วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี อารมณ์มันมาเวลามันได้ เลยอยากจะมาเป็นอีกหนึ่งในแรงบันดาลใจให้ให้ทุกๆคน โดยเฉพาะชะนีไทยใจกล้าได้ออกไปตะลุยโลกใบกว้างงงงง ที่มีทั้ง เยอรมัน ฝรั่งเศษ อังกฤษ สเปนนน โอ๊ยย งานดีๆทั้งนั้น ...........
……
…
. ห่ะ?!?!?! ยัง!!!! ประสบการณ์ค่ะประสบการณ์ (คือเพิ่งกลับมาจากพงัน สติยังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เพราะงานเค้าดีจิงๆ ถิ่นนั้น)
กลับเข้าเรื่องค่ะ ..... มันคือประสบการณ์ค่ะ!!!! เรื่องราวระหว่างการเดินทาง ผู้คนที่จะได้พบเจอ อุปสรรคสารพัดสารเพ ที่จะทำให้ชะนีใสๆไฮเอนอย่างเราๆ ได้เปิดโลกใบน้อยๆ ได้ต่อสู้ ได้เรียนรู้ ได้เปลี่ยนแปลง เลื่อนขั้นจาก ชะนีน้อยหอยสังมาเป็นชะนีใหญ่ใจสู้ ดังที่ David Mitchell ได้กล่าวไว้ใน Cloud Atlas ว่า “... there ain't no journey what didn't change you some.” (แน่ะ!!! ดูดีมีความคิดขึ้นมาเชียวววว google มาค่ะๆ ไม่ต้องตื่นเต้น ชะนีไทยฉลาดแต่พองามค่ะ)
คืออออ เนื่องจากก Bromo และ Ijen นี่ มีกระทู้อื่นๆได้มีทำรีวิวในทุกๆเรื่องแบบโคตะระละเอียดไว้พอสมควรอยู่แล้ว(ยืดอก ถกกระโปรงยอมรับเลยว่าถ้าไม่ได้ข้อมูลจากพันทิพ จะออกไปท่องโลกแต่ละที ชีวิตชะนีอย่างพี่คงตกระกำลำบากกว่านี้มวากกกกก) ดังนั้นกระทู้นี้คงจะขอเป็นแนวแบ่งปันความงามและความยิ่งใหญ่ของโบรโม่มาฝากทุกๆคน (รูปไม่สวย ติชมได้นะคะ กำลังพยายามพัฒนาฝีมือ #ด่าได้แต่อย่าแรง #ชะนีไทยสอนได้ #ชะนีไทยจะปรับปรุงและพัฒนา พลีสสสสสสสส ) รายละเอียดการเดินทาง ค่าใช้จ่ายหรือที่พักต่างๆ อาจจะไม่ค่อยได้ลงรายละเอียด ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า ^^ Let's Go!!!!
ว่าไปถึงนั่นแล้วก็อย่าช้าอยู่ใย ขอเกริ่นต้นสายปลายเหตุทริปนี้กันซักนิด ทริปนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการเตรียมตัว ก่อนหน้าจะรู้ตัวว่ามีวันหยุดเหลืออีกหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องใช้ให้หมด ระหว่างนั่งซัดข้าวเย็นกันอย่างนัวเนีย
น้อง : โบรโม่มันสวยจิงๆนะเจ้ โคดอยากไป ดูเหมาะกะแนวเจ้มากด้วย
เจ้ : ที่ไหนวะแก สวยติๆ ...... (ตอนนั้นคือไม่โฟกัสอะไรทั้งนั้นนอกจากหมูมันๆที่ตั้งอยู่ตรงหน้า)
น้อง : โคตรรรสวยยยยย สวยแบบ granddddd มากกกก อยู่แค่นี้เองอินนน........
