ขณะที่อ่านกระทู้นี้ อยากให้ฟังเพลงนี้จัง
ลองดูนะคะ ลองเปลี่ยนแนวกันบ้าง
..
กระทู้นี้รีวิว การผจญภัยในป่า เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกมากมาย อาจจะเก็บไม่ครบทุกสถานที่ยังไงก็ขออภัยไว้ล่วงหน้า
เราไม่ใช่นักอนุรักษ์ ไม่ใช่พวกคงแก่เรียน มีความรู้หนาแน่น แต่เราแค่อยากแบ่งปันเรื่องที่เราเจอให้ทุกคนได้อ่านกัน
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปตั้งแคมป์ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต ค่อนข้างจะตื่นเต้นและทุลักทุเลมาก
เราตกลงกันกับเพื่อนพ้องทั้ง 7 คนว่าเราจะไปที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานีกัน
(ทั้งนี้เพราะ เป็นบ้านเพื่อน และ เพื่อนมีรถ)
แล้วเที่ยวป่าทำไม ป่ามีอะไร แค่ใบไม้ ใบหญ้า และสัตว์ป่า
แต่ฉันจะบอกว่า ที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเนี่ย ไม่ใช่เล่นๆนะคะ
และที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นะคะ เหมาะสำหรับคนที่อยากปลีกวิเวกโดยแท้
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ก่อนเข้าป่าก็เตรียมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้กัน
อาหารและอุปกรณ์ : เตาถ่าน ถ่าน กระทะหมูจุ่ม เตาปิ้งของ กระดาษ ไฟแช็ค อาหารสดมากมาย ผัก และสิ่งที่จะนำไปปิ้งย่าง เช่น มัน ข้าวโพด สับปะรด รวมถึงมาชเมลโล่ (ลองปิ้งดูอร่อยมาก) ขนมกรุบกรอบ เครื่องดื่มต่างๆ
ที่นอนที่อาศัย : เต้นท์ ถุงนอน หมอน ผ้าห่ม เสื่อ
ของใช้จำเป็น : ไฟฉาย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน เสื้อกันหนาว ยากันยุง
ปล.พวกเราไม่ได้อาบน้ำกัน ชุดเดิมชุดเดียว เป็บเดียว
การเดินทาง
การเดินทางไปจังหวัดอุทัยธานี : ขึ้นรถตู้ใต้ทางด่วนฝั่งพหลโยธิน 150บาท
การเดินทาง จากอุทัยธานีไปเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าป่าห้วยขาแข้งมี 2 เส้นทาง คือ
1. เข้าทางที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 90 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายอุทัยธานี-หนองฉาง-ลานสัก ทางหลวงหมายเลข 3438 ถึงหลักกิโลเมตรที่ 53-54 เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 15 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตด่านตรวจเขาหินแดง ซึ่งตั้งอยู่ริมห้วยทับเสลา จากที่ทำการเขตฯ สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ต่อไปยังสถานีวิจัยเขานางรำ ระยะทาง 17 กิโลเมตร และหน่วยพิทักษ์ป่ากะปุกกะเปียง ระยะทาง 14 กิโลเมตร จากหน่วยพิทักษ์ป่ามีเส้นทางเดินป่าไปโป่งน้ำร้อนอีก 6 กิโลเมตร
2.เข้าทางหน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได อยู่ทางทิศใต้ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ห่างจากตัวจังหวัดอุทัยธานีประมาณ 110 กิโลเมตร ใช้เส้นทางสายอุทัยธานี-หนองฉาง-บ้านไร่ ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร แล้วแยกเข้าทางลูกรังผ่านบ้านใหม่คลองอังวะอีกประมาณ 30 กิโลเมตรถึงด่านตรวจคลองระยาง ไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ดี และหน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได สามารถเดินป่าขึ้นล่องได้ทั้งด้านเหนือและใต้ของลำห้วยขาแข้ง
