบบนั้นแท็กกลับมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนกว่าใครทั้งหมดในแก๊งค์ นั่นคือการเล่นพาดุกกับด็อกซอน เรื่องพาดุกแท็กทุ่มทั้งชีวิตให้เลย ไม่เรียนหนังสือไม่ทำอย่างอื่น เค้าจึงประสบความสำเร็จ ส่วนเรื่องด็อกซอนแท็กไม่เคยละสายตาจากด็อกซอนเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน และมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้ววันหนึ่งพอโอกาสมาถึงเค้ารีบกระโจนเข้าใส่เป้าหมายที่เค้าจ้องมาเนิ่นนานโดยไม่สนใจอะไรเลย วิถีของแท็กคือวิถีของการเล่นปิงปองสายตาห้ามละจากลูกปิงปอง ฟอเรส กัมป์เล่นปิงปองจนดังระเบิดและมีชื่อเสียงมากมาย และวิถีฟอเรสกับเจนนี่ก็เช่นเดียวกัน ฟอเรสไม่เคยละสายตาจากเจนนี่เลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฟอเรสมองเห็นความฝันของเจนี่ผ่านการเล่นกีตาร์เปลือยกายโชว์ เหมือนแท็กมองเห็นความรู้สึกของด็อกซอนผ่านการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยตอนเธอเสียหน้า ฟอเรสได้แต่งงานกับเจนนี่ในท้ายที่สุด แท็กก็เช่นกัน สิ่งที่เราเห็นในแท็กกับฟอเรสกัมป์คนนี้คือ เป้าหมายมีเอาไว้ให้พุ่งชนไม่ว่าจะเป็นคนที่ไอคิวต่ำฟอเรส หรือไอคิวสูงแบบแท็กก็ตาม เพราะชีวิตอยู่ในมือเราเราลิขิตเอง
ในเรื่องฟอเรสกัมป์สรุปให้เราว่า เค้าไม่รู้ว่าชีวิตแบบไหนดีกว่ากันระหว่างการใช้ชีวิตแบบขนนกที่ล่องลอยไปตามลมแต่ได้ชื่นชมทิวทัศน์สวยงามระหว่างทาง หรือการวิ่งเข้าใส่เป้าหมายโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะผลลัพธ์ที่ได้ก็คงเหมือนกับช็อคโกแลคในกล่องของเค้าที่มันมีหลายรสชาติ เราไม่รู้ว่าวันไหนเราจะจับได้รสชาติอะไร และเราจะไม่มีทางรู้เลยว่ารสชาติไหน ขม หวาน หรือเคลือปอัลมอนด์ จะถูกใจเราที่สุด จนกว่าเราจะลองชิมมันดู...
กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากการดู 1988 ผสมกับการดูฟอเรสกัมป์ตบท้าย ภาพของฟอเรสกัมป์คนที่นั่งเล่าเรื่องที่ยากจะเชื่อของตัวเอง ผ่านท่าทางเอ๋อๆ เพ้อๆ บนม้านั่งข้างถนนตรงป้ายรถเมล์ที่มีคนผ่านมาผ่านไปมารับฟังบางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ แต่เค้าก็ไม่สนใจเพราะเค้าแค่อยากจะเล่าให้ฟังตามประสาแค่นั้นเอง...เจ้าของกระทู้ก็อารมณ์ประมาณนั้นแหละค่ะ ...อิอิ
ปล.ตั้งแต่ดูมาเรามีแต่ว่าคนเขียนบทกับทีมผู้สร้างเรื่องนี้ว่าโรคจิตบ้าง ฆาตรกรบ้าง แต่วันนี้ขอแทรกคำชื่นชม และความนับถือส่งไปยังทีมงานที่สร้างซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมา ที่นอกจากจะให้ความสุขตามประสา แล้วยังให้แรงบันดาลใจมากมายอยู่ข้างในคนดูเรื่องนี้อีกด้วยค่ะ
วิถีของ Reply 1988 คือวิถีของซีรีส์วิทยาศาสตร์สไตล์ ไม่ต้องเชื่อก่อนจะพิสูจน์เอง ต้องการการทดลองซ้ำ พอๆ กับต้องการการดูซ้ำ เพื่อพิสูจน์ว่า ทีมสร้างเรื่องนี้ดี ของเค้าดีจริงๆนะ ...แบร๊ะๆๆๆ
Reply 1988 กับบทสรุปแบบ Forrest Gump