เจ้ : แก ไปเหอะ ต่อของหวาน!!!! (เป็นคนโฟกัสมากก กินคือกิน เรื่องอื่นมาแทรกไม่ได้ priority สูงสุดคือเรื่องนี้)
..... แต่เนื่องด้วยความที่เป็นชะนีสายพันธ์ท่องโลกมาแต่อ้อนแต่ออก ชื่อโบรโม่จึงถูกเมมลงความทรงจำระยะยาวเก็บเข้าลิสต์เป็นที่เรียบร้อย.....
คือเมื่อรู้ตัวแบบฉุกละหุกว่า มีวันหยุดเหลือ สัญชาติญาณชีพจรลงเท้าก็เริ่มทำงานแบบออกตัวล้อฟรี นั่งคิดอยู่สองวันว่าไปไหนดีนะๆ เยอะแยะไปหมด ลิสต์ที่ยังไม่ได้ปิดบัญชีซะทีก้อยาวเป็นหางว่าว ............ "Mt Bromo" แน่นอนถูกเสนอชื่อเช้าชิง แต่มาเป็นอันดับท้ายๆมากเนื่องจากไม่เคยหาข้อมูลมาก่อน รูปก็ไม่เคยเห็น แต่น้องบอกว่าปัง.... เอาวะปังก้อปัง ใส่ๆเข้ามาในลิสก่อน
หลังจากไปถามอากู๋มาได้ความว่า อ้าววว โบรโม่อยู่อินโคใกล้ๆนี่เอง!!! รูปในพันทิพก็เมพๆทั้งนั้น แล้วด้วยlandscapแบบภูเขาไฟที่ยังพ่นควันฟู่ๆๆๆๆขู่ฟ่ออๆๆๆๆแบบดังในรูป ซึ่งเกิดมาก็ยังไม่เคยไปได้เห็นกะตาตัวเองซักครั้ง ยิ่งดูรีวิวไปใจก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้นๆอยากจะบินไปวันนี้พรุ่งนี้ บวกกับนึกขึ้นมาได้อีกว่ามีเพื่อนชะนีอีกนางนึงอยู่สุราบายาพอดีนี่หว่า ....... ไปนอนบ้านมันฟรีเถอะเรา! เริ่มออกเดินทาง!
ข้อคิดเตือนใจชะนีไทย ใสๆแต่มีสติ ...... การออกเดินทางแบบชะนีลุยเดียวและฉุกละหุกเช่นนี้ สิ่งแรกที่ต้องมีคือเงิน!!!!!นะคะเด็กๆ ตั้งใจเรียนตั้งใจทำงาน ยืนบนลำแข้งตัวเองให้ได้! จองตั๋วก่อนเดินทางสองอาทิตย์ ได้ราคาไปกลับ 9 พันกว่าบาท โอ๊ยยยยยพี่จะเป็นลมแต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปลดcostเอาข้างหน้า..... กดจองไปแล้วหนิ ทำงัยได้หล่ะอีนางงงงง
ไหนๆก็พูดถึงเรื่องงเงินทองๆแล้ว การเดินทางมาโบรโม่นั้น ค่าที่พักและค่ากินอยู่ใดๆเรียกได้ว่าถูกมากกกกกยิ่งถ้าตั้งใจมาแบบ low cost อยู่แล้วก็ยิ่งสบายตัว แต่สิ่งที่แพงที่สุดในการไปโบรโม่และ ijen "คนเดียว” นั้นรือคือค่าเดินทาง รองลงมาคือ.........ค่าเดินทาง รองลงมาอีกคืออออ .....ค่าเดินทาง!!!! อีกเช่นกัน คือเพราะ surabaya, bromo, และ ijen มันช่างอยู่ห่างไกลกันม๊ากกกกกกกกกกกกก ค่าเดินทางนี่หล่ะที่จะทำชะนีsoloอย่างเราๆ ล่มจมล้มละลายได้ เด๋วจะแจกแจงให้ฟังในส่วนถัดๆไป
ส่วนของค่าที่พักนั้น คืนแรกราคา 370 บาทถ้วน คืนที่สองแพงหน่อยพันกว่าบาท อยากได้วิวแกรนด์แบบชาวบ้านเค้า ส่งผลให้วันสุดท้ายชะนีหมดตัวต้องลากกระเป๋านั่งรถกระป๋องแถ่ดๆๆๆๆ ต่อแล้วต่ออีก จากโบรโม่กว่าจะกลับเข้ามาในสุราบายาได้ ใช้เวลาทั้งสิ้นเกือบ 7 ชั่วโมง แบบหัวฟูหน้าเหนียวซีดเซียววกันไปข้างนึงเลยหล่ะค่ะ
แผนการเดินทางคร่าวๆโดยภาพรวมของทริปนี้ ก็คล้ายๆสูตรที่ได้มาจากพันทิพ มีไฮไลท์สองที่ คือ ทะเลสาบสีฟ้า ที่ Ijen และอีกทีที่อลังการงานสร้างฝุดๆอย่าง ลูกพี่ Bromo มาทั้งที มันต้องได้เห็นทั้งลมหายใจของพระเจ้า และ Blue Fire ที่หาดูยากนักยากหนากันทั้งคู่สิหนู สู้ค่ะ!
