จิมจิบัง ครั้งหนึ่งในชีวิต

กระทู้นี้ขอเล่าเรื่อง การไปจิมจิบัง ครั้งแรกในชีวิตที่เกาหลี

ตอนไปเกาหลีเรากับพี่ร่วมทริปได้ว่างแผนว่าจะไปจิลจิบังแถวที่พักกัน ตอนนั้นเราพักแถวฮงกิน่ะคะ  ก็เลยไลน์คุยกันกับเจ้าขอที่พัก(โอปาเขาชื่อจุนน่ะคะ)งว่าวันนี้เราจะไปจิลจิบังแถวที่พักมีแถวไหนบ้าง จุนเขาก็ใจดีบอกว่ามีใกล้กับรถไฟทางออก 3 น่ะ เดินจากทางออกไอีกประมาณ 2 นาที(2 นาทีเกาหลีในการเดินเท่ากับ 5 นาทีของไทยในการเดินเลย.........) จากนั้นเรา2คนก็เดินออกจากที่พักเวลา 2 ทุ่มกว่าๆพอไปถึงทางออก 3 ของรถไฟมันเป็นแยกซ้ายขวา จากสนทนาของเรากับจุน พี่แกไม่ได้บอกว่าต้องไปทางซ้ายหรือขวา ในตอนนั้นเราเลยตั้งสินใจไปทางขวาก็เพราะเห็นเป็นทางที่มีร้านค้าเยอะ ดูมีคนเดินผ่านไปมามากกว่าทางซ้าย พอเดินไปได้สักพักเราก็เจอ Starbucks ตามที่จุนบอก เราก็เอามือถือมาดูรูปตึก(ขอบอกว่าเหมือนมากใช่เลยตึกนี้) เราเลยหาทางเขาตึก พอเขาไปก็จะเจอพี่ยาม เราก็เข้าไปถามว่าในตึกนี้มีจิลจิบังไมใต้ตึก พี่ยามก็ตอบ "ไม่มี" ไอเราในใจก็คิดไม่มีได้ไงจุนมันบอกว่ามีอยู่ชั้นใต้ดิน เรากับพี่ 2 คนก็ยังเชื่อว่าต้องเป็นตึกนี้แน่นอน เลยเดินออกมาถามคนที่เดินผ่านมาแถวนั้น

คนที่ 1 เป็นผู้หญิง บอกว่าไม่ใช่ตึกนี้นะ มันต้องไปอีกทาง ก็คือ ทางขวานั้นเอง ต้องเดินขึ้นไปอีกนิดหน่อยถึงจะเจอ
คนที่ 2 เป็นโอปา(ลุง) บอกว่าใช่ตึกนี้มันอยู่ชั้นใต้ดิน เรากับพี่เลยตั้งสินใจเดินเข้าไปใหม่ กดลิฟต์ลงไปชั้น B1 พอเดินออกจากลิฟต์มา งงงงงงงงง เลยทำไมมันเป็นที่จอดรถว่ะ
คนที่ 3 เป็นโอปาคนหล่อ สูง และใจดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ   เขาก็เปิดแอพแผนที่ของเกาหลี บอกว่าตึกนี้มันต้องเดินขึ้นไปทางนี้น่ะ ก็คือ ทางขวานั้นเอง เดินไปอีกไม่ใกล้ก็จะเจอตึก  เราก็ยืนคุนกันนาน อยู่ๆโอปาเขาก็ขอแลกเบอร์กับเรา เขาก็ส่งแผนที่มาให้