เนื่องด้วยความสงสัยเป็นที่ตั้งทำไมตอนที่ 18 ทุกคนถึงต้องไปดู Forrest Gump ดังนั้นเมื่อเราจะหักดิบจากถุงกาว เราจึงได้กลับไปทิ้งทวนหาดู Forrest Gump อีกรอบ การดูฟอเรส กัมป์หลังจากดูรีพลาย 1988 มาอย่างเมามาย มันเป็นแบบนี้นี่เอง ดูจบแล้วให้ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายเป็นที่สุดค่ะ กระทู้นี้ตั้งมาเพื่อบอกกล่าวในสิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นมา และแชร์อีกมุมหนึ่งในสิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้เป็นและต้องการนำเสนอหรือเปล่า หรือเราเมากาวไปเอง ฮึ...อิอิ
ประเด็นที่เรามองเห็นก็คือเรื่องของสองตัวละครหลักสองตัว "แท็ก" กับ "จองฮวัน" ที่เราเข้าใจเองว่า สองตัวละครนี้น่าจะมีจุดกำเนิดเป็นแรงบันดาลใจมาจากที่เดียวกันนั่นคือ ฟอเรส กัมป์ เด็กไอคิวต่ำที่มีเพื่อนรักตัวติดกันมาตั้งเด็กคือเจนนี่ กับ พลทหารฟอเรส กัมป์ที่มีเพื่อนรักร่วมสมรภูมิเวียดนาม คือบับบาและมีผู้บังคับบัญชาคือผู้พันแดน
เราเห็นพลทหารฟอเรสกัมป์ในตัวจองฮวัน ตอนที่เค้าชกหน้ารุ่นพี่แทนซอนอู ตอนที่เค้าสละรองเท้าเพื่อยงยง ตอนที่ต้องทนนั่งดูฟอเรสกัมป์เป็นเพื่อนยงยงตั้งครึ่งเรื่องก่อนจะวิ่งไปตามหัวใจตัวเอง ตอนที่เค้าใช้ชีวิตทำตามความฝันของพี่จองบง และตอนสุดท้ายที่เค้ากำลังรีบกลับชาชอนแต่เห็นซอนอูนั่งกินเหล้าหน้าเครียดอยู่คนเดียวทั้งที่เวลาไม่มีแล้ว แต่เค้ายังตรงดิ่งเข้ามาหาและนั่งกินเหล้าเป็นเพื่อน วิถีของจองฮวันคือวิถีของขนนกเค้าใช้ชีวิตไปตามลิขิตฟ้าแล้วแต่ลมจะพัดเค้าไปทางไหนเค้าก็ทางนั้น ถึงแม้บางครั้งเป้าหมายสำคัญอาจจะหลุดลอยไป แต่สิ่งที่ได้รับกลับคืนมาระหว่างทางอาจจะคุ้มค่ามากกว่ากันก็ได้ เหมือนฟอเรสที่ตอนแรกเค้าตั้งใจจะวิ่งกลับไปช่วยบับบา แต่ระหว่างทางเค้าเจอเพื่อนทหารคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บเค้าจึงช่วยแบกคนเหล่านั้นหลบภัยก่อน ก่อนจะไปตามหาบับบาและช่วยเป็นคนสุดท้ายซึ่งก็ไม่ทัน แต่ไม่ได้หมายความว่าบับบาจะไม่สำคัญกับเค้าเพราะชีวิตหลังจากปลดประจำการฟอเรสใช้ชีวิตตามความฝันของบับบา และสิ่งที่เค้าได้รับกลับมา คือผู้พันแดนที่เค้าช่วยชีวิตไว้ ผู้ซึ่งเป็นเสมือนพี่ชาย และครอบครัวผู้ที่มาดูแลกิจการต่างๆ ให้เค้าในท้ายที่สุด จองฮวันพลาดเป้าหมายสำคัญในชีวิตรักคือด็อกซอน แต่สิ่งที่จองฮวันได้รับกลับคืนมาคือครอบครัวที่อบอุ่นและแน่นแฟ้นกว่าเดิม เค้าสามารถแสดงออกถึงความรักต่อครอบครัวด้วยการจัดงานแต่งงานให้พ่อกับแม่ย้อนหลัง การที่ลูกชายจูงมือแม่ข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตของลูกผู้หญิงคนนึง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราว่าบางทีมันมีค่ากว่าความรักแบบหนุ่มสาวเสียอีกนะ