#มันไม่มีรถประจำทางเข้าไปนะคะ ส่วนพวกเราก็ขับรถกระบะกันเข้าไปถึงประมาณบ่ายสาม
ที่พัก
การเข้าพักแรกต้องไปติดต่อด้วยตนเองอย่างน้อย 15 วันล่วงหน้า ที่ฝ่ายจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2561-4292-3 ต่อ 765 หรือฝ่ายประชาสัมพันธ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โทร. 08-5725-8433 ตู้ ปณ.7 อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี 61160
จุดที่อนุญาตให้พักแรมได้มีอยู่ 3 จุด จุดแรก คือ บริเวณสำนักงานเขตฯ มีบ้านพักขนาด พักได้ 10 คน จำนวน 7 หลัง และอาคารฝึกอบรมขนาดจุ 80 คน จุดที่สอง หน่วยพิทักษ์ป่าไซเบอร์ และจุดที่สาม คือ หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ดี ทั้งจุดที่สองและจุดที่สาม มีบริการเต็นท์ให้เช่า หรือนักท่องเที่ยวสามารถนำเต็นท์มาเองได้
#ไปถึงพวกเราก็ตั้งเต็นท์กันในลานกางเต้น มีคนมาเที่ยวมาพักกันไม่มาก ประมาณ6เต็นท์ได้ กางเต็นท์เสร็จเราก็ออกสำรวจพื้นที่กัน
ขออนุญาตแนะนำข้อมูลคร่าวๆก่อนนะคะ
เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เดิม เป็นพื้นที่ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ระหว่างวันที่ 9-13 ธันวาคม 2534 ณ เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย โดยตั้งอยู่ที่ตำบลระบำ มีพื้นที่ครอบคลุม 6 อำเภอ 3 จังหวัด รวมถึงจังหวัดอุทัยธานี ในอำเภอบ้านไร่ อำเภอลานสัก และอำเภอห้วยคต
ลักษณะอากาศโดยทั่วไป ในฤดูร้อนจะร้อนมาก ฤดูฝนมีฝนตกหนักตลอดทั้งวัน และมีฤดูหนาวสั้นมาก ส่วนสภาพป่าจะมีความหลากหลายประกอบด้วยป่าถึง 5 ใน 7 ชนิด ที่พบในเขตร้อนชื้น ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา ทุ่งหญ้าป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ก่อให้เกิดความหลากหลายของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งบางชนิดเป็นสัตว์ที่หายากใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น ควายป่า เลียงผา เสือดาว หมาใน นกยูงไทย และยังมีสัตว์ป่า และนกพันธุ์ต่าง ๆ อีกมากมาย
ปกติเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ทั่วไป เพราะพื้นที่นี้จัดเป็นเขตอนุรักษ์และมีความอ่อนไหวสูง แต่อย่างไรก็ดี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้เปิดจุดผ่อนปรน เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชม
และหลายคนก็คงจะรู้จักคุณสืบ นาคะเสถียรกันใช่ไหมคะ
ถ้าใครไม่รู้จักก็อ่านได้ที่นี่ ค่อนข้างจะอ่านง่าย
http://scoop.mthai.com/specialdays/2953.html