เราก็เลยตัดสินใจเดินไปทางที่โอปาคนนั้นบอก (ในใจนี้คิดว่าถ้าวันนี้หาไม่เจอน่ะ กลับไปจุนตายแน่ ทำไมบอกทางว่าไม่หมด คิดคำด่าเต็มไปหมดในหัว อากาศคืนนั้นประมาณ -10 องศาคือหนาวมาก) พอเดินไปได้ไม่ถึง 5 นาที เราก็เจอ Starbucks อยู่ทางเดียวกันเลยกับตึกแรกที่เราไปมา แล้วจะบอกว่าสองตึกนี้คือเหมือนกันเลย คือมี Starbucks อยู่ทางขวามือเรา แตกต่างกันคือบนตึก 2 มีสัญลักษณ์ จิลจิบังนั้นเอง แต่ตอนนั้นเราองก็มองไมเห็นสัญลักษณ์นั้นน่ะ  ไม่รู้อะไรโดนใจใ้เดินไปหาลุงคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าร้านขายของร้านหนึ่ง
เรา : ลุงในตึกนี้มีจิลจิบังไหม แล้วทางเข้าไปทางไหน
ลุง : ก็ทำท่าทาง งง สักพักแกก็พูดออกมาว่า จิลจิบัง สปา ออนเซน
เรา : ใช่ ใช่ (แดแดแด)
ลุง : อยู่ๆแกก็เสียงดังขึ้นมา ทำท่าทางแบบ เต้นๆแล้วก็ส่ายก้นไปมา
เพี้ยนเพลียเพี้ยนเพลียเพี้ยนเพลียเพี้ยนเพลีย
คือตอนนั้นเราก็อายมาก ไม่รู้จะทำงดีเลยวิ่งเข้าไปใน 7-11 อยู่ในนั้นได้สักพัก พี่เขาก็บอกว่ารอตรงนี้นะเดียวไปดูว่าลุงแกไปยังเราจะได้เดินออกไป พอพี่เขาเดินออกไปดูอีลุงแกก็วิ่งมาจากไหนไม่รู้ เข้ามา พี่ที่ออกไปดูวิ่งกลับเข้ามาหาเรา ตอนนั้นลุงแกพูดเสียงดังเป็นภาษาเกาหลีอีก เราเองก็ฟังไม่ออกเท่าไรที่ลุงแกพูด ลุงแกเลยมาดึงมือเรากับพี่แแกไปแล้วบอกว่าต้องขึ้นไปทางนี้น่ะ เข้าตึกไป  ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปลุงแกส่งท้ายด้วยการตีหลังเรากับพี่ไปคนละที(เจ็บมากแถบก็อายมาก)

บทสนทนาเรากับจุน

บทสนทนาเรากับจุน

บทสนทนาเรากับจุน

บทสนทนาเรากับจุน



พอเดินเข้าไปในตึกหน้าลิฟต์ก็จะมีเขียนไว้เลยว่าจิลจิบังกดชั้นไหน พอไปถึงเดินออกจากลิฟต์ก็จะเจอเคาเตอร์มีผู้หญิงยืนอยู่ เราก็เดินเข้าไปเพื่อจะถาม แต่ผู้หญิงคนนั้นก็พูดอังกฤษไม่ได้เลย แถมป้ายต่างๆในนั้นก็ไม่มีเขียนเป็นภาษาอังกฤษเลย เรากับพี่เลยพูดเป็นภาษาไทยขึ้นมา พอหาจิลจิบังเจอแต่จะเข้าไปยังไงเราจะคุยกันรู้เรื่องไมล่ะที่นี้ (ภาษาเกากลีเรากับพี่เขาพูดได้ไม่เก่งเท่าไร พอถามทาง ขอบคุณ ขอโทษ อันยองได้เอง) แต่น่ะอยู่ๆก็มีชายหนุ่มพูดขึ้นมา "เป็นคนไทยหรอครับ" ไอเราเองมาจิมจิบังแถวนี้ก็คิดว่าจะไม่เจอคนไทยด้วยกันล่ะเพราะรีวิวส่วนใหญ่เขาก็แนะนำให้ไปอีกที่ ความที่เราเองก็ไม่อยากไปเเล้วเจอคนไทยกันเองน่ะเลยเลือกมาที่นี้ ที่ไหนได้ก็ยังเจอ