สำหรับแท็กเราเห็นฟอเรสกัมป์ในตัวเค้า ตอนที่ท่าทาง เอ๋อๆ งั่งๆ ทำอะไรไม่ได้เรื่องซักอย่าง แม้กระทั่งผูกเชือกรองเท้ายังไม่เป็น แต่ภายใต้บุคลิกแบบนั้นแท็กกลับมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนกว่าใครทั้งหมดในแก๊งค์ นั่นคือการเล่นพาดุกกับด็อกซอน เรื่องพาดุกแท็กทุ่มทั้งชีวิตให้เลย ไม่เรียนหนังสือไม่ทำอย่างอื่น เค้าจึงประสบความสำเร็จ ส่วนเรื่องด็อกซอนแท็กไม่เคยละสายตาจากด็อกซอนเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน และมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้ววันหนึ่งพอโอกาสมาถึงเค้ารีบกระโจนเข้าใส่เป้าหมายที่เค้าจ้องมาเนิ่นนานโดยไม่สนใจอะไรเลย วิถีของแท็กคือวิถีของการเล่นปิงปองสายตาห้ามละจากลูกปิงปอง ฟอเรส กัมป์เล่นปิงปองจนดังระเบิดและมีชื่อเสียงมากมาย และวิถีฟอเรสกับเจนนี่ก็เช่นเดียวกัน ฟอเรสไม่เคยละสายตาจากเจนนี่เลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฟอเรสมองเห็นความฝันของเจนี่ผ่านการเล่นกีตาร์เปลือยกายโชว์ เหมือนแท็กมองเห็นความรู้สึกของด็อกซอนผ่านการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยตอนเธอเสียหน้า ฟอเรสได้แต่งงานกับเจนนี่ในท้ายที่สุด แท็กก็เช่นกัน สิ่งที่เราเห็นในแท็กกับฟอเรสกัมป์คนนี้คือ เป้าหมายมีเอาไว้ให้พุ่งชนไม่ว่าจะเป็นคนที่ไอคิวต่ำฟอเรส หรือไอคิวสูงแบบแท็กก็ตาม เพราะชีวิตอยู่ในมือเราเราลิขิตเอง
ในเรื่องฟอเรสกัมป์สรุปให้เราว่า เค้าไม่รู้ว่าชีวิตแบบไหนดีกว่ากันระหว่างการใช้ชีวิตแบบขนนกที่ล่องลอยไปตามลมแต่ได้ชื่นชมทิวทัศน์สวยงามระหว่างทาง หรือการวิ่งเข้าใส่เป้าหมายโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะผลลัพธ์ที่ได้ก็คงเหมือนกับช็อคโกแลคในกล่องของเค้าที่มันมีหลายรสชาติ เราไม่รู้ว่าวันไหนเราจะจับได้รสชาติอะไร และเราจะไม่มีทางรู้เลยว่ารสชาติไหน ขม หวาน หรือเคลือปอัลมอนด์ จะถูกใจเราที่สุด จนกว่าเราจะลองชิมมันดู...
กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากการดู 1988 ผสมกับการดูฟอเรสกัมป์ตบท้าย ภาพของฟอเรสกัมป์คนที่นั่งเล่าเรื่องที่ยากจะเชื่อของตัวเอง ผ่านท่าทางเอ๋อๆ เพ้อๆ บนม้านั่งข้างถนนตรงป้ายรถเมล์ที่มีคนผ่านมาผ่านไปมารับฟังบางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ แต่เค้าก็ไม่สนใจเพราะเค้าแค่อยากจะเล่าให้ฟังตามประสาแค่นั้นเอง...เจ้าของกระทู้ก็อารมณ์ประมาณนั้นแหละค่ะ ...อิอิ
ปล.ตั้งแต่ดูมาเรามีแต่ว่าคนเขียนบทกับทีมผู้สร้างเรื่องนี้ว่าโรคจิตบ้าง ฆาตรกรบ้าง แต่วันนี้ขอแทรกคำชื่นชม และความนับถือส่งไปยังทีมงานที่สร้างซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นมา ที่นอกจากจะให้ความสุขตามประสา แล้วยังให้แรงบันดาลใจมากมายอยู่ข้างในคนดูเรื่องนี้อีกด้วยค่ะ
วิถีของ Reply 1988 คือวิถีของซีรีส์วิทยาศาสตร์สไตล์ ไม่ต้องเชื่อก่อนจะพิสูจน์เอง ต้องการการทดลองซ้ำ พอๆ กับต้องการการดูซ้ำ เพื่อพิสูจน์ว่า ทีมสร้างเรื่องนี้ดี ของเค้าดีจริงๆนะ ...แบร๊ะๆๆๆ