เมื่อเราเจอผี.. ที่บึงในมหาลัยแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่าเพื่อนๆชาวพันทิป  
วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์เรื่องผีของเรานะคะ
หลังจากที่เราได้อ่านหลายๆกระทู้เราเลยอยากแชร์ประสบการณ์ของเราบ้าง
ขอบอกก่อนนะคะว่าชื่อคนในเรื่องเป็นชื่อสมมติ แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้มีอยู่จริง เราเพิ่งตั้งกระทู้แรกใช้ภาษาผิดพลาดยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ

เรื่องมีอยู่ว่าเดือนมีนา-เมษาเมื่อปีที่แล้ว เราอยู่ในช่วงปิดเทอมจะขึ้น ม.6 ต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย
เราจึงตกลงกับเพื่อนอีก4คนว่าจะไปเรียนซัมเมอร์ที่จังหวัดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน เหตุการณ์ที่เรากำลังจะเล่าเกิดนี้ขึ้นหลังช่วงสงกรานต์
เราได้เจอกับรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งบ่อยๆจนสนิทสนมกันและพี่เค้าก็เป็นคนพื้นที่ด้วยความที่เรากับเพื่อนเป็นพวกไม่ชอบอยู่หอเฉยๆ อยากไปนู้นไปนี่ตามประสาวัยรุ่นเลยไปไหนมาไหนกับพวกพี่เค้า
มีอยู่วันหนึ่งช่วงค่ำๆ เราให้พี่เกมมารับที่หอ เพราะเรากับเพื่อนอยากไปนั่งเล่นที่บึง
พี่เกมขับรถยนต์มารับส่วนพวกเพื่อนพี่เค้าก็ขี่มอไซต์ตาม
ตอนแรกพวกเราไปที่บึงแห่งนึงแต่ว่ามันมืดมากแล้วกลัวจะมีคนมาตรวจเลยเปลี่ยนสถานที่
พี่เกมเลยบอกว่างั้นเดี๋ยวพี่พาไปบึงใน ม. แต่ไม่รู้ว่าเข้าได้รึป่าวเพราะเห็นว่ากำลังปรับปรุง ยังไงพี่จะลองขับไปดูก่อน
จากนั้นพี่เกมขับรถไปเรื่อยๆจนไปถึงทางเข้าม. แต่ประตูม.ฝั่งที่จะเข้าไปบึงปิดเลยต้องอ้อมไปเข้าทางด้านข้างซึ่งค่อนข้างรกมีต้นไม้ขึ้นเต็มสองข้างทาง
ระหว่างที่นั่งรถไปเราก็รู้สึกแปลกๆนะแต่ก็ไม่ได้คิดไรมากเพราะอาจจะอยู่ในที่ไม่คุ้นชิน ประกอบกับพี่เกมขับรถเร็วมากแถมมองกระจกหลังตลอดจนเรากับเพื่อนเริ่มระแวง แต่ก็ยังคิดในแง่ดีว่าไม่มีอะไรหรอก พี่เค้าอาจจะแค่มองเพื่อนที่ขับมอไซต์ตามเฉยๆ
ผ่านไปพักหนึ่งพวกเราก็มาถึงที่หมาย ปรากฏว่าบริเวณรอบบึงกำลังปรับปรุงจริงๆและปิดเป็นพื้นที่ห้ามเข้า
เพื่อนพี่เกมที่ขี่มอไซต์เลยเดินไปสำรวจที่ทางให้ก่อน ซักพักพี่เค้าก็กลับมาบอกว่ามีที่ที่พอจะนั่งได้อยู่ แต่ต้องเดินเข้าไปทางปิดรถเข้าไม่ได้ พวกเราเลยลงจากรถ แล้วเดินไปนั่งที่ลานสวนสาธารณะริมบึง ซึ่งอยู่ในเขตที่ไม่ได้ก่อสร้าง