โดยปกติแล้ว ชาวบ้านที่เค้ามากันเป็นแก๊ง เค้าก็จะเช่ารถเหมาขับตามเส้นทางไปเรื่อยๆ บางแผนก็เริ่มจาก bromo ไล่ไป ijen ละขับกลับ แต่ส่วนใหญ่จะขับยาวไปถึง ijen ก่อนแล้วค่อยไล่กลับมา bromo แล้วก็กลับสุราบายา .........
รอบนี้เราเลือกที่จะไปเริ่มต้นที่ Ijen ก่อน แต่ไอเรามันชะนีเดี่ยว กินเที่ยวต้องประหยัด ขาไป ijen เราเลยนั่งเครื่องบินไปเลยค่ะ (การเดินทางจาก surabaya ไป ijen โดยเครื่องบินนั้น ต้องไปลงที่ Banyuwangi ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ๆ kawah ijen ขับรถใช้เวลาประมาณชั่วโมงหน่อยๆ ใช้เวลาบินแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง)
...... เห้ย!!!! ประหยัดบ้านป๊ะป๋าเจ้เหรอครับนั่งเครื่องเอา .......... คือค่าเครื่องจาก Surabay ไป Banyuwangi มันประมาณพันนิดๆ ต่อคนต่อเที่ยว เทียบกับเสียค่ารถเพิ่มอีกหนึ่งวัน (ระยะทางจาก surabaya ไป ijen นั้นรวมทั้งสิ้นใช้เวลาขับรถประมาณเกือบ ชั่วโมง) ซึ่งสงวนราคาอยู่ที่ประมาณ 2000 บาทต่อวัน (รวมคนขับ) และเมื่อเทียบกับเวลาในการเดินทางที่ต่างกันลิบลับ เลยตกลงปลงใจให้เพื่อนจองตั๋วให้ในบัดดล
วันแรก --> flight ออกจากกรุงเทพตอนเย็น ถึงสุราบายา ตอนห้าทุ่ม (ชะนีรุ่นใหญ่อย่างพี่ขอนั่งยันนอนยันจากประสบการณ์โลดโผนที่ผ่านๆมา ชะนีน้อยทั้งหลายยย.......การเดินทางโดยเฉพาะการไปคนเดียวนั้น การไปถึงจุดหมายปลายทางตอนกลางคืนนั้นมันคือการหาเรื่องใส่ตัว และได้ไม่เคยคุ้มเสียทุกๆครั้งจิงๆ แต่รอบนี้เนื่องจากเรามีเพื่อนอยู่ที่สุราบายาอยู่แล้ว เลยถือเป็นข้อยกเว้น ^^ ) คืนนี้นอนค้างที่บ้านเพื่อนชีวิตดีฝุดๆ
วันที่สอง --> จากสุราบายา --> Flight to Banyuwangi ออกประมาณ 11 โมง --> เช่ารถพร้อมคนขับ เดินทางจากสนามบินไป Catimor Homestay (ใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมง) --> เดินเที่ยวเล่นน้ำตกและแถวๆหมู่บ้าน --> นอนพักเอาแรงเพราะคืนนี้ต้องออกเดินทางไปลุยที่ Kawah Ijen ตั้งแต่ตีหนึ่ง
วันที่สาม --> เสร็จจาก Ijen ด้วยสภาพแบบแทบจะหลับทั้งยืน กลับมาถึงที่โฮมสเตย์ประมาณ 10 โมง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปนอนต่อบนรถ --> ออกเดินทางไป Bromo โดยรถพร้อมคนขับที่เช่าไว้ (ใช้เวลาทั้งสั้นประมาณ 6 ชั่วโมง คือนั่งกันเบาะยุบเลยอ่ะ --") --> ถึงโบรโม่ประมาณ 4 โมงเย็น --> เข้าที่พักที่ Lava View Lodge --> เช่ามอไซต์เที่ยวเล่นแถวๆโรงแรมและไปทำความรู้จักกับ Bromo กันให้พอหอมปากหอมคอ