สำหรับเราบอกตรงๆว่าเรารู้จักแต่ชื่อ รู้แค่ว่าคุณสืบเกี่ยวข้องกับป่า แต่เมื่อเราได้เข้ามาที่นี่ เราได้รู้จักคุณสืบมากขึ้น และก็รู้สึกประทับใจกับอนุสรณ์สถาน บ้านพัก ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมีที่มาและมาความหมายซ่อนอยู่ มันเป็นอะไรที่ละเอียดละออมาก เช่น ที่รูปปั้นคุณสืบหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อดูความเป็นไปของผืนป่าตะวันตก ,มีบันได 8 ขั้น ที่สื่อความหมายว่าคุณสืบดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ อยู่ 8 เดือน และลวดลายบนบันไดบ่งบอกถึงอุปสรรคในการทำงานที่นี่
อาคารอนุสรณ์สถานสืบ นาคะเสถียร ซึ่งใช้เป็นอาคารเอนกประสงค์ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับคุณสืบไว้ด้วย “ผมคิดว่า ชีวิตผมได้ทำดีที่สุดแล้ว ผมคิดว่า ผมได้ช่วยเหลือสังคมดีแล้ว ผมคิดว่า ได้ทำตามกำลังของผมดีแล้วและผมพอใจ ผมภูมิใจในสิ่งที่ผมทำ” เป็นคำกล่าวของคุณสืบ นาคะเสถียร ผู้เป็นกำลังสำคัญผลักดันให้ป่าห้วยขาแข้งได้กลายเป็นมรดกโลก
บ้านพักคุณสืบ ซึ่งภายในบ้านพักยังคงสภาพไว้เหมือนครั้งที่คุณสืบยังมีชีวิตอยู่ ในห้องนอนที่คุณสืบจบชีวิตลง มีโต๊ะทำงานซึ่งมีรูปภาพต่าง ๆ วางอยู่ เช่น รูปลูกสาว รูปคนงาน รูปป่าไม้ ด้านข้างโต๊ะมีรองเท้าวางอยู่สองสามคู่และที่เราควรจะระลึกถึง คือ อนุสรณ์คนงานลาดตระเวน ที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ อยู่บริเวณหน้าบ้านพักรับรอง หากมีโอกาสแวะมาที่ห้วยขาแข้งและได้มาเยี่ยมที่บ้านพักคุณสืบ หรือ ที่อาคารอนุสรณ์คนงานลาดตระเวน อาจจะได้อะไรกลับไปมากกว่าจิตสำนึกด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว
ซึ่งพวกเราก็ได้เข้าไปสำรวจแล้วก็ซาบซึ้งกันอยู่พักใหญ่ วิวจากหน้าบ้านสวยมาก ชื่นชมธรรมชาติได้ไม่นานก็วิ่งไปหากวางกัน เพราะหลังมีเก้ง กวาง ละมั่ง สัตว์น้อยใหญ่อยู่มากมาย
จากนั้นก็รีบกลับมา ติดไฟทำอาหารกัน ถ้ากินอาหารเฉยๆก็ไม่สนุก จึงต้องแถมกิจกรรม พูดคุยเล่าเรื่อง ปิดท้ายด้วยการเล่นเกมส์กัน ก็นั่งเล่นกันไปมา ตั้งแต่ค่ำๆจนถึงประมาณเที่ยงคืน ก็นอนดูดาวกัน ดาวสวยและชัดเจนมากเลยค่ะ เสียดายถ่ายภาพดาวไม่เป็นไม่งั้นคงมีภาพสวยๆมาอวด
จากนั้นเราก็แยกย้ายกันนอน อากาศมันหนาวขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับเสียงกรนที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เรานอนไม่ค่อยหลับหรอกเพราะมันหนาวมากและพื้นก็แจข็งมาก หมอนก็ไม่มี มีแค่ผ้าห่มที่ต้องแย่งกับเพื่อนอยู่ผืนหนึ่ง
แต่จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ค่ะ ช่วงตีสามกว่าๆ ได้ยินเสียง คร๊อกๆๆๆๆ รอบๆเต็นท์ ก็เดาว่าอาจจะเป็นหมูป่ามากินพวกอาหาร
ฟังไปฟังมาไม่นานก็ได้ยินเสียง หลายฝีเท้าวิ่งกันสวบๆๆ ในใจก็แบบ เอ่ออ พวกแกเล่นอะไรกัน ก็พยายามข่มตาหลับ
แต่ก็ได้ยินเสียงอีกครั้ง.. คราวนี้เสียงมันดูอำมหิต และเยือกเย็น เสียงฝีเท้าย่องมาทางหัวเต็นท์เบาๆ เสียงลมหายใจที่ดังทุ้มๆอยู่ในลำคอ..
ถ้าจะให้คิดและจินตนาการ ขอเดาว่าต้องเป็นเสือไม่ผิดแน่ เมื่อจินตนาการมันดัง ใจมันก็เลยเต็นท์ตามคือ มันอยู่รอบๆเต็นท์ เต็นท์ผ้าที่เป็นแค่ผ้าใบ กรีดนิดเดียวเราก็เจอกันแล้ว.. เรากลั้นหายใจเลยค่ะ และพยายามสะกิดเพื่อนที่นอนใกล้ๆ
แต่เพื่อนเราก็ตื่นอยู่ ได้แต่หันมามองหน้ากัน และสวดมนต์ภาวนาไปพร้อมๆกัน..