ตอนที่ไปถึงที่นั่นก็ประมาณ 4-5 ทุ่มแล้ว ตรงนั้นเงียบมาก แต่เราก็ชอบแบบนะมันดูเป็นส่วนตัวดี ถัดจากที่ที่เรานั่งก็มีวัยรุ่นอีกกลุ่มนึงมานั่งเล่น แล้วก็มีพวกคู่รักนั่งอยู่อีกประมาณ2คู่ ทำให้บรรยากาศไม่น่ากลัวมากเท่าไหร่
หลังจากนั้นประมาณเที่ยงคืนกลุ่มที่มานั่งเล่นก็เริ่มทยอยกลับ พวกเราทั้งเล่นทั้งคุยกันเสียงดังเลยไม่ได้สนใจอะไร หันไปอีกทีถึงรู้ว่าเหลือแค่พวกเรานั่งอยู่กลุ่มเดียว
พอพวกเราหยุดพูด ที่ตรงนั้นจากที่เงียบอยู่แล้วกลายเป็นว่ายิ่งวังเวง จนทำเอาทุกคนเริ่มรู้สึกแปลกๆแต่ไม่มีใครพูดอะไร
ตอนนั้นเรานั่งอยู่กับพี่คนนึงชื่อพี่อั้ม เราก็มองหน้าพี่อั้มประมาณว่าไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว พี่อั้มก็บอกไม่เป็นไรๆ เราอยู่กันเยอะแยะ พี่เกมเห็นเรากลัว อยากให้บรรยากาศดีขึ้นเลยเอากล้องมาถ่ายรูปเรากับพี่อั้มเล่น เราจึงนึกอยากถ่ายรูปขึ้นมา เพราะเรานั่งอยู่เฉยๆแล้วอึดอัดมากอยากหาอะไรทำ เลยบอกพี่เกมว่า "พี่เกม..เมย์อยากถ่ายรูปอ่ะไปหาที่ถ่ายรูปกันมั้ย" พี่เกมก็ตกลง แล้วพาพวกเราเดินไปทางด้านข้างบึง ตรงนั้นจะมีคุ้มอยู่(อารมณ์คล้ายๆบ้านพัก แต่ตอนเราไปไม่มีคนอยู่)
พี่เค้าบอกว่าเข้าไปถ่ายในนั้นก็ได้ พี่เคยพาเพื่อนมาถ่ายรูปแล้ว เราก็แบบเฮ้ย! เข้าได้แน่หรอ จะไปบุกรุกที่เค้ารึเปล่ายิ่งตอนกลางคืนอีก ทางเข้าประตูก็มืดเราไม่อยากเข้าไป พี่เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร พอมีแสงอยู่ เราเลยหันมองรอบๆก็เห็นว่าเสาไฟต้นสุดท้ายสุดแค่ตรงแนวรั้วติดทางเข้าบึง บริเวณคุ้มจึงค่อนข้างมืดมาก เราเห็นอย่างนั้นก็บอกพี่เค้าไปว่าทางมันน่ากลัวนะ ไม่อยากเข้าไป พี่เกมจึงถามเพื่อนเพื่อขอคำปรึกษา เพื่อนพี่เค้าคนนึงบอกว่างั้นปีนเข้าก็ได้ รั้วไม่ค่อยสูง แล้วพี่คนนั้นก็ปีนเข้าไปเลย เพราะรั้วคุ้มสูงแค่ประมาณเอวสามารถปีนเข้าออกได้ ก่อนเข้าเราก็ถามพวกพี่ๆอีกว่าเข้าได้จริงหรอทำไมมันดูน่ากลัวๆจัง พี่อีกคนที่ชื่อเบสก็บอกว่าใช่ๆมันน่ากลัวนะ(คือขอบอกก่อนว่าพี่เบสเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัวอะไร แล้วก็มีเซ้นส์ในเรื่องพวกนี้ ) พี่เกมก็บอกว่าไม่เป็นไรน่า พี่เคยเข้ามาถ่ายรูปอยู่ แต่ตอนกลางวันนะไม่ใช่กลางคืน เราก็เอ้ามันเหมือนกันตรงไหนละเนี่ย แต่ก็ปีนตามเข้าไปอยู่ดี