วันที่สี่ --> ออกเดินทางตอนตีห้า --> เช่ารถจี๊บขึ้นไปจุดชมวิวโบรโม่ --> เดินขึ้นโบรโม่ --> กลับถึงที่พักประมาณ 10 โมง --> หาทางกลับสุราบายา คือวันสุดท้ายงัย คือเงินหมดงัย คือไม่มีตังเช่ารถ นั่งชูคอเป็นชะนีคุณนายสวยๆกลับแล้ว T_T
คืนวันที่สี่กลับไปนอนโรงแรมในสนามบินที่สุราบายา เพราะตอนเช้าอยากตื่นสายๆ เนื่องจากเป็นนกฮูกมาตลอดทริป ทุกๆวันต้องออกเดินทางแบบดาวยังเต็มฟ้า ถึงหน้ายังไม่พร้อม แต่พี่ก้อต้องยอม เพราะพี่ถ่อมาไกลนะ 55555
หนียาย ไปเที่ยว!!!! ~ เมื่อ โลก ใบ นี้ ยัง มี ลม หาย ใจ ~ The Journey Never Ends ~ Bromo Episode
วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี อารมณ์มันมาเวลามันได้ เลยอยากจะมาเป็นอีกหนึ่งในแรงบันดาลใจให้ให้ทุกๆคน โดยเฉพาะชะนีไทยใจกล้าได้ออกไปตะลุยโลกใบกว้างงงงง ที่มีทั้ง เยอรมัน ฝรั่งเศษ อังกฤษ สเปนนน โอ๊ยย งานดีๆทั้งนั้น ...........
……
…
. ห่ะ?!?!?! ยัง!!!! ประสบการณ์ค่ะประสบการณ์ (คือเพิ่งกลับมาจากพงัน สติยังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เพราะงานเค้าดีจิงๆ ถิ่นนั้น)
กลับเข้าเรื่องค่ะ ..... มันคือประสบการณ์ค่ะ!!!! เรื่องราวระหว่างการเดินทาง ผู้คนที่จะได้พบเจอ อุปสรรคสารพัดสารเพ ที่จะทำให้ชะนีใสๆไฮเอนอย่างเราๆ ได้เปิดโลกใบน้อยๆ ได้ต่อสู้ ได้เรียนรู้ ได้เปลี่ยนแปลง เลื่อนขั้นจาก ชะนีน้อยหอยสังมาเป็นชะนีใหญ่ใจสู้ ดังที่ David Mitchell ได้กล่าวไว้ใน Cloud Atlas ว่า “... there ain't no journey what didn't change you some.” (แน่ะ!!! ดูดีมีความคิดขึ้นมาเชียวววว google มาค่ะๆ ไม่ต้องตื่นเต้น ชะนีไทยฉลาดแต่พองามค่ะ)
คืออออ เนื่องจากก Bromo และ Ijen นี่ มีกระทู้อื่นๆได้มีทำรีวิวในทุกๆเรื่องแบบโคตะระละเอียดไว้พอสมควรอยู่แล้ว(ยืดอก ถกกระโปรงยอมรับเลยว่าถ้าไม่ได้ข้อมูลจากพันทิพ จะออกไปท่องโลกแต่ละที ชีวิตชะนีอย่างพี่คงตกระกำลำบากกว่านี้มวากกกกก) ดังนั้นกระทู้นี้คงจะขอเป็นแนวแบ่งปันความงามและความยิ่งใหญ่ของโบรโม่มาฝากทุกๆคน (รูปไม่สวย ติชมได้นะคะ กำลังพยายามพัฒนาฝีมือ #ด่าได้แต่อย่าแรง #ชะนีไทยสอนได้ #ชะนีไทยจะปรับปรุงและพัฒนา พลีสสสสสสสส ) รายละเอียดการเดินทาง ค่าใช้จ่ายหรือที่พักต่างๆ อาจจะไม่ค่อยได้ลงรายละเอียด ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า ^^ Let's Go!!!!