เรียนก็ยังไม่จบ นี่นักศึกษาจะตายอยู่ในป่าใช่ไหม จะออกข่าวใหญ่ นักศึกษาโดนเสือคามไปกินกลางป่าใหญ่ใช่ไหม คืนตอนนั้นใจไม่ดีสุดๆอยากร้องไห้ แต่ไม่ได้เดี๋ยวมันจะรู้ว่า เราอยู่ตรงนี้นะ ก็นอนตัวเกร็งกัน พร้อมกับสวดภาวนาไปในใจ ขอให้รอดเถอะๆ ไม่น่ามาเลย ทำไมไม่อยู่บ้านนอนบนที่นอนนุ่มๆให้สบายและหลับอย่างปลอดภัยนะ
จนประมาณหกโมงเช้าเครื่องปั่นไฟก็ทำงาน เราก็รีบออกจากเต็นท์ ไปนั่งเล่าประสบการณ์ผ่าความตายให้เต็นท์ข้างเคียงฟัง.. คิดว่าที่เดาไว้ไม่ผิดแน่
จากนั้นเราก็เก็บเต็นท์เตรียมกับเพราะต้องไปเรียนต่อ ก็ขอเดินสำรวจพื้นที่ซักพัก มันสวยมาก มันธรรมชาติสุดๆ เราชอบจริงๆนะ
แล้วเราก็ได้ไปแวะศูนย์เพาะเลี้ยงที่เขาเลี้ยงสัตว์ไว้เพื่อคืนสัตว์สู่ป่า(ตรงนี้ไม่เสียค่าเข้าเเต่จะให้บริจาคตามกำลัง) และเราก็เห็น เสือตัวน้อยๆจ้า ลาดพาดกลอนนี่ชัดมากเลย เสียงก็ใช่เลย “โฮกฮากๆ” อยู่ในลำคอนั่น ทันทีที่เห็น คำตอบมันชัดเจน!!!
และเรากกลับสู่กรุงเทพกัน..
ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะฝากป่าไว้ ให้ทุกคนลองไปสัมผัสกันดู
แล้วคุณจะรู้ถึงความสวยงายของธรรมชาติที่สมบูรณ์ กลิ่นอายของความเป็นป่ามันอยู่ที่นี่เลย
_________________________________________________________________________________
ขอบคุณข้อมูลจาก:
http://thebest.uthaithani.go.th/th/tour/huay-kha-kaeng.html
สรุปค่าใช้จ่าย
เดินทางไปกลับกรุงเทพ-อุทัย 300 บาท
ค่าธรรมเนียม (จำไม่ได้แต่ไม่แพง)
ค่ารถ 100 บาท
ค่าอาหาร 200 บาท
รวม ประมาณ 600 บาท
(และขอบคุณพ่อแม่เพื่อนที่อุปการะดูแล)
[CR] Go Team Go! เข้าป่ากันเถอะพวก ( 12 ชั่วโมงกับการผจญภัยในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง )
ลองดูนะคะ ลองเปลี่ยนแนวกันบ้าง
..
กระทู้นี้รีวิว การผจญภัยในป่า เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกมากมาย อาจจะเก็บไม่ครบทุกสถานที่ยังไงก็ขออภัยไว้ล่วงหน้า
เราไม่ใช่นักอนุรักษ์ ไม่ใช่พวกคงแก่เรียน มีความรู้หนาแน่น แต่เราแค่อยากแบ่งปันเรื่องที่เราเจอให้ทุกคนได้อ่านกัน
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปตั้งแคมป์ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต ค่อนข้างจะตื่นเต้นและทุลักทุเลมาก
เราตกลงกันกับเพื่อนพ้องทั้ง 7 คนว่าเราจะไปที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานีกัน
(ทั้งนี้เพราะ เป็นบ้านเพื่อน และ เพื่อนมีรถ)
แล้วเที่ยวป่าทำไม ป่ามีอะไร แค่ใบไม้ ใบหญ้า และสัตว์ป่า
แต่ฉันจะบอกว่า ที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเนี่ย ไม่ใช่เล่นๆนะคะ
และที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นะคะ เหมาะสำหรับคนที่อยากปลีกวิเวกโดยแท้
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ก่อนเข้าป่าก็เตรียมอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้กัน
อาหารและอุปกรณ์ : เตาถ่าน ถ่าน กระทะหมูจุ่ม เตาปิ้งของ กระดาษ ไฟแช็ค อาหารสดมากมาย ผัก และสิ่งที่จะนำไปปิ้งย่าง เช่น มัน ข้าวโพด สับปะรด รวมถึงมาชเมลโล่ (ลองปิ้งดูอร่อยมาก) ขนมกรุบกรอบ เครื่องดื่มต่างๆ
ที่นอนที่อาศัย : เต้นท์ ถุงนอน หมอน ผ้าห่ม เสื่อ
ของใช้จำเป็น : ไฟฉาย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน เสื้อกันหนาว ยากันยุง
ปล.พวกเราไม่ได้อาบน้ำกัน ชุดเดิมชุดเดียว เป็บเดียว
การเดินทาง
การเดินทางไปจังหวัดอุทัยธานี : ขึ้นรถตู้ใต้ทางด่วนฝั่งพหลโยธิน 150บาท
การเดินทาง จากอุทัยธานีไปเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าป่าห้วยขาแข้งมี 2 เส้นทาง คือ
1. เข้าทางที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 90 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายอุทัยธานี-หนองฉาง-ลานสัก ทางหลวงหมายเลข 3438 ถึงหลักกิโลเมตรที่ 53-54 เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 15 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตด่านตรวจเขาหินแดง ซึ่งตั้งอยู่ริมห้วยทับเสลา จากที่ทำการเขตฯ สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ต่อไปยังสถานีวิจัยเขานางรำ ระยะทาง 17 กิโลเมตร และหน่วยพิทักษ์ป่ากะปุกกะเปียง ระยะทาง 14 กิโลเมตร จากหน่วยพิทักษ์ป่ามีเส้นทางเดินป่าไปโป่งน้ำร้อนอีก 6 กิโลเมตร
2.เข้าทางหน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได อยู่ทางทิศใต้ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ห่างจากตัวจังหวัดอุทัยธานีประมาณ 110 กิโลเมตร ใช้เส้นทางสายอุทัยธานี-หนองฉาง-บ้านไร่ ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร แล้วแยกเข้าทางลูกรังผ่านบ้านใหม่คลองอังวะอีกประมาณ 30 กิโลเมตรถึงด่านตรวจคลองระยาง ไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ดี และหน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันได สามารถเดินป่าขึ้นล่องได้ทั้งด้านเหนือและใต้ของลำห้วยขาแข้ง
#มันไม่มีรถประจำทางเข้าไปนะคะ ส่วนพวกเราก็ขับรถกระบะกันเข้าไปถึงประมาณบ่ายสาม
ที่พัก
การเข้าพักแรกต้องไปติดต่อด้วยตนเองอย่างน้อย 15 วันล่วงหน้า ที่ฝ่ายจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2561-4292-3 ต่อ 765 หรือฝ่ายประชาสัมพันธ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โทร. 08-5725-8433 ตู้ ปณ.7 อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี 61160
จุดที่อนุญาตให้พักแรมได้มีอยู่ 3 จุด จุดแรก คือ บริเวณสำนักงานเขตฯ มีบ้านพักขนาด พักได้ 10 คน จำนวน 7 หลัง และอาคารฝึกอบรมขนาดจุ 80 คน จุดที่สอง หน่วยพิทักษ์ป่าไซเบอร์ และจุดที่สาม คือ หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ดี ทั้งจุดที่สองและจุดที่สาม มีบริการเต็นท์ให้เช่า หรือนักท่องเที่ยวสามารถนำเต็นท์มาเองได้
#ไปถึงพวกเราก็ตั้งเต็นท์กันในลานกางเต้น มีคนมาเที่ยวมาพักกันไม่มาก ประมาณ6เต็นท์ได้ กางเต็นท์เสร็จเราก็ออกสำรวจพื้นที่กัน
ขออนุญาตแนะนำข้อมูลคร่าวๆก่อนนะคะ
เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เดิม เป็นพื้นที่ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกของยูเนสโก ระหว่างวันที่ 9-13 ธันวาคม 2534 ณ เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย โดยตั้งอยู่ที่ตำบลระบำ มีพื้นที่ครอบคลุม 6 อำเภอ 3 จังหวัด รวมถึงจังหวัดอุทัยธานี ในอำเภอบ้านไร่ อำเภอลานสัก และอำเภอห้วยคต
ลักษณะอากาศโดยทั่วไป ในฤดูร้อนจะร้อนมาก ฤดูฝนมีฝนตกหนักตลอดทั้งวัน และมีฤดูหนาวสั้นมาก ส่วนสภาพป่าจะมีความหลากหลายประกอบด้วยป่าถึง 5 ใน 7 ชนิด ที่พบในเขตร้อนชื้น ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา ทุ่งหญ้าป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ก่อให้เกิดความหลากหลายของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งบางชนิดเป็นสัตว์ที่หายากใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น ควายป่า เลียงผา เสือดาว หมาใน นกยูงไทย และยังมีสัตว์ป่า และนกพันธุ์ต่าง ๆ อีกมากมาย
ปกติเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ทั่วไป เพราะพื้นที่นี้จัดเป็นเขตอนุรักษ์และมีความอ่อนไหวสูง แต่อย่างไรก็ดี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งได้เปิดจุดผ่อนปรน เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชม
และหลายคนก็คงจะรู้จักคุณสืบ นาคะเสถียรกันใช่ไหมคะ
ถ้าใครไม่รู้จักก็อ่านได้ที่นี่ ค่อนข้างจะอ่านง่าย http://scoop.mthai.com/specialdays/2953.html
สำหรับเราบอกตรงๆว่าเรารู้จักแต่ชื่อ รู้แค่ว่าคุณสืบเกี่ยวข้องกับป่า แต่เมื่อเราได้เข้ามาที่นี่ เราได้รู้จักคุณสืบมากขึ้น และก็รู้สึกประทับใจกับอนุสรณ์สถาน บ้านพัก ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมีที่มาและมาความหมายซ่อนอยู่ มันเป็นอะไรที่ละเอียดละออมาก เช่น ที่รูปปั้นคุณสืบหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อดูความเป็นไปของผืนป่าตะวันตก ,มีบันได 8 ขั้น ที่สื่อความหมายว่าคุณสืบดำรงตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ อยู่ 8 เดือน และลวดลายบนบันไดบ่งบอกถึงอุปสรรคในการทำงานที่นี่
อาคารอนุสรณ์สถานสืบ นาคะเสถียร ซึ่งใช้เป็นอาคารเอนกประสงค์ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับคุณสืบไว้ด้วย “ผมคิดว่า ชีวิตผมได้ทำดีที่สุดแล้ว ผมคิดว่า ผมได้ช่วยเหลือสังคมดีแล้ว ผมคิดว่า ได้ทำตามกำลังของผมดีแล้วและผมพอใจ ผมภูมิใจในสิ่งที่ผมทำ” เป็นคำกล่าวของคุณสืบ นาคะเสถียร ผู้เป็นกำลังสำคัญผลักดันให้ป่าห้วยขาแข้งได้กลายเป็นมรดกโลก
บ้านพักคุณสืบ ซึ่งภายในบ้านพักยังคงสภาพไว้เหมือนครั้งที่คุณสืบยังมีชีวิตอยู่ ในห้องนอนที่คุณสืบจบชีวิตลง มีโต๊ะทำงานซึ่งมีรูปภาพต่าง ๆ วางอยู่ เช่น รูปลูกสาว รูปคนงาน รูปป่าไม้ ด้านข้างโต๊ะมีรองเท้าวางอยู่สองสามคู่และที่เราควรจะระลึกถึง คือ อนุสรณ์คนงานลาดตระเวน ที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ อยู่บริเวณหน้าบ้านพักรับรอง หากมีโอกาสแวะมาที่ห้วยขาแข้งและได้มาเยี่ยมที่บ้านพักคุณสืบ หรือ ที่อาคารอนุสรณ์คนงานลาดตระเวน อาจจะได้อะไรกลับไปมากกว่าจิตสำนึกด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว
ซึ่งพวกเราก็ได้เข้าไปสำรวจแล้วก็ซาบซึ้งกันอยู่พักใหญ่ วิวจากหน้าบ้านสวยมาก ชื่นชมธรรมชาติได้ไม่นานก็วิ่งไปหากวางกัน เพราะหลังมีเก้ง กวาง ละมั่ง สัตว์น้อยใหญ่อยู่มากมาย
จากนั้นก็รีบกลับมา ติดไฟทำอาหารกัน ถ้ากินอาหารเฉยๆก็ไม่สนุก จึงต้องแถมกิจกรรม พูดคุยเล่าเรื่อง ปิดท้ายด้วยการเล่นเกมส์กัน ก็นั่งเล่นกันไปมา ตั้งแต่ค่ำๆจนถึงประมาณเที่ยงคืน ก็นอนดูดาวกัน ดาวสวยและชัดเจนมากเลยค่ะ เสียดายถ่ายภาพดาวไม่เป็นไม่งั้นคงมีภาพสวยๆมาอวด
จากนั้นเราก็แยกย้ายกันนอน อากาศมันหนาวขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับเสียงกรนที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เรานอนไม่ค่อยหลับหรอกเพราะมันหนาวมากและพื้นก็แจข็งมาก หมอนก็ไม่มี มีแค่ผ้าห่มที่ต้องแย่งกับเพื่อนอยู่ผืนหนึ่ง
แต่จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ค่ะ ช่วงตีสามกว่าๆ ได้ยินเสียง คร๊อกๆๆๆๆ รอบๆเต็นท์ ก็เดาว่าอาจจะเป็นหมูป่ามากินพวกอาหาร
ฟังไปฟังมาไม่นานก็ได้ยินเสียง หลายฝีเท้าวิ่งกันสวบๆๆ ในใจก็แบบ เอ่ออ พวกแกเล่นอะไรกัน ก็พยายามข่มตาหลับ
แต่ก็ได้ยินเสียงอีกครั้ง.. คราวนี้เสียงมันดูอำมหิต และเยือกเย็น เสียงฝีเท้าย่องมาทางหัวเต็นท์เบาๆ เสียงลมหายใจที่ดังทุ้มๆอยู่ในลำคอ..