พอข้ามรั้วเข้าไปลักษณะจะเป็นคล้ายๆบ้าน มีทางขึ้นเป็นบันไดประมาณ 3-4 ขั้น ทางเข้าจะเป็นประตูกระจก เราไม่แน่ใจว่าตรงที่เราไปอยู่เป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง รอบๆนั้นเป็นสนามหญ้า
เราก็นั่งเล่นตรงบันไดกะเพื่อน นั่งไปนั่งมาเรารู้สึกแปลกๆอีกแล้ว แต่พยายามไม่คิดอะไร ซักพักน้องที่มาด้วยกันชื่อโจ มันก็ทำหน้าแปลกๆ แล้วมองมาทางด้านหลังเรา ซึ่งด้านหลังเรานั่งเป็นประตูกระจกหนามองเข้าไปไม่เห็นอะไรอยู่ดี เราก็อ่าวเป็นไรของมันวะ แล้วมันก็ลากพี่อั้มไปแล้วพูดไรกันซักอย่างตรงรั้วที่เราเข้ามา
ตอนนั้นหน้าน้องเครียดมาก ทุกคนมองหน้ากันเพราะเริ่มรู้แล้วว่ามันไม่ปกติ อยู่ๆเราก็รู้สึกถึงลมเย็นๆวาบผ่านด้านหลัง เราก็หันไปมองหน้าเพื่อนที่นั่งข้างๆเราชื่อก้อย เราคิดว่าก้อยคงรู้สึกเหมือนเรา
จากนั้นเรากับก้อยก็มองตากันซักพักแล้วจับมือกันวิ่งออกจากคุ้มเลย พวกเรามาหยุดอยู่ตรงลานที่นั่งริมบึงตอนแรก เราก็ถามก้อยว่ารู้สึกเหมือนกันใช่มั้ย ก้อยก็บอกใช่รู้สึกแปลกๆตั้งแต่เข้าไปแล้วด้วย แต่ไม่อยากพูดเพราะคิดว่าไม่มีอะไร
หลังจากนั้นคนอื่นๆก็ตามออกมา แล้วก็พูดกันถึงสิ่งที่โจเห็น โจบอกว่า โจเห็นเหมือนเป็นคนใส่ชุดสีกรม ลอยเข้าไปทางประตูกระจก ตอนนั้นใจเราเริ่มไม่ดีแล้ว แต่ก็พยายามมีสติ คิดว่าเขาคงมาเตือนที่เราเข้าไปแบบไม่ได้ขอเจ้าที่เจ้าทาง เขาไปเล่นกันเสียงดังในนั้น แล้วพวกเราก็คุยกันว่าจะเอายังไงต่อจะกลับเลยมั้ยหรือจะไปไหนต่อ พี่เกมก็บอกว่าเห้ย น้องชิมกำลังจะตามมา พี่เพิ่งคุยกับมันก่อนเข้าไปว่าเราอยู่นี่ รอมันก่อนมันบอกกำลังจะออกจากบ้านแล้ว พี่อั้มก็บอกว่านี่มันก็เที่ยงคืนกว่าแล้วนะ ยังจะมาอีกหรอ แล้วเป็นแบบนี้พวกจะอยู่ได้หรอ
อยู่ๆเพื่อนเราชื่อปันก็กรี๊ดแล้วก็พูดออกมาว่าไมเอาแล้ว กลับๆ กลับกันเดี๋ยวนี้ พวกพี่ๆก็ถามว่าเป็นอะไรใจเย็นๆ ปันก็บอกว่า ได้ยินเหมือนเสียงคนพูดข้างๆหู แต่ฟังไม่ออกว่าพูดอะไร แล้วก็หัวเราะเสียงดังมากหัวเราะแบบเยาะเย้ย กลัวมากกลับเถอะไม่อยู่แล้ว ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ตอนนี้เราก็เริ่มกลัวมากแล้วเป็นห่วงเพื่อนด้วย และไม่อยากอยู่ตรงนี้เหมือนกัน เลยบอกพี่เกมให้พากลับ พี่เกมก็เลยโทรบอกชิมว่าไม่ต้องมาแล้วนะกำลังจะกลับกัน
ตอนกลับเราก็ต้องกลับทางเดิม นั่งรถไปเราก็ใจไม่ดี เราไม่กล้ามองทางเท่าไหร่เลยกลัวมีอะไรโผล่มา สักพักโทรศัพท์พี่เกมก็ดังขึ้น เป็นเบอร์พี่เบสโทรมา