ว่าไปถึงนั่นแล้วก็อย่าช้าอยู่ใย ขอเกริ่นต้นสายปลายเหตุทริปนี้กันซักนิด ทริปนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการเตรียมตัว ก่อนหน้าจะรู้ตัวว่ามีวันหยุดเหลืออีกหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องใช้ให้หมด ระหว่างนั่งซัดข้าวเย็นกันอย่างนัวเนีย
น้อง : โบรโม่มันสวยจิงๆนะเจ้ โคดอยากไป ดูเหมาะกะแนวเจ้มากด้วย
เจ้ : ที่ไหนวะแก สวยติๆ ...... (ตอนนั้นคือไม่โฟกัสอะไรทั้งนั้นนอกจากหมูมันๆที่ตั้งอยู่ตรงหน้า)
น้อง : โคตรรรสวยยยยย สวยแบบ granddddd มากกกก อยู่แค่นี้เองอินนน........
เจ้ : แก ไปเหอะ ต่อของหวาน!!!! (เป็นคนโฟกัสมากก กินคือกิน เรื่องอื่นมาแทรกไม่ได้ priority สูงสุดคือเรื่องนี้)
..... แต่เนื่องด้วยความที่เป็นชะนีสายพันธ์ท่องโลกมาแต่อ้อนแต่ออก ชื่อโบรโม่จึงถูกเมมลงความทรงจำระยะยาวเก็บเข้าลิสต์เป็นที่เรียบร้อย.....
คือเมื่อรู้ตัวแบบฉุกละหุกว่า มีวันหยุดเหลือ สัญชาติญาณชีพจรลงเท้าก็เริ่มทำงานแบบออกตัวล้อฟรี นั่งคิดอยู่สองวันว่าไปไหนดีนะๆ เยอะแยะไปหมด ลิสต์ที่ยังไม่ได้ปิดบัญชีซะทีก้อยาวเป็นหางว่าว ............ "Mt Bromo" แน่นอนถูกเสนอชื่อเช้าชิง แต่มาเป็นอันดับท้ายๆมากเนื่องจากไม่เคยหาข้อมูลมาก่อน รูปก็ไม่เคยเห็น แต่น้องบอกว่าปัง.... เอาวะปังก้อปัง ใส่ๆเข้ามาในลิสก่อน
หลังจากไปถามอากู๋มาได้ความว่า อ้าววว โบรโม่อยู่อินโคใกล้ๆนี่เอง!!! รูปในพันทิพก็เมพๆทั้งนั้น แล้วด้วยlandscapแบบภูเขาไฟที่ยังพ่นควันฟู่ๆๆๆๆขู่ฟ่ออๆๆๆๆแบบดังในรูป ซึ่งเกิดมาก็ยังไม่เคยไปได้เห็นกะตาตัวเองซักครั้ง ยิ่งดูรีวิวไปใจก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้นๆอยากจะบินไปวันนี้พรุ่งนี้ บวกกับนึกขึ้นมาได้อีกว่ามีเพื่อนชะนีอีกนางนึงอยู่สุราบายาพอดีนี่หว่า ....... ไปนอนบ้านมันฟรีเถอะเรา! เริ่มออกเดินทาง!