ผู้ชายคนนั้นก็บอกว่าถ้าเข้าจิลจิบังแบบนอนค้างคืนก็ 10,000 วอน แต่ถ้าไม่ค้างคืนก็ 8,000 วอน ผู้ชายคนนั้นก็บอกอีกว่าผมเอาแบบค้างคืนน่ะ เราเลยตอนไปว่าเอาแบบไม่ค้างดีกว่าเพราะที่พักเราเองก็ใกล้ไม่ไกลมาก กะแค่มาอาบน้ำ แช่น่ำแร่ เอาความฟินตามรอยซีรีเอง พอตกลงกันได้เจ้าหน้าที่เขาก็จะให้เสื้อมาเป็นสีชมพู ปล.ผู้ชายก็จะได้เสื้อสีฟ้า   ผ้าขนหนูขนาดเล็กแบบเอามาปิดอะไรบนร่างกายเราไม่ได้เลย แล้วก็กุญแจ(เป็นกุญแจที่เก็บรองเท้ากับที่เก็บของต่างๆ) จิมจิลบังเขาจะแยกน่ะชายหญิง พอเดินเข้าไปเราก็เจอป้าๆกับสาวๆเกาหลี แก้ผ้าเต็มไปหมด คือตกใจมากไม่คิดว่าจะต้องแก้กันตั้งแต่ตรงที่เก็บของเลย

ที่เก็บรองเท้า

ที่เก็บเสื้อผ้าและของต่างๆ
ขอเล่าไปตอนที่อยู่ในที่อาบน้ำเลยนะคะ   ก่อนเดินเข้าข้างๆทางเข้าจะมีร้านขายพวกของใช้ต่างๆที่เกี่ยวกับกับอาบน้ำ เช่น ยาสระผม สบู่ โฟมล้างหน้าผ้าขัดตัวเป็นต้น พอเดินเข้าไปเราก็จะเจอบ่อน้ำ 2 บ่อเป็นบอกน้ำร้อน 41 องศา กับบ่อน้ำเย็น 14 องศา แล้วก็จะมีที่อาบน้ำแบบฝั่งบัวกับแบบนั่ง พอเดินเข้าไปอีกนิดหนึ่งก็จะเจอนักขัดในตำนานยื่นขัดตัวให้กับลูกค้า เราเลยเเดินเข้าไปแบบที่อาบน้ำนั่งก็จะเจอพี่น้อง แม่มากับลูก นั่งสลับกันขัดตัวให้(เป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับคนที่นั้น) ข้างที่อาบน้ำก็มีห้องซาวน่าแบบร้อน 45 องศา ให้เข้าไปอบตัวตอนอาบน้ำเสร็จ(ห้องนี้เข้าไปแบบแก้ผ้าน่ะคะ) พออาบน้ำแช่น้ำเสร็จ เขาจะมีบริการที่เป่าผมแล้วพวกครีมต่างๆให้ใช้หลังอาบน้ำเสร็จ แต่งตัวในชุดที่เขาให้ก็เดินขึ้นไปด้านบนจะเป็นห้องร่วมใหญ่ที่ร่วมชายหญิง ในห้องนั้น ก็จะมีห้องซาวน่าแบบร่วมชายหญิง(ความร้อนเเล้วแต่เลือกน่ะมีให้เลือกหลายห้อง) ร้านอาหาร ร้านขนม ทีวี คาราโอเกะ ให้บริการ หรือใครจะขึ้นไปนอนพักผ่อนเขาก็มีที่นอนกับหมอนให้บริการน่ะคะ  ไปจิมจิลบังอาหารที่ต้องไปลองก็คือไข่ดำกับน้ำข้าว ไข่ดำรสชาติประมาณไข่พะโล้ต้มจนไข่มันแข็งอ่ะเวลากินก็จะมีเกลือมาให้ด้วย ส่วน น้ำข้าวก็อร่อยดีกินหลังอาบน้ำหรือแช่น้ำมาจะยิ่งดีเลย เพราะน้ำข้าวมันจะเย็นๆมีเกร็ดน้ำแข็งด้วย

โอปาคนขายของในจิมจิลบัง

น้ำข้าวกับไข่ดำ

ไข่ดำตอนแกะเปลือกเสร็จ

ที่นอนที่เขาบริการให้จะเป็นแบบนี้

จิมจิลบังยิ่งดึกเท่าไรคนก็ยิ่งเยอะขึ้น  แนะนำเลยใครไปเกาหลีต้องลองไปจิมจิลบังดู
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่