พี่เกม: ว่าไงเบส
พี่เบส: กูเห็นเหมือนมีอะไรวิ่งตามหลังรถอยู่ว่ะ เหมือนเป็นยายไฮสปีด แต่ใจเย็นๆนะเพื่อน รีบขับไปนอก ม. ให้เร็วที่สุด บอกน้องๆให้ใจเย็น ไม่ต้องกลัว
พี่เกม: เอาแล้วไง เออๆขอบคุณมาก
พอวางสายเสร็จ พี่เกมบอกว่ามีสติกันนะเดี๋ยวจะพาออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด เราเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรอ พี่เกมบอกว่า เบสเห็นเหมือนมีคนวิ่งตามหลังรถเรามา ปันจากที่ตอนแรกนั่งนิ่งๆแล้วตอนนี้ก็ร้องไห้แล้วพูดว่าไม่เอาแล้ว กลัวแล้ว พูดซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เราก็เกือบจะร้องไห้ออกมาเหมือนกันมันกลัวมากจนร้องไม่ออกได้แต่ก้มหน้าอยากให้ออกจากตรงนี้ พลางคิดว่าทำไมวันนี้ต้องมาเจออะไรเยอะแยะมากมายขนาดนี้ด้วย
อยู่ๆปันก็ตะโกนร้องอีกว่า เสียงมันมาอีกแล้ว เสียงหัวเราะมันมาอีกแล้ว พี่เกมขับเร็วกว่านี้ได้มั้ย ทุกอย่างตอนนั้นมันรู้สึกนานมากเหมือนติดอยู่ตรงนั้นนานเป็นชั่วโมง ทั้งรู้สึกแย่ทั้งรู้สึกกลัว เหมือนกับอยู่อีกโลกนึง
พอพ้นออกมาจากตรงนั้นความรู้สึกทุกอย่างเหมือนได้ปล่อยออกมา พี่เกมพาเราไปตรง 7-11 ไปอยู่ตรงสว่างๆก่อนให้พวกเราได้สงบสติ ปันบอกว่า ปันกลัว ปันได้ยินเสียงตลอดทาง เหมือนเขาเยาะเย้ยเรา พี่เกมบอกว่าพี่ก็กลัวเหมือนกัน พี่เห็นเงาดำๆไล่ตามรถเรามา จริงๆพี่เห็นตั้งแต่ขามาแล้วนะ แต่เห็นแวบๆ พี่ก็มอง มันไม่ชัดเท่าไหร่พี่เลยคิดว่าคงเป็นเงาต้นไม้ พอขากลับมันก็ตามมาอีกคราวนี้ชัดกว่าเดิมพี่เลยมั่นใจเพราะพี่ก็ได้ยินเรื่องคุณยายไฮสปีดมาบ้าง ไม่คิดว่าจะเจอจริงๆ ยิ่งเบสบอกอย่างนั้นก็ชัวร์แล้วล่ะ  พี่พยายามมองไปข้างหน้า พยายามให้ออกพ้นจากม. ซักพักพี่เบสกับโจก็ตามมา พี่เบสบอกว่าที่เขาโผล่มาให้เห็นอาจจะเป็นเพราะว่าเราเข้าไปในที่ของเขาโดยไม่ขอก่อน แล้วเข้าไปก็ทำเสียงดังเขาเลยโกรธ
ส่วนคุณยายไฮสปีดพี่ไม่รู้ว่ามาได้ยังไง แต่พี่เห็นตั้งแต่ขามาแล้ว แต่ตอนนั้นไม่ค่อยชัดเห็นเป็นแค่เงาดำๆ พอขากลับเห็นเป็นคนวิ่งตามเลย พี่ว่าพวกเราคงต้องไปทำบุญกันซะหน่อยแล้วแหละ พอคุยกันเสร็จพี่เกมก็พาเรามาส่งที่หอ คืนนั้นพวกเราแทบไม่ได้นอนทั้งคืน พอเช้ามาพวกเราก็เลยไปตักบาตรเช้า อุทิศส่วนกุศล แล้วก็ขอให้เขาอโหสิกรรมให้เราหากเราทำอะไรไม่ดีหรือล่วงเกินไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่