ข้อคิดเตือนใจชะนีไทย ใสๆแต่มีสติ ...... การออกเดินทางแบบชะนีลุยเดียวและฉุกละหุกเช่นนี้ สิ่งแรกที่ต้องมีคือเงิน!!!!!นะคะเด็กๆ ตั้งใจเรียนตั้งใจทำงาน ยืนบนลำแข้งตัวเองให้ได้! จองตั๋วก่อนเดินทางสองอาทิตย์ ได้ราคาไปกลับ 9 พันกว่าบาท โอ๊ยยยยยพี่จะเป็นลมแต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปลดcostเอาข้างหน้า..... กดจองไปแล้วหนิ ทำงัยได้หล่ะอีนางงงงง
ไหนๆก็พูดถึงเรื่องงเงินทองๆแล้ว การเดินทางมาโบรโม่นั้น ค่าที่พักและค่ากินอยู่ใดๆเรียกได้ว่าถูกมากกกกกยิ่งถ้าตั้งใจมาแบบ low cost อยู่แล้วก็ยิ่งสบายตัว แต่สิ่งที่แพงที่สุดในการไปโบรโม่และ ijen "คนเดียว” นั้นรือคือค่าเดินทาง รองลงมาคือ.........ค่าเดินทาง รองลงมาอีกคืออออ .....ค่าเดินทาง!!!! อีกเช่นกัน คือเพราะ surabaya, bromo, และ ijen มันช่างอยู่ห่างไกลกันม๊ากกกกกกกกกกกกก ค่าเดินทางนี่หล่ะที่จะทำชะนีsoloอย่างเราๆ ล่มจมล้มละลายได้ เด๋วจะแจกแจงให้ฟังในส่วนถัดๆไป
ส่วนของค่าที่พักนั้น คืนแรกราคา 370 บาทถ้วน คืนที่สองแพงหน่อยพันกว่าบาท อยากได้วิวแกรนด์แบบชาวบ้านเค้า ส่งผลให้วันสุดท้ายชะนีหมดตัวต้องลากกระเป๋านั่งรถกระป๋องแถ่ดๆๆๆๆ ต่อแล้วต่ออีก จากโบรโม่กว่าจะกลับเข้ามาในสุราบายาได้ ใช้เวลาทั้งสิ้นเกือบ 7 ชั่วโมง แบบหัวฟูหน้าเหนียวซีดเซียววกันไปข้างนึงเลยหล่ะค่ะ
แผนการเดินทางคร่าวๆโดยภาพรวมของทริปนี้ ก็คล้ายๆสูตรที่ได้มาจากพันทิพ มีไฮไลท์สองที่ คือ ทะเลสาบสีฟ้า ที่ Ijen และอีกทีที่อลังการงานสร้างฝุดๆอย่าง ลูกพี่ Bromo มาทั้งที มันต้องได้เห็นทั้งลมหายใจของพระเจ้า และ Blue Fire ที่หาดูยากนักยากหนากันทั้งคู่สิหนู สู้ค่ะ!
โดยปกติแล้ว ชาวบ้านที่เค้ามากันเป็นแก๊ง เค้าก็จะเช่ารถเหมาขับตามเส้นทางไปเรื่อยๆ บางแผนก็เริ่มจาก bromo ไล่ไป ijen ละขับกลับ แต่ส่วนใหญ่จะขับยาวไปถึง ijen ก่อนแล้วค่อยไล่กลับมา bromo แล้วก็กลับสุราบายา .........