ถ้าจะให้คิดและจินตนาการ ขอเดาว่าต้องเป็นเสือไม่ผิดแน่ เมื่อจินตนาการมันดัง ใจมันก็เลยเต็นท์ตามคือ มันอยู่รอบๆเต็นท์ เต็นท์ผ้าที่เป็นแค่ผ้าใบ กรีดนิดเดียวเราก็เจอกันแล้ว.. เรากลั้นหายใจเลยค่ะ และพยายามสะกิดเพื่อนที่นอนใกล้ๆ
แต่เพื่อนเราก็ตื่นอยู่ ได้แต่หันมามองหน้ากัน และสวดมนต์ภาวนาไปพร้อมๆกัน..
เรียนก็ยังไม่จบ นี่นักศึกษาจะตายอยู่ในป่าใช่ไหม จะออกข่าวใหญ่ นักศึกษาโดนเสือคามไปกินกลางป่าใหญ่ใช่ไหม คืนตอนนั้นใจไม่ดีสุดๆอยากร้องไห้ แต่ไม่ได้เดี๋ยวมันจะรู้ว่า เราอยู่ตรงนี้นะ ก็นอนตัวเกร็งกัน พร้อมกับสวดภาวนาไปในใจ ขอให้รอดเถอะๆ ไม่น่ามาเลย ทำไมไม่อยู่บ้านนอนบนที่นอนนุ่มๆให้สบายและหลับอย่างปลอดภัยนะ
จนประมาณหกโมงเช้าเครื่องปั่นไฟก็ทำงาน เราก็รีบออกจากเต็นท์ ไปนั่งเล่าประสบการณ์ผ่าความตายให้เต็นท์ข้างเคียงฟัง.. คิดว่าที่เดาไว้ไม่ผิดแน่
จากนั้นเราก็เก็บเต็นท์เตรียมกับเพราะต้องไปเรียนต่อ ก็ขอเดินสำรวจพื้นที่ซักพัก มันสวยมาก มันธรรมชาติสุดๆ เราชอบจริงๆนะ
แล้วเราก็ได้ไปแวะศูนย์เพาะเลี้ยงที่เขาเลี้ยงสัตว์ไว้เพื่อคืนสัตว์สู่ป่า(ตรงนี้ไม่เสียค่าเข้าเเต่จะให้บริจาคตามกำลัง) และเราก็เห็น เสือตัวน้อยๆจ้า ลาดพาดกลอนนี่ชัดมากเลย เสียงก็ใช่เลย “โฮกฮากๆ” อยู่ในลำคอนั่น ทันทีที่เห็น คำตอบมันชัดเจน!!!
และเรากกลับสู่กรุงเทพกัน..
ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะฝากป่าไว้ ให้ทุกคนลองไปสัมผัสกันดู
แล้วคุณจะรู้ถึงความสวยงายของธรรมชาติที่สมบูรณ์ กลิ่นอายของความเป็นป่ามันอยู่ที่นี่เลย
_________________________________________________________________________________
ขอบคุณข้อมูลจาก: http://thebest.uthaithani.go.th/th/tour/huay-kha-kaeng.html
สรุปค่าใช้จ่าย
เดินทางไปกลับกรุงเทพ-อุทัย 300 บาท
ค่าธรรมเนียม (จำไม่ได้แต่ไม่แพง)
ค่ารถ 100 บาท
ค่าอาหาร 200 บาท
รวม ประมาณ 600 บาท
(และขอบคุณพ่อแม่เพื่อนที่อุปการะดูแล)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น