รอบนี้เราเลือกที่จะไปเริ่มต้นที่ Ijen ก่อน แต่ไอเรามันชะนีเดี่ยว กินเที่ยวต้องประหยัด ขาไป ijen เราเลยนั่งเครื่องบินไปเลยค่ะ (การเดินทางจาก surabaya ไป ijen โดยเครื่องบินนั้น ต้องไปลงที่ Banyuwangi ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ๆ kawah ijen ขับรถใช้เวลาประมาณชั่วโมงหน่อยๆ ใช้เวลาบินแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง)
...... เห้ย!!!! ประหยัดบ้านป๊ะป๋าเจ้เหรอครับนั่งเครื่องเอา .......... คือค่าเครื่องจาก Surabay ไป Banyuwangi มันประมาณพันนิดๆ ต่อคนต่อเที่ยว เทียบกับเสียค่ารถเพิ่มอีกหนึ่งวัน (ระยะทางจาก surabaya ไป ijen นั้นรวมทั้งสิ้นใช้เวลาขับรถประมาณเกือบ ชั่วโมง) ซึ่งสงวนราคาอยู่ที่ประมาณ 2000 บาทต่อวัน (รวมคนขับ) และเมื่อเทียบกับเวลาในการเดินทางที่ต่างกันลิบลับ เลยตกลงปลงใจให้เพื่อนจองตั๋วให้ในบัดดล
วันแรก --> flight ออกจากกรุงเทพตอนเย็น ถึงสุราบายา ตอนห้าทุ่ม (ชะนีรุ่นใหญ่อย่างพี่ขอนั่งยันนอนยันจากประสบการณ์โลดโผนที่ผ่านๆมา ชะนีน้อยทั้งหลายยย.......การเดินทางโดยเฉพาะการไปคนเดียวนั้น การไปถึงจุดหมายปลายทางตอนกลางคืนนั้นมันคือการหาเรื่องใส่ตัว และได้ไม่เคยคุ้มเสียทุกๆครั้งจิงๆ แต่รอบนี้เนื่องจากเรามีเพื่อนอยู่ที่สุราบายาอยู่แล้ว เลยถือเป็นข้อยกเว้น ^^ ) คืนนี้นอนค้างที่บ้านเพื่อนชีวิตดีฝุดๆ
วันที่สอง --> จากสุราบายา --> Flight to Banyuwangi ออกประมาณ 11 โมง --> เช่ารถพร้อมคนขับ เดินทางจากสนามบินไป Catimor Homestay (ใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมง) --> เดินเที่ยวเล่นน้ำตกและแถวๆหมู่บ้าน --> นอนพักเอาแรงเพราะคืนนี้ต้องออกเดินทางไปลุยที่ Kawah Ijen ตั้งแต่ตีหนึ่ง
วันที่สาม --> เสร็จจาก Ijen ด้วยสภาพแบบแทบจะหลับทั้งยืน กลับมาถึงที่โฮมสเตย์ประมาณ 10 โมง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปนอนต่อบนรถ --> ออกเดินทางไป Bromo โดยรถพร้อมคนขับที่เช่าไว้ (ใช้เวลาทั้งสั้นประมาณ 6 ชั่วโมง คือนั่งกันเบาะยุบเลยอ่ะ --") --> ถึงโบรโม่ประมาณ 4 โมงเย็น --> เข้าที่พักที่ Lava View Lodge --> เช่ามอไซต์เที่ยวเล่นแถวๆโรงแรมและไปทำความรู้จักกับ Bromo กันให้พอหอมปากหอมคอ
วันที่สี่ --> ออกเดินทางตอนตีห้า --> เช่ารถจี๊บขึ้นไปจุดชมวิวโบรโม่ --> เดินขึ้นโบรโม่ --> กลับถึงที่พักประมาณ 10 โมง --> หาทางกลับสุราบายา คือวันสุดท้ายงัย คือเงินหมดงัย คือไม่มีตังเช่ารถ นั่งชูคอเป็นชะนีคุณนายสวยๆกลับแล้ว T_T
คืนวันที่สี่กลับไปนอนโรงแรมในสนามบินที่สุราบายา เพราะตอนเช้าอยากตื่นสายๆ เนื่องจากเป็นนกฮูกมาตลอดทริป ทุกๆวันต้องออกเดินทางแบบดาวยังเต็มฟ้า ถึงหน้ายังไม่พร้อม แต่พี่ก้อต้องยอม เพราะพี่ถ่อมาไกลนะ